บ่าวในจวนของซีเยว่คุกเข่าลงเนื้อตัวสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว ผู้ใดจะไม่รู้บ้างว่า คุณหนูรองเว่ยซีเยว่ เป็นบุตรสาวที่เว่ยหมิงเอ็นดูมากที่สุด
อาจจะด้วยเห็นใจนางที่สูญเสียมารดาตั้งแต่เล็ก ทั้งยังรักมารดาของนางมากกว่าฮูหยินเอกหรืออนุคนอื่น
“ทะ ท่านพ่อ” ซีเยว่ที่เพิ่งรู้สึกตัวเมื่อครู่ ก็ได้ยินเสียงของบิดาที่กำลังมีโทสะอยู่ นางจึงเอ่ยเรียกเสียงเบาออกมา
“อาเยว่ เจ้าเป็นเช่นใดบ้าง” เว่ยหมิงพุ่งตัวเข้ามาหาซีเยว่ที่เตียงของนาง
เป็นเวลาที่อู๋ซื่อเดินมาถึงที่เรือนของซีเยว่พอดี ด้วยกลัวว่าซีเยว่นางจะเอ่ยบอกความจริงกับผู้เป็นสามี นางจึงได้รีบเดินเข้ามา
“สวรรค์ อาเยว่ เจ้าฟื้นแล้ว เจ้าทำให้แม่ใหญ่กับบิดาของเจ้าตกใจเสียแทบแย่” อู๋ซื่อรีบพุ่งตัวเข้ามาจับมือของนางไว้แน่น ราวกับจะเอ่ยบอกว่าห้ามเอ่ยเรื่องที่นางใช้ให้ออกไปซื้อของเด็ดขาด
ทุกครั้ง เพียงแค่นางส่งสายตาซีเยว่ก็ล้วนเข้าใจในสิ่งที่นางคิดจะบอกอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่กับครั้งนี้
“แม่ใหญ่ ฮึก...ของที่ข้าซื้อมาให้พี่หญิงครบหรือไม่เจ้าคะ ฮึก...ข้าเห็นว่าฝนทำท่าจะตกจึงได้รีบร้อนกลับเรือน ไม่รู้ว่าได้ของครบหรือไม่” แม่นมจินและบ่าวให้จวนต่างตกตะลึงไม่น้อย ที่ซีเยว่นางเอ่ยเรื่องเช่นนี้ออกมา
แม้แต่อู๋ซื่อก็ใจกระตุก จนเผลอหันไปมองใบหน้าของผู้เป็นสามี ก็เห็นว่าเขามองมาทางนางเช่นกัน
“เจ้าหมายความเช่นไร อาเยว่ เจ้ามิได้ออกไปเที่ยวเล่นเช่นนั้นรึ” น้ำเสียงของเว่ยหมิงแข็งกร้าวจนน่าหวาดกลัว
“โถ่...ท่านพี่ อาเยว่นางก็ออกไปเที่ยวเล่นเช่นทุกครั้ง นางคงจำสับสนเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ข้าฝากนางซื้อของให้ชิงชิง แต่คงเป็นด้วยพิษไข้ นางถึงได้จำผิดจำถูกเช่นนี้” อู๋ซื่อบีบมือของซีเยว่แน่นขึ้น
“จริงรึ อาเยว่” เว่ยหมิงบอกบุตรสาวที่ใบหน้าซีดขาวบนเตียงอย่างสงสัย
“หึ แม่ใหญ่ ท่านคิดว่าข้าเพ้อจากพิษไข้ใช่หรือไม่ แต่เปล่าเลย ข้าไม่ได้เพ้อ เรื่องที่ท่านสั่งล้วนเป็นสิ่งที่ข้าให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก แม้แต่ตอนที่ข้าไร้สติ ข้ายังกังวลว่าจะซื้อของให้พี่หญิงไม่ครบเลยเจ้าค่ะ” ซีเยว่แสร้งทำหน้าเศร้าออกมา
เมื่อรวมกับอาการที่ยังไม่ฟื้นตัวดีของนางก็ยิ่งทำให้นางน่าเห็นใจเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
ซีเยว่รู้สึกตัวตั้งแต่ก่อนที่บิดาของนางจะเดินเข้ามาแล้ว นางคิดทบทวนเรื่องราวที่ทำให้ตัวนางนอนล้มป่วยอยู่บนเตียง เพื่อจะได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ในเมื่อได้ย้อนกลับมา หากคิดว่านางร้ายกาจ นางก็จะร้ายให้เหลือแสน เอาคืนคนที่ทำร้ายนางทั้งหมด นางจึงคิดที่จะหว่านพืชลงไปในใจของบิดา เรื่องที่นางถูกรังแกจากอู๋ซื่อมาตลอด
“เรื่องนี้ข้าจะสอบสวนอีกครั้ง อาเยว่ เจ้าพักต่ออีกหน่อยดีหรือไม่” เขาสงสารบุตรสาวคนรองที่เอ่ยเรื่องราวออกมาแทบจะไม่มีเสียงให้ได้ยิน
“ท่านพ่อ ลูกอยากจะขอท่านอีกสักเรื่องเจ้าค่ะ” ซีเยว่สะบัดมือจากการเกาะกุมของอู๋ซื่อออก แล้วคว้าเอามือของเว่ยหมิงเข้ามาจับไว้แน่น
“เจ้าว่ามาเถิด” เขานั่งลงข้างเตียงของนาง เพื่อจะได้ฟังสิ่งที่นางพูดให้ชัดขึ้น
“ลูกอยากเปลี่ยนสาวใช้ในเรือนทั้งหมด แม่นมจินลูกก็ขอคืนให้ท่านแม่ใหญ่ ส่วนเรื่องสาวใช้ที่จะเข้ามาทำงานในเรือนของลูก ลูกขอเลือกเองเจ้าค่ะ”
“ไม่ได้!!! ข้าเป็นผู้ดูแลเรือนหลัง เจ้าจะมาเอาแต่ใจเช่นนี้ได้อย่างไร” อู๋ซื่อกรีดร้องออกมาอย่างลืมตัว
“ท่านแม่ใหญ่ ท่านก็เห็น สาวใช้พวกนี้หรือแม้แต่แม่นมจิน พวกนางล้วนแต่ออกไปซื้อข้าวของแทนข้าได้ แต่เหตุใดนางถึงปล่อยให้ข้าออกไป ทั้งที่รู้ว่าฝนใกล้จะตกแล้ว แค่ก แค่ก...” ซีเยว่แสร้งไอออกมา จนใบหน้าของนางแดงก่ำไปทั้งหน้า
“แต่ว่า...” อู๋ซื่อที่ไม่ยินยอมก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“พอแล้ว!!! เปลี่ยนก็ดี สาวใช้พวกนี้ล้วนไม่ได้ความ แม่นมจินก็ด้วย สั่งสอนจนอาเยว่นางเสียคนหมดแล้ว” เขาปรายตามองไปที่อู๋ซื่ออย่างตำหนิ ด้วยรู้แก่ใจว่า แม่นมจินเป็นคนของนาง
ยามนั้นที่อู๋ซื่อจัดการให้แม่นมจินมาดูแลซีเยว่ เขายังอยู่ในช่วงเวลาที่เศร้าโศกที่สูญเสียมารดาของซีเยว่ไป จึงไม่ได้สนใจว่าผู้ใดเลี้ยงดูนาง
แต่เมื่อจะจัดการเปลี่ยนตัวแม่นมใหม่ ซีเยว่ก็ติดแม่นมจินไปเสียแล้ว พอบุตรสาวเอ่ยเรื่องการเปลี่ยนสาวใช้ใหม่ครั้งนี้ เขาจึงเห็นด้วยกับนางแทบจะในทันที
“ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ” นางจับมือของเว่ยหมิงมาถูที่แก้มอย่างออดอ้อน
แววตามองเว่ยหมิงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด นานเพียงใดแล้วที่ซีเยว่ไม่เข้ามาออดอ้อนเขาเช่นนี้ นางมักจะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาพบเขา ด้วยนิสัยยามเติบโตที่เปลี่ยนไปไม่น้อยของนาง ที่กลายเป็นคนดื้อรั้น เขาก็เบื่อหน่ายเกินกว่าจะใส่ใจเรื่องของนาง
ยิ่งใบหน้าของซีเยว่ละม้ายคล้ายมารดาของนางอยู่หลายส่วน ยิ่งทำให้เว่ยหมิงอดจะเอ็นดูนางเพิ่มขึ้นมาไม่ได้
ผิดกับอู๋ซื่อที่จ้องมองมาทางสองพ่อลูกที่แสดงความรักกันอย่างโกรธแค้น นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดซีเยว่จึงไม่ฟังคำสั่งนางอีก ด้วยใบหน้าของซีเยว่ที่เหมือนสตรีที่เป็นหนามแทงใจนาง อู๋ซื่อแทบจะคุมตัวนางไม่อยู่อยากจะเข้าไปกระชากให้ทั้งสองแยกจากกัน
หากไม่ได้แม่นมจินสะกิดเรียกสตินางไว้เสียก่อน นางคงได้ทำเรื่องโง่ๆ ลงไปแล้ว
“คุณหนูรองท่านไม่ต้องการบ่าวแล้วรึเจ้าคะ” แม่นมจินคุกเข่าลงสะอื้นไห้อย่างปวดใจ
“อาเยว่ เจ้าดูแม่นมจิน นางเลี้ยงดูเจ้ามา ถูกเจ้าออกปากไล่เช่นนี้ นางคงปวดใจไม่น้อย” อู๋ซื่อได้ที ก็รีบเอ่ยออกมา
“หากแม่นมจิน รักข้าจริงดังที่ปากท่านว่า ท่านคงไม่เลี้ยงดูข้ามาให้กลายเป็นคนร้ายกาจเพียงนี้” คำพูดตัดพ้อที่ออกมาจากปากของซีเยว่ทำให้แม่นมจินที่สะอื้นไห้อยู่ถึงกับลืมตัวหยุดร้องไห้กลางคัน
“หึ” เว่ยหมิงส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ เมื่อมองไปที่แม่นมจินที่กำลังตกตะลึงอยู่
“เช่นนั้นก็แล้วแต่ท่านพี่เห็นสมควร น้องว่าปล่อยให้อาเยว่พักก่อนดีหรือไม่ สาวใช้ก็ค่อยจัดการหลังจากที่อาเยว่หายดีก็แล้วกัน” หากยังอยู่ต่อมีหวัง ซีเยว่นางได้เอ่ยฟ้องเรื่องที่ผ่านมากับสามีของนางแน่
“ไม่เจ้าค่ะ ให้พวกนางออกไปจากเรือนข้าตั้งแต่วันนี้เลย เหลือไว้เพียงเสี่ยวชุยคนเดียวพอ หลังจากที่ลูกหายดีแล้ว ลูกจะไปเลือกสาวใช้ด้วยตนเอง” ซีเยว่ไม่ต้องการให้คนของอู๋ซื่ออยู่ให้นางรำคาญลูกตาอีก
“ได้ๆ เจ้าพักเถิด พ่อจะจัดการให้เจ้าเอง” เว่ยหมิงไม่ได้หันไปมองหน้าเมียเอกของตน เขาจึงไม่รู้ว่านางไม่พอใจมากเพียงใด
ซีเยว่นางเองก็ไม่สนใจ ในเมื่อชื่อเสียงของนาง เอาแต่ใจตนเองอยู่แล้ว หากจะก่อเรื่องเพิ่มอีกเรื่องจะเป็นอันใดไปเล่า
เว่ยหมิงไล่สาวใช้พร้อมทั้งแม่นมจินออกจากเรือนของซีเยว่ไปทั้งหมด เหลือไว้เพียงเสี่ยวชุยเพียงผู้เดียว
ที่ซีเยว่นางเลือกเสี่ยวชุยก็ด้วย นางเป็นสาวใช้ข้างกายมารดาของนางมาก่อน ในตอนแรกเสี่ยวชุยก็จะต้องมาทำหน้าที่แม่นมให้นาง แต่ซีเยว่ที่ถูกแม่นมจินคอยเป่าหูมาตลอด จึงไล่ให้นางไปเป็นเพียงสาวใช้ทิ้งของเสีย ไม่ให้อยู่รกตาของนาง
เมื่อเขาเปิดออกดูจึงได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไว้ทั้งหมดผู้เป็นบิดารู้เรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลี้ยงมือสังหาร ยักยอกเงินคลังหลวงร่วมกับตระกูลมู่ แม้แต่เรื่องที่เขาส่งมือสังหารไปจัดการองค์ชายใหญ่หลายหนก็ถูกบันทึกไว้ทั้งหมด“หากยังไม่โง่เขลาจนเกินไปควรหยุดได้แล้ว” ฮ่องเต้มองที่องค์ชายสามอย่างเจ็บปวดเด็กน้อยที่วิ่งตามเขา ร้องเรียกเสด็จพ่อให้สนใจในสิ่งที่เขาทำเมื่อเยาว์วัย ไม่มีอีกแล้ว มีเพียงบุรุษหนุ่มที่ทำสิ่งใดก็ได้ เพื่อให้ได้บัลลังก์มาครอบครององค์ชายสามเมื่อเห็นแววตาของฮ่องเต้ที่มองมาทางเขาอย่างเจ็บปวด จึงสำนึกได้ว่าพระองค์รักเขาไม่น้อยไปกว่าบุตรคนอื่นเลย แต่มาคิดได้ตอนนี้ก็คงจะสายไปเสียแล้วหากไม่หลงเชื่อเสนาบดีมู่ ที่เป่าหูเขามาตั้งแต่เล็กว่าผู้เป็นบิดารักองค์ชายใหญ่มากกว่า และต่อไปบัลลังก์ก็ต้องเป็นขององค์ชายใหญ่ เขาคงไม่เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนเลือดเย็นเช่นนี้แน่“เสด็จพ่อ ลูกขอโทษ” เขาคุกเข่าลงอยู่ที่แทบเท้าของฮ่องเต้“ลูกขอโทษ ลูกไม่น่าหลงเชื่อคำคนตระกูลมู่ ลูกขอโทษ”เขาเอาแต่พร่ำเพ้อพูดเช่นนั้น และร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ“ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อคำพูดผู้ใด แต่หากเจ้าคิดสักนิดว่
กู้หยางใช้แผนการตลบหลัง ปล่อยให้คนขององค์ชายสามวางใจ เข้ามาภายในจวนของเขาได้อย่างไม่สงสัยซีเยว่เข้าไปอยู่ภายในมิติของนางพร้อมกับแม่นมชุยอย่างว่าง่าย สาวใช้คนอื่นนางให้กลับไปที่เรือนพัก หากได้ยินเสียงใดห้ามออกมาอย่างเด็ดขาด หากจะพาคนทั้งหมดหายเข้าไปในมิติก็ดูจะน่าสงสัยเกินไป ถ้าภายในจวนไม่มีสาวใช้อยู่เลยมู่เสวี่ยนั่งดื่มสุราอยู่ในหอโคมแดง เขารู้ดีว่าองค์ชายสามคงลงมือในคืนนี้“ออกไป วันนี้ข้าต้องการอยู่เพียงผู้เดียว” เขาไล่คณิกาอันดับหนึ่งที่เรียกหาทุกครั้งที่มา ออกไปอย่างไม่ไยดีภายในอกของเขารุ่มร้อนด้วยเรื่องที่จะเกิดกับซีเยว่ จนไม่อาจจะหาความสำราญเช่นปกติได้ จะเข้าไปช่วยนางก็ทำไม่ได้ มู่เสวี่ยได้แต่ดื่มสุราดับอารมณ์ที่ขุ่นมัวของตนเองเป็นอย่างที่คนของกู้หยางว่าไว้ เมื่อมือสังหารที่องค์ชายสามส่งมาลอบเข้ามาภายในจวนกู้ยามดึก ด้วยรู้มาว่าวันนี้กู้หยางจะอยู่หารือร่วมกับองค์ชายใหญ่ที่ตำหนักของพระองค์“...” มือสังหารเข้าไปเรือนนอนของซีเยว่อย่างง่ายดาย“หึ องครักษ์จวนกู้โง่เขลานัก คนลอบเข้ามามากเช่นนี้ ยังมิรู้เรื่องเลย” มือสังหารเอ่ยดูแคลนออกมาเสี่ยวซีและเสี่ยวสือรวมถึงคนอื่นได้แต่หนังตา
องค์ชายใหญ่เดินเข้าไปหาพ่อบ้านเว่ยที่ตกตะลึงอยู่หน้าวังอย่างร้อนใจ“เกิดเรื่องใดขึ้น อาเยว่นางเป็นอันใด”“เอ่อ...ฮูหยินกู้นางตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านเว่ยเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“ห๊ะ!!! คราวหลังเจ้าก็พูดให้เร็วกว่านี้” องค์ชายใหญ่รีบร้อนตามกู้หยางไปที่จวนตระกูลเว่ยทันทีเสี่ยวซีที่รออยู่ด้านนอกวังหลวงก็รีบร้อนติดตามผู้เป็นนาย เพื่อบอกกล่าวเรื่องน่ายินดีให้เขาได้รู้ก่อนที่จะร้อนใจจากคำพูดของพ่อบ้านเว่ยแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว กู้หยางใช้วิชาตัวเบาทะยานไปตามหลังคาบ้านเรือนโดยไม่สนใจสายตาของชาวเมืองที่มองมาด้วยความใคร่รู้ ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่วรยุทธ์สูงเช่นนี้ เห็นแต่เพียงแผ่นหลังที่หายไปของเขาเข้าไปภายในจวนตระกูลเว่ยเสี่ยวซีที่ตามมาทันกู้หยาง ก่อนจะเดินเข้าห้องโถง จึงได้บอกเรื่องสำคัญที่ได้รู้มา แต่ว่ายังมิทันได้บอกเรื่องตั้งครรภ์ของซีเยว่ กู้หยางก็พุ่งตัวเขาไปตามทิศที่สาวใช้นางบอกตำแหน่งของซีเยว่แล้ว“อาหยางเจ้ามาเสียที่ ข้า...” เว่ยหมิงที่เห็นกู้หยางกำลังพุ่งตัวเข้ามาภายในห้องโถง ก็ต้องชะงักนิ่งมีเพียงสายลมที่พัดผ่านตัวเขา พร้อมกับร่างที่หายไปแล้วของกู้หยาง“อาเยว่!!!” เขาร้
ตอนนี้ภายในจวนของเขาสงบยิ่งนัก ทั้งเรื่องสัญญาหมั้นหมายของบุตรสาวบุตรชายก็ดูจะราบรื่นไปเสียทุกสิ่ง ไหนจะเรื่องหน้าที่การงานของเขา มายามนี้ยังได้ข่าวดีที่ตนจะได้เป็นท่านตาแล้วอีกด้วย“ตกรางวัลให้คนทั้งจวน!!!” เขาร้องบอกพ่อบ้านเว่ย พร้อมทั้งให้เงินค่าตรวจท่านหมอไปเสียหนักอึ้ง ก่อนจะให้พ่อบ้านเว่ยไปส่งท่านหมอที่โรงหมอ และส่งคนไปรอแจ้งกู้หยางที่หน้าวังหลวงซีเยว่นางยังตกตะลึงไม่หาย ได้แต่นั่งนิ่งอึ้งอยู่บนเตียงตั่ง เสียงพูดแสดงความยินดีรอบข้างนางไม่ได้ยินเลยว่าทุกคนเอ่ยพูดเช่นไร“ข้าท้องรึเจ้าคะ ข้าจะมีลูกรึ” นางมองไปที่อู๋ซื่อ หลิวชิง เว่ยหมิงและแม่นมชุยอย่างไม่อยากเชื่ออยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ว่ามาจากที่ใดมากมาย“อาเยว่!!!” หลิวชิงร้องออกมาด้วยความตกใจ นางเพิ่งจะเห็นน้องรองนางร้องไห้ก็วันนี้เอง“อาเยว่ อย่าร้อง ประเดี๋ยวเด็กในท้องเจ้าจะขี้แยเอา” อู๋ซื่อเอ่ยเย้านางออกมา“จริงเจ้าค่ะ” แม่นมชุยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่นางก็ลอบปาดน้ำตาทิ้งอย่างเงียบๆด้วยท่าทีของซีเยว่ยามเมื่อรู้ว่านางตั้งครรภ์ช่างเหมือนกับถานเหยามารดาของนางไม่มีผิดเพี้ยนเช่นนี้แล้ว จะให้แม่นมชุยไม่ร้องไห้ออกมาได้
ดูเหมือนว่าคำสั่งครั้งนี้หมายมาเอาชีวิตซีเยว่นางโดยตรงด้วย หากไม่มีนางเรื่องทำเกลือ เรื่องทำหน้าไม้ แม้แต่เรื่องยาที่ส่งให้กองทัพก็คงไม่เกิดขึ้น องค์ชายสามจึงคิดที่จะกำจัดนางไปด้วยเลยแต่เรื่องนี้มู่เสวี่ยไม่รู้มาก่อน หากเขารู้ความคิดขององค์ชายสามที่สั่งการคนของพระองค์ คงจะเอ่ยห้ามไว้แล้ว ด้วยหากกู้หยางตายลง อย่างไรก็สามารถเก็บซีเยว่ ดึงนางมาเป็นคนของตนได้เมื่อไม่มีองค์ชายใหญ่ให้ต้องคอยคุ้มกัน กู้หยางก็ได้ลงมืออย่างเต็มที่ วรยุทธ์ของเขาทั้งหมดที่เก็บซ่อนไว้จึงได้เผยออกมา อย่าว่าแต่องครักษ์ขององค์ชายสามเลยที่ตกตะลึงกับความรุนแรงและพลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายเขาคนของสำนักจืออวี้ และองครักษ์ขององค์ชายใหญ่ต่างก็ล้วนแต่ตกตะลึง“พาคนที่บาดเจ็บล่วงหน้าไปโรงหมอที่เมืองหน้าก่อน ข้าจะตามไปภายหลัง” เขาสั่งการกับองครักษ์ขององค์ชายใหญ่ที่ต่างได้รับบาดเจ็บกันไม่น้อยคนที่อยู่กับกู้หยางมีเพียงเสี่ยวซีแล้วเสี่ยวสือที่จะทำหน้าที่บังคับรถม้าทั้งสองคันเท่านั้น“เจ้าว่า อาหยางจะจัดการมือสังหารเรียบร้อยแล้วหรือยัง” องค์ชายใหญ่เอ่ยถามซีเยว่ที่นั่งหน้าเครียดออกอย่างร้อนใจซีเยว่คำนวณเวลาก็เห็นว่าด้านนอกผ่าน
เสนาบดีมู่เมื่อได้ยินคำว่าเมืองเจียงซานใบหน้าของเขาก็ซีดขาวลงทันที ด้วยข่าวที่ซื้อมาจากสำนักจืออวี้มิใช่เรื่องที่องค์ชายใหญ่เดินทางไปทำเกลือ แล้วทำออกมาได้สำเร็จอีกด้วย เช่นนี้แล้วองค์ชายสามจะเอาสิ่งใดไปสู้ได้“ใต้เท้าเว่ย บุตรีของเจ้าสร้างประโยชน์ไม่น้อยเลย” ฮ่องเต้ตรัสชมออกมา“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ บุตรีกระหม่อมมีความรู้ตื้นเขิน หากมิได้องค์ชายใหญ่ ท่านเจ้าเมืองกู้และบุตรเขยของกระหม่อม ก็คงมิอาจทำเกลือออกมาได้” เว่ยหมิงคุกเข่าก้มหน้านิ่ง“เหอะ” ฮ่องเต้ได้แต่มองเว่ยหมิงด้วยความหมั่นไส้ เพียงประโยคถ่อมตัวประโยคเดียวของเขา ก็สร้างความชอบให้กับผู้ที่เขาเอ่ยออกมาได้ครบทุกคน“รอให้เดินทางกลับมาจากเจียงซานก่อน เจิ้นจะตกรางวัลให้อย่างงาม” ขุนนางไม่น้อยต่างมองมาทางเว่ยหมิงด้วยความอิจฉา ไม่รู้ว่าเขาทำบุญด้วยอันใดถึงได้มีบุตรสาวและบุตรเขยมากความสามารถเช่นนี้ภายในตำหนักขององค์ชายสาม เสียงขว้างปาข้าวของตกแตกดังลั่นไปทั่วทั้งตำหนัก“เดรัจฉาน!!! เหตุใดพวกมันถึงไม่ตายไปเสีย”เสนาบดีมู่และมู่เสวี่ย ที่นำความมาบอกกล่าว หวาดกลัวว่าจะถูกลูกหลงจนต้องหลบอยู่ที่มุมห้อง“โปรดระงับโทสะก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย”