"เฮ้ย ไอ้ภพ มึงกลับบ้านกับเด็กนั่นทุกวันเลยเหรอวะ"เสียงแซวของเพื่อนในห้องดังขึ้น ขณะที่ภพกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมามองอย่างงุนงง
"ทำไมหรอ?" เพื่อนยักไหล่ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะว่าต่อ "ก็น้องชายมึงก็ไม่ใช่... มึงลองพามันไปบ้านมึงดิ๊"
ภพหลุดหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า "มึงอยากให้กนกไปบ้านกูจริงดิ เดี๋ยวพ่อกูก็อาละวาดบ้านแตกหรอก"
"แม่มึงก็เก่งเนอะ อยู่กับพ่อมึงได้"
"แล้วกูไม่เก่งหรอวะที่อยู่กับพ่อแม่ได้"
"ไอ้เหี้ย มึงเป็นลูกมึงก็ต้องอยู่กับพ่อแม่ป่ะวะ"
"มั้ง..."
เสียงหัวเราะเบาๆ ปะปนกับการพูดคุยเล่นกันในห้องเรียนแต่ภพกลับไม่ได้สนใจนัก เขาเพียงแต่เงียบลงเมื่อนึกถึงกนกเด็กน้อยที่มักจะรอเขากลับจากโรงเรียนทุกวัน มันเป็นเรื่องจริง... เพราะเส้นทางที่เขากลับบ้านผ่านสำนักงานสาธารณสุขตำบลพอดี ทุกเย็นน้าเพชรจะพากนกมาทำงานด้วย และกนกก็มักจะมาเล่นอยู่ที่สวนข้างสำนักงานรอให้ภพพากลับบ้านด้วยกัน มันเป็นแบบนี้มาเกือบสองเดือนแล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขารู้จักกัน
"พี่ภพ..."กนกน้อยจับเสื้อภพเขย่าเบาๆ ขณะที่พวกเขากำลังเดินกลับบ้านพร้อมกัน
"หืม?"
"อยากไปบ้านพี่ภพบ้างอ่ะ"ภพชะงักเล็กน้อย หันไปมองเด็กน้อยที่กำลังเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย
"หรอ..." เขาครุ่นคิด บ้านของเขามีสวนมะพร้าวกว้างขวางพอให้วิ่งเล่นได้ก็จริง แต่...
"ไม่ได้หรอ..." เสียงอ่อยๆ ทำให้ภพถอนหายใจเบาๆ
"ได้มันก็ได้แหละ แต่ว่า..."ดวงตาของกนกเริ่มหม่นลงเล็กน้อยทำให้ภพอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะเบาๆ
"เดี๋ยววันเสาร์แล้วกัน พี่จะขับมอ’ ไซค์ไปรับไปเที่ยวสวน"
"เย้ๆๆ!!"กนกกระโดดดีใจ ตากลมโตเป็นประกายจนภพอดขำไม่ได้ เด็กนี่ดีใจง่ายจริงๆ
บ้านของภพไม่ได้หรูหราเท่าบ้านของกนก ครอบครัวของเขาเป็นชาวสวนที่ทำสวนมะพร้าวส่งขายให้ลูกค้า แม่รักสวนนี้เหมือนชีวิตและดูแลต้นมะพร้าวทุกต้นอย่างใส่ใจหวังให้ได้ผลผลิตที่ดีที่สุด แต่สำหรับพ่อ...
"อ้าว ภพ ลูก วันนี้กลับไวเชียวนะ ไปอาบน้ำอาบท่าไป"แม่เอ่ยขึ้นขณะนั่งคัดลูกมะพร้าวอยู่หน้าบ้าน
"ครับแม่..."
ภพลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไป "แม่ครับ... แล้วพ่อล่ะ"
แม่ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงปกติ "น่าจะเข้าไปในเมือง คงกลับมาพรุ่งนี้แหละ"
"ครับ..."
ภพพยักหน้าเบาๆ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เขาไม่ได้แปลกใจเลย...
เอาจริงๆ ถ้าพูดถึงพ่อ... เขาก็เคยเป็นพ่อที่ใจดีคนนึงเลยนะ
ตอนเด็ก พ่ออุ้มผมขึ้นขี่คอพาไปเดินเล่นในสวนมะพร้าว บอกว่าต้นไหนปลูกมาตั้งแต่พ่อยังหนุ่ม ต้นไหนให้ผลผลิตดีที่สุดและต้นไหนที่พ่อชอบนั่งพักเวลาทำงานเหนื่อย ผมจำได้ว่าตัวเองเคยคิดว่าโตขึ้นอยากจะเป็นเหมือนพ่อ เป็นคนขยันและรักครอบครัว
แต่เมื่อเวลาผ่านไป พ่อเริ่มเข้าเมืองบ่อยขึ้น... และกลับมาพร้อมกับของดีๆมากมาย เงินที่เคยหายากก็เริ่มมีมากขึ้นจนทำให้เราซื้อสวนมะพร้าวเพิ่มอีกหลายไร่ทำให้บ้านของเรามั่นคงขึ้น แต่สิ่งที่แปลกไปคือ พ่อเปลี่ยนไปด้วย
มันเริ่มมีจากข่าวลือในตลาด ข่าวที่พูดกันหนาหูว่าพ่อเป็นคนส่งยาเสพติดในเมือง ครั้งแรกที่ได้ยินแม่ไม่ได้สนใจ เธอบอกว่าคนชอบพูดไปเรื่อยแต่พอข่าวลือเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆและแม่ถามพ่อตรงๆ ว่าทำไมต้องเข้าเมืองบ่อยทั้งๆที่ไม่ได้เอามะพร้าวไปขายเหมือนเมื่อก่อน พ่อกลับขึ้นเสียงใส่เธอ
ผมเคยคิดว่าคงเป็นแค่เรื่องเล็กๆของผู้ใหญ่แต่พอได้เห็นกับตาว่าแม่กับพ่อทะเลาะกันหนักขึ้น ได้ยินเสียงตะคอกข้าวของกระทบกัน ได้เห็นเพื่อนๆของผมที่เคยมาเล่นที่บ้านก็โดนพ่อไล่กลับไปด้วยเสียงเกรี้ยวกราด ผมถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆอีกต่อไป แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้ามาบ้านผมอีกเลย...แต่ผมไม่เคยสงสัยในตัวพ่อ เพราะไม่เคยตี ไม่เคยว่าอะไรเลยสักครั้ง เขายังคงเป็นพ่อที่ใจดีสำหรับผมเสมอแต่หากวันไหนเขาอารมณ์เสียกลับมาคนที่ต้องรับไว้แทนก็คือแม่
และพักหลังๆ นี้ ผมเริ่มเห็นรอยฟกช้ำบนตัวแม่บ่อยขึ้น...
"แม่"
"ว่าไง" แม่ตอบกลับโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากงานตรงหน้า
"วันเสาร์ผมไปรับน้องมาเล่นในสวนนะ"
"อืม..." เสียงตอบรับเบาๆนั้นไม่ได้มีน้ำหนักอะไรนักเหมือนเธอแค่รับรู้แต่ใจยังวุ่นวายอยู่กับเรื่องอื่นมากกว่า
"พ่อยังไม่ได้กลับมาใช่ไหม" ผมถามขึ้นมาอย่างลังเล
แม่ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจเบาๆ "ยังแหละ ไม่รู้จะกลับมาวันไหน"
ความเงียบแทรกเข้ามาระหว่างเรา เสียงจิ้งหรีดจากสวนดังลอดเข้ามาทางหน้าต่างผมเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจเอ่ยคำถามที่คาใจมาตลอด
"แม่..."
"ว่าไง"
ผมมองเสี้ยวหน้าของแม่ที่ดูเหนื่อยล้า รอยคล้ำใต้ตาและไหล่ที่ดูเหมือนจะแบกรับอะไรหนักๆไว้
"แม่ว่าพ่อจะเหมือนที่เขาพูดกันในตลาดไหม"
คราวนี้แม่หยุดสิ่งที่กำลังทำแล้วหันมาสบตากับผมเต็มๆ ดวงตาคู่นั้นไม่ได้สั่นไหว ไม่ได้หวาดกลัวแต่กลับสงบนิ่งราวกับยอมรับความจริงทุกอย่างแล้ว
"แล้วลูกว่าไง"
ผมนิ่งไปความจริงคือ...ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่อยากเชื่อแต่ก็ปฏิเสธความเป็นไปได้ไม่ได้เช่นกัน
"ผมไม่รู้..." เสียงของผมแผ่วเบา มันเต็มไปด้วยความสับสนที่อธิบายไม่ได้
"พ่อก็ยังเป็นพ่อของเรานั่นแหละ..."
