"เจ้าหมายความว่า…" ดวงตาหลี่เจินหรงเป็นประกาย
ไป๋อี้เฉิงสบตาเขาอย่างจริงจัง
"ยานี้เรียกอีกชื่อว่า ยาปราณคู่ ผู้ที่กินเม็ดที่สองเข้าไปจะรับความเจ็บปวดจากพิษในร่างท่านอ๋องไปครึ่งหนึ่ง...เหมือนผูกลมหายใจเดียวกัน"
“สวรรค์มีตาแล้วสินะ ดีจังมียาดีๆ แบบนี้ด้วย”
"แต่ว่า... ขอเตือนให้จดจำไว้ให้มั่น หากคนที่กินเม็ดยาคู่ตายลง...ท่านอ๋องจะต้องตายตามในเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วยาม"
ไป๋อี้เฉิงพูดเสียงเบาแต่ชัดทุกถ้อยคำ ยกขวดยาขึ้นด้วยมือที่มั่นคง แม้สีหน้าจะเรียบนิ่งเช่นเดิม
"ข้าน้อยเห็นว่าท่านอ๋องรีบกลืนยาเม็ดแรกเสียเถิด ยานี้มีเพียงคู่เดียวในแผ่นดิน หากหล่นหาย ถูกขโมย หรือเคราะห์ร้ายใดเกิดขึ้น… อย่างน้อย ท่านอ๋องก็ยังได้กินยาเม็ดสำคัญไปแล้ว" ไป๋อี้เฉิงรู้ดีแก่ใจว่าหลี่เจินหรงมีศัตรูไม่น้อย
หลี่เจินหรงรับเม็ดยากลมเรียบขึ้นพินิจ แสงตะเกียงสะท้อนยาสีฟ้าหม่นจางๆ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขากลืนเม็ดนั้นลงคอ ไป๋อี้เฉิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
"ส่วนยาเม็ดที่สอง...กระหม่อมจะเก็บไว้ให้ดี และจะเลือก…" หมอหนุ่มยื่นมือจะเก็บเข้ากล่องไม้
"ไม่ต้อง" เสียงทุ้มต่ำตัดขึ้นมาทันควัน หลี่เจินหรงยกมือขึ้นช้าๆ หยุดการเคลื่อนไหวของเขา
"ข้าจะเป็นคนเลือกเอง"
ดวงตาของไป๋อี้เฉิงชะงักค้าง ก่อนขยับถามเบาๆ
"แล้วท่านอ๋องจะให้ใคร..เป็นผู้แบ่งรับความเจ็บปวดจากท่าน พิษในร่างของท่านเมื่อกำเริบขึ้นมาจะเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส เกรงว่าหากมีคนที่ใจเสาะตายไปเสียก่อนท่านอ๋องเองก็ไม่อาจรักษาชีวิตไว้"
"...ต้องมีเพียงหนึ่งเท่านั้นที่เหมาะกับยานี้" หลี่เจินหรงยิ้มมุมปาก ดวงตาเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งในเหมันต์ฤดู
"ข้าไม่จำเป็นต้องดูแลคนผู้นั้น ปล่อยให้เจ็บปวด ทรมาน... ตราบใดที่ยังมีชีวิตก็พอ ขังไว้ ไม่ให้ตาย และแบกรับความเจ็บปวดของข้าครึ่งหนึ่ง"
ไป๋อี้เฉิงกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ลำคอร้อนผ่าวราวถูกน้ำร้อนราด แค่ทอดถอนใจเบา ๆ อย่างหมดหนทาง
อ๋องโหด…ไม่เพียงแค่สังหารศัตรู แต่ยังสามารถมอบความเจ็บปวดเป็นของขวัญแก่คนที่เขา…เลือก
หลี่เจินหรงก้าวกลับมาที่กระโจมของตนหลังจากหารือกับหมอไป๋อี้เฉิง แต่ยังไม่ทันที่เท้าของเขาจะเหยียบพื้นพรมข้างใน
"ท่านอ๋อง ขอรับ ท่านอ๋อง"
เสียงทหารนายหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ใบหน้าเคร่งเครียด
"เชลยศึก... เชลยหญิงที่ขังไว้กรงไม้ จ้าวอินหลัว นางหลบหนีไปแล้วขอรับ"
แววตาหลี่เจินหรงเย็นวาบทันควัน ริมฝีปากกระตุกเล็กน้อย
"หึ...หึ" เสียงหัวเราะต่ำในลำคอดังขึ้นพร้อมกัดฟันแน่น
"...ให้คนออกตามล่าทันที จับเป็นเท่านั้น นำนางกลับมาอย่าให้ตาย"
"ขอรับ” ทหารก้มหน้าก่อนวิ่งจากไปทันที
“จ้าวอินหลัวราวกับนกรู้ คิดหนีเอาตัวรอดหรือ ไม่มีทาง”
หลี่เจินหรงยืนอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าภายใต้เงาผมยาวพลิ้วไหวแสดงอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน
เขาหันกลับเข้าไปในกระโจม ท่ามกลางความมืด เสียงฝีเท้าของเขาหนักแน่นแต่ไม่รีบเร่ง แต่แล้วเสียงกุกกักบางอย่างขยับอยู่ข้างหลังฉากผ้าม่าน และ...ใกล้กับตู้ไม้ คิ้วของหลี่เจินหรงขมวดแน่นทันที เขาหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว สาวเท้าเข้าไปใกล้เงานั้น มือกระชากม่านออก
"อื้อ"
จ้าวอินหลัวอาภรณ์เปื้อนฝุ่น นั่งยองๆ มือยังกำซาลาเปาอีกลูกแน่นในอุ้งมือ ดวงตาของนางเบิกกว้างอย่างตกใจเหมือนแมวที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา จ้าวอินหลัวอ้าปากจนซาลาเปาร่วงลงพื้น คนโบราณหรือหนุ่มบาร์โฮสทำไมหล่อจัง
"..."
กำลังจะอ้าปากพูด ทว่าถูกดึงแขนขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลี่เจินหรงหิ้วจ้าวอินหลัวขึ้นเหมือนยกกระสอบข้าว เสียงคมกระบี่ถูกชักออกจากฝักดังจนเสียว…ฟัน หลี่เจินหรงกระซิบเย็นเฉียบข้างหูด้วยเสียงที่บาดหัวใจ
"เจ้าคิดว่า... จะหนีพ้นหรือ สวรรค์ยังไม่กล้าเข้าข้างเจ้าเลย"
ริมฝีปากเขายกขึ้นเพียงเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มบางๆ เย้ยหยัน อำมหิต และ...ราวกับสนุกที่จับเหยื่อได้คามือ จ้าวอินหลัวกำซาลาเปาแน่น ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดี ได้แต่มองเขาด้วยดวงตาวาวโรจน์...แต่มือยังคงกำซาลาเปาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เจ้านี่เองหรอท่านอ๋องโหด
ร่างเล็กถูกเหวี่ยงลงบนเบาะรองใกล้แท่นนอนไม้ในกระโจม จ้าวอินหลัวขมวดคิ้ว กำมือแน่น แววตาเต็มไปด้วยการต่อต้าน
"ข้าก็แค่กินซาลาเปาของท่านเองนะ"
ไม่ทันที่อินหลัวจะพูดจบ หลี่เจินหรงก็ก้มลงและหยิบขวดยาเล็กจากอกเสื้อ เม็ดยาสีฟ้าอ่อนในนั้น... เม็ดที่สองของยาปราณคู่เขาล้วงหยิบมันขึ้นมาช้าๆ ดวงตาคมหรี่ลง
"เจ้าไม่ต้องพูดมาก" เขากระซิบเย็นเฉียบ
ไม่ทันให้จ้าวอินหลัวได้หายใจ หลี่เจินหรงหย่อนเม็ดยานั้นเข้าปากอินหลัวอย่างรวดเร็ว
"อื้ออออ"
ก่อนที่อินหลัวจะทันได้พ่นมันออก ฝ่ามือใหญ่ก็แนบเข้าที่ปลายคางกระแทกเบาๆ จนยานั้นไหลผ่านลำคอในชั่ววินาที อินหลัวเบิกตากว้าง สะอึกสำลักเล็กน้อย หอบหายใจแรง มือเธอกุมลำคอด้วยความตกใจสุดขีด
"นายทำอะไรของนาย นี่มัน... มันคืออะไร"
หลี่เจินหรงยืนตัวตรง สบตาอินหลัวอย่างเหนือกว่า รอยยิ้มมุมปากโผล่ขึ้นมา... หยิ่งยโส และโหดเหี้ยม
"เจ้ากินมันไปแล้ว เจ้า...สมควรได้รับมัน เพราะเจ้าคือคนที่ใช้มีดสั้น แทงข้า..."เสียงของเขาเยือกเย็น
"ห๊ะ"
ร้านผ้าหรูหราอยู่ในใจกลางเมือง หญิงชาวบ้านหลายคนเดินเลือกซื้อผ้าหลากหลายชนิดที่ประดับประดาด้วยลวดลายต่างๆ ทั้งทอมือและเครื่องประดับที่ยอดเยี่ยมที่สุดในแคว้น ในร้านเต็มไปด้วยความคึกคัก อินหลัวยืนอยู่ท่ามกลางผ้าที่หลากหลายสีสัน ท่ามกลางความเงียบสงบของร้าน ผ้าสีสันสดใสสวยงามทำให้ตัดสินใจเลือกไม่ถูก ทั้งยังบ่นกับอิ๋นเอ๋อร์ที่ยืนข้างๆ“อิ๋นเอ๋อร์ ดูสิ สวยทุกผืนเลย ข้าเลือกไม่ถูกเลยจริงๆ” อินหลัวบ่นเบาๆ“นายหญิงเจ้าขาต้องสีแดงมงคลเจ้าค่ะ”อิ๋นเอ๋อร์ยิ้มแล้วหยิบผ้าเนื้อดีสีแดงสดมาให้ อินหลัวรับมาดูแล้วพยักหน้า“ถูกใจหลายผืนก็เอาไปเยอะหน่อยเจ้าคะท่านอ๋องมีเงินมากมายแค่นี้ไม่บ่นหรอเจ้าคะเลือกเยอะๆ เลยเจ้าค่ะนายหญิง”“อย่างนั้นข้าต้องเลืกานหน่อยเพราะยังตัดสินใจไมไ่ด้สักที” อินหลัวพูดยิ้มๆเพียงแค่คำพูดของอวิ๋นเอ๋อร์ทั้งสองสาวก็ถูกเสียงหนึ่งขัดจังหวะจากทางด้านหลัง“ถ้าเจ้าต้องการคำแนะนำ ข้ายินดีจะให้คำปรึกษาเสมอข้ารูว่าผ้าสีไหนเหมาะกับจ้า”เสียงแหบห้าวดังขึ้น อินหลัวหันไปมอง ท่ามกลางแสงสลัวจากภายในร้าน บุรุษหนุ่มหล่อเหลาในชุดสีดำสนิทยืนอยู่ตรงประตูร้าน ใบหน้าคมสันดึงดูดสายตาของใครหลายคน แม้แต่ตั
“เจ้ามาแจ้งเรื่องอะไรยังมีอะไรเกี่ยวกับคนที่ตายไปแล้วอย่างอ๋องเหล่ยอีก”หลงเซียงยืนขึ้นก่อนจะเดินไปใกล้ๆ“ข้าน้อยหลงเซียงได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องเหล่ยชิงชางให้มาส่งข่าวว่า... ท่านอ๋องยังไม่ตายและพร้อมจะกลับมาหากฝ่าบาทประทานอนุญาต” หลงเซียงพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นคำพูดนี้ทำให้ห้องตกอยู่ในความเงียบ จ้าวจินเทาเบนสายตาจากหลงเซียงไปยังฮ่องเต้กงหานอย่างตกใจ“อ๋องเหล่ยชิงซาง... ยังไม่ตายอย่างนั้นหรือ” จ้าวจินเทาถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ข้า... ข้าได้ยินข่าวจากทางทหารว่าเขาตายด้วยน้ำมือของหลี่เจินหรง”หลงเซียงพยักหน้าอย่างมั่นใจและกล่าวเสริมต่อไป“ใช่ขอรับ ท่านอ๋องเหล่ยตอนนี้ยังไม่ตายครั้งนั้นสาหัสนัก... ท่านอ๋องเหล่ยสามารถเอารอดชีวิตมาได้... เหมือนกับที่ท่านอ๋องหลี่ถูกหาว่าตาย แต่ก็ยังคงมีชีวิตอยู่อย่างที่พวกท่านไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของอ๋องหลี่”คำพูดนั้นทำให้ฮ่องเต้กงหานและจ้าวจินเทาหันมามองหน้ากันอีกครั้ง และความตกใจในดวงตาของทั้งสองคนก็ไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไปหลี่เจินหรงเองก็ยังไม่ตาย“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าอ๋องหลี่ยังไม่ตาย”“อ๋องหลี่เจินหรงตอนนี้อยู่ที่เมืองหลี่ และกำลังจะจัดทัพเตรียมรับมือท
หลี่เจินหรงหันกลับมาที่อินหลัวอีกครั้ง ดึงร่างบางของนางเข้ามาใกล้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ขอมัดจำก่อนได้ไหม จะให้ข้าได้รักเจ้าให้หน่ำใจก่อนที่จะอดยาวจนกว่าจะผ่านพิธีแต่งงาน" เขาพูดพร้อมกับยิ้มอย่างจริงจังและอบอุ่น ท่าทางของเขาดูเป็นคนที่ไม่อยากเสียเวลาที่จะได้อยู่ใกล้อินหลัวที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งเขินขึ้นไปอีก เอียงหน้าไปข้างๆ ปกปิดความเขินอายของตัวเอง แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นกับความรักและห่วงใยที่เขามีให้ "ท่านอ๋อง..." พูดเสียงเบาๆ ไม่รู้จะตอบอะไรดี แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธความรู้สึกที่เขามีในขณะที่หลี่เจินหรงและอินหลัวอยู่ในอ้อมกอดกัน เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาในห้อง ทำให้ทั้งสองหันไปมองพร้อมกัน ม่อเฉวียนยืนอยู่ที่ประตูห้องแล้วมองเข้ามาด้วยท่าทางถือวิสาสะ"ท่านอ๋องม่อเฉวียนคงมาผิดเวลา เช่นนั้นข้าขอตัวไว้ท่านอ๋องอยู่เพียงลำพังม่อเฉวียนจะมาใหม่ หรือไม่หากท่านอ๋องหมดเรื่องแล้วค่อยไปหาม่อเฉวียนก็ได้” ม่อเฉวียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วรีบหันหลังก้าวเดินจากตรงนั้นอินหลัวที่ยังอายอยู่จนไม่รู้จะพูดอะไร ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะรีบขยับตัวออกจาก
ท่านราชครูจงมองนางอย่างเฉียบคม ราวกับเห็นผ่านทุกความคิดและความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ "ความผิดที่เจ้าทำไปนั้น เจ้าก็รู้ดีว่ามันจะทำให้ท่านอ๋องผิดหวังอย่างมากและยิ่งทำให้จ้าวอินหลัวมีภาษีเหนือกว่าเจ้า"ท่านราชครูพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าหวาดหวั่น แต่ก็ไม่ได้แสดงความโกรธ "หากเจ้าไม่รีบหาทางทำให้มันดีขึ้น เจ้าจะสูญเสียทุกสิ่งที่มีอยู่"ม่อเฉวียนหลุบตามองพื้น สำนึกถึงความผิดที่ทำไป ไม่สามารถมองหน้าท่านราชครูจงได้ "ข้า... ข้าคิดว่าท่านอ๋องจะไม่รู้... ว่าข้าทำอะไร แต่ตอนนี้... ข้าจะทำอย่างไรดี ท่านพ่อ ข้าควรเริ่มจากตรงไหนก่อนข้าจะทำอย่างไรไม่ให้ท่านอ๋องเกลียดข้า"ท่านราชครูจงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบ"เจ้าต้องพูดความจริงทั้งหมดกับท่านอ๋อง ให้เขาเห็นถึงความสำนึกผิดของเจ้าจริงๆ การยอมรับในความผิดของเจ้าด้วยใจจริงจะช่วยให้อ๋องหลี่เห็นใจ แต่ต้องให้เขาเชื่อใจว่าเจ้าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก"ม่อเฉวียนพยักหน้าอย่างช้าๆ นางรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้หลี่เจินหรงเชื่อในคำพูดของนาง แต่ท่านราชครูจงพูดถูก นางต้องหาทางกลับมาให้ได้"ข้าเข้าใจแล้ว" ม่านเสียงสะท้อนความหนักใจ "ขอบคุณท่านพ่อ ข้าจะทำตามที่ท่านบอ
“พยุงข้าหน่อย” ไทฮองไทเฮาสั่งเยว่หรงกับอวิ๋นเอ่อร์รีบเข้ามาพยุงไทฮองไทเฮารีบเดินเข้ามาหาหลี่เจินหรงพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มสดใส มองอินหลัวยิ้มๆ และหันไปหาหลี่เจินหรง"เห็นไหมเล่าอ๋องหลี่ สุดท้ายก็กลับมาถึงเมืองหลี่เสียที ข้าแทบจะรอไม่ไหวแล้ว" ไทฮองไทเฮาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมีความสุข แต่สายตาของท่านกลับไม่พลาดที่จะสังเกตเห็นมือที่หลี่เจินหรงกุมอยู่ว่าคือมือบางของอินหลัวก็ยิ้มกว้างขึ้นทันที ก่อนที่จะพูดแซวเบาๆ "ฮ่าๆๆๆ เห็นไหมในที่สุดในที่สุดเจ้าก็ค้นพบหัวใจตัวเองสินะอ๋องหลี่"หลี่เจินหรงหันมามองหน้าไทเฮา และไทฮองไทเฮา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเขินอาย แต่ก็ยังอดยิ้มไม่ได้"เสด็จย่าแกล้งหลานแบบนี้ไม่อยากได้หลานสะใภ้เป็นหญิงงามแดนเหนือหรือไร" เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ติดจะขัดเขินเล็กน้อย แต่ท่าทางของเขาไม่สามารถปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงได้“แหมจริงๆ นะขอรับทั้งสองคนไปรักกันตอนไหนข้าเสี่ยวหม่ายังงงๆ ว่าข้าพลาดไปคืนไหนกันคงเป็นคืน นั้นแน่ๆ ที่เมาแล้วหลับแน่ๆ เลย”เสี่ยวหม่ายกมือขึ้นเขกหัวตัวเองเยว่หรงกับอวิ๋นเอ่อร์หัวเราะคิกคักองค์หญิงเยว่หรงที่ยืนอยู่ข้างๆ มองไปที่หลี่เจินหรงและอ
การเดินทางกลับเมืองหลี่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ไม่ค่อยมีใครกล้าพูดถึงมันออกมา ช่วงเวลาเงียบสงบระหว่างหลี่เจินหรงและอินหลัวเต็มไปด้วยการกระทำที่ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด พวกเขาทั้งสองต่างก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ลึกซึ้งขึ้นในความสัมพันธ์ของกันและกัน “ให้ข้าช่วยหลี่เจินหรงยื่มือให้อินหลัวจับ และโอบแขนรอบเอวบางแทบจะอุ้มลงจากหลังม้า เสี่ยวหม่าอมยิ้ม“แหมท่านอ๋องนิดหนึ่งหน่อยหนึ่งก็เอานะขอรับ”“หุบปากเจ้าสิ เสี่ยวหม่า”“แน่นอนขอรับ เสี่ยวหม่าจะปิดปากสนิทเลยขอรับ ต่อไปนี้รับรองไม่พูดแกล้งไม่เห็นไปเสียอย่างนั้นขอรับ”หลี่เจินหรงคอยดูแลอินหลัวทุกขั้นตอนทุกๆ การกระทำแสดงถึงความห่วงใยที่มีให้กันและกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ท่านอ๋องทำแบบนี้จะต้องซื้อใจนายหญิงได้แน่นอนขอรับ”“เรื่องของข้า ไปยกอาหารมาได้แล้วนายหญิงของเจ้าหิวแล้วนี่ก็สายแล้วด้วย” เสี่ยวหม่าวิ่งหายลับไปเสี่ยวหม่าที่มองดูท่าทีของหลี่เจินหรงและอินหลัวแล้วก็รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกไป เขายิ้มบางๆ พลางเลิกคิ้วแล้วพูดว่า "ข้าเสี่ยวหม่าต้องพลาดอะไรไปแน่ๆ ใช่ไหม" เขาถามด้วยความสงสัยในน้ำเสียง ท่าทางที่จริงจังแต่ก็แฝงไปด้วยการล้อเลีย