LOGINภายใต้แสงคบเพลิงที่ริบหรี่ เสียงโซ่เหล็กที่พันข้อเท้าอยู่นั้นหยุดนิ่งแล้ว แต่ในสมองของขนมกลับวุ่นวายดั่งเสียงกลองศึก
“นำตัวนางไปพบท่านอ๋อง” เสียงสั่งดังอยู่ไม่ไกลนัก
ฉันไม่ได้เอามือจกกระเป๋าไว้ ก็เข้ามาซี่ แน่จริงก็เข้ามาแม่จะถีบให้
แม้ในโลกที่จากมาก่อนจะตายด้วยอุบัติเหตุเพราะช่วยคนอื่น แต่โลกนี้ขนมปฏิญาณไว้ว่าจะช่วยตัวเองให้ถึงที่สุด
ตอนนั้นเอง ประตูกรงถูกเปิดออก เสียงเหล็กเสียดสีกันดังแสบหู ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมโซ่ใหม่ในมือ ก้าวมาใกล้อย่างอหังการ
"จ้าวอินหลัวถึงเวลาแล้ว…ไปพบท่านอ๋อง"
ดวงตาของจ้าวอินหลัวฉายแวววาบ ร่างเธอยังอ่อนแรงแต่ยังมีเรี่ยวแรงพอจะดิ้น เมื่อทหารก้มลงจะคล้องกุญแจโซ่ เธอเตะเข้าที่เป้าของทหารคนนั้นเต็มแรง
“พลั๊ก” ก่อนจะฟาดข้อศอกเข้าที่คางอีกฝ่ายจนอีกฝ่ายหงายหลังล้มลงกุมเป้าแน่น
เสียงร้องลั่นขึ้นพร้อมความโกลาหล ขนมไม่รอช้า พุ่งตัวหนีไปในความมืด ลัดเลาะตามเส้นทางค่ายที่ไม่รู้จัก เหงื่อเย็นไหลตามแผ่นหลัง และเมื่อเห็นกระโจมใหญ่ผ้าแดงปักทองลวดลายหมาป่าโดดเด่นกลางลานค่ายก็วิ่งเข้าไปซุกตัวโดยไม่ต้องคิดนาน
ภายในเงียบสงัด กลิ่นหอมบางเบาของสมุนไพรจากกำยานลอยปะปนกับกลิ่นหมึกและกระดาษ ข้างในถูกกั้นด้วยม่านผ้าไหมและตู้ไม้สูงสำหรับใส่ม้วนอักษรหรืออาจเป็นแผนกลยุทธ์ที่เขียนเก็บไว้ อินหลัวรีบลอบเข้าไปหลบอยู่ในมุมหนึ่งข้างตู้บานใหญ่
...ท้องของอินหลัวร้องขึ้นมาเสียงดังเสียจนเจ้าตัวสะดุ้งอาจเป็นเพราะได้กลิ่นหอมของซาลาเปา ใกล้มือมีถาดไม้ที่วางของกินไว้ หอมฉุยยังอุ่นๆ ... ซาลาเปากลมๆ ขาวฟูเรียงกันอย่างน่ากิน
"ขอโทษนะเจ้าของกระโจม… ขอฉันกินก่อนละกัน"
ขนมคว้าซาลาเปาสองลูกมากัดแบบกลืนแทบไม่ทัน รสชาติแป้งนุ่มกับไส้หมูหวานกลิ่นเครื่องปรุงซาบซ่านขึ้นมาในจมูก ดวงตาพร่างพราวขึ้นทันที
"อย่างน้อย... ฉันก็อิ่มแล้ว จะสู้ก็ต้องมีแรงก่อนสิ" จ้าวอินหลัวลูบท้องเบาๆ พลางซุกตัวให้นิ่งขึ้นในเงามืด แต่ใจกลับคิดว่าต้องแอบซุกซาลาเปาไว้เผื่อต้องหนีอีก
ภายในกระโจมใหญ่ข้างๆ กระโจมของท่านอ๋องเจินหรงคือกระโจมท่านหมอ แสงตะเกียงสั่นไหวเบาๆ จากลมเย็นที่เล็ดลอดเข้ามา เสียงสายลมหวิวภายนอกแลดูเงียบงันเมื่อเทียบกับบรรยากาศภายในกระโจม
หลี่เจินหรงนั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้ไม้ดำสูง ดวงตาคมลึกล้ำทอดมองไปยังบุรุษตรงหน้าอย่างนิ่งงัน ร่างสูงสง่าของอ๋องโหดผู้นี้แม้จะมีผ้าพันแผลแน่นหนาอยู่ที่เอว แต่กลับไม่แสดงออกถึงความอ่อนแอแม้เพียงน้อย รอยแผลจากของมีคมที่แดงจนคล้ำเลือดยังซึมไป๋อี้เฉิงพันผ้ารอบบาดแผลให้อย่างเบามือ
"แล้วอาการข้า…" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ไม่มีแม้ความตื่นกลัวหรือหวั่นไหวใดอยู่ในน้ำเสียงนั้น แม้บางขณะจะกัดฟันข่มความเจ็บปวด
ท่านหมอไป๋อี้เฉิง หมอหนุ่มใบหน้าขาวสะอาด ผมยาวถักรวบอย่างเรียบง่าย ใบหน้าสงบเยือกเย็นราวเมฆขาวดังชื่อของเขา แต่แววตากลับฉายแววกังวลลึกซึ้ง ก้มศีรษะเล็กน้อย ก่อนเอ่ยช้าๆ
"ข้าสามารถกดพิษให้นิ่งได้ชั่วคราว อาการบาดเจ็บทุเลาลงแล้ว แผลไม่ติดเชื้อ... แต่..." เสียงของไป๋อี้เฉิงแผ่วลง
"...แต่ไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้พ่ะย่ะค่ะ"
หลี่เจินหรงเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาคมกริบยังคงไม่กะพริบ
"เหตุใด"
"เพราะมีดสั้นเล่มนั้น... ถูกอาบด้วยพิษหายากจากแดนเหนือ พิษจะแทรกซึมเข้ากระดูก ทำให้เจ็บปวดทรมานราวถูกไฟเผาร่างกายทุกคราเมื่อมันกำเริบ"
ไป๋อี้เฉิงชะงักเล็กน้อย ก่อนพูดต่ออย่างหนักแน่น
"เมื่อพิษกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ข้าเกรงว่าท่านอ๋อง... อาจเจ็บจนอยู่ไม่สู้ตาย"
หลี่เจินหรงหัวเราะในลำคอเบาๆ
"เช่นนั้น... คงต้องหายาถอนพิษสินะ มียาถอนพิษหรือไม่"
หมอไป๋อี้เฉิงเงยหน้าขึ้นสบตา ดวงตาคมสงบดังผืนน้ำลึก
"ไม่แน่ใจตามที่เคยอ่านพบในตำราหมื่นพิษ ระบุไว้ว่าต้องใช้เยว่หลานสมุนไพรในตำนานที่พบได้เพียงในถ้ำหยกใต้ธารน้ำแข็งแห่งแคว้นซีเจียง และข้า... จะไปนำมันมาให้ท่านอ๋องเองพ่ะย่ะค่ะ"
หลี่เจินหรงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง... ก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ
“ไม่จำเป็น ส่งคนของเราไปที่นั่นแทนท่านหมอ”
ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมดำแผ่รัศมีดุจเทพสงคราม ทว่าเพียงก้าวย่างเล็กน้อย ความอ่อนแรงก็บังเกิดขึ้นทันทีเหมือนสัญญาณเตือน ถึงกับนิ่วหน้า
"เรื่องพิษ... ท่านหมอข้าขอร้อง อย่าได้แพร่งพรายออกไปแม้ครึ่งคำ"
เสียงของหลี่เจินหรงนิ่งเย็นดังคำประกาศิต ทว่าแฝงไว้ด้วยแรงกดดันราวฟ้าถล่ม
"ข้ากำลังจะกลับวังหลวง หากมีผู้ใดล่วงรู้ว่าข้าอ่อนแอ แม้เพียงเล็กน้อย...เหล่าทหารจะหมดศรัทธาในตัวข้า"
ไป๋อี้เฉิงก้มศีรษะรับคำช้าๆ
"กระหม่อมเข้าใจดีพ่ะย่ะค่ะ และนี่คือยา...ที่อาจารย์ของกระหม่อมเคยทิ้งไว้ให้ก่อนจากไป"
เขาเปิดกล่องไม้สลักออกช้าๆ ก่อนหยิบขวดยาทำจากหยกออกมา ภายในมีเม็ดยาเพียงสองเม็ด กลมเรียบดั่งหยดน้ำ
"ยานี้มีชื่อว่า ยาผูกปราณ"
"ชื่อแปลกนัก" หลี่เจินหรงเลิกคิ้วเล็กน้อย
"ใช่พ่ะย่ะค่ะ... เพราะมันไม่เหมือนยาธรรมดา" ไป๋อี้เฉิงกล่าวช้าๆ พลางวางขวดยาบนโต๊ะ
"ผู้ต้องพิษ... เมื่อกลืนเม็ดแรก จะสามารถยับยั้งความเจ็บปวดไว้ได้ชั่วคราว ยานี้จะผนึกพิษลงชั่วคราวในเส้นลมปราณ ป้องกันไม่ให้มันแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว"
หลี่เจินหรงพยักหน้าเบาๆ
"แล้วอีกเม็ดล่ะ"
"...อีกเม็ด ต้องให้ ใครสักคน กินเข้าไปเช่นกันและจะต้องดูแลเขาให้ดี"
ขนมมองไปไกลๆ เหมือนกำลังคิดถึงบางสิ่ง ก่อนจะยิ้มให้เยว่หรง "ไม่มีทางหรอก ฉันจะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นแค่ฉากหนึ่งในเรื่องราวที่สวยงามแค่ในซีรีส์หรอกน่า"เยว่หรงขยิบตาให้ขนม "แล้วมันจะเป็นยังไงล่ะ ความรักแท้ที่แกตามหา มันจะเหมือนในซีรีส์ที่จบด้วยการจูบกันในฝนตกหรือเปล่า แต่คิดไปก็โรแมนติคแล้วว้าววววว"ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนที่เดินผ่านไปมา ขนมแอบมองไปข้างหน้าและทันใดนั้น สายตาของเธอก็จับจ้องไปยังร่างสูงที่คุ้นตา ร่างนั้นที่ดูเหมือนจะมีเสน่ห์ยากที่จะมองผ่านไป มันเหมือนกับบางสิ่งในความทรงจำ ของอินหลัว ไม่สิของขนม ขนมจ้องตาไม่กะพริบ มองเขาเงียบๆ อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองแค่เพียงแผ่นหลังที่คุ้นเคย แต่ในขณะเดียวกัน หัวใจของขนมกลับเต้นรัว"เหมือนจัง..." เสียงของขนมที่พูดออกมาเบาๆ พร้อมกับสายตาที่เศร้าสร้อยขนมหยุดเดิน ยืนมองแผ่นหลังของชายคนนั้นที่เดินห่างออกไป พร้อมกับความรู้สึกที่เหมือนจะสูญเสียอะไรบางอย่างในใจ พยายามจะพูดกับตัวเองว่า "คงไม่ใช่หรอก ขนม...เธออย่าบ้าไปหน่อยเลย" แต่คำพูดนั้นกลับเบาเกินกว่าจะปลอบใจตัวเองได้ส่ายหัวเบาๆ และหันหลังกลับอมยิ้ม“คงเลิกบ้าได้แล้วสินะขนมหลังจากที่เธอ
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างต้องเดินทางไปตามเส้นทางของตัวเอง แม้จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป“ท่านอ๋องท่านอ๋องจะทำอย่างไรกับบัลลังก์”เสี่ยวหม่าเอ่ยปากเบาๆ อย่างเกรงใจ“ไม่ทำอย่างไร อ๋องเหล่ยก็อยู่ บิดาของจ้าวอินหลัวก็อยู่แม้จะไม่รู้สึกผิดในครั้งนี้แต่เขาก็ไม่ควรได้รับโทษเพราะเขาตคือบิดาของอินหลัวข้าไม่ได้ต้องการบัลลังก์คนที่ต้องการมีอีกมาก”หลับตาลงช้าๆ อยากจะพูดเหลือเกินว่าสิ่งที่เขาต้องการเพียงสิ่งเดียวคือคนตัวเล็กคนนั้น…จ้าวอินหลัวคนนั้น“ไทฮองเฮา ไทเฮาและองค์หญิงเยว่หรง ทรงกลับไปที่วังหลวงแล้ว ที่นี่หรือเพียงท่านอ๋องกับข้าน้อยและท่านหมอ เราสามคนรออะไรอยู่รึขอรับ” เสี่ยวหม่าถามเสียงเศร้าสร้อยจะมีกี่ครั้งกันที่เสี่ยวหม่าจริงจังเพียงนี้“พวกเจ้าไปเถอะ แม้จะรู้ว่าอินหลัวไม่มีทางกลับมาแต่ที่นี่ความทรงจำเกี่ยวกับนางยังอบอวลข้าไม่อาจจากไปเพราะในใจข้ามีเพียงอินหลัวตลอดมา ข้ายินดีอยู่ที่นี่เพื่อรับโทษทัณฑ์เป็นข้าที่ให้นางกินยาเชื่อมปราณ” เสี่ยวหม่ายิ้มเศร้าๆ“ขอรับ ท่านอ๋องไม่ไปเสี่ยวหม่าก็จะอยู่ที่นี่ นายหญิงอินหลัวไม่ได้ตายเพราะเชื่อมปราณกับท่านอ๋อง ห
อินหลัวหลับตาลงช้าๆ รู้สึกถึงร่างกายที่เริ่มเย็นลง มือของหลี่เจินหรงกำมือเย็นชืดของอินหลัวไว้แน่นมืออีกข้างตกลงข้างกายความเจ็บปวดหายไป "ไม่ต้องห่วงข้า... ท่านอ๋อง..." เสียงของอินหลัวไม่อาจได้ยินไปถึงหลี่เจินหรงเพราะเพียงแค่คำพร่ำรำพันของดวงวิญญาณ"ข้ารู้ว่า... ข้าจะไปอยู่ในที่ที่ดีที่สุด... ไม่ต้องห่วง... ท่านจะ... อยู่ได้ดี... ขอโทษ...ที่ต้องจากไป"ดวงตาของอินหลัวกำลังหลับอย่างสงบที่สุด ลมหายใจของอินหลัวขาดหายไปหลี่เจินหรงจับมือของอินหลัวแน่น มือของเขาเย็นเฉียบ ดวงตาของเขามืดมัวไปด้วยน้ำตา ท้องฟ้านอกกระโจมไม่เคยสงบ มันเหมือนกับว่าโลกทั้งใบก็หยุดเคลื่อนไหว ทุกอย่างหยุดนิ่งเมื่ออินหลัวหลับตาลงในที่สุด ร่างกายของอินหลัวเริ่มเย็นลง น้ำตาอุ่นๆ ของหลี่เจินหรงไหลอาบแก้มราวกับว่าอินหลัวได้เดินจากไปไกลสุดลูกหูลูกตาหลี่เจินหรงไม่แม้แต่จะขยับตัวออกไป ก้มหน้าลงต่ำ มือของเขาสั่นระริก"ข้า... ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าจากไป..." เขาพูดออกมาเสียงแหบแห้ง น้ำตาของเขาหลั่งรินลงมาดั่งน้ำตาของคนที่ไม่อาจทำอะไรได้แต่ในความเงียบที่ปกคลุมอยู่ภายในกระโจม เขารู้ว่าอินหลัว... จากเขาไปแล้ว... และทิ้งให้เขาต้องรับ
“ไม่นะ จะต้องไม่เป็นแบบนั้นข้าจะอยู่โดย…….ไม่มีเจ้าไม่ได้ ทำไมไม่เป็นข้าที่เจ็บปวดทำไมต้องเป็นเจ้าอินหลัววววววได้โปรดส่งความเจ็บปวดนี้ให้ข้าเถอะสวรรค์”หลี่เจินหรงไม่อาจยอมรับความจริงได้ เขากุมมือของอินหลัวแน่น ราวกับจะให้รู้ว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยมือจากอินหลัวอีกแล้ว... ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตามส่งเสียงสะอื้นออกมาอย่างไม่อายใคร"ข้าไม่ให้เจ้าเจ็บอีกแล้ว อินหลัว... ข้าจะยอมเจ็บเอง ไป๋อี้เซิงหาวิธีทำให้พิษนั่นมาอยู่กับข้าได้ไหม ได้โปรดไป๋อี้เซิง ท่านเป็นหมอเทวดาจะต้องทำได้สิ ไม่อย่างนั้นก็หายาเชื่อมปราณมาให้ข้าอีกครั้งข้าจะได้แบกรับความเจ็บปวดแทนนาง " เขาพูดด้วยเสียงหนักแน่น แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ได้เป็นเรื่องง่ายหรืออาจเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เขาก็ยังยืนยันคำพูดนั้นราวกับว่าเป็นสัญญาที่เขาจะปกป้องอินหลัวจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เสี่ยวหม่าเบือนหน้าหนีปาดน้ำตาไหลรินไป๋อี้เซิงหลับตาลงช้าๆ อินหลัวยิ้ม เศร้าๆ“ท่านหมออย่านะไม่งั้นข้าโกรธยันลูกบวชเลยนะ ไม่มีหรอกใช่ไหมยาแบบนั้น ข้ารู้ว่าตัวข้าไม่ไหวแล้ว ท่านหมอช่วยท่านอ๋องให้ปลอดภัย ส่วนข้าเกินเยียวยาแล้วจริงไหม” ไป๋อี้เซิงก้มหน้าลงยิ้มเศร
อินหลัวกระตุกขึ้นลง หลี่เจินหรงถลาเข้าประคองร่างบางของอินหลัวกอดไว้แนบอก"อย่าให้นางตายได้โปรด... ไป๋อี้เซิง... อย่าให้นางตาย" เสียงหลี่เจินหรงแหบแห้ง ดวงตาของเขาฉายแววทุกข์ทนและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาจ้องมองไปที่ไป๋อี้เซิงที่ถือลูกดอก ยกขึ้นมาดมเพื่อพยายามจะหาว่าพิษชนิดนั้นคือพิษใดกันแน่ แต่ความรู้สึกในใจกลับบอกเขาว่าไม่อาจคาดหวังสิ่งใดได้ไป๋อี้เซิงหลับตาลงช้า ๆ รู้สึกถึงน้ำหนักของคำพูดที่หลี่เจินหรงกล่าว เขารู้ดีถึงความหนักหนาสาหัสของอาการบาดเจ็บนี้ และเขาก็เข้าใจว่ามันเกินกว่าจะเยียวยาได้ง่าย ๆ"ท่านอ๋อง... ลูกดอกถูกจุดสำคัญ ข้าน้อยไป๋อี้เซิงไม่อาจรับรองผลการรักษาได้" เสียงของหมอแสนดีที่เคยเรียบเฉย แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเศร้าและความรู้สึกไม่อยากจะยอมรับความจริง“ได้โปรด ไป๋อี้เซิงได้โปรด”หลี่เจินหรงกัดฟันแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด อินหลัวเองตอนนี้หมดสติไปอีกครั้งและเขาไม่อาจทนเห็นความทรมานของนางได้อีกต่อไป ร่างของหลี่เจินหรงสั่นสะท้าน เขาลุกขึ้นจากที่นั่ง มือที่เคยทุบโต๊ะด้วยความโกรธกุมกระบี่ข้างกาย ทันทีที่กระบี่ถูกชักออกจากฝัก เสียงโลหะก็ดังก้องไปทั่วห้องหลี่เจินห
ไป๋อี้เซิงรีบล้วงหยิบยาถอนพิษที่เขาคิดว่าอาจช่วยได้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ เขายื่นมันไปยังปากของหลี่เจินหรงและอินหลัวทีละคน ความรู้สึกผิดปกติทำให้เขารู้ดีว่าทั้งสองคนกำลังตกอยู่ในอันตรายที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ หากไม่รีบทำอะไรสักอย่าง การเชื่อมปราณระหว่างพวกเขาทำให้พิษที่เกิดขึ้นไม่เพียงส่งผลกระทบต่อร่างกายของพวกเขาแต่ยังทำให้ทุกอย่างทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น“กินยาเสียก่อนขอรับ ข้าน้อยขอเวลาไม่นาน”ถอนหายใจแม้จะไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรได้ต่อจากนี้ก็ตามไป๋อี้เซิงถอนหายใจยาวๆ ยิ่งไม่สามารถทำอะไรได้มากในขณะนี้ ยาถอนพิษที่มีไม่สามารถแก้ไขพิษจากการเชื่อมปราณได้ทันที แต่สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือพยายามช่วยแบ่งเบาภาระ"เสี่ยวหม่ายาพิษชนิดนี้... ไม่มียาถอนพิษ" ไป๋อี้เซิงพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเครียด “ท่านหมอแล้วเราจะทำอย่างไีร”“ท่านหมอให้ข้าเสียนหยางช่วยอะไรบอกมาเถิดข้าไม่อาจทนเห้นคุณหนูอินหลัวต้องเจ้บปวดแบบนี้”ไป๋อี้เซิงถอนหายใจ"พิษนี้มันอันตรายเกินกว่าจะมีวิธีรักษาในตอนนี้ พวกเราได้แต่เอาใจช่วยข้าสั่งให้คนกลับไปที่เมืองหลี่นำสมุนไพรเยว่หรานมาที่นี่เพื่อถอนพิษทุกชนิดทันทีแต่คงต้องรอเวลา