แค่นั้นเอง... คำตอบของแม่ไม่ได้บอกว่าพ่อเป็นคนผิดหรือถูก ไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธอะไรเลย แต่มันกลับทำให้ผมเข้าใจอะไรบางอย่างได้อย่างชัดเจน
ไม่ว่าพ่อจะเป็นยังไง...ไม่ว่าเขาจะเลือกเดินเส้นทางแบบไหน...พ่อก็ยังเป็นพ่อของเราอยู่ดี
"โห...สวนพี่ภพกว้างจัง!"
กนกวิ่งไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น ดวงตากลมโตเป็นประกายส่วนมือเล็กๆแกว่งไปมาอย่างตื่นตาตื่นใจกับต้นมะพร้าวสูงตระหง่านรอบตัว ภพหัวเราะเบาๆมองเจ้าตัวเล็กที่ดูร่าเริงเหมือนได้มาเจอดินแดนมหัศจรรย์
"พี่ภพ! ตรงนั้นมีนกด้วยอ่ะ!"
เด็กน้อยกระโดดชี้ไปที่กิ่งไม้สูงหันกลับมาดึงแขนเสื้อพี่ชายอย่างตื่นเต้น
"หืม ตรงไหน"
"โน้นๆ!" กนกเขย่งเท้าชี้ไปที่กิ่งไม้
"จริงด้วยแฮะ" เสียงหัวเราะสดใสของเด็กชายตัวสูงกับเด็กน้อยตัวเล็กดังไปทั่วสวน จนคนงานที่กำลังก้มๆ เงยๆเก็บมะพร้าวยังเงยหน้ามามองแล้วยิ้มตาม
"พี่ภพ กนกอยากปีนต้นไม้!"
"เฮ้ย จริงดิ" ภพขมวดคิ้วขำกับความคิดของเจ้าตัวเล็ก "ห้าขวบจะปีนได้หรอ?"
กนกเชิดหน้าขึ้น "แล้วพี่ภพกี่ขวบ"
ภพแกล้งทำหน้าครุ่นคิด ก่อนกางนิ้วนับช้าๆ ให้น้องดู "พี่...สิบสองแล้วคร้าบ"
"โห! ตัวสูงอ่ะ!" กนกอ้าปากค้างมองพี่ชายที่สูงกว่าตัวเองหลายเท่า ก่อนจะตาเป็นประกาย "ขอขี่คอหน่อยดิ!"
"ได้เลยไอน้อง!"ว่าแล้วก็โน้มตัวลงให้กนกปีนขึ้นไปนั่งบนไหล่ เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังก้องไปทั่วสวน ท่ามกลางแสงแดดอุ่นที่ส่องผ่านแนวต้นมะพร้าว
บรรยากาศสนุกสนานของเราสิ้นสุดลงเมื่อแดดเริ่มอ่อนแสง ภพพากนกกลับบ้านไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นก่อนจะพาน้องไปส่ง ทว่า...
ภพชะงัก กนกเองก็เงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัย
"พ่อ"
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เขาเห็นชายวัยกลางคนกำลังก้มหน้าก้มตาคุ้ยหาอะไรบางอย่างแล้วรีบยัดใส่กระเป๋าด้วยท่าทีร้อนรน ร่างกายพ่อซูบผอมลงกว่าที่เขาเคยเห็นเมื่อเดือนที่แล้ว ใต้ตาคล้ำและผมเผ้ายุ่งเหยิง ไม่เหมือนภาพจำของพ่อที่เคยใจดีและแข็งแรง
พ่อเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง สายตานั้นเต็มไปด้วยความกังวลที่ภพไม่เคยเห็นมาก่อน
"อะ...อ้าว ภพ"เสียงพ่อฟังดูแหบพร่าและอ่อนล้า
"แม่ล่ะครับ"
พ่อหลบตา "ยังไม่เห็นเลย" พูดจบก็รีบรูดซิปกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน
"พ่อจะไปไหนครับ?"
"พ่อไปก่อนนะ" ไม่รอให้ภพถามอะไรต่อ พ่อก้าวขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของใครบางคนแล้วรถก็คำรามออกไปท่ามกลางแสงเย็นย่ำภพยืนมองตามด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดในใจ บางอย่างมันไม่ชอบมาพากลแต่เขายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร...
หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที
วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน