Share

13.เจ้าสาวผี

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-29 20:42:41

เจ้าสาวผี

เข้าสู่วันที่สิบของการออกเดินทาง เสบียงที่นำติดตัวมานั้นเริ่มร่อยหรอเต็มที เสวียนหนี่ก้มลงมองถุงผ้าที่นางห่อเสบียงแล้วมองไปรอบ ๆ ข้างทางที่ผ่านมานั้นไม่มีลำธารหรือบ่อน้ำให้เห็น เป็นเพราะเส้นทางที่เขาพามาไม่ได้สะดวกอย่างเช่นที่เขาได้บอกไว้ก่อนหน้า ฉะนั้นการหาเสบียงเพิ่มจึงเป็นปัญหาหลักของการเดินทางครั้งนี้

“ตาแก่ถาน ข้ากระหายน้ำ”

“แถวนี้ไม่มีน้ำหรอก อดทนอีกหน่อย พ้นจากตรงนี้ไปราวยี่สิบลี้น่าจะมีน้ำตกถ้าข้าจำไม่ผิด”

“ยี่สิบลี้เลยหรือเจ้าคะ”

ในขณะที่เสวียนหนี่กำลังหดหู่สิ้นหวังสายตาของนางเหลือบไปเห็นป่าไผ่ข้างทาง นางชี้มือไปที่ป่าไผ่พร้อมบอกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ

“ตาแก่ถาน นั่นป่าไผ่เจ้าค่ะ”

“ป่าไผ่แล้วอย่างไร”

“ข้าหิวน้ำ ในต้นไผ่มีวุ้นสามารถกินแก้กระหายได้”

“เจ้าก็ว่าไปเรื่อย คุณหนูอย่างเจ้าจะไปรู้เรื่องของป่าได้อย่างไร”

เขาหัวเราะนางอย่างขำขัน แต่ก็ยังดึงบังเหียนบังคับล่อให้หยุด เมื่อจอดสนิทแล้วเสวียนหนี่กระโดดลงมาจากเกวียน นางเดินไปยังต้นไผ่พลางหยุดพิจารณาบางอย่างจึงชี้นิ้วไปที่ไผ่ลำหนึ่งอย่างมั่นอกมั่นใจ

“ผ่าลำนี้”

“ลำนี้เนี่ยนะ มันจะไปมีวุ้นได้อย่างไร ข้าชำนาญเรื่องการตัดไม้เป็นที่สุด เรื่องที่บอกว่าในต้นไผ่มีวุ้นข้าไม่เชื่อ”

“เป็นเพราะท่านตัดเอาแต่ลำงาม ๆ ก็เลยไม่เคยเจอนะสิ มันต้องแบบนี้ สั้น ๆ ป้อม ๆ มีแน่นอน ตัดสิเจ้าคะรออะไรอยู่”

“เออ ๆ ข้าจะตัดให้ คุณหนูฉู่เจ้านี่ช่างเรื่องมากเสียจริง”

ครู่ต่อมาต้นไผ่ที่เสวียนหนี่หมายตาก็ถูกโค่นลงมา แล้วถานถานก็ใช้ขวานผ่าออกตามที่นางบอก พอผ่าเสร็จปรากฏว่าสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นมีลักษณะเป็นวุ้นใส ๆ เสวียนหนี่ไม่รอช้ารีบเอามากินดับกระหาย แต่ก็ช่วยบรรเทาได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น นางยังรู้สึกคอแห้งอยู่ เพราะปริมาณของวุ้นไผ่ในแต่ละลำไม่ได้มากมาย

“พอใจหรือยังคุณหนูฉู่”

“ยังเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าไปเก็บเห็ดจมูกหมูตรงนั้นด้วย สภาพอากาศค่อนข้างชื้น เห็ดจมูกหมูน่าจะพอมีน้ำกักเก็บอยู่บ้าง ระหว่างทางหากกระหายอีกจะได้เอาออกมาดื่มแทนน้ำได้”

“เห็ดเนี่ยนะ”

“เจ้าค่ะ”

เสวียนหนี่เดินไปเก็บเอาเห็ดจมูกหมูที่อยู่ไม่ไกลแล้วยื่นให้ถานถานชิมดู ในตอนแรกเขายังไม่แน่ใจนักว่ามันสามารถดื่มแทนน้ำได้นางจึงบีบเห็ดให้ดูก่อน ผลที่ได้คือมีน้ำออกจากเห็ดจมูกหมูจำนวนมากเลยทีเดียว

ไม่เสียแรงที่เสวียนหนี่เกิดในครอบครัวชนบท ก่อนจะไปได้ดิบได้ดีอนาคตรุ่งโรจน์ สิ่งเหล่านี้นางล้วนลิ้มลองมาแล้วทั้งหมด มีอีกหลายอย่างในป่าที่นางรู้ว่าสามารถกินได้ และกินไม่ได้

ถานถานรับเห็ดจมูกหมูมาดูดน้ำดับกระหาย เมื่อพอใจแล้วจึงได้ออกเดินทางต่อ ค่ำไหนก็นอนที่นั่น

หลายวันต่อมาทั้งสองได้เดินทางเข้าใกล้เขตอำเภอ

เล็ก ๆ เสวียนหนี่ดีใจเป็นอย่างมาก นางอยากจะลิ้มรสอาหารอื่นนอกจากผลไม้ป่าและมันเผาเต็มที

“เราพักที่นี่ได้หรือไม่เจ้าคะ”

หญิงสาวถามความคิดเห็นชายแก่ สำหรับถานถานแล้วที่ใดมีสุราที่นั้นย่อมเป็นที่พักพิงได้ สุราที่เขาพกติดตัวมาแม้ว่าจะถนอมไว้เป็นอย่างดีก็เหลือน้อยเต็มที นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ควรจะแวะเติมสุราเสียหน่อย

“หยุดพักน่ะได้ แต่ข้าไม่เหลือเงินแล้วนะ”

“...แต่ข้าหิว”

เสวียนหนี่บอกเสียงเบาหวิวพลางสอดส่องสายตามองไปรอบ ๆ ฝั่งขวามือเป็นร้านขายบะหมี่ ซ้ายมือเป็นร้านต่อโลงศพ ถัดไปเป็นร้านขายเครื่องประดับ ไกลออกไปหน่อยคือร้านขายผ้า นางสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัวอย่างพิจารณาแล้วส่งยิ้มให้ถานถาน

“ตาแก่ถาน”

“มีอะไร”

“ข้าว่าท่านน่าจะได้ร่ำสุราแบบไม่ต้องเสียเงินสักอิแปะ”

“อย่างไร?”

“ตามข้ามา”

ว่าแล้วถานถานก็จูงล่อเดินตามหลังเสวียนหนี่ไป เขตชุมชนแออัดเช่นนี้การจูงล่อให้ลากเกวียนไปช้า ๆ จะเหมาะกว่า ในตลาดมีผู้คนมากมายหากเจ้าล่อตัวนี้เกิดตื่นกลัวขึ้นมาแล้วควบคุมไม่อยู่ จะพลอยทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บไปด้วย

เมื่อมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งใหญ่โตมาก จัดว่ามีฐานะมากกว่าหลายหลังในละแวกเดียวกัน เสวียนหนี่ได้ส่งสัญญาณมือให้ถานถานหยุด ชายแก่ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย แหงนหน้ามองที่ป้ายชื่อตระกูลที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าทั้งที่อ่านไม่ออก โดยที่ป้ายตระกูลนั้นเขียนอักษร "ผิง"

“ที่นี่นะหรือมีสุรา”

“มีแน่นอนเจ้าค่ะ”

ถานถานรีบเอาล่อไปผูกไว้แล้วเดินตามนางไปอย่างรวดเร็ว ที่หน้าประตูบ้านมีบุรุษสองคนยืนต้อนรับท่าทางนอบน้อม เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำความเคารพนางจึงเคารพตอบ

“คารวะคุณชาย เชิญด้านในขอรับ”

ชายเฝ้าประตูทั้งสองบอกกล่าวแก่นางเช่นนั้น แล้วก็เอามือออกมาขวางถานถานไว้ไม่ให้เขาตามไป นอกจากนั้นยังตะเบ็งเสียงแข็ง

“บ่าวรับใช้รอด้านนอกก่อนก็ได้นะ”

“เห้อะ ข้านะหรือบ่าวรับใช้ พวกเจ้าสองคนมีตาหามีแววไม่”

ถานถานโมโหจนหน้าเขียวคล้ำเพราะถูกมองว่าเป็นบ่าวรับใช้ ไม่แปลกที่จะถูกมองเช่นนั้นเพราะท่าทางของเขาเหมือนบ่าวรับใช้อยู่หลายส่วน เสวียนหนี่ที่เดินเข้าไปด้านในแล้วได้ชะเง้อกลับมามองอดขำขันเขาไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็นึกชื่นชมเจ้าของร่างด้วยเช่นกัน ขนาดใส่อาภรณ์เนื้อหยาบราคาถูกยังปกปิดความมีสง่าราศีไม่มิด นางกระแอมแล้วพยายามเปล่งเสียงให้ดูทุ้มเพื่อจะได้คล้ายคลึงบุรุษที่สุดแล้วเอ่ยว่า

“พี่ชายทั้งสองให้เขาเข้ามาเถิด ข้าจะดูแลเขาเอง”

บรรยากาศภายในมีคนมากหน้าหลายตา กำลังนั่งล้อมวงพูดคุย บนโต๊ะมีอาหารมากมายหลายชนิด เสวียนหนี่มองไปที่หญิงวัยสี่สิบหนาวต้น ๆ  นางสวมใส่ชุดไว้อาลัยสีขาวขุ่นยืนทำหน้าเศร้าโศก มือข้างหนึ่งปาดน้ำตาอยู่เนือง ๆ ฝั่งซ้ายมือนั้นมีโลงศพหัวหมูวางเรียงกันอยู่สองโลง

หญิงสาวแย้มยิ้มมุมปากเล็กน้อย จัดเผ้าผมให้เข้าที่แล้วจึงก้าวเท้าเดินตรงไปหาสตรีนางนั้น

“คารวะฮูหยินผิง ข้าคือบุตรชายคนโตของตระกูลเกา”

“ตระกูลเกา?”

เจ้าบ้านทำหน้าตางงงวย นางจำไม่ได้ว่ามีญาติหรือคนรู้จักแซ่เกาหรือไม่ เพราะคนที่มาในงานนั้นมากมายเสียจนจำได้ไม่หมด ทั้งญาติฝั่งสามีและคนรู้จัก อีกทั้งพ่อค้าแม่ค้าในตลาดก็ส่วนหนึ่ง

“ข้าขอแสดงความเสียใจด้วยขอรับ ไม่น่าอายุสั้นเลย...ไม่น่าเลย ไม่น่าเลยจริง ๆ เขาเป็นคนดีมาก ไปที่ไหนก็มีแต่คนรักใคร่ โธ่”

เสวียนหนี่พูดพลางทำหน้าเศร้าแสร้งบีบน้ำตา ตั้งแต่ก้าวเข้าประตูจวนผิงนางถอนหายใจหน่วง ๆ มาแล้วสามรอบ ทั้งนี้ก็อยากให้เจ้าบ้านรับรู้ว่านางนั้นรู้จักกับผู้ตายและเสียใจเพียงใดที่ผู้ตายได้อำลาโลกไปก่อนวัยอันควร

“คุณชายเกานี่เอง เอ่อ เชิญคุณชายเกานั่งก่อนเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าให้สาวใช้นำของมาต้อนรับ”

เจ้าบ้านเห็นกิริยาที่แสดงออกว่าเสียใจสุดซึ้งของอีกฝ่ายก็เออออตามน้ำไปด้วย หากค้านว่าไม่รู้จักกัน ก็เกรงว่าอาจทำให้ผู้คนที่มาร่วมงานติฉินนินทาได้ว่าไร้มารยาทไม่ต้อนรับแขก

เสวียนหนี่และถานถานถูกพาไปนั่งที่โต๊ะอาหาร อีกไม่นานก็คงจะได้เวลาเคลื่อนศพไปสุสานบรรพชน เมื่อทั้งสองนั่งได้เพียงครู่เดียวอาหารก็ถูกยกมาจัดวาง เสวียนหนี่และถานถานกินกันจนอิ่ม มิหนำซ้ำตาแก่ยังแอบหยิบสุราติดมือมาสองไห จากนั้นทั้งคู่ก็ย่องออกนอกจวนตระกูลผิงอย่างเงียบเชียบ

ด้านนอกกำแพงจวนตระกูลผิง

"ฮ่า ๆ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่มีงานไว้อาลัย"

"ข้าเห็นบ่าวของบ้านหลังนี้กำลังสั่งโลงศพหัวหมูอยู่ที่ร้านต่อโลงเจ้าค่ะ คนตายที่จะใช้โลงหัวหมูได้ฐานะต้องร่ำรวยมาก ข้าก็เลยพาท่านเดินตามบ่าวพวกนั้นมา"

"ฮ่า ๆ เจ้านี่หลักแหลมจริง ๆ"

“ท่านว่าพิธีศพที่บ้านหลังนี้ดูแปลกหรือไม่เจ้าคะ”

เสวียนหนี่ถามขึ้นในขณะที่ถานถานกำลังแกะเชือกล่อที่ผูกอยู่กับต้นไม้เพื่อจะได้เดินทางกันต่อ

“แปลกอย่างไร”

“โลงคู่”

“คุณหนูฉู่ ข้าว่าเจ้าอย่าไปยุ่งเรื่องของเขาเลย อิ่มแล้วเราก็รีบไปกันเถอะ”

นางพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นจึงออกเดินทางต่อไป ในจังหวะที่กำลังจะผ่านพ้นหน้าจวนตระกูลผิง เสวียนหนี่เหลือบไปเห็นสามีภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ ผู้เป็นสามีผลักภรรยาลงอย่างแรงจนฝ่ามือที่ใช้ยั้งกายถูกเศษหินเล็ก ๆ บาดเลือดไหล เมื่อภรรยาล้มไปแล้วสามีก็ชี้หน้าด่าทอนางต่ออีกสองสามประโยค แล้วเดินหนีไปอย่างไม่ไยดี

“หยุดก่อน”

เสวียนหนี่ร้องบอกถานถานแล้วกระโดดลงจากเกวียน นางเข้าไปประคองหญิงรายนั้นให้ลุกขึ้นยืน หญิงแปลกหน้าร่างกายผอมโซ สวมใส่เสื้อผ้าเก่าขาดวิ่น นางเงยหน้าขึ้นมามองเสวียนหนี่แล้วรีบปาดน้ำตาอย่างรวดเร็ว

“เป็นอะไรหรือไม่”

“ข้าไม่เป็นอะไร”

“...เอ่อ เมื่อครู่นี้เขาทำร้ายท่าน”

เสวียนหนี่ยังไม่ทันจะได้ถามต่อนางสะอื้นร้องไห้ออกมาเหมือนเจ็บปวดเจียนจะขาดใจ กวาดมองตามเนื้อตัวของนางเต็มไปด้วยร่องรอยเขียวช้ำจากการถูกทำร้ายร่างกาย

“ช่วยข้าด้วยเถิด ลูกสาวข้าอยู่ในจวนตระกูลผิง ข้าแอบมองเข้าไปด้านในเห็นคุณชายท่านนี้สนิทสนมกับฮูหยินผิง พวกท่านเพิ่งออกมาจากที่นั่นบางทีอาจจะช่วยข้าได้”

...เฮ้อ เข้าใจผิดแล้ว พวกข้าแค่ไปหลอกกินก็เท่านั้น จะเอาปัญญาที่ไหนไปช่วย เสวียนหนี่นึกในใจ

ถานถานที่มาถึงทีหลังดึงแขนเสวียนหนี่ออกให้ห่างแล้วกระซิบกระซาบเบา ๆ พอได้ยินกันแค่สองคน

“เจ้าอย่าไปยุ่งกับนางเลย เสียเวลาเราเปล่า ๆ”

“ลองฟังนางก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

พูดจบเสวียนหนี่ก็หันไปหาเจ้าของร่างผอมโซ นางมองมาที่เสวียนหนี่อย่างมีความหวังแล้วจึงรีบพูดต่อ

“สามีข้าขายลูกสาวให้บ้านหลังนี้”

“...ท่านน้า หากสามีท่านน้าขายลูกสาวไปเป็นทาสข้าคงช่วยอะไรไม่ได้”

“ไม่ใช่ เขาไม่ได้ขายลูกสาวให้ไปเป็นทาส เขาขายนางให้ไปเป็นเจ้าสาวผี”

“...จะ เจ้าสาวผี!”

ดวงตาของเสวียนหนี่เบิกโตด้วยความตกใจ แต่สำหรับถานถานแล้วนั่นถือเป็นเรื่องปกติ การหาเจ้าสาวให้ศพถือเป็นพิธีการที่ทำกันอย่างแพร่หลาย ที่ตระกูลผิงจัดงานศพใหญ่โตก็เพราะเหตุนี้เอง นอกจากงานศพแล้วที่น่าตกใจยิ่งกว่าคืองานสมรสของร่างที่นอนสิ้นลมอยู่ในโลงหัวหมูกับคนที่ยังมีชีวิต

“อย่าไปสนใจเลยน่า เดี๋ยวพอเขาเอาศพไปฝังเขาก็จะเอาลูกสาวมาคืนเจ้าแน่”

ตาแก่ถานที่ยืนฟังอยู่โพล่งขึ้นตามนิสัย แต่นั่นยิ่งทำให้มารดาของบุตรสาวที่ถูกขายไปหน้าซีดเซียวยิ่งกว่าเดิม

“พวกเขาไม่คิดจะปล่อยลูกสาวข้ากลับมา พวกเขาจะฝังนางไปพร้อม ๆ กับลูกชายของฮูหยินผิง ข้าอยากช่วยลูกสาวแต่สามีข้าไม่ยอมเพราะรับเงินจากฮูหยินผิงมาแล้ว”

“รับมาแล้วก็เอาไปคืนได้ เอาเงินไปคืนฮูหยินผิงเสีย”  เสวียนหนี่ออกความเห็น

“ไม่มี ไม่มีแล้ว สามีข้าเอาไปเล่นพนันหมดตัวแล้ว”

“จริงหรือ! เป็นพ่อคนประสาอะไรรู้ว่าลูกจะต้องถูกฝังทั้งเป็นแท้ ๆ ยังจะกล้าขายไปอีก สัตว์นรกกลับชาติมาเกิด! เลวทรามต่ำช้านัก! มารดามันเถอะ! เฮงซวยสิ้นดี!  ไอ้...ไอ้ชั่ว!”

เสวียนหนี่โมโหจนลืมตัวเผลอด่าทอบิดาของเด็กที่ถูกขายให้ตระกูลผิงเสียยกใหญ่ ถานถานที่ฟังนางด่าชายคนนั้นไม่เว้นวรรคเว้นตอนได้แต่อ้าปากค้าง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด    25.จุดสีแดงบนนิ้วมือ

    จุดสีแดงบนนิ้วมืออี้เฉินมองสาวรับใช้ที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาเขาหันไปสบตากับโม่โฉวและหลีเหว่ยหากเดาไม่ผิดสาวใช้นางนี้ประจำอยู่เรือนไป่เหอ คงมีเรื่องเกี่ยวกับสองสตรีต่างถิ่นมารายงานเป็นแน่แท้"มีอะไร"อี้เฉินถามเสียงเรียบ"ท่านประมุขแม่นางเสวียนหนี่กับแม่นางซูหนี่ตีกันแล้วเจ้าค่ะพวกนางตีกันอยู่หน้าเรือนไป่เหอเจ้าค่ะ ทำอย่างไรดีเจ้าคะ""ตะตีกัน"หลีเหว่ยทวนคำแล้วหมุนตัวเตรียมจะวิ่งไปดูแต่อี้เฉินและโม่โฉวยังสงบอยู่เขาจึงหันขวับกลับมามองแล้วถาม"ไม่รีบไปแยกพวกนางหรือขอรับท่านประมุข ท่านอาจารย์""รอสักหนึ่งเค่อเถิด""เหตุใดต้องรอ""ข้ายังอ่านตำราเล่มนี้ไม่จบ""หา อย่างนี้ก็ได้หรือ"หลีเหว่ยพึมพำเบา ๆประมุขหงใจเย็นถึงเพียงนี้แม้แต่สตรีที่กำลังจะมาเป็นภรรยามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเขายังมีอารมณ์นั่งอ่านตำราต่ออันที่จริงอี้เฉินก็เพียงแค่เข้าใจความคับแค้นใจของเสวียนหนี่เป็นอย่าง

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด    24.หาแสง

    หาแสงหญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ แต่ไม่ละสายตาจากห่าวอู๋แล้วพูดขึ้นโดยที่สายตายังจับจ้องร่างนั้นอยู่“เขานี่แหละตัดสินว่าข้าแอบอ้างตัวเป็นเสวียนหนี่…เอ๊ะ ข้าก็เป็นเสวียนหนี่อยู่แล้วนี่ ซูหนี่ต่างหากที่อ้างตัวเป็นข้า น่าโมโหชะมัด นางทำให้ผู้คนทั่วทั้งหุบเขาเรียกข้าว่าซูหนี่ข้าเกลียดชื่อนี้จะตายไป ว่าแต่เจ้าเถอะตาแก่ถาน”“ข้าทำไมหรือ”“เจ้ามีความหมางใจอะไรกับห่าวอู๋ผู้นี้ตอนตัดสินโทษเขามีสายตาแปลกประหลาดราวกับว่าไม่ต้องการให้เจ้ามีชีวิตรอด”“จะบ้าเรอะ ข้าจะไปมีเรื่องกับห่าวอู๋ได้อย่างไร ข้ากับเขามันคนละระดับ” "จริงสิ...หรือว่า...""ท่านประมุข แม่นางซูหนี่ขอเข้าพบเจ้าค่ะ"ที่เรือนเฝิ่งหง เสวียนหนี่ยืนรอการอนุญาตของอี้เฉินอยู่หน้าประตูหลังจากสาวใช้เข้าไปรายงานอี้เฉินได้พยักหน้ารับทราบ สาวใช้เดินออกมาบอก

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด    23.เลวยิ่งนัก!

    เลวยิ่งนัก!"ฮ่า ๆ""หยุดหัวเราะข้าเดี๋ยวนี้นะ""หยุดไม่ได้ ฮ่า ๆ""คุณหนูฉู่!"นางเงยหน้ามองใบหน้าที่ไม่เหมือนเดิมของถานถานแล้วกลั้นขำจนตัวโยนทุกครั้งที่ถานถานอ้าปากพูดเสวียนหนี่ก็ไม่อาจละสายตาจากช่องฟันกลวงโบ๋ที่หายไปหนึ่งซี่นั่นได้จริงๆ เมื่อสองชั่วยามก่อนเขาถูกถอนฟันออกจากปาก เป็นฟันซี่ที่อยู่ด้านหน้าสุดเพื่อเป็นการลงโทษสถานเบา แต่ชาวบ้านที่มามุงดูเข้าใจว่าเขาถูกประมุขหงสั่งลงโทษสถานหนักซึ่งรุงแรงถึงขั้นทำลายอวัยวะภายในเสียหายหลายจุด อันที่จริงแล้วที่เขาสูญเสียไปเป็นเพียงฟันหน้าหนึ่งซี่ก็เท่านั้น"รูปโฉมงดงามสง่าของข้าถูกทำลายลงเพราะประมุขหงหึซ้อมข้าทุบตีข้ายังดีกว่าเสียอีก""ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว""อืม...ว่าแต่เจ้าเด็กน่ารำคาญนั่นหายไปไหนเสียล่ะ""ไปเป็นตัวประกันให้ท่านเจ้าค่ะประมุขหงคิดว่านางคือลูกสาวแท้ ๆ ของท่านจึงเอาตัวนางไว้กันท่านหลบหนี""ฮ่า ๆ อย่างนี้นี่เอง ประมุขห

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   22.ตัดสินโทษเจี่ยนถานถาน

    ตัดสินโทษเจี่ยนถานถานยามโหย่วของวันเดียวกัน เสวียนหนี่ถูกแปลงโฉมใหม่เรียบร้อยนางไม่ได้ถูกส่งตัวเข้าห้องขังเช่นเดิม แต่ถูกนำตัวให้ไปพักที่เรือนไป๋เหอซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับซูหนี่พักอาศัยด้วยความเป็นห่วงพวกพ้องที่ยังอยู่ในห้องขังเสวียนหนี่จึงไม่ได้ตรงไปยังเรือนไป๋เหอทันทีแต่นางแวะมาที่ห้องขังเสียก่อนเมื่อย่างกายเข้ามายังบริเวณห้องขัง บรรดาผู้คุมต่างมองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้านั่นก็เพราะนางเปลี่ยนแปลงไปมากจริง ๆในสายตาพวกเขาสตรีงดงามผู้นี้ต่างจากสตรีมอมแมมที่ถูกคุมขังก่อนหน้านี้ไปถนัดตาฝ่ายถานถานพอเห็นว่าคนที่มาเยี่ยมเยือนคือเสวียนหนี่เขาก็ดีใจเป็นอย่างมาก เดินเข้ามาเกาะกรงห้องขังแล้วถาม“เจ้าหายไปไหนมาตั้งนานแล้วทำไมถึงได้แต่งกายด้วยชุดใหม่”“อย่าให้พูดเลยเรื่องมันยาว เอาเป็นว่าข้ากับประมุขหงได้ทำข้อตกลงกันบางอย่าง ท่านรู้เท่านี้ก็พอ…และที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจะมารับเพียนเพียนออกไป”“ละ แล้วข้าล่ะ&

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด    21.ยื่นข้อเสนอแลกชีวิต

    ยื่นข้อเสนอแลกชีวิตเมื่อได้ฟังชื่อของถานถานห่าวอู๋ก็มีแววตาที่เปลี่ยนไปโดยทันทีหลายสิบปีก่อนเขายังเป็นหนุ่มน้อยและได้รับหน้าที่ดูแลคลังเสบียงเป็นงานหลักเพียงอย่างเดียว หลังจากได้ทำงานที่มอบหมายได้เพียงสองปีก็เกิดไฟลุกไหม้ที่คลังเสบียงอย่างหนัก ข้าวของที่เก็บไว้ในคลังเสบียงถูกไฟเผาไหม้จนไม่เหลือซากตอนนั้นอี้เจ๋อโมโหหนักถึงขั้นสั่งให้คนตามล่าเอาชีวิตเจี่ยนถานถานตามหาเขาแทบพลิกแผ่นดิน ออกคำสั่งว่าหากพบเจอที่ใดสามารถสังหารถานถานได้ทันทีไม่ต้องจับกลับมาแบบเป็น ๆ“หลานจะรื้อคดีวางเพลิงคลังเสบียงขึ้นมาใหม่หรือ”“ไม่มีความจำเป็นต้องรื้อคดีใหม่ ในเมื่อเจี่ยนถานถานคือผู้กระทำผิด…เว้นเสียแต่ว่าคนที่วางเพลิงไม่ใช่เขา”ว่าแล้วอี้เฉินก็ตบท้ายด้วยรอยยิ้มแต่สายตาแข็งกร้าวมองตอบไม่กะพริบตาห่าวอู๋ไม่ได้รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นคือรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความจริงใจและคำพูดเมื่อครู่นี้ยังพูดขึ้นเพื่อประเมินดูปฏิกิริยาเขาว่าจะมีท่าทางอย่างไร

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด    20.ใครคือตัวจริง

    ใครคือตัวจริง"รื้อคดีหาใช่เรื่องที่ควรทำ""ทำไมหรือขอรับท่านประมุข"หลีเหว่ยรีบถามขึ้นโดยทันที ส่วนอาจารย์โม่โฉวก็เห็นด้วยกับอี้เฉินจึงพยักหน้าตามช้า ๆ"ท่านอาจารย์เห็นด้วยกับท่านประมุขหรือขอรับ""ถูกแล้ว ตอนที่คลังเสบียงถูกเผาครั้งนั้นผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลคลังเสบียงให้ประมุขอี้เจ๋อคือห่าวอู๋แต่ไม่คิดเลยว่าประมุขหงจะมีใจเป็นห่วงเป็นใยถานถานถึงเพียงนี้"เมื่ออ่านใจศิษย์เอกออกโม่โฉวก็ระบายยิ้มละมุนออกมา ยิ่งทำให้หลีเหว่ยมึนงงไปกันใหญ่เขามองทั้งสองคนสลับไปมา"ข้างงไปหมดแล้วขอรับ...ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านอาจารย์ต้องพูดว่าประมุขหงเป็นห่วงตาแก่ถานถานด้วยดูขัดกับนิสัยท่านประมุขหงนะขอรับ"พูดจบหลีเหว่ยก็หัวเราะแห้ง ๆ เพราะสายตาเฉียบคมที่มองมาทางเขาทำให้เขารู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ"การรื้อคดีไม่ใช่เรื่องดีสำหรับถานถาน เขาอาจจะถูกฆ่าปิดปากก็เป็นได้หากรื้อคดีขึ้นมาใหม่ สู้ให้เขายอมรับผิดแล้วหาวิธีการอื่นไถ่โทษจะดีกว่า"

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status