“คุณไม่เห็นบอกฉันก่อนเลยว่าคุณจะพาฉันไปที่ภูเก็ตด้วย” เธอถามพลางเอาใบหน้าเกยไหล่หนาระหว่างที่นั่งอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวมุ่งหน้าไปที่ภูเก็ตเขาคิดว่าเป็นเจ้าของชีวิตของเธอหรือไง ทำอะไรก็ไม่ปรึกษา พาเธอมาที่นี่ทั้งที่ยังไม่ได้ลางานเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่คาเฟ่และมินิมาร์ท กลับไปได้โดนไล่ออกกันพอดี“ก็ถ้าชวนดีๆ ก็คงไม่มาด้วยไง ฉันรู้เดี๋ยวเธอก็อ้างโน่นอ้างนี่”“แล้วก็มัดมือชกกันมาเนี่ยนะ” มิน่าล่ะ ทำไมวันนี้ถึงพาไปช็อปปิ้งเสียเยอะแยะขนาดนั้น ชุดว่ายน้ำด้วยอีกต่างหาก ที่แท้ก็จะพามาภูเก็ตนี่เอง“ใช่ แล้วก็ไม่ต้องกลัวนะเรื่องที่ทำงาน”“ทำไม” “ระหว่างที่เธอไปภูเก็ตกับฉัน ฉันให้คนไปทำงานแทนเธอแล้ว ฉะนั้นก็ไม่ต้องห่วงว่าที่ทำงานของเธอจะขาดคน” เห็นไหม ทำอะไรก็ไม่เคยบอก คิดเองเออเองทั้งนั้นแต่ก็เอาน่า ถือซะว่าได้มาเที่ยวอย่างไม่ต้องห่วงอะไรหารู้ไม่ว่า ที่เจย์เดนหาคนไปทำงานแทนเธอทั้งที่คาเฟ่และมินิมาร์ทนั้นเป็นการจ้างทำแบบถาวรไปเลยเพราะเขาลาออกแทนเธอแล้วเธอจะได้อยู่กับเขาตลอดเวลา ไม่ต้องเสียเวลาไปทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำแต่ได้เงินเดือนละไม่กี่บาท เขาจะเลี้ยงและดูแลเธอให้ดีที่สุด อย่างที่ได้เคยพูดเอ
“นอนพักต่ออีกหน่อยไหม” เจย์เดนถามหลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารที่สั่งพนักงานโรงแรมเอาขึ้นมาส่งให้ที่ห้องเรียบร้อยแล้ว ทั้งเธอและเขาต่างก็สวมชุดคลุมอาบน้ำของทางโรงแรมด้วยสภาพที่โทรมสุดๆ เพราะตั้งแต่ตื่นเมื่อวานก็จัดกันไม่หยุด ยังไม่ได้ออกไปเดินชมบรรยากาศภายนอกเลยด้วยซ้ำ“ไม่เอาแล้ว อยู่แต่ในนี้ทั้งวันทั้งคืน อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง”“งั้นก็ไปอาบน้ำสิ” “อื้ม…” นริศราตอบรับอย่างเขินอายเมื่อเขาดึงเธอเข้าไปใกล้แล้วจรดริมฝีปากลงที่หน้าผากมน มิหนำซ้ำยังกระซิบข้างหู“อาบด้วยกันอีกรอบไหมล่ะ…” น้ำเสียงแหบพร่าเซ็กซี่ทำเอาคนฟังขนลุกซู่เธอผลักเขาออกเบาๆ “ไม่เอา เดี๋ยวก็กินเวลาไปอีก ฉันเหนื่อยแล้ว” รู้น่าว่าคนอย่างเขาคิดอะไรอยู่ กินดุ กินเก่ง แล้วก็อึดชะมัดยาด…ทั้งสองคนอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย เจย์เดนสวมกางเกงขาสั้นแบรนด์เนมเสื้อฮาวายสีน้ำเงิน-ขาวและสวมแว่นตาดำหรูแบบที่ชอบใส่ ส่วนนริศราออกมาในชุดคลุมตาข่ายสีดำทว่าสามารถมองทะลุเข้าไปเห็นบิกินี่สีดำเช่นเดียวกัน เจย์เดนมองเธอด้วยสายตาหวานเชื่อม ไม่คิดว่าเธอจะกล้าสวมใส่ มันเย้ายวนหัวใจเขามากจนไม่อยากพาเธอออกไปเดินเล่นเลย อยากจัดเธอซ้ำ
“เธอแม่งเด็ด…โอว…” เสียงครางแหบพร่ากระเส่าข้างเรียวหูคู่งามของหญิงสาวใต้ร่าง เด็ดอย่างเดียวไม่พอ เขายังได้เป็นคนเปิดซิงเธอด้วยบ่งบอกได้จากเยื่อพรหมจรรย์ที่เขาเป็นคนฝ่าเข้าไปเป็นคนแรก ทำเธอเจ็บจนน้ำตาไหลออกมาจากหางตาและยังคงฝืนก้อนสะอื้นอยู่ในลำคอเช่นตอนนี้ อีกทั้งของเขาที่ใหญ่โตเกินมาตรฐานชายไทย เนื่องจากเขาเป็นลูกครึ่งอเมริกา เลยอาจจะทำเธอเจ็บไปเสียหน่อย ไม่หน่อยเลยล่ะ “จะ…เจ็บ…” ไม่ต้องบอกก็รู้ เมื่อเขาเหลือบสายตาไปมองเบื้องล่าง ดุ้นยักษ์ที่ดุนดันเข้าออกในร่องคับแคบนั้นเปื้อนหยดน้ำสีแดงออกมาด้วย เขารู้ว่าเธอเจ็บมาก การโน้มใบหน้าลงไปจูบแลกลิ้นและกวาดกลืนเอาความหอมหวานในโพรงปากงามนั้นอาจจะช่วยบรรเทาความเจ็บของเธอลงบ้างเสียงกระทบกันของอวัยวะกึ่งกลางลำตัวคนทั้งสองดังเป็นจังหวะ หลังจากที่ชายหนุ่มค่อยๆ ขยับเขยื้อนบั้นท้ายเข้าออกช้าๆ ให้คนใต้ร่างได้ทำความเคยชินกับการมีดุ้นยักษ์อยู่ในลำตัว“โอว…เสียว…” แม่งเสียวเหลือเกิน ของเธอมันทั้งแน่น บีบรัดท่อนความเป็นชายของเขาจนมันแทบจะแตกเสียแล้ว ทั้งที่เพิ่งเข้าไปไม่นานหญิงสาวจิกเล็บที่แผ่นหลังกว้าง ทั้งเกร็งทั้งเจ็บ ไม่ว่าเขาจะทำเบาๆ หรือช้าๆ
“ทำไมวันนี้มาสาย!” เสียงแหลมของจิราภาเอ่ยทักคนที่วิ่งกระหืดกระหอบแทบไม่ลืมหูลืมตาเข้ามาในร้านกาแฟก่อนที่จะรีบถอดเสื้อคลุมตัวโคร่งออกเหลือแต่ชุดฟอร์มของทางร้านพลางจัดการทรงผมฟูฟ่องหลังจากที่เพิ่งลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์ แต่จะว่าไป แม้เธอไม่ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์มาสภาพทรงผมที่หยิกฟูนั้นก็แทบจะไม่ต่างจากเดิมอยู่แล้วร่างบอบบางขยับแว่นตาหนาเตอะบนหน้าตัวเองให้เข้าที่ ผ่อนลมหายใจให้คงที่แล้วหันมามองหน้าเพื่อนสนิทที่เอ่ยทักเมื่อสักครู่“ตื่นสาย” เอ่ยเท่านั้นก็ไปประจำตำแหน่งที่หน้าเคาเตอร์กาแฟและทำเป็นจัดแจงโน่นนี่ตามปกติหน้าที่ “ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมึงตื่นสาย” จิราภายังคงกระเซ้าเย้าแหย่อย่างสนอกสนใจ แต่เพื่อนสาวกลับไม่สนใจ ง่วนอยู่กับเครื่องทำกาแฟตรงหน้า โชคดีในวันที่เธอมาสายไปเกือบครึ่งชั่วโมงนั้นเพิ่งมีลูกค้ามาประเดิมคนแรก ภายในร้านจึงไม่ค่อยชุลมุนวุ่นวายสักเท่าไร ถ้าหากเธอมาสายในวันที่ลูกค้าเยอะ คงโดนยัยเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เรียนอนุบาลด่าหูแหก“เมื่อคืนกลับดึกเหรอ” จิราภาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนมีงานปาร์ตี้เพื่อนเก่าสมัยมัธยม แต่เธอไม่ได้ไปด้วยเพราะไม่สบาย“ปละ…เปล่า”“อ้าว กูคิดว่ามึง
“หาววว…ซี๊ด” ร่างบอบบางหาวปากกว้างอย่างลืมตัว นึกขึ้นได้ก็ต้องร้องซี๊ดด้วยความเจ็บที่ริมฝีปากเนื่องจากโดนขบจนเกิดแผลเล็กๆ ที่หากไม่สังเกตดีๆ ก็ไม่เห็นถึงความผิดปกติ อีกทั้งความเจ็บที่กลางกายก็ยังคงระบมอยู่ จะก้าวแต่ละทีสะท้านสะเทือนไปทั้งตัวโดนเปิดซิงมันเป็นอย่างนี้เองสินะ ไม่ได้เจ็บแค่ตอนอยู่บนเตียง แต่ยังคงเจ็บหลังจากนั้นอีกไม่รู้นานแค่ไหนอีกทั้งตอนนี้รู้สึกตัวรุมๆ คล้ายกับจะเป็นไข้ หัวก็ปวดตั้งแต่ตอนบ่ายยังไม่หาย กะว่าพอถึงร้านมินิมาร์ทที่ทำงานพาร์ททามในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้จะอัดยาพาราสักสองเม็ด “อ้าวนุ่มนิ่ม มาแล้วเหรอ สภาพยังกะศพเดินได้ นี่แกป่วยหรือเปล่าเนี่ย จากที่หน้าซีดอยู่แล้ว คราวนี้ยิ่งซีดกว่าไก่ต้มไหว้ตรุษจีนอีก” เจ๊แมนเจ้าของ ‘Diamond Mart’ ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กที่มีทำเลอยู่ใจกลางเมือง ติดกับบาร์และสถานบังเทิงเริงรมย์หลายแห่ง ยามกลางวันเงียบเหงาเป็นเป่าสาก ทว่ายามกลางคืนคึกคักเป็นพิเศษนริศราเดินเข้ามาก็โดนเจ๊แมนทักปนจิกกัดตามประสาสาวประเภทสอง หรือที่มักจะเรียกตัวเองว่า ‘แม่กะเทย’ หยอกล้ออย่างนี้เป็นประจำ เจ๊แมนเป็นสาวในร่างชายตัวใหญ่ยักษ์ผิวสีเข้มคล้ำ ทว่าชอบแต่งห
หลังจากที่เปลี่ยนกะกับพี่อีกคนที่เข้ามารับช่วงต่อในเวลาเที่ยงคืน นริศราเข้าไปเปลี่ยนชุดฟอร์มของทางร้านออกก่อนที่จะเดินออกมานอกร้านพลางคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คันคู่ใจสายตาเหลือบไปมองฝั่งตรงข้ามของร้านสะดวกซื้ออย่างไม่ได้ตั้งใจ พลันภาพที่เห็นร่างสูงใหญ่เดินหายเข้าไปในบาร์ขนาดใหญ่ยังคงติดตรึงอยู่ภายในใจ ว่ากันว่าบาร์แห่งนี้ดังมากเพราะเจ้าของเป็นมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลจนคนมีสีไม่กล้าเข้ามายุ่งเขาเป็นใคร เป็นมาเฟียอย่างนั้นหรือ…เมื่อขับมอเตอร์ไซค์กลับมาถึงบ้านหลังขนาดกะทัดรัดก็เป็นเวลาที่พร้อมเข้านอนเลย เธอไม่มีกะจิตกะใจที่จะอาบน้ำ ปวดหัวก็ปวด เหมือนจะเป็นไข้อย่างไรอย่างนั้น ตรงกันข้ามกับผู้ที่ร่างเป็นน้องชายแต่ใจเป็นหญิงนั้นกำลังแต่งเนื้อแต่งตัวจัดเต็มจนผู้ที่เพิ่งกลับมาถึงเห็นแล้วยังตกใจ“นนท์ จะออกอีกแล้วเหรอ”“นนนี่ บอกหลายครั้งแล้วว่านนนี่ ยังจะนนๆ อยู่นั่นแหละ” ร่างผอมสูงเก้งก้างแต่จัดเต็มด้วยเสื้อผ้าหน้าผมที่ทำเอาผู้หญิงทั้งแท่งอย่างผู้เป็นพี่สาวยังอาย ด้วยโครงหน้ารูปไข่แต่งเติมสีสันจากเครื่องสำอางที่ประทินเข้าไปอย่างจัดเต็ม อีกทั้งเสื้อสายเดี่ยวสีแดงเลื่อมคลุมทับด้วยผ้าคลุมขนนกสีน้ำเงิน
หลายวันมานี้ เจย์เดนให้ครามและคิรินตามหาผู้หญิงคนนั้นอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอเธอเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเธอเป็นซินเดอเรลล่าที่เขามีโอกาสได้พบเพียงแค่คืนเดียว แต่สิ่งที่เธอทำตกไว้ไม่ใช่รองเท้าแก้ว แต่เป็นบัตรพนักงานของยัยป้าที่ทำงานอยู่ร้านมินิมาร์ทเล็กๆ หน้าไนต์คลับของเขาแต่สิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจที่หลายวันมานี้เฝ้าครุ่นคิดว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเธอคนนั้นกับยัยป้านั่นจะเป็นคนๆ เดียวกันความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัวหลายครั้ง แล้วก็โดนปัดตกไปเสียทุกครั้ง เพราะเขาเป็นคนเห็นด้วยตาและสัมผัสมาแล้วทั้งเรือนร่างของเธอเธอคนนั้นสวยราวกับนางฟ้า แตกต่างจากป้าแว่นคนนั้นราวกับฟ้ากับเหว ไม่ได้อยากจะบูลลี่หรอกนะ แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ“นายครับ” ครามเดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังขณะที่ร่างสูงใหญ่กำลังยกดัมเบลขนาดสิบกิโลกรัมขึ้นลง ท่อนบนเปลือยเปล่าจนเผยกล้ามเนื้อจากแผงอกแข็งแรงและลอนจากซิกแพ็กเป็นมัดๆ ช่วงล่างเป็นกางเกงวอร์มแบรนด์เนม แม้จะมีเพียงกางเกงวอร์มตัวเดียวบนร่างกายทว่าก็ส่งผลให้ดูดีไม่น้อยร่างสูงใหญ่หันมามองผู้มาใหม่แวบเดียวก็หันกลับไปยกดัมเบลต่อ “ว่าไงวะ” “ผู้หญิงที่นายให้ไปตาม
“หาววว…” นริศราหาวปากกว้างตาหยี ขณะที่กำลังใช้ผ้าเช็ดโต๊ะและเก้าอี้ในร้านกาแฟตอนเช้าๆ อย่างนี้ ทำเอาจิราภาที่มองเห็นพอดีแอบหัวเราะไม่หยุด“หาวขนาดนี้ ระวังแมลงวันจะเข้าไปไข่ในปากนะมึง”“เฮอะ มึงก็ ไม่ใช่ว่ากูไม่เคยหาวให้มึงเห็นอย่างนี้”“ดูซีรีส์อีกล่ะสิ ถึงหาวอย่างนี้น่ะ”“เปล่า” “อ้าว แล้วไปทำอะไรมาล่ะ” เพื่อนสาวที่เดินมาเช็ดโต๊ะอีกฝั่งหนึ่งถามด้วยความสงสัย“ก็ตอนจะกลับบ้านเมื่อคืนน่ะเกิดเรื่องเข้า กูไปเจอไอ้พวกเลวสองคนจะฉุดผู้หญิง เลยเข้าไปช่วยเขา แว่นก็หาย มอเตอร์ไซค์ก็โดนขโมยเนี่ย”“ฮะ! แล้วมึงไปแจ้งตำรวจหรือยัง” จิราภาถึงกับจ้องที่ดวงตาคนพูด ถึงว่าหน้าเพื่อนสนิทดูเปลี่ยนไปเพราะไม่มีแว่นนี่เอง อีกทั้งพอหันไปมองที่หน้าร้าน ไม่พบกับมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนจริงๆ เมื่อเช้าก็ไม่ทันสังเกต“ไม่ได้แจ้ง”“ทำไมไม่แจ้งล่ะ มึงรออะไรอยู่”“ก็ซินดี้บอกทำนองว่าแจ้งไปก็ไม่มีประโยชน์ พอคิดๆ ดูก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้น” “อ้าว แล้วมึงจะปล่อยให้มันขโมยไปอย่างนี้เหรอ นุ่มนิ่ม มึงไม่เสียดายหรือไง”“ทำไมกูจะไม่เสียดาย ก็เสียดายมาก ไม่ใช่บาทสองบาทนะโว๊ย เงินทั้งนั้นกว่าจะหามาได้ แต่ทำไงได้วะ ซินดี้เขาบอกว่
“นอนพักต่ออีกหน่อยไหม” เจย์เดนถามหลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารที่สั่งพนักงานโรงแรมเอาขึ้นมาส่งให้ที่ห้องเรียบร้อยแล้ว ทั้งเธอและเขาต่างก็สวมชุดคลุมอาบน้ำของทางโรงแรมด้วยสภาพที่โทรมสุดๆ เพราะตั้งแต่ตื่นเมื่อวานก็จัดกันไม่หยุด ยังไม่ได้ออกไปเดินชมบรรยากาศภายนอกเลยด้วยซ้ำ“ไม่เอาแล้ว อยู่แต่ในนี้ทั้งวันทั้งคืน อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง”“งั้นก็ไปอาบน้ำสิ” “อื้ม…” นริศราตอบรับอย่างเขินอายเมื่อเขาดึงเธอเข้าไปใกล้แล้วจรดริมฝีปากลงที่หน้าผากมน มิหนำซ้ำยังกระซิบข้างหู“อาบด้วยกันอีกรอบไหมล่ะ…” น้ำเสียงแหบพร่าเซ็กซี่ทำเอาคนฟังขนลุกซู่เธอผลักเขาออกเบาๆ “ไม่เอา เดี๋ยวก็กินเวลาไปอีก ฉันเหนื่อยแล้ว” รู้น่าว่าคนอย่างเขาคิดอะไรอยู่ กินดุ กินเก่ง แล้วก็อึดชะมัดยาด…ทั้งสองคนอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย เจย์เดนสวมกางเกงขาสั้นแบรนด์เนมเสื้อฮาวายสีน้ำเงิน-ขาวและสวมแว่นตาดำหรูแบบที่ชอบใส่ ส่วนนริศราออกมาในชุดคลุมตาข่ายสีดำทว่าสามารถมองทะลุเข้าไปเห็นบิกินี่สีดำเช่นเดียวกัน เจย์เดนมองเธอด้วยสายตาหวานเชื่อม ไม่คิดว่าเธอจะกล้าสวมใส่ มันเย้ายวนหัวใจเขามากจนไม่อยากพาเธอออกไปเดินเล่นเลย อยากจัดเธอซ้ำ
“คุณไม่เห็นบอกฉันก่อนเลยว่าคุณจะพาฉันไปที่ภูเก็ตด้วย” เธอถามพลางเอาใบหน้าเกยไหล่หนาระหว่างที่นั่งอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวมุ่งหน้าไปที่ภูเก็ตเขาคิดว่าเป็นเจ้าของชีวิตของเธอหรือไง ทำอะไรก็ไม่ปรึกษา พาเธอมาที่นี่ทั้งที่ยังไม่ได้ลางานเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่คาเฟ่และมินิมาร์ท กลับไปได้โดนไล่ออกกันพอดี“ก็ถ้าชวนดีๆ ก็คงไม่มาด้วยไง ฉันรู้เดี๋ยวเธอก็อ้างโน่นอ้างนี่”“แล้วก็มัดมือชกกันมาเนี่ยนะ” มิน่าล่ะ ทำไมวันนี้ถึงพาไปช็อปปิ้งเสียเยอะแยะขนาดนั้น ชุดว่ายน้ำด้วยอีกต่างหาก ที่แท้ก็จะพามาภูเก็ตนี่เอง“ใช่ แล้วก็ไม่ต้องกลัวนะเรื่องที่ทำงาน”“ทำไม” “ระหว่างที่เธอไปภูเก็ตกับฉัน ฉันให้คนไปทำงานแทนเธอแล้ว ฉะนั้นก็ไม่ต้องห่วงว่าที่ทำงานของเธอจะขาดคน” เห็นไหม ทำอะไรก็ไม่เคยบอก คิดเองเออเองทั้งนั้นแต่ก็เอาน่า ถือซะว่าได้มาเที่ยวอย่างไม่ต้องห่วงอะไรหารู้ไม่ว่า ที่เจย์เดนหาคนไปทำงานแทนเธอทั้งที่คาเฟ่และมินิมาร์ทนั้นเป็นการจ้างทำแบบถาวรไปเลยเพราะเขาลาออกแทนเธอแล้วเธอจะได้อยู่กับเขาตลอดเวลา ไม่ต้องเสียเวลาไปทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำแต่ได้เงินเดือนละไม่กี่บาท เขาจะเลี้ยงและดูแลเธอให้ดีที่สุด อย่างที่ได้เคยพูดเอ
หมออนุญาตให้เจย์เดนออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เขากลับมาพักที่เพ้นท์เฮาส์โดยมีพยาบาลส่วนตัวที่คอยดูแลเป็นพิเศษจนอาการทางกายก็ค่อยๆ หายตามปกติ แต่อาการทางใจนั้นเรียกได้ว่าหายสนิทวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาขอให้เธอหยุดงาน ทั้งที่เธอเองก็รู้สึกเกรงใจศรัณญูเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะลาออกก็เสียดายเพราะทำมาหลายปี อีกทั้งได้ทำอยู่กับเพื่อนสนิทและมีเจ้านายที่ใจดี“ลาออกไหม ฉันเลี้ยงเธอเอง” เขาถามอีกครั้งหลังจากที่เคยยื่นข้อเสนอให้เธอลาออกแล้วเขาจะเป็นคนเลี้ยงเธอเองมันก็รู้สึกดีอยู่นะที่มีคนรักต้องการซัพพอร์ทดูแลเลี้ยงดู แต่ถ้าหากวันหนึ่งเธอกับเขาไปด้วยกันไม่ได้แล้วเธอจะไม่แย่หรอกหรือ เธอไม่ได้ต้องการเกาะใครกินหรอกนะ แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกถ้าหากเขาจะเลี้ยงเธอน่ะ รู้ดีว่ามันเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะหาเงินมาได้แต่ละบาท“สายเปย์เหรอ”“ได้หมด” ใบหน้าคมคร้ามยักคิ้วหนาพลางหยักยิ้มมุมปาก ขณะที่ใบหน้ายังมีรอยแดงจางๆ ทว่าก็ยังคงเท่ไม่เปลี่ยนสายเปย์นักใช่ไหม จะหลอกแดกให้หมดเลย“กินเยอะน๊า” “เท่าไหร่เชียว” ต่อให้มีเธออีกสิบคนเขาก็เลี้ยงไหว จะกินสักเท่าไหร่กันเชียว ของโปรดส้มตำไก่ย่าง ไม่ได้กินหรูหราในภ
นริศรายังคงใช้ชีวิตตามปกติเพียงแต่ว่าไม่สนใจใครบางคนที่พยายามตามตื๊อ ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร เป็นคนสวยก็ต้องเล่นตัวหน่อย ไม่ยอมหายงอนง่ายๆ หรอก แม้จะโดนกรอกหูจากน้องสาวในร่างชายที่เล่าให้มันฟังแล้วมันก็เอาแต่พูดว่า ‘เล่นตัวไปเถอะ ระวังหมาคาบไปแดก’ เอาสิ ถ้าเขาเป็นกระดูกก็เชิญหมาตัวไหนมาคาบไปเลยแต่พอผ่านมาหลายวัน ใจที่แข็งเป็นหินก็เริ่มอ่อนลง คิดไปคิดมาเธอทำเกินไปหรือเปล่า ทั้งที่เขาก็ให้ผู้หญิงคนนั้นช่วยยืนยันแล้ว อีกทั้งยังบอกต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นว่าเธอคือแฟนของเขาแค่นี้มันก็ชัดเจนมากพอแล้วไม่ใช่หรือไง…‘ตื๊ดดด…ตื๊ดดด…’ เสียงโทรศัพท์สั่น รีบเอื้อมมือไปคว้ามาดูหน้าจอทันทีก็พบกับเบอร์ของเขาจะรับไม่รับดีนะ หรือจะลองเล่นตัวต่อไปอีกสักวันดีล่ะ…กระทั่งเสียงสั่นเงียบไป แต่โทรศัพท์ก็ยังอยู่ในมือของเธอ‘ตื๊ดดด…ตื๊ดดด…’ โทรศัพท์สั่นอีกรอบ แต่คราวนี้เป็นเบอร์แปลก ไม่รู้ว่าเบอร์ใคร“ฮัลโหลค่ะ ใครคะ” “คุณนุ่มนิ่มครับ” เสียงผู้ชายๆ คุ้นๆ แฮะ“ค่ะ ใครคะ” “ผมครามครับ บอดี้การ์ดของคุณเจย์เดน” เธอจำได้แล้ว หนึ่งในบอดี้การ์ดที่ชอบใส่ชุดสูทดำและชอบประกบตามหลังเจย์เดน“มีอะไรเหรอคะ” นี่โทรหาแ
ร่างสูงใหญ่สวมเสื้อเชิ้ตดำกางเกงแสล็คพร้อมด้วยเข็มขัดแบรนด์เนมย่างกรายเข้ามาในร้านพลางมองหาหญิงสาวคนที่อยากพบมากที่สุดหลังจากที่เธอหนีเขาออกมาจากคอนโด ทว่าเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาวอีกคนที่กำลังยิ้มกว้างอย่างดีใจก็รู้สึกซวยเข้าแล้วทำไมเมลินดาไพลินต้องอยู่ที่นี่ด้วยนะ “เจย์เดน ทางนี้ เจอกันอีกแล้วนะ” เมลินดาไพลินโบกไม้โบกมือให้กับชายหนุ่ม กลัวว่าเขาจะมองไม่เห็นเธอภาพระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาวตรงหน้าอยู่ในสายตาของนริศราทั้งหมด เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องนัดผู้หญิงคนอื่นมาหยามเหยียดถึงที่ทำงานของเธอขนาดนี้ ผู้ชายเฮงซวย!“เม มาทำอะไรที่นี่” เขาจำเป็นต้องทักเมลินดาไพลินก่อนเพราะเธอเดินเข้ามาหาและยังจูงมือเขาไปนั่งที่โต๊ะเดียวกันกับเธออีก บ้าจริง จังหวะนรกชัดๆ“มาดื่มกาแฟเล่น ก็วันก่อนที่เมบอกคุณไปไงว่ามาที่นี่ รู้สึกว่ากาแฟอร่อย พนักงานก็น่ารัก เลยมาอีกน่ะ” ขณะที่เมลินดาไพลินกำลังอธิบายแต่เขากลับมองไปที่พนักงานที่อยู่หน้าเคาเตอร์แล้วบังเอิญสบตากับนริศราเข้าพอดีกูซวยของแท้งานนี้ เป็นไงเป็นกันวะ“เอ่อ…เม”“หืม ว่าไงเจย์เดน” คนที่กำลังจับต้นแขนเขาเดินไปนั่งที่โต๊ะเดียวกันถึงกับชะงักเม
นริศราเข้ามารอเจย์เดนที่ไนต์คลับ คิรินพาเธอเข้ามารอเขาที่ห้องวีวีไอพีทว่ารอมาครึ่งชั่วโมงแล้วเขาก็ยังไม่มา พอถามคิรินก็ทำอึกอักราวกับไม่กล้าตอบว่าตอนนี้เจย์เดนอยู่ที่ไหน“นุ่มนิ่ม”“ซินดี้ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม” นริศราดีใจอย่างออกนอกหน้าที่ได้เจอซินดี้เพราะทนนั่งเหงาคนเดียวมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้จะทำอะไร เบื่อก็เบื่อ ง่วงก็ง่วงซินดี้ยิ้มน้อยๆ ตอบรับพลางนั่งลงข้างๆ เธอ “ก็เหมือนเดิมแหละ เธอล่ะเป็นยังไงบ้าง คงจะมีความสุขมากเลยสินะ” “เธอหมายความว่ายังไง ถ้าหมายถึงเรื่องที่เธอใจดีให้ฉันอยู่ที่คอนโดน่ะ ฉันก็ต้องมีความสุขมากขึ้นอยู่แล้ว ได้อยู่ที่สะดวกสบายขนาดนั้น”“ฉันหมายถึง เรื่องเธอกับ…คุณเจย์เดนน่ะ” ซินดี้เอ่ยถามพลางแอบสังเกตปฏิกิริยาของนริศราเงียบๆ นริศรายิ้มเขินพลางนึกย้อนกลับไปยังคราวที่แล้ว ที่ซินดี้กับคิรินดันจังหวะนรกเข้ามาเห็นเจย์เดนกับเธอจูบกันพอดี “ก็…ไม่มีอะไร”“ไม่มีอะไร? เธอกับเขาไม่ได้เป็นแฟนกันเหรอ” แอบหลอกถามคนที่กำลังเขินอยู่ ดูว่าจะตอบอย่างไร ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองหรือเปล่า“เธอก็…” ใบหน้าสวยหวานแดงระเรื่อราวกับลูกเชอร์รี่สุกปลั่ง ยิ้มเขินต
“คุณกลับไปได้แล้วนะ” นริศราสะพายกระเป๋าขึ้นข้างลำตัวพลางสั่งร่างสูงใหญ่เพราะเธอกำลังจะออกไปจากที่นี่“จะไปไหน” นี่ก็เพิ่งจะสี่โมงเย็น เธอจะรีบออกไปทำงานพาร์ททามตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอ เร็วไปไหม อันที่จริงเขาคิดมาหลายครั้งแล้วว่าจะให้เธอออกจากงาน อย่างน้อยหากเธอยืนยันที่จะไม่ยอมก็ทำแค่งานประจำเท่านั้นพอ เธอควรจะหยุดพักบ้างหรือเอาเวลามาให้เขาจะดีกว่า“ฉันจะเข้าบ้านสักหน่อย ไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว” กะจะไปดูพ่อด้วยว่ามีเงินซื้อเหล้า เอ๊ย…มีเงินใช้หรือเปล่า “เดี๋ยวไปส่ง”“ฮะ ไม่ต้อง ฉันไปเองได้ คุณกลับไปเถอะ”“ก็บอกว่าจะไปส่ง มีเรื่องจะคุยด้วย”อะไรอีกล่ะ อีตานี่ พอได้แล้วก็ทำตัวตามติด แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเลยนะ จะไม่ให้เธอมีชีวิตเป็นส่วนตัวบ้างหรือยังไง“จะคุยอะไร แค่นี้ยังคุยไม่จบอีกหรือไง”เจย์เดนลุกขึ้นพลางเดินนำเธอออกไปหน้าประตู “ค่อยคุยกันในรถก็ได้” ในที่สุด ทั้งสองคนก็เข้ามานั่งอยู่ในรถของเขา โดยที่นริศราก็ยังคงนั่งไปเกร็งไปจนเขาสังเกตได้“เป็นอะไร”“เปล่า” บอกไม่มีอะไรแต่หน้าเกร็งไม่เป็นธรรมชาติ “ขะ…ข้างหน้า เลี้ยวซ้าย” เจย์เดนลอบยิ้มกับอาการของคนบอกทาง “ฉันว่า เธอออกจากงาน
“เฮือก…” นริศราสะดุ้งตื่นลุกขึ้นนั่งแต่ก็ต้องครางซี๊ดเพราะความร้าวระบมที่เกิดขึ้นทั่วร่างกายโดยเฉพาะส่วนสงวนกึ่งกลางกาย อีกทั้งเรือนร่างก็เปลือยเปล่าอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาที่ร่นลงล่างจนเต้าอวบทั้งสองข้างแทบทะลักออกมาโชว์ หลากหลายความรู้สึกประเดประดังเข้ามาในหัวสมอง ทว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้วเนี่ย ทำไมตรงรอยแยกของม่านหน้าต่างที่มีแสงจากข้างนอกลอดผ่านเข้ามาไม่เหมือนแสงของดวงอาทิตย์ยามเช้าเลย มันเหมือนตอนเที่ยงหรือบ่ายด้วยซ้ำไปไวเท่าความคิด นริศรารีบคว้าโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงมาดูเวลาทันที12:39 “เฮ๊ย! จะบ่ายแล้วเหรอเนี่ย” ทันทีที่กุลีกุจอลุกขึ้นจากเตียงพลันหางตาเหลือบไปเห็นร่างของใครคนหนึ่งนอนซุกผ้าห่มผืนเดียวกันที่เธอไม่ได้สังเกตเห็นเมื่อสักครู่เพราะมัวแต่ตกใจเรื่องเวลาอยู่ร่างนั้นขยับเขยื้อนเพราะเสียงของเธอ“จะเสียงดังทำไม” คนงัวเงียเพิ่งตื่นเพราะเสียงของเธอเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่านริศราหน้าแดงก่ำเมื่อย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืน “คุณ!”“ก็ใช่น่ะสิ จำผัวตัวเองไม่ได้หรือไง” ใช้คำนี้แหละ ตรงและชัดเจนดีก่อนหน้านี้ถ้าเธอจะบอกว่าครั้งเดียวไม่นับว่าเป็นผัวเป็นเมียเขาก็คงจะไม่
นริศราคล้องคอชายหนุ่มให้โน้มลงมาหาตัว ไม่คิดว่าใบหน้าคมคร้ามของเขาจะชนเข้ากับใบหน้าหวานฉ่ำของเธอ “อุ๊บ…อืม…” ราวกับล่องลอยอยู่ในความฝัน หลับตาก็ยังรับรู้ถึงความรู้สึกอ่อนโยน นุ่มละมุนทว่าเจย์เดนกำลังตกใจสุดขีดเพราะเธอโน้มต้นคอของเขาลงไปจูบ ปากแนบปาก ความนุ่มละมุนจากกลีบปากสวยงามนั้นส่งผ่านมายังปากหนาของตัวเอง มันช่างหอมหวานจริงๆ เขาอดใจไม่ไหวแล้วนะในที่สุด เจย์เดนตบะแตก เขาแทรกเรียวลิ้นสากเข้าไปควานหาความหวานที่แสนยั่วยวนนั้นอย่างดูดดื่ม เธอยั่วนักใช่ไหม จัดให้!ชายหนุ่มส่งเรียวลิ้นสากควานหาความหอมหวานภายในโพรงปากอย่างดุดัน ไม่อาจยับยั้งความต้องการให้ทำอย่างนุ่มนวลอีกต่อไป ปากที่เขาคิดถึง ปากที่ทำเขาอารมณ์ค้างที่ห้องวีวีไอพีคืนนั้น“เธอสวย…สวยจังเลย…นุ่มนิ่ม…” เขาครางกระเส่าพลางจูบเลื่อนไล้ทั่วใบหน้าสวยหวานเธอเผยอปากเล็กน้อยอย่างรอคอยปากและลิ้นของเขาตามความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ภายในหัวใจ แม้สมองจะพร่าเบลอแต่หัวใจสั่งการว่าเธอต้องการเขา เธอตอบสนองเขาด้วยการจูบตอบอย่างไม่ประสีประสา แต่นั่นยิ่งทำให้เขาใจสั่นปากหนางับริมฝีปากล่างของเธอพลางขบเม้มและดูดดึงเล่น เธอครางกระเส่าอยู่ในลำคอพลาง