ทุกย่างก้าวของเธอกับเสี่ยขุน มีแต่สายตาจดจ้อง ด้วยไม่อยากเชื่อว่าเธอจะมากับเสี่ย ก็แหงล่ะ ไม่มีใครรู้นี่นาว่าเธอเป็นเมียเสี่ยขุน คนที่รู้จริงๆ ก็มีไม่กี่คน เพราะแบบนั้น จึงมีคนพยายามเข้าหาเสี่ยอยู่เป็นประจำ
“ส่งแค่นี้ก็พอค่ะ คนมองใหญ่แล้ว” อารยาบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมเบาๆ มองรอบตัวอีกครั้ง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกไป “โต๊ะเธอละ” “อยู่ในห้องค่ะ หนู คือไอซ์เข้าไปเองได้” มือเล็กหลบไปซ่อนอยู่ข้างหลัง เมื่อสามีเอาแต่ใจ พยายามจะดึงมันไปจับ คงตั้งใจจะลากเข้าไปข้างในด้วยกันนั่นแหละ แค่นี้ก็อายคนอื่นจะแย่แล้วเสี่ย “แทนตัวเองด้วยชื่อแหละดีแล้ว” ก็ชอบนะที่เธอแทนตัวเองว่าหนู แต่อยู่ข้างนอกแทนตัวเองด้วยชื่อน่าจะดีกว่า เธอเองก็ดูพยายาม เหมือนอยากจะเปลี่ยนไปแทนตัวเองด้วยชื่อแบบที่ทำอยู่ “งั้นจะปล่อยให้ไอซ์ไปทำงานได้หรือยังคะ” เมื่อก่อนแทนตัวเองแบบนั้นบ่อยจนชิน แต่เธอเองก็ต้องโตขึ้น จะแทนตัวเองว่าหนูเหมือนเป็นเด็กอยู่ตลอด จะเอาอะไรมามัดใจสามีได้ละ “ขาดเหลืออะไรก็บอกนะ” “ขอบคุณค่ะ” อารยายกมือขึ้นโบก ไม่ใช่โบกลา แต่ตั้งใจโบกไล่มากกว่า มองแผ่นหลังที่เดินออกไปจนลับสายตา หมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่ก้าวมาขวางทาง พร้อมสายตาไม่พอใจที่ส่งมาให้ “มีอะไรคะคุณ มาร์” อารยาถามผู้ช่วยฝ่ายบุคคล ที่ยืนขวางหน้า ก้มมองหน้าท้องราบเรียบช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเธอคนนั้นตรงๆ ไม่รู้ว่าท้องกับเสี่ยจริงหรือเปล่า “คุณมาสายรอบที่ห้า รู้ใช่ไหมว่าหมายถึงอะไร” มารวียิ้มเยาะ ลูบท้องตัวเองเบาๆ เหมือนต้องการสื่ออะไรบางอย่าง เมื่อเห็นสายตาที่ก้มลงท้องของตัวเอง “ค่ะ ต่อไปดิฉันจะมาเร็วขึ้น” มาสายเกินห้าครั้งจะถูกพักงาน และมีผลเรื่องการบรรจุ เธอรู้ดี อารยาพูดจบก็หมุนตัวเดินหนีไปนั่งรวมกับเพื่อนร่วมงาน เธอไม่ใช่หัวหน้าหรอก สิ่งที่สามีรู้อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ความจริงมันไม่ใช่ เธอเป็นแค่พนักงานธรรมดาในบริษัทต่างหาก “ก็ดี จำใส่หัวไว้ ว่าถ้ามาสายอีกทีถูกไล่ออกแน่” มารวีพูดไล่หลังอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะเห็นเต็มสองตาว่าวันนี้อารยามาทำงานกับใคร ผู้ชายคนนั้นต้องเป็นของเธอ สงสัยวิธีที่ใช้อยู่ตอนนี้ คงจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ คงต้องงัดไม้ตายเด็ดมาใช้ซะแล้ว อารยามองตามหลังคนที่ชื่อมารวีไปจนลับสายตา มารวีหรือมารราวีชีวิตเธอก็ไม่รู้ ตั้งแต่ถูกเสี่ยขุนฝากเข้ามาทำงาน เธอก็ถูกยัยมารกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่เป็นญาติกันกลั่นแกล้งมาตลอด ไม่ได้ทำงานในตำแหน่งที่เสี่ยมอบให้ยังไม่พอ แต่ละวันยังถูกเล่นงานจนหัวหมุน แต่ละวันงานยุ่งแทบไม่ต่างกับเจ้าของบริษัท “วันนี้มากับเสี่ยเหรอ” มุจรินทร์ หรือพี่มุกเป็นเพียงคนเดียวในที่แห่งนี้ที่อารยารู้สึกได้ว่าหวังดีกับเธอ ที่เหลือก็ร่วมหัวกันแกล้งเธอ หรือไม่ก็ไม่สนอกสนใจอะไรในชีวิตเธอเลย “ค่ะ” อารยาไม่เคยบอกใครว่าเป็นเมียแต่งของเสี่ยขุน แต่กลับมุจรินทร์ เธอกลับพูดทุกอย่างได้อย่างตรงไปตรงมา และกล้าบอกว่าเป็นภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกับเสี่ยด้วย “ทำไมไม่บอกคนอื่นๆ ไปเลยว่าเป็นภรรยาเสี่ย” มุจรินทร์ถามอย่างไม่เข้าใจ ใครๆ ต่างก็อยากแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของเสี่ยทั่งนั้น โดยเฉพาะมารวีที่ป่าวประกาศทั่วบริษัทว่าตอนนี้เธอเป็นที่รักของเสีย แต่อารยากลับนิ่งเงียบ ทั้งๆ ที่เป็นเมียตัวจริง “ไอซ์ไม่อยากถูกมองว่าใช้เส้นค่ะ อยากทำงานที่นี่ด้วยความสามารถของตัวเอง” อารยายกไอแพดประจำตัวขึ้นมาเริ่มร่างแบบ เธอทำงานเป็นอินทีเรียของบริษัทรับเหมาและตกแต่งภายในแห่งนี้ เจ้าของจริงๆ เป็นใครทำไมเธอจะไม่รู้ แต่ไม่อยากพูดอะไร เพราะไม่อยากรู้สึกอึดอัดใจกับเพื่อนร่วมงาน แม้ทุกวันนี้มาทำงานเหมือนมาให้คนอื่นแกล้งก็ตามที แต่ไม่อยากบ่นอะไรมาก เธออยากได้ใบรับรองจากที่นี่ เมื่อครบหนึ่งปีเต็ม เธอจะใช้ใบรับรองนั่น ยื่นทำงานกับบริษัทในกรุงเทพที่มาทาบทาม เดินออกจากเส้นทางของภรรยาเสี่ย ด้วยความสามารถของตัวเอง “เห้อ! เหมือนทุกวันนี้ได้ทำงานอย่างที่อยากทำงั้นแหละ” มุจรินทร์ทำงานของตัวเองบ้าง เมื่อท่าทางของอารยาทำให้ไม่กล้าออกความเห็นต่อ สงสารแต่จะทำอะไรได้ ในเมื่อเจ้าตัวยอมเอง ทั้งๆ ที่ตัวเองมีอำนาจอยู่ในมือ กลับยอมให้คนอื่นรังแกง่ายๆ เป็นผู้หญิงที่แปลกนัก ตุบ! เอกสารเล่มหนาถูกวางลงบนโต๊ะของอารยาแรงๆ ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองเพียงครู่ รอฟังเงียบๆ ว่าคนที่โยนงานของเธอลงมาด้วยท่าทางไม่พอใจ ต้องการอะไรกันแน่ “ลูกค้าอยากเปลี่ยนแบบทั้งหมด” มารวีไม่ได้ทำหน้าที่นี้โดยตรง แต่เสนอตัวเองรับหน้าที่นั้นมา เพราะอยากทำให้อารยารู้ตัวสักที ว่าไม่ควรมาสู้กับเธอ “ค่ะ ดิฉันกำลังทำ” “ลูกค้าจะเอาเดี๋ยวนี้” “ค่ะ ดิฉันคุยแล้ว ลูกค้าจะเอาเดี๋ยวนี้ก็จริงค่ะ แต่เป็นแบบเดิมที่เขาเผลอทำไฟล์หาย ส่วนงานใหม่ที่ลูกค้าส่งมาเร่ง กำหนดอาทิตย์หน้าค่ะ” อารยาตอบกลับด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย ไม่รู้จะทนไปทำไมกัน แต่การฟาดฟันเพราะสาเหตุมาจากเรื่องผู้ชาย เธอไม่เห็นประโยชน์อะไรจากการทำแบบนั้น บางอย่างยอมได้ก็ยอม ยอมไม่ได้เธอก็ต้องสู้กลับบ้าง ไม่เคยคิดว่าจะยอมอยู่ตลอดซะทีไหน “ทำเป็นรู้ดี ถ้ารู้ดีขนาดนั้น ทำไมลูกค้าถึงโทรมาด่าคนในแผนกนั้นให้วุ่น” “ก็เพราะพวกคุณพยายามเสนองานคนอื่น ทั้งๆ ที่เขาบอกว่าจะให้ฉันออกแบบให้ไม่ใช่เหรอ แล้วก็อีกอย่างนะคะคุณมาร์ นั่นไม่ใช่หน้าที่คุณ ฉันว่าคุณกลับไปทำเงินเดือนพนักงานดีกว่าไหมคะ จะสิ้นเดือนแล้วด้วย การช่วยงานคนอื่นมันก็ดีนะคะ แต่ช่วยจนลืมหน้าที่ตัวเองมันก็ไม่ควร” ใบหน้าสวยก้มลงทำงานตัวเองต่อเงียบๆ ปล่อยให้สายตามาดร้ายทิ่มแทงตัวเองอยู่อย่างนั้น ไม่รู้มารวีเป็นอะไรกับเธอนักหนา ตั้งแต่เริ่มทำงานมาไม่มีสักครั้งที่จะไม่ถูกทำแบบนี้ สรรหาสารพัดเรื่องมาราวี เป็นผู้หญิงที่เหมาะกับชื่อตัวเองจริงๆ แต่ก็พอรู้หรอกนะ ว่าเพราะอะไร เพราะว่าเธอได้ตำแหน่งภรรยาของเสี่ยขุนที่มารวีหมายมั่นว่าจะได้มาครองละมั้ง เธอคนนั้นถึงไม่พอใจ “ก็ทำได้นี่นา” มุจรินทร์ยกนิ้วโป้งให้ ถูกใจการตอบกลับนิ่มๆ ของอารยามาตลอด แม้อารยาจะไม่เคยโต้เถียงเหมือนที่มารวีชอบทำ แต่ก็ไม่ค่อยยอมให้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายดียว ถ้าผิดอารยาจะก้มหน้ารับ แต่ถ้าไม่ผิดเธอไม่เคยลังเลที่จะเงยหน้าสู้กลับ เป็นผู้หญิงที่รู้จักอ่อนและแข็ง จนกลายเป็นเสน่ห์ “ตัวสั่นแล้วค่ะ มือสั่นด้วย” อารยายื่นมือสั่นเทาไปให้มุจรินทร์ดู มุจรินทร์จึงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี บางทีเด็กคนนี้ก็สู้ชีวิตเหลือเกิน ขนาดโดนแกล้งสารพัดก็ยังไม่หนี แถมไม่ขี้ฟ้องอีก ถ้าเป็นคนอื่นคงวิ่งโร่ๆ ไปฟ้องเสี่ยแน่ๆ โดยเฉพาะยัยมาราวีนั่น ปานนี้คงกำลังฟ้องทางนั้นอยู่แน่ๆอารยานอนลูบท้องตัวเองเบาๆ ตอนนี้เธอหลบเข้ามานอนเล่นให้ห้องโปรดภายในบ้าน ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะเป็นคุณแม่ในวัย 24 ปี แต่รู้สึกดีเหลือเกินที่รู้ตัวว่าท้อง “นี่ไอซ์ ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าโกรธเรื่องอะไร” อัครราชเดินมานั่งลงบนพื้นข้างๆโซฟาที่อารยานอนลูบท้องอยู่ “ก็เสี่ยเสียงดังทำลูกตกใจ” อารยาเบะปากใส่ ไม่ต้องบอกแล้วมั้ง เพราะเธอแสดงอาการขนาดนี้ เสี่ยไม่ได้โง่ คงรู้แล้วแหละว่าเธอท้อง “สรุปว่าท้องจริงๆเหรอ” อัครราชวางมือลงบนหน้าท้องของภรรยาอย่างแผ่วเบา อยู่ดีๆบ่อน้ำตาก็ตื้นเขิน หยดแมะลงบนพื้น เขาเฝ้ารอมานาน ไม่เคยคิดฝันว่าจะมีวันนี้ “ค่ะ ไอซ์ตรวจเมื่อวันก่อน ตั้งใจจะเก็บไว้เซอร์ไพรส์เสี่ยในวันเกิดตัวเอง ดีใจไหมคะ” อารยาลุกขึ้นนั่งช้าๆ โดยมีสามีช่วยประคอง ดึงมือสามีให้ลุกมานั่งข้างๆ เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าสามีเบาๆ ไม่ค่อยเห็นเสี่ยร้องไห้เลย แต่เสี่ยขี้แยกว่าที่คิดอีก “ดีใจสิ ดีใจมาก ขอบคุณนะ” อัครราชกอดภรรยาไว้หลวมๆ ถ้าไม่มีเรื่องมากมายในวันวาน เขากับเธอจะมีโอกาสแบบนี้ไหมก็ไม่รู้ เขายังจำภาพในวันแต่งงานได้ดี เธอไม่ได้แสดงออกว่ายินดีที่ได้แต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำ ชีวิตห
ลรินขับรถกลับบ้านด้วยความสิ้นหวัง เธอทำทุกอย่างแล้ว แต่ทำไมถึงยังลงเอยแบบนี้ ร่างเล็กเดินเข้าไปในบ้านช้าๆ ตอนนี้รอบตัวเธอไม่มีใครเลย ขนาดเปรมนัสที่หลงเธอหัวปักหัวปำ ยังตีตัวออกห่างไปอยู่กับยัยมารวี “กลับมาแล้วเหรอ” “แม่ มาทำไม” ลรินตะโกนลั่นบ้าน เมื่อเห็นแม่ตัวเองนั่งอยู่ในบ้าน ทั้งที่ไม่ได้บอกเธอสักคำว่าจะมา “มาดูความชิบหายของแกมั้ง เอาเงินมาสิ” มือเรียวสวยแบมือขอเงินเหมือนทุกครั้งที่เหยียบย่างมาบ้านหลังนี้ “เงินเหรอ? ยังมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ” ลรินพูดด้วยความโกรธ ตอนเธอขอให้มาประกันตัวยังไม่เห็นหัวเธอเลย นี่ยังเป็นคนอยู่ไหม ถึงได้หน้าด้านมาขอเงินเธอแบบนี้ “ฉันเบ่งแกออกมา อย่ามากำแหงนะ” “ทำไมไม่ผูกคอตายไปเลยล่ะ จะเบ่งฉันออกมาทำไม ถ้าออกมาแล้วเลี้ยงให้ดีไม่ได้ ทำไมไม่ฆ่าฉันให้ตายไปเลย” พูดจบก็ทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นหวัง มองหน้าคนที่ย่างเท้าเข้ามาหาอย่างเกลียดชัง เพี๊ยะ! วรัญฟาดมือลงบนใบหน้าของลูกสาวอย่างไม่ยั้งแรง อุตส่าห์เลี้ยงมาจนเติบใหญ่ ทำไมถึงกล้ามาเถียงฉอดๆแบบนี้ รู้แบบนี้เอาขี้เถ้ายัดปากไปซะก็สิ้นเรื่อง “ฉันเลี้ยงแกมาตั้งกี่ปี เพื่อให้แกมากำแหง
“จะไม่จ้างพนักงานอินทิเรียเหรอ” อัครราชถามเพราะเข้าใจปัญหาทั้งหมด เขารู้สถาพคล่องทางการเงินของเธอพอสมควร ถึงได้รั้งรอมาตลอด ไม่ใช่ว่าไม่อยากคืนให้เธอ แต่คืนไปแล้วเธอจะมีเงินบริหารมันไหมเท่านั่นเอง ที่เขายังรู้สึกเป็นห่วง “ถ้าขุนขายคืน เราว่าจะยุบตำแหน่งงานนั้น เราคงจ้างไม่ไหว อินทีเรียเงินเดือนสูงกว่าพนักงานทั่วไปขุนก็รู้” กรรณิการ์คิดมาดีแล้ว ช่วงนี้คนไม่ค่อยจ้างอินทีเรียของบริษัทเท่าไหร่ ส่วนมากจ้างจากพวกอินทีเรียที่รับงานอิสระ การจ้างแบบผูกขาดจ่ายเงินทุกเดือน มันเกินกำลังเธอจริงๆ “ที่บริษัทมีอินทีเรียกี่คน” “ถ้าไม่รวมกับเมียขุน ก็สี่คน” “ไอซ์คิดว่าไง จะรับคนพวกนั้นไว้ แล้วรวมมาเปิดบริษัทหรือเปล่า” อัครราชถามภรรยาที่นั่งเงียบ เขากำลังจะเปิดบริษัทรับตกแต่งภายในโดยเฉพาะ เขาว่าน่าจะเป็นโอกาสเหมาะทีเดียว “ก็ดีนะคะ พี่ๆเขาฝีมือดีกว่าไอซ์มาก” “งั้นตกลงขายให้กรีนนะ กรีนอยากมีอะไรเหลือไว้ให้ลูกบ้าง” กรรณิการ์น้ำตาคลอ เมื่อนึกถึงดวงใจที่สามีเหลือทิ้งไว้ให้เธอดูแล “เอาแบบนั้นนะไอซ์ เดี๋ยวสิ้นเดือนขุนเข้าไปคุยด้วยนะ” อัครราชนัดวันเวลากับกรรณิการ์อีกครั้ง สิ้นเดื
“รออีกนิดนะ ใกล้แล้ว” อัครราชหอมแก้มเธอเบาๆ เขายังไม่วางใจเรื่องของลริน จึงอยากให้เธอรออีกหน่อย ที่จริงก็เตรียมทุกอย่างไว้รอเธอแล้ว แต่เขาไม่รีบ เพราะอยากมีข้ออ้างอยู่กับเธอนานๆ “ก็ได้ค่ะ เสี่ยรีบใส่สิคะ เดี๋ยวไปสาย” อารยาเร่งสามีที่ถือชุดราตรีของเธอไว้ด้วยมือข้างเดียว เอาแต่ลูบไล้ลวนลามเธออยู่นั่นแหละ อีเสี่ยลามก “ใส่อยากอื่นเข้าไปได้ไหม มันแข็งแล้ว” อัครราชขยับเอวให้แนบแน่น เขาอยากจะใส่ของตัวเองเข้าไปข้างในตัวเธอ มากกว่าใส่ชุดราตรีสีหวานนี่ซะอีก “ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวเดินลำบาก” อารยามองสบสายตาอ้อนวอนของสามี ตั้งใจแน่วแน่ว่ายังไงวันนี้ก็ไม่ใจอ่อน ทำใจแข็งมองตอบกลับไปนิ่งๆ จนสามียอมถอย ใส่ชุดให้เธอเรียบร้อย แต่ยังยืนซ้อนหลังอยู่ที่เดิม “คอโล่งขนาดนี้ เดี๋ยวคุณแม่ด่าเอา” อัครราชหยิบสร้อยเพชรเส้นเล็ก แต่เป็นเพชรน้ำดีที่สุด ที่แม่เขาฝากมาให้ลูกสะใภ้สุดรักของท่าน ออกมาสวมให้เธอ แสงแวววาวตกกระทบเหลี่ยมมุมของเพชร ไม่สวยเท่าความแวววาวของดวงตากลมโตที่เขามองอยู่ “สวยจังเลยค่ะ” อารยาตาลุกวาว นอกจากแหวนแต่งงานประดับเพชรที่สามีเคยสวมให้ นี่คือเครื่องประดับเพชรชิ้นที่สองที่เธอ
“คือเราขอโทษ” เปรมนัสยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่คิดว่าเธอจะให้ความช่วยเหลือใดๆ เพราะเขาไม่ได้อยู่ในสถานะเดิมอีกแล้ว “ถ้ายังไม่จบ ฉันแจ้งตำรวจแน่ แล้วอย่าคิดว่าฉันจะกลัวคำขู่ ออกไปตอนที่ยังพูดดี แล้วไม่ต้องโผล่หัวมาให้เห็นอีก” มารวีหลับตาลงช้าๆ เธอรักผู้ชายห่าเหวแบบนี้ลงได้ยังไง ก็แค่ไอ้ตอแหลที่เข้าหาเธอ แล้วเก็บเธอไว้ใช้ประโยชน์ตามคำพูดของอีสารเลวนั่น แต่ทำไมเธอถึงยังรักก็ไม่รู้ “เราอยากดูแลเธอกับลูก” เปรมนัสน้ำตาคลอหน่วย ตอนแรกตั้งใจมาหาเพราะถูกลรินขู่ให้มาก็จริง แต่เห็นสภาพเธอแล้วเขาอยากทำแบบนั้น อยากดูแลเธอกับลูกจริงๆ “ไปดูแลผู้หญิงที่แกรักเถอะ แล้วก็ลบรูปที่แกใช้ขู่ฉันด้วย” มารวีไม่ยอมใจอ่อนอีกแล้ว เขารักผู้หญิงคนนั้นเธอรู้ดี ถ้าเขาสงสารเธอ ก็ควรลบรูปพวกนั้นของเธอซะ “เราลบออกไปนานแล้ว เราไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้” เปรมนัสมองด้วยสายตาเว้าวอน เขาเป็นคนจีบเธอก่อนนะ พยายามจีบจนติด แต่ไม่คิดว่าทุกอย่างจะลงเอยแบบนี้ ในช่วงที่เขาหมดหวังจากลริน เขาตีตัวออกห่างจากเธอและได้เจอกับมารวี เขาจีบมารวีจนติดและคบกันปกติ จนลรินรู้เข้า แล้วเข้ามาวุ่นวาย เขาไม่รู้ว่าเธอเอารูปถ่ายของ
[ถ้าเธอยังไม่รามือ เราจะจัดการขั้นเด็ดขาด] หิรัญเสียวสันหลังวาบ กับคำพูดและน้ำเสียงของเพื่อน อัครราชเป็นคนใจดีมาแต่ไหนแต่ไร เพราะเป็นแบบนั้นจึงโดนหลอกง่ายๆ แต่ก็ใช่ว่าจะร้ายไม่เป็น และโหดเหี้ยมไม่ได้ เธอคนนั้นซวยซะมัด ที่ขุดด้านเลวๆของเสี่ยขุนขึ้นมาได้ “เราต้องเตรียมทนายให้ไหม” [ไม่ต้อง เราจะจัดการเงียบๆ ถ้าเราทำจริงๆ ช่วยหลับหูหลับตาให้สักครั้งนะ] “เราจะทำเป็นตาบอดไปสักพักแล้วกันนะ ตอนนี้หูเราก็เริ่มไม่ดีแล้วด้วย” หิรัญพูดพลางหัวเราะ เขาจะทำแบบนั้นได้ไงล่ะ แต่เพราะเชื่อว่าเพื่อนไม่ทำอะไรนอกเหนือจากกฎหมายแน่ๆ แต่ก็คงเล่นใหญ่ทีเดียว [ขอบคุณนะ] “ว่างๆพาเมียมาแฮงค์เอ้าด้วยสิ เพื่อนๆอยากเจอเมียนายนะขุน” [เราก็ตั้งใจแบบนั้น ต่อไปจะพาไปด้วยทุกที่ แค่นี้นะ เมียตื่น] หิรัญกดวางสายด้วยความอิจฉา ภาพเสี่ยขุนเมื่อหลายปีก่อนไม่มีเหลือให้เห็นเลย ตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นคือขุนเขาคนใหม่ ผู้ชายที่ยอมทำทุกอย่างได้ เพื่อเมีย “มีเมียมันดีจริงๆเหรอวะ ทำไมเราเห็นแต่หายนะและความพินาศ” หิรัญทำท่าขนลุกขนพอง แม้จะอายุเลยเลขสามมานิดๆ แต่ยังไม่คิดจะมีห่วงผูกคอ ด้วยหน้าที่การง