เธอขีดเส้นสำหรับเขาแค่คำว่า ‘เพื่อน’ ได้ชอบ ได้เอา ได้อยู่ข้าง ๆ ได้แค่เพื่อน เท่านั้นพอ
ดูเพิ่มเติมตู้ม!
ณ สระว่ายน้ำเก่าหลังมหาวิทยาลัย S
ร่างบางในชุดนักศึกษารัดรูปกระโปรงทรงเอสั้นเหนือเข่า ยืนกอดอกมองแผ่นหลังขาวผ่องเนียนใสของ คินท์ เพื่อนชายคนสนิทที่กำลังว่ายน้ำในสระอย่างจริงจัง
“คนอะไรขาวยิ่งกว่าผู้หญิงอีก”
แก้มใส ที่กำลังยืนมองเพื่อนรักอยู่นั้นก็เอ่ยพึมพำกับตัวเองออกมา
แม้จะเห็นบ่อยแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ชินกับผิวขาวที่เมื่อกระทบกับน้ำและแสงแดดอ่อน ๆ ในยามเย็นแบบนี้ ยิ่งทำให้เกิดออร่าเปล่งประกายจากตัวเขา
ในตอนที่เธอกำลังจ้องมองเขาเคลื่อนไหวว่ายน้ำอยู่นั้น ใบหน้าหล่อก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเมื่อว่ายมาถึงขอบสระตรงที่แก้มใสกำลังยืนอยู่
สองสายตาจ้องมองกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่แก้มใสจะเป็นคนเอ่ยพูดขึ้นเพื่อทำลายความรู้สึกบางอย่างในสายตาที่กำลังส่งสื่อถึงกัน
“เอาน้ำมาให้” ใบหน้าหวานสะบัดไปมองทางด้านหลังให้คนที่อยู่ในสระมองไปยังขวดน้ำที่เธอเอามาให้ซึ่งได้วางไว้อยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“เย็นนี้มึงจะอยู่เป็นเพื่อนกูไหม” คินท์ใช้แขนทั้งสองข้างทาบที่ขอบสระเงยหน้าเอ่ยถามเพื่อนสาว
“อยากให้กูอยู่ไหมล่ะ” แก้มใสนั่งคุกเข่าหนึ่งข้างกับขอบสระตรงหน้าเพื่อนชายพร้อมกับจ้องตาเอ่ยถามอย่างคาดคั้น
“มึงอยากอยู่หรือไม่อยากอยู่แค่นั้น” ดวงตาคมพยายามมองใบหน้าหวานของเพื่อนสาว แต่ก็ต้องไปสะดุดกับกระโปรงสั้นตัวจิ๋วที่ร่นขึ้นด้วยท่าทางที่ล่อแหลมจนเกือบจะเห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน
“มึงก็บอกมาสิ ว่าอยากให้กูอยู่เป็นเพื่อนไหม” เจ้าตัวที่ไม่รู้ว่ากำลังโป๊อยู่คาดคั้นจะเอาคำตอบอีกครั้ง
เพื่อนสาวและเพื่อนชายทะเลาะกันเสียงดังลั่นไปทั่วสระที่มีเพียงทั้งคู่เท่านั้น
“กูถามความต้องการของมึง เดี๋ยวหาว่ากูบังคับให้อยู่อีก” พูดจบเขาก็หันหลังให้กับเธอเพื่อหลีกเลี่ยงการมองภาพวาบหวิวตรงหน้า
“คนอย่างกูถ้าไม่อยากทำอะไร มีใครบังคับกูได้เหรอวะ…” แก้มใสคิดว่าที่เขาหันหลังให้เธอเพราะไม่อยากจะคุยด้วย จึงเกิดอาการน้อยใจขึ้น
เพราะทุกครั้งหลังเลิกเรียน เมื่อเขามาว่ายน้ำ เธอก็มักจะมานั่งเล่นนั่งเฝ้าเป็นเพื่อนอยู่ประจำ
ทั้งที่นั่งเฝ้าทุกวันแท้ ๆ ทำไมต้องถามกันด้วยว่าวันนี้อยากอยู่หรือเปล่า
คินท์ไม่ได้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำหรืออะไร เขาแค่ชอบออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ และที่นี่ก็เป็นสระเก่าไม่มีใครมาใช้นอกจากเขาคนเดียว
“…ถามอะไรโง่ ๆ ” เมื่อเพื่อนชายถามอะไรที่ไม่เข้าหูและทำท่าทางไม่ถูกใจ แก้มใสจึงพลั้งปากพูดออกมาเพราะความโมโหบวกกับความน้อยใจ
“ปากดีนักนะ” คินท์ที่ได้ยินก็รีบหันกลับมาจ้องมองตาเขม็ง
“กูไม่ได้มีดีแค่ปากด้วยนะ” แก้มใสโน้มหน้าเข้าไปใกล้เพื่อท้าทาย
ใบหน้าหวานอยู่ห่างจากใบหน้าหล่อแค่เอื้อม เธอยังคงส่งสายตายียวนไม่ยอมหยุด
ความไม่ยอมกันนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และในครั้งนี้ เหมือนแก้มใสจะยั่วโมโหเขาได้สำเร็จ
“กรี๊ด” แก้มใสร้องดังลั่นด้วยความตกใจ เมื่อมือหนาดึงข้อมือเล็กกระชากเธอลงสระอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ตู้ม!
คนตัวเล็กจมลงใต้น้ำทันทีและมือหนาก็คว้าเอวของเธอเอาไว้
เมื่อใบหน้าสวยโผล่พ้นน้ำ แก้มใสก็รีบกอบโกยอากาศเข้าปอด พร้อมกับสำลักไอออกมา
“ไอ้บ้าคินท์ รู้ทั้งรู้ว่ากูว่ายน้ำไม่เป็น ไอ้เหี้ย” ยิ่งเขาทำแบบนี้เธอก็ยิ่งกร่นด่าเป็นชุด
ไม่ห่งไม่ห่วงเรื่องอากาศที่หายใจมันแล้ว ตอนนี้เธอจะด่าให้สาแก่ใจ
มือเล็กที่เกาะอยู่บนไหล่กว้างก็ทุบตีเขาไม่หยุด
“ปากมึงนี่” คินท์กัดฟันเอ่ยบอกเสียงนิ่ง
รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ปากจัดแต่ไม่คิดว่าจะกล้าด่าเขาถึงขนาดนี้
มือเล็กหยุดทุบตี จ้องตาเขม็งใส่เขา ก่อนจะพูดใส่ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้เพียงคืบอีกครั้ง
“มีหมาอยู่ร้อยตัวจะทำไม” ใบหน้าหวานท้าทายอย่างยียวน
คินท์ทนต่อความท้าทายของเพื่อนสาวตัวดีไม่ไหวอีกต่อไป มือหนาลอดใต้แขนเรียวจับล็อกกอบกุมที่ใบหน้าหวาน
“กูจะช่วยเอาหมาออกจากปากมึงเอง” สิ้นประโยคนั้นริมฝีปากนุ่มของเขาก็ประกบเข้าที่ริมฝีปากบางของเพื่อนสาวทันที
“อื้อ” ดวงตาหวานเบิกกว้างตกใจ ตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก
หากแต่คนที่ตั้งใจทำกำลังขยับปากขบเม้มริมฝีปากหวานอย่างเอาแต่ใจ
แก้มใสเริ่มเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสจากริมฝีปากนุ่มของคินท์ ดวงตาหวานค่อยๆ ปิดลง ใจดวงน้อยก็สั่นระรัว
และในเสี้ยวนาทีต่อมา เมื่อได้สติ มือเล็กก็ผลักอกแกร่งออกพร้อมกับใบหน้าหวานที่ผละออกห่างในทันที
“เชิญมึงอยู่คนเดียวเลยไป” เสียงหวานเอ่ยบอกแผ่วเบา ก่อนจะรีบหันหลังขึ้นจากสระ
คินท์ส่ายหัวให้กับการกระทำอันขาดสติของตัวเอง
เงยมองร่างบางที่กำลังขึ้นจากสระ
แก้มใสเปียกน้ำไปทั้งตัว ชุดนักศึกษาสีขาวเปียกโชกแนบเนื้อจนเห็นชุดชั้นในได้อย่างชัดเจน
“ใช่ เสียว อยากอ้าให้ฟินท์เอาอะ ใส่เลยได้ไหม”“ได้สิ” เมื่อเขาพูดจบก็ทาบริมฝีปากกดลงไปยังริมฝีปากอิ่มสวยของหญิงสาว เลียไล้ริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวล ก่อนจะสอดลิ้นใหญ่เข้าไปในโพรงปากหวานฉ่ำสอดลึกเข้าไปแล้วตวัดลิ้นไล้ไปทั่วจนเอวาครางอู้อี้ออกมา พร้อมทั้งดิ้นสู้ราวกับม้าพยศ แต่ไม่นานเธอก็ต่อสู้แรงของเขาไม่ได้ แม้จะออกแรงต้านเท่าไหร่ก็ไม่มีผลทำให้เขาหยุด นอกจากจะจูบเร่าร้อนยิ่งขึ้น จูบของเขารุกรานเธอมากขึ้น คนตัวโตดูดปากเธออย่างเร่าร้อน จูบแลกลิ้นจนเธอตัวอ่อนระทวยท่อนลำแข็งขืนจนชายหนุ่มปวดหนึบไปทั่ว ในเวลานี้สาวน้อยใต้ร่างกำลังมองสบสายตากับเขา เมื่อร่างกายของเธออ่อนระทวยก็ยิ่งว่าง่าย แล้วยังหน้าแดงก่ำเมื่อเผลอปรายสายตามองไปยังท่อนดุ้นขนาดยักษ์ที่ตั้งลำชี้โด่อยู่ตรงหน้าเธอ“อื้อ” เขาค่อย ๆ สาวท่อนเนื้อ ขณะที่มือแกร่งอีกข้างก็บีบเฟ้นหน้าอกของเธอทั้งสองข้างสลับกันไปมาจนมันเกิดตุ่มไตขึ้นมาตามแรงความต้องการ“ดูน้องชายของฉันสิ แข็งไปหมด มันอยากใส่เข้าไปในตัวเธอแล้วเอวา” เขาเอ่ยพร้อมรูดชักท่อนดุ้นของตัวเองจนมันเหยียดขยายใหญ่ขึ้นอย่างเต็มที่ ส่วนปลายยอดบานเบอะมีหยดน้ำใสหยดออกมา เขาโน้มหน้าลงมาซ
“ปากเก่ง” ชายหนุ่มชมแต่มือเริ่มอยู่ไม่สุข“ปล่อยนะฟินท์!!” เธอขู่ฟ่อ แต่เขาดันไม่กลัวแมวอย่างเธอ“ไม่ปล่อย” คนตัวโตไม่พูดเปล่าแต่กระชับอ้อมแขนเป็นอาณัติสัญญาณว่าคำพูดเขาศักดิ์สิทธิ์เสมอ“แต่ลูกอึดอัด นี่ดูสิ ดิ้นใหญ่เลย” เมื่อคิดว่าเถียงอย่างไรก็ไม่ชนะ หญิงสาวเลยยกเรื่องลูกในท้องมาเป็นข้ออ้างแทน ซึ่งก็ได้ผล ทันทีที่เธอเอ่ยขึ้นมา แขนแกร่งของชายหนุ่มก็คลายออก แต่ถึงกระนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งมาวางไว้บนหน้าท้องของเธอที่ตอนนี้แบนราบเหมือนไม่ได้ตั้งครรภ์“ไหน ไม่เห็นดิ้นเลย” ชายหนุ่มพูดแล้วก็รอปฏิกิริยาจากก้อนน้อยในท้องแม่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นเลย เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาหาเรื่องแม่ของเจ้าก้อนแทนด้วยการหอมฟอดใหญ่ลงบนแก้มนิ่มฟอด“แก้มนุ่มจัง” สูดกลิ่นแก้มนิ่มเสร็จก็อวยเจ้าของแก้มไปหนึ่งเปราะ อีกทั้งยังตาปรอย คิดถึงบทรักอันร้อนรุ่มในคืนนั้นจนค่อย ๆ เริ่มไต่มือลงบนบ่าเล็กอย่างย่ามใจ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ว่าอะไรก็เริ่มซุกไซ้ตามซอกคอหอมกรุ่น“อื้อ” หญิงสาวย่นคอหนี“อื้ออะไร ฉันยังไม่ได้รุกเลย เสียวแล้วเหรอ” อีกฝ่ายถามด้วยแววตานึกสนุก แต่พอเห็นว่าหญิงสาวเริ่มหน้าแดง เขาเลยหย
สุดท้ายแล้วบรรยากาศบนรถก็อึมครึมจนมาถึงคอนโด เอวานิ่งเงียบ ไม่ขยับเขยื้อน อีกคนเลยตวัดสายตามามอง“จะไม่ลงใช่ไหม”“ลง แต่ไม่อยู่ด้วย จะกลับบ้าน” พูดจบ หญิงสาวก็เปิดประตูรถออกไปทันทีฟินท์ได้สติรีบเปิดประตูแล้ววิ่งไปฉุดเธออย่างรวดเร็ว เอวาไม่พูดอะไรแต่น้ำตาไหลพราก สีหน้าเจ็บปวดสุดจะระงับไว้ได้เรื่องเด็ก ถ้าเขาไม่รับไว้ก็ไม่เห็นจะเป็นไร อย่างน้อยก็ยังมีแม่แบบเธอที่พร้อมจะเลี้ยงด้วยความรักอยู่แล้ว แต่การที่มาหาว่าเธอสำส่อนนี่มันเกินจะรับ!“เอวา เราขอโทษ ฮึก” ฟินท์ร่ำร้องพูดพร้อมกับกอดร่างของหญิงสาวเอาไว้ น้ำตาลูกผู้ชายที่หญิงสาวไม่เคยได้เห็นมาก่อนไหลจนอาบหน้า แต่เพราะความเจ็บปวดทำให้เธอใจแข็งเพราะเธอเองก็ร้องไห้เหมือนกันเจ็บเหมือนกัน“ปล่อยเราเถอะ เราไม่ไหวแล้ว” น้ำเสียงของเธออ่อนโรยแรงเกินกว่าที่จะทำใจยอมรับได้ หากไม่ปล่อยมือวันนี้ สุดท้ายเมื่อความคิดของคนสองคนไม่ลงรอยกัน มันก็จบอยู่ดี“ไม่ ๆ เราไม่ปล่อย เราขอโทษ เรื่องเมื่อกี้เราแค่ตกใจ เราขอโทษ เราปากหมาเองที่พูดอะไรออกไปแบบนั้น เราไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เอวา ขอร้องเถอะ อย่าหันหลังไปแบบนี้เลยนะ ขอร้อง” เสียงอ้อนวอนที่ฟังแล้วเสียดแทงใจจ
แต่ครั้นมานั่งในรถสองต่อสอง คนที่ปั้นหน้าดุเมื่อกี้ก็เอ่ยถามอย่างห่วงใย“เมื่อกี้ เอวาโกรธเราไหม” ประโยคง้องอนจากคนตัวสูงที่ทำเอาคนฟังถึงกับยิ้มไม่หุบ“เปล่าหรอก เรารู้ว่าเธอหวง” ตอบไปแล้วก็หลบสายตาคมอยู่ดี โชคยังดีที่วันนี้เธอมีแมสปิดหน้า มิเช่นนั้นหน้าแดง ๆ ของเธอคงมีเรื่องให้ฟินท์ได้ล้อไปอีกหลายเดือน“รู้ตัวก็ดี แล้วอย่าทำให้หึงจนหน้ามืดอีก ไม่งั้นเธอเจ็บตัวแน่เอวา”“เอาแมสออกได้แล้ว”หลายสิ่งหลายอย่างค่อย ๆ ปรับระดับไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เอวารู้สึกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต จากที่เคยลำบากมาตลอดชีวิต ก็กลับดีขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะชายหนุ่มที่นั่งข้างเธอคอยหยิบยื่นน้ำใจมาให้ตลอดแต่ก็นั่นแหละ การยืนด้วยขาตัวเอง มันจะดีกว่ายืนด้วยขาของคนอื่นถ้าเลือกได้ เธอก็จะทำงานต่อไป“ฟินท์” เอวาตัดสินใจเรียกชายหนุ่ม“ว่า” คนถูกเรียกขานรับ หากแต่ไม่ได้เงยหน้าจากมือถือที่คงไม่พ้นเรื่องเกมโปรดที่ฟินท์มักจะชอบเล่นอยู่เป็นประจำพอเอาเข้าจริงหญิงสาวก็ลังเล ใบหน้ายับยู่ คล้ายว่าไม่อาจตัดสินใจได้ว่าสิ่งที่เธอจะเล่าให้ชายหนุ่มฟังนั้นสมควรหรือไม่ เธอทิ้งช่วงอยู่นานจนกระทั่งคนที่ร
วันรุ่งขึ้น เอวารีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้าน เพราะวันนี้น้องสาวของเธอมีกำหนดผ่าตัดแล้ว หลังจากหมอรอให้น้องสาวของเธอร่างกายแข็งแรงขึ้นก่อนเข้าห้องผ่าตัดที่มีโอกาสจะเสียชีวิตมีสูงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าร่างกายแย่ ทุกอย่างมีความเสี่ยงที่จะเป็นศูนย์ได้ทุกเมื่อแม้จะมีเงินที่ฟินท์โอนให้เป็นเงินเดือนทุกเดือน แต่ก็ใช่ว่าจะเหลือมากพอสำหรับสามชีวิต แม่ของเธอ แม้ว่าเธอจะใจแข็งไม่ดูดำดูดีและปล่อยให้ท่านสำนึกผิดแต่มันก็แค่นั้น…อย่างไรแม่ก็คือผู้ให้กำเนิด ต่อให้ดีเลวอย่างไร เธอในฐานะลูกก็ย่อมไม่มีวันเปลี่ยนความจริงที่ว่า ผู้หญิงที่ไม่เอาถ่านคนนั้นคือแม่ของตัวเองวันนี้เธอตั้งใจว่าจะไปสมัครงานแม่บ้านที่บริษัทอีกที่ ถึงตำแหน่งงานจะต่ำต้อย แต่ทว่านั่นไม่ใช่เป้าหมาย เพราะแท้จริงแล้วการมีเงินให้นอนนิ่งในบัญชีเยอะ ๆ ต่างหากที่เป็นความปรารถนาอย่างแท้จริง ในเวลานี้แปดโมงเช้าของวันต่อมา เธอก็ไปสมัครงานเป็นแม่บ้านและนั่งกรอกข้อมูลหน้าโต๊ะฝ่ายบุคคล หลังจากสอบสัมภาษณ์ไปราวสิบห้านาที เจ้าหน้าที่ก็เอ่ยขึ้น“วันนี้พร้อมทำงานเลยไหมคะ พอดีบริษัทขาดคน”“ได้ค่ะพี่” เอวาพูดพลางยกมือไหว้ อีกฝ่ายยิ้มก่อนถาม
บาสออกไปแล้ว แต่ชายหนุ่มอีกคนยังอมยิ้มแก้มแดง เวลาถูกเธอแสดงความเป็นเจ้าของนี่มันดีแบบนี้นี่เองทุกอย่างเหมือนจะดี เอวาก็ยิ้มหน้าบาน ส่วนฟินท์นั้นก็ใช่ย่อย คีบอาหารใส่จานของหญิงสาวไม่หยุดมือ แต่แล้วความสุขก็พังลงด้วยความหึงหวงอีกครั้ง เมื่อป้องปราบเดินเข้ามาในร้าน“เอวา!”“อ้าวป้อง มากินข้าวเหมือนกันเหรอ”“ใช่ แต่มาคนเดียว ที่จริงเราโทรหาเอวานะ ไม่ได้ยินเสียงเหรอ” อดีตแฟนเก่าที่ทำท่าจะรื้อความสัมพันธ์ใหม่เอ่ยขึ้นฟินท์หน้าตึง วางตะเกียบลงทันที ยิ่งไปกว่านั้น ไอ้หมอนั่นยังเดินมาทักทายแฟนของเขาแบบถึงเนื้อถึงตัวจนถ้าไม่เห็นแก่หน้าเอวาละก็ ป่านนี้ร้านคงพังราบไปแล้ว“เอ่อ เราเปิดระบบสั่นไว้”“ถึงว่าไม่รับสาย”“จะขัดคออีกนานไหม” ฟินท์ขัดขึ้นสองคนที่เหลือเลยหันมามองเขา“โทษที เราไม่เห็นนายน่ะ” ป้องปราบตอบหน้ากวน ๆ“สงสัยตาบอด นี่ถามจริงมึงจะแทงข้างหลังกูเหรอ” เขาถามน้ำเสียงเครียด“ก็เปล่านะ ตรงไหนที่ว่าแทง” ป้องปราบทวนคำ“วันก่อนกูเห็นเอวาลงจากรถมึง” เขาเฉลย“อ้อ เห็นเหรอ นึกว่าไม่อยู่ซะอีก”“พอเถอะ อย่าทะเลาะเลย อายคนอื่นเขา”การกระทำของชายหนุ่มทั้งคู่ที่เหมือนจะกำลังเปิดศึกกันอยู่ ทำเอาหญ
ความคิดเห็น