บิดาของนางที่เป็นรองกรมกลาโหม อาหารที่อยู่ในมิติของนาง ล้วนแต่สามารถนำไปเป็นเสบียงของกองทัพได้
“ขอบใจเจ้ามาก ไว้พ่อต้องการสิ่งใด จะบอกกล่าวเจ้าอย่างแน่นอน” เว่ยหมิงก็เห็นด้วยกับนาง เมื่อเขาเห็นกองข้าวสาร ของแห้งที่มีไม่น้อย ยังอดนึกไม่ได้ว่าหากส่งมอบให้พวกทหารจะดีเพียงใด
ทหารที่ชายแดนทั้งสี่ทิศ ล้วนแต่มีความเป็นอยู่ที่ลำบาก ผลผลิตที่ปลูกในพื้นที่เสบียงของหลวง ก็มิได้จะอุดมสมบูรณ์เท่าใด หากปีไหนผลผลิตไม่ดี พวกทหารย่อมต้องอดมื้อกินมื้ออย่างเลี่ยงไม่ได้
“อาเยว่ เรื่องนี้เจ้าห้ามบอกผู้ใดเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่” เขามองใบหน้าของบุตรสาวอย่างเคร่งเครียด
หากคนอื่นรู้เรื่องของสิ่งที่นางมีอยู่ ไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายมากเพียงใด
“เจ้าค่ะ ลูกก็ไม่คิดจะบอกผู้ใดอยู่แล้ว” แม้แต่บิดาของนาง นางก็ไม่คิดจะบอก หากเขาไม่มาเห็นนางโผล่ออกมาจากมิติ นางก็คงจะเก็บเป็นความลับไว้กับตัว
“เอาเถิด เรื่องอื่นไว้คุยกันภายหลัง ตอนนี้ออกไปด้านนอกกันก่อน” เขาเห็นว่าเข้ามาหลายชั่วยามแล้ว คนในจวนจะสงสัยเอาได้
แต่เมื่อสองพ่อลูกออกมาด้านนอก จึงได้รู้จากปากของแม่นมชุย ว่าทั้งสองอยู่ภายในห้องด้วยกันเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น
สองพ่อลูกมองหน้ากันอย่างมึนงง แต่พอนึกถึงความมหัศจรรย์ภายในมิติแล้ว จึงพอจะเดาได้ว่า เวลาด้านในเดินเร็วกว่าด้านนอกมากนัก
“อาเยว่ เจ้าพักผ่อนก่อนเถิด ร่างกายของเจ้ายังไม่หายดีนัก ไว้พ่อจะมาพูดคุยกับเจ้าใหม่ในภายหลัง”
“เจ้าค่ะ” ซีเยว่ส่งบิดาของนางที่หน้าเรือน นางก็กลับเข้ามานอนที่เตียงอีกครั้ง
เว่ยหมิงที่เดินกลับเรือนอย่างเลื่อนลอย เขาก็สวนกับบ่าวไม่น้อย ที่กำลังยกข้าวของมาที่เรือนของซีเยว่ เมื่อเห็นของที่พวกนางถืออยู่ เว่ยหมิงก็ถอนหายใจออกมา
หากเป็นเมื่อก่อนบุตรสาวคนรองของตนเห็นของที่สาวใช้พวกนี้กำลังนำมาให้ย่อมต้องดีใจอย่างที่สุด แต่ดูตอนนี้ท่าจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เมื่อของที่อยู่ในมิติของนางล้วนแต่ล้ำค่ากว่ามากนัก
อู๋ซื่อเพิ่งจะจัดการเรื่องที่น่าปวดหัวเรียบร้อย นางกลุ้มใจไม่น้อย เมื่อต้องคืนเงินที่ริบไว้กลับคืนไปให้ซีเยว่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางแอบเก็บเงินที่ต้องแบ่งให้ซีเยว่เดือนละยี่สิบตำลึงเงิน เก็บไว้ถึงสิบตำลึงเงินต่อเดือน
เมื่อต้องควักออกไปคืน ก็มีมากถึงหนึ่งพันสองร้อยตำลึงเงินเลยทีเดียว เช่นนี้จะไม่ให้นางปวดใจได้อย่างไร
“ท่านพี่ ท่านหายไปที่ใดมาเจ้าคะ” เมื่อเห็นเว่ยหมิงเดินเข้ามาในห้องโถงเรือนหลัก อู๋ซื่อก็เอ่ยถามเสียงหวานออกมา
“ไปดูอาการอาเยว่มา ต่อไปเรื่องของอาเยว่ เจ้าก็อย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก เรื่องแต่งงานของนางข้าจะจัดการเอง ส่วนเจ้าเตรียมตัวเรื่องดูตัวของอาชิง เรียบร้อยแล้วหรือยัง”
อู๋ซื่อใบหน้าบิดเบี้ยวทันที เมื่อสามีเอ่ยเรื่องจะจัดการงานแต่งให้ซีเยว่ด้วยตนเอง นางอุตส่าห์คิดจะให้ซีเยว่แต่งออกไปเป็นอนุให้หลานชายของนางเสียหน่อย
หากเป็นไปตามที่นางวางแผนไว้ นางจะสั่งให้หลานชายทรมานซีเยว่เช่นใดก็ย่อมได้ แต่พอเว่ยหมิงเอ่ยเช่นนี้ จะไม่ให้นางโมโหจนแทบกระอักเลือดได้อย่างไร
ตั้งแต่ที่ซีเยว่นางล้มป่วยครั้ง ดูเหมือนเรื่องราวก็แปรเปลี่ยนไม่เป็นไปอย่างที่นางคิดไว้เสียแล้ว
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ท่านพี่อยากให้ข้าเพิ่มสิ่งใดอีกหรือไม่เจ้าคะ” นางยิ้มกว้างออกมาเมื่อเอ่ยถึงเรื่องงานดูตัวของบุตรสาว
“ไม่มี” เว่ยหมิงเอ่ยเสร็จกำลังจะเดินไปที่ห้องตำรา ฝ่าเท้าของเขาก็หยุดชะงักลง เหมือนว่าเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“อาเฟิง เจ้าเขียนจดหมายไปสอบถามจวนตระกูลมู่เสียว่าเร่งการดูตัวได้หรือไม่” เขานึกถึงเรื่องที่ซีเยว่นางเอ่ยพูด
หากเป็นเช่นนั้นจริง กู้หยางคงเดินทางมาที่เมืองหลวงแล้ว ด้วยกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น จนต้องยกเลิกงานดูตัวของหลิวชิงไปเสียก่อน
“มีอันใดหรือไม่เจ้าคะ” อู๋ซื่อเอ่ยถามออกมาอย่างแปลกใจ
แต่ก่อนที่เว่ยหมิงจะเอ่ยบอกเรื่องที่เขากังวล เสียงเรียกหน้าห้องโถงก็ดังขึ้น
“นายท่านขอรับ มีคนจากตระกูลกู้ นามว่ากู้หยางมาขอพบขอรับ”
ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของเว่ยหมิง ให้มันได้เช่นนี้ เรื่องที่กลัวล้วนแต่เกิดขึ้นจนเขาไม่อาจตั้งตัวได้
“ไปเชิญเข้ามา” เขาถอนหายใจออกมา ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
อู๋ซื่อก็ตกใจไม่น้อย เรื่องนี้นางพอจะรู้จากพ่อสามี ว่าพวกเขามีสัญญาหมั้นหมายอยู่กับคนตระกูลกู้ ในเมื่อไม่ได้บอกว่าจะแต่งกับรุ่นใด นางจึงมิได้กังวลมากนัก แต่ไม่คิดว่าจะมาทวงสัญญาเร็วถึงเพียงนี้
“ทะ ท่านพี่” นางเอ่ยเรียกเว่ยหมิงเสียงสั่น
“เจ้าอย่าเพิ่งกังวล รอสอบถามให้รู้เรื่องราวเสียก่อน” เว่ยหมิงแม้จะมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังเอ่ยปลอบใจนางอู๋ซื่อ
กู้หยาง เดินทางจากเจียงซาน ที่อยู่ทางตอนใต้ของแคว้นต้าฉี มาเมืองหลวงเพื่อทวงสัญญาหมั้นหมาย ที่ทั้งสองตระกูลเคยทำกันไว้
ดวงตาที่เฉียบคมราวกับเหยี่ยวของเขา กวาดมองไปทั่วจวนตระกูลเว่ย ก่อนจะเดินตามพ่อบ้านเว่ยเข้ามาที่ห้องโถงเรือนหลัก
ภายในห้องโถงมีเว่ยหมิงที่ใบหน้าเรียบเฉยดูไม่ออกว่าเขาคิดสิ่งใด กับนางอู๋ซื่อที่มีความกังวลอยู่ในแววตาอย่างเห็นได้ชัด นั่งอยู่เพียงสองคนเท่านั้น
“คารวะใต้เท้าเว่ย ฮูหยินเว่ยขอรับ” เขาก้มหัวลงอย่างนอบน้อม
“ไม่ต้องมากพิธี เดินทางมาไกลเพียงนี้ เจ้ามีที่พักแล้วหรือยัง” เขาผายมือให้กู้หยางนั่งลงที่เก้าอี้
“ยังขอรับ ข้าน้อยจะไปพักที่โรงเตี๊ยมขอรับ”
“ไม่ต้องลำบากถึงเพียงนั้น เจ้าก็มิใช่คนอื่นไกล ที่จวนของข้าก็ยังมีเรือนว่างอยู่อีกหลายหลัง เจ้าพักที่นี่ก็แล้วกัน”
“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณท่านมากขอรับ” เขายกยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก
“แล้วเจ้ามาทำอันใดที่เมืองหลวงเล่า” เว่ยหมิงเอ่ยถามออกมา อู๋ซื่อบีบมือเข้าหากันแน่น อย่างรอคอยคำตอบ
กู้หยางมองไปที่ทั้งสอง ก่อนจะล่วงเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบกระดาษออกมาส่งให้เว่ยหมิง
เว่ยหมิงรับกระดาษด้วยมือสั่นเทา เนื้อความด้านในเป็นสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว ด้วยตัวเขาเองก็เก็บรักษาสัญญาไว้ด้วยหนึ่งฉบับ
“อืม...ข้ามิเคยลืม แล้วเจ้าคิดหรือยังว่าต้องการแต่งกับผู้ใด” อู๋ซื่อหันไปมองใบหน้าของเว่ยหมิงอย่างตื่นตกใจ นางคิดว่าสามีของนางจะยัดเหยียดบุตรสาวสักคนที่ถึงวัยแต่งงานแล้วให้กู้หยาง
กู้หยางยกยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาจ้องมองเข้าไปที่แววตาของเว่ยหมิง ก่อนจะเอ่ยตอบกลับมา
“เว่ยซีเยว่ขอรับ”
เว่ยหมิงกำกระดาษสัญญาแน่น เขาตกตะลึงไม่น้อย เมื่อชื่อที่เอ่ยออกมามิใช่หลิวชิงอย่างที่เขาเคยฝันถึง
อู๋ซื่อลอบถอนหายใจออกมา ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มอย่างพอใจ
“คุณชายกู้ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ามีบุตรสาวนามที่ท่านเอ่ยออกมา” เรื่องนี้สร้างความแปลกใจให้เขาไม่น้อย
“ท่านผู้เฒ่าเว่ย เคยเขียนจดหมายเล่าเรื่องหลานสาวของท่านให้กับท่านปู่ของข้าฟังขอรับ” คำแก้ตัวนี้พอจะฟังขึ้นเล็กน้อย
“เช่นนั้นก็ดี อาเยว่นางก็ไม่ได้มีสัญญาหมั้นหมายกับผู้ใด” อู๋ซื่อเอ่ยออกมา
เมื่อเขาเปิดออกดูจึงได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไว้ทั้งหมดผู้เป็นบิดารู้เรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลี้ยงมือสังหาร ยักยอกเงินคลังหลวงร่วมกับตระกูลมู่ แม้แต่เรื่องที่เขาส่งมือสังหารไปจัดการองค์ชายใหญ่หลายหนก็ถูกบันทึกไว้ทั้งหมด“หากยังไม่โง่เขลาจนเกินไปควรหยุดได้แล้ว” ฮ่องเต้มองที่องค์ชายสามอย่างเจ็บปวดเด็กน้อยที่วิ่งตามเขา ร้องเรียกเสด็จพ่อให้สนใจในสิ่งที่เขาทำเมื่อเยาว์วัย ไม่มีอีกแล้ว มีเพียงบุรุษหนุ่มที่ทำสิ่งใดก็ได้ เพื่อให้ได้บัลลังก์มาครอบครององค์ชายสามเมื่อเห็นแววตาของฮ่องเต้ที่มองมาทางเขาอย่างเจ็บปวด จึงสำนึกได้ว่าพระองค์รักเขาไม่น้อยไปกว่าบุตรคนอื่นเลย แต่มาคิดได้ตอนนี้ก็คงจะสายไปเสียแล้วหากไม่หลงเชื่อเสนาบดีมู่ ที่เป่าหูเขามาตั้งแต่เล็กว่าผู้เป็นบิดารักองค์ชายใหญ่มากกว่า และต่อไปบัลลังก์ก็ต้องเป็นขององค์ชายใหญ่ เขาคงไม่เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนเลือดเย็นเช่นนี้แน่“เสด็จพ่อ ลูกขอโทษ” เขาคุกเข่าลงอยู่ที่แทบเท้าของฮ่องเต้“ลูกขอโทษ ลูกไม่น่าหลงเชื่อคำคนตระกูลมู่ ลูกขอโทษ”เขาเอาแต่พร่ำเพ้อพูดเช่นนั้น และร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ“ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อคำพูดผู้ใด แต่หากเจ้าคิดสักนิดว่
กู้หยางใช้แผนการตลบหลัง ปล่อยให้คนขององค์ชายสามวางใจ เข้ามาภายในจวนของเขาได้อย่างไม่สงสัยซีเยว่เข้าไปอยู่ภายในมิติของนางพร้อมกับแม่นมชุยอย่างว่าง่าย สาวใช้คนอื่นนางให้กลับไปที่เรือนพัก หากได้ยินเสียงใดห้ามออกมาอย่างเด็ดขาด หากจะพาคนทั้งหมดหายเข้าไปในมิติก็ดูจะน่าสงสัยเกินไป ถ้าภายในจวนไม่มีสาวใช้อยู่เลยมู่เสวี่ยนั่งดื่มสุราอยู่ในหอโคมแดง เขารู้ดีว่าองค์ชายสามคงลงมือในคืนนี้“ออกไป วันนี้ข้าต้องการอยู่เพียงผู้เดียว” เขาไล่คณิกาอันดับหนึ่งที่เรียกหาทุกครั้งที่มา ออกไปอย่างไม่ไยดีภายในอกของเขารุ่มร้อนด้วยเรื่องที่จะเกิดกับซีเยว่ จนไม่อาจจะหาความสำราญเช่นปกติได้ จะเข้าไปช่วยนางก็ทำไม่ได้ มู่เสวี่ยได้แต่ดื่มสุราดับอารมณ์ที่ขุ่นมัวของตนเองเป็นอย่างที่คนของกู้หยางว่าไว้ เมื่อมือสังหารที่องค์ชายสามส่งมาลอบเข้ามาภายในจวนกู้ยามดึก ด้วยรู้มาว่าวันนี้กู้หยางจะอยู่หารือร่วมกับองค์ชายใหญ่ที่ตำหนักของพระองค์“...” มือสังหารเข้าไปเรือนนอนของซีเยว่อย่างง่ายดาย“หึ องครักษ์จวนกู้โง่เขลานัก คนลอบเข้ามามากเช่นนี้ ยังมิรู้เรื่องเลย” มือสังหารเอ่ยดูแคลนออกมาเสี่ยวซีและเสี่ยวสือรวมถึงคนอื่นได้แต่หนังตา
องค์ชายใหญ่เดินเข้าไปหาพ่อบ้านเว่ยที่ตกตะลึงอยู่หน้าวังอย่างร้อนใจ“เกิดเรื่องใดขึ้น อาเยว่นางเป็นอันใด”“เอ่อ...ฮูหยินกู้นางตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเว่ยเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“ห๊ะ!!! คราวหลังเจ้าก็พูดให้เร็วกว่านี้” องค์ชายใหญ่รีบร้อนตามกู้หยางไปที่จวนตระกูลเว่ยทันทีเสี่ยวซีที่รออยู่ด้านนอกวังหลวงก็รีบร้อนติดตามผู้เป็นนาย เพื่อบอกกล่าวเรื่องน่ายินดีให้เขาได้รู้ก่อนที่จะร้อนใจจากคำพูดของพ่อบ้านเว่ยแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว กู้หยางใช้วิชาตัวเบาทะยานไปตามหลังคาบ้านเรือนโดยไม่สนใจสายตาของชาวเมืองที่มองมาด้วยความใคร่รู้ ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่วรยุทธ์สูงเช่นนี้ เห็นแต่เพียงแผ่นหลังที่หายไปของเขาเข้าไปภายในจวนตระกูลเว่ยเสี่ยวซีที่ตามมาทันกู้หยาง ก่อนจะเดินเข้าห้องโถง จึงได้บอกเรื่องสำคัญที่ได้รู้มา แต่ว่ายังมิทันได้บอกเรื่องตั้งครรภ์ของซีเยว่ กู้หยางก็พุ่งตัวเขาไปตามทิศที่สาวใช้นางบอกตำแหน่งของซีเยว่แล้ว“อาหยางเจ้ามาเสียที่ ข้า...” เว่ยหมิงที่เห็นกู้หยางกำลังพุ่งตัวเข้ามาภายในห้องโถง ก็ต้องชะงักนิ่งมีเพียงสายลมที่พัดผ่านตัวเขา พร้อมกับร่างที่หายไปแล้วของกู้หยาง“อาเยว่!!!” เขาร้
ตอนนี้ภายในจวนของเขาสงบยิ่งนัก ทั้งเรื่องสัญญาหมั้นหมายของบุตรสาวบุตรชายก็ดูจะราบรื่นไปเสียทุกสิ่ง ไหนจะเรื่องหน้าที่การงานของเขา มายามนี้ยังได้ข่าวดีที่ตนจะได้เป็นท่านตาแล้วอีกด้วย“ตกรางวัลให้คนทั้งจวน!!!” เขาร้องบอกพ่อบ้านเว่ย พร้อมทั้งให้เงินค่าตรวจท่านหมอไปเสียหนักอึ้ง ก่อนจะให้พ่อบ้านเว่ยไปส่งท่านหมอที่โรงหมอ และส่งคนไปรอแจ้งกู้หยางที่หน้าวังหลวงซีเยว่นางยังตกตะลึงไม่หาย ได้แต่นั่งนิ่งอึ้งอยู่บนเตียงตั่ง เสียงพูดแสดงความยินดีรอบข้างนางไม่ได้ยินเลยว่าทุกคนเอ่ยพูดเช่นไร“ข้าท้องรึเจ้าคะ ข้าจะมีลูกรึ” นางมองไปที่อู๋ซื่อ หลิวชิง เว่ยหมิงและแม่นมชุยอย่างไม่อยากเชื่ออยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ว่ามาจากที่ใดมากมาย“อาเยว่!!!” หลิวชิงร้องออกมาด้วยความตกใจ นางเพิ่งจะเห็นน้องรองนางร้องไห้ก็วันนี้เอง“อาเยว่ อย่าร้อง ประเดี๋ยวเด็กในท้องเจ้าจะขี้แยเอา” อู๋ซื่อเอ่ยเย้านางออกมา“จริงเจ้าค่ะ” แม่นมชุยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่นางก็ลอบปาดน้ำตาทิ้งอย่างเงียบๆด้วยท่าทีของซีเยว่ยามเมื่อรู้ว่านางตั้งครรภ์ช่างเหมือนกับถานเหยามารดาของนางไม่มีผิดเพี้ยนเช่นนี้แล้ว จะให้แม่นมชุยไม่ร้องไห้ออกมาได้
ดูเหมือนว่าคำสั่งครั้งนี้หมายมาเอาชีวิตซีเยว่นางโดยตรงด้วย หากไม่มีนางเรื่องทำเกลือ เรื่องทำหน้าไม้ แม้แต่เรื่องยาที่ส่งให้กองทัพก็คงไม่เกิดขึ้น องค์ชายสามจึงคิดที่จะกำจัดนางไปด้วยเลยแต่เรื่องนี้มู่เสวี่ยไม่รู้มาก่อน หากเขารู้ความคิดขององค์ชายสามที่สั่งการคนของพระองค์ คงจะเอ่ยห้ามไว้แล้ว ด้วยหากกู้หยางตายลง อย่างไรก็สามารถเก็บซีเยว่ ดึงนางมาเป็นคนของตนได้เมื่อไม่มีองค์ชายใหญ่ให้ต้องคอยคุ้มกัน กู้หยางก็ได้ลงมืออย่างเต็มที่ วรยุทธ์ของเขาทั้งหมดที่เก็บซ่อนไว้จึงได้เผยออกมา อย่าว่าแต่องครักษ์ขององค์ชายสามเลยที่ตกตะลึงกับความรุนแรงและพลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายเขาคนของสำนักจืออวี้ และองครักษ์ขององค์ชายใหญ่ต่างก็ล้วนแต่ตกตะลึง“พาคนที่บาดเจ็บล่วงหน้าไปโรงหมอที่เมืองหน้าก่อน ข้าจะตามไปภายหลัง” เขาสั่งการกับองครักษ์ขององค์ชายใหญ่ที่ต่างได้รับบาดเจ็บกันไม่น้อยคนที่อยู่กับกู้หยางมีเพียงเสี่ยวซีแล้วเสี่ยวสือที่จะทำหน้าที่บังคับรถม้าทั้งสองคันเท่านั้น“เจ้าว่า อาหยางจะจัดการมือสังหารเรียบร้อยแล้วหรือยัง” องค์ชายใหญ่เอ่ยถามซีเยว่ที่นั่งหน้าเครียดออกอย่างร้อนใจซีเยว่คำนวณเวลาก็เห็นว่าด้านนอกผ่าน
เสนาบดีมู่เมื่อได้ยินคำว่าเมืองเจียงซานใบหน้าของเขาก็ซีดขาวลงทันที ด้วยข่าวที่ซื้อมาจากสำนักจืออวี้มิใช่เรื่องที่องค์ชายใหญ่เดินทางไปทำเกลือ แล้วทำออกมาได้สำเร็จอีกด้วย เช่นนี้แล้วองค์ชายสามจะเอาสิ่งใดไปสู้ได้“ใต้เท้าเว่ย บุตรีของเจ้าสร้างประโยชน์ไม่น้อยเลย” ฮ่องเต้ตรัสชมออกมา“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ บุตรีกระหม่อมมีความรู้ตื้นเขิน หากมิได้องค์ชายใหญ่ ท่านเจ้าเมืองกู้และบุตรเขยของกระหม่อม ก็คงมิอาจทำเกลือออกมาได้” เว่ยหมิงคุกเข่าก้มหน้านิ่ง“เหอะ” ฮ่องเต้ได้แต่มองเว่ยหมิงด้วยความหมั่นไส้ เพียงประโยคถ่อมตัวประโยคเดียวของเขา ก็สร้างความชอบให้กับผู้ที่เขาเอ่ยออกมาได้ครบทุกคน“รอให้เดินทางกลับมาจากเจียงซานก่อน เจิ้นจะตกรางวัลให้อย่างงาม” ขุนนางไม่น้อยต่างมองมาทางเว่ยหมิงด้วยความอิจฉา ไม่รู้ว่าเขาทำบุญด้วยอันใดถึงได้มีบุตรสาวและบุตรเขยมากความสามารถเช่นนี้ภายในตำหนักขององค์ชายสาม เสียงขว้างปาข้าวของตกแตกดังลั่นไปทั่วทั้งตำหนัก“เดรัจฉาน!!! เหตุใดพวกมันถึงไม่ตายไปเสีย”เสนาบดีมู่และมู่เสวี่ย ที่นำความมาบอกกล่าว หวาดกลัวว่าจะถูกลูกหลงจนต้องหลบอยู่ที่มุมห้อง“โปรดระงับโทสะก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย”