Share

เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑ (๓) จบตอน

last update Last Updated: 2025-06-02 00:01:30

“ว่าแต่ชื่อพ่อครูอะไรนะ?” อีกฝ่ายกดสายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ไม่มั่นใจว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นมิจฉาชีพมาหลอกลวงเธอหรือเปล่า เพราะท่าทางยังดูหนุ่มแน่นไม่เหมือนพ่อหมอหรือพวกแม่หมอดูดวงชะตาตามที่เห็นได้ทั่วไป

“เรียกว่าพ่อครูคันศรจักดีกว่า” เขาไม่ชอบให้หญิงที่ชังน้ำหน้าเรียกชื่อห้วนๆ คนที่เขาอนุญาตให้เรียกว่า ‘พ่อศร’ มีเพียงวาดรักเท่านั้น

ไม่สิ... ก็หล่อนมีศักดิ์เป็นคุณผู้หญิงแล้ว ความเคยชินเดิมๆ จึงถูกปัดทิ้งไปในความทรงจำในที่สุด

“โอเคค่ะพ่อครูคันศร ฉันคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตามอย่างเคร่งครัด แต่งานบ้านฉันทำไม่เป็นเลยค่ะ ปกติให้แม่บ้านที่โรงแรมทำ พ่อครูทำเองได้ไหมเจ้าคะ?” เป็นสิ่งที่พ่อครูหนุ่มแทบไม่อยากจะเชื่อว่านังหญิงโสเภณีคนนี้จะหน้าด้านไร้ยางอายขนาดไหน หล่อนไม่มีแม้แต่ความเป็นกุลสตรีอย่างที่หญิงสาวควรจักมี หล่อนอวดดี สีหน้าเชิ่ดรั้นมิคิดจักลงมือทำงานเรือนที่คนเป็นหญิงควรต้องทำ

“ฝึกเอาเสีย... เมื่ออยู่ที่นี่มึงควรปรับตัวตามสมควร” เขากัดฟันกรอดโพล่งออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยด้วยพยายามสะกดอารมณ์ชิงชัง แผนการกำจัดนางหญิงกาลกิณียังต้องดำเนินต่อไป

แพรวพราวถึงกับเบ้หน้า หล่อนไม่ใช่คนหยิบหย่งแต่เพราะว่าไม่เคยได้หยิบจับอะไรพวกนี้มาก่อน เนื่องจากบ้านเธอรวยพอที่จะจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดวันเว้นวันอยู่แล้ว

ถึงไม่ใช่เธอ งานบ้านงานเรือนก็คือสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันเกลียด การหาเงินสนุกกว่าตั้งเยอะ ในยุคสมัยนี้เราเทียบเท่าผู้ชายอยู่แล้ว

แต่ดูเหมือนหล่อนจะไม่ได้อยู่ในที่ที่ถูกที่ควรนัก จะว่าเป็นชนบทก็ไม่ใช่ เพราะเรือนไทยหลังใหญ่นั้นมีความแปลกประหลาดที่ชวนให้ขนลุก ฝูงอีกามากมายบินว่อน พอๆ กับผ้านุ่งที่เขาใส่ ไม่มีทางที่คนต่างจังหวัดจะใส่ของที่ดูแพงและโบราณเช่นนี้ ก็ลวดลายทรงไทยวิจิตรตระการตา พร้อมกับหัวเข็มขัดเงินโบราณวาววับที่ดูไม่ค่อยได้เห็นใครสวมใส่เครื่องแต่งกายครบองค์แบบนี้นักนอกจากช่วงกระแสแต่งชุดไทยตามรอยละครพีเรียดที่เห่อกันอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ตอนนี้กระแสก็เงียบลงไปมากแล้ว

ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันแน่?

คลายความสงสัยได้ไม่นานนัก พ่อครูคันศรก็เดินนำหน้าหล่อนเข้าไปภายในตำหนักโดยไม่แม้แต่จักหันกลับมามองว่าแพรวพราวจะเดินตามมาหรือไม่ สิ่งแรกที่เห็นเมื่อบานประตูที่เธอได้ยินเสียงบริกรรมคาถาแว่วมานั้นเปิดออกชวนตกตะลึงปนขนลุก มันคือหิ้งหมู่บูชา ไม่ว่าจะเป็นของขลัง หัวโขนหน้าตาน่ากลัว รวมถึงเศียรฤาษีที่ไม่คุ้นตา ยอมรับก็ได้ว่าเธอไม่มีความรู้เรื่องการเล่นของมาก่อนเพราะชีวิตที่มีอยู่ดีเกินกว่าที่จะไปทำของใส่ใคร

เธอไม่มีปมด้อยที่จะคิดร้ายกับใคร แต่ก็ไม่ใช่คนดีพอที่จะแยแสคนที่คิดร้ายกับตัวเอง เธอไม่ใช่คนใจดีและแน่นอนว่าคนพวกนั้นจะโดนฟ้องจนหมดเนื้อหมดตัวโดยที่แพรวพราวใช้เงินเพียงก้อนเดียวเท่านั้น

ชีวิตดีๆ แบบนี้ถ้าเสียมันไปคงอยากจะร้องไห้หนักๆ

เธอสู้ทนใช้ชีวิตลำบากตรากตรำไม่ได้หรอก

ยิ่งเป็นเมียคนๆ นี้ในสถานที่เช่นนี้น่ะหรือ ลืมไปได้เลย การอาบน้ำต่างขันไม่ใช่วิถีทางของเธอ อย่างเธอมันต้องชาวเวอร์ ไม่ก็แช่ร่างกายในอ่างน้ำนมเท่านั้น

“นั่งลงตรงนั้นเสีย” พ่อครูคันศรชี้ไปทางพื้นเรือนกระด้าง สีหน้าของแพรวพราวยิ่งยากจะอธิบาย แต่ก็จำใจหย่อนก้นลงนั่งแต่โดยดี

“ไม่มีพรมปูรองเหรอคะ?” แต่เธอมันมากเรื่องนัก นั่งลงแบบนี้ปวดเมื่อยตัวจะแย่ ขยาดพื้นเย็นๆ แล้ว

“กูจักนั่งทางในว่าเกิดกระไรขึ้น ถ้าวิปลาสจักบอกว่าวิปลาส แต่ถ้ามีข้อแม้นอกเหนือจากนั้น... จักแจ้งให้ประจักษ์ตามตรง” หากแต่อีกฝ่ายเมินข้อโต้แย้งอันไร้สาระนั่น พร้อมกับนั่งลงขัดสมาธิบนตั่งไม้ราวกับตัดรำคาญ

“เจ้าค่ะ”

พลันนั้นลมจากภายนอกก็พัดโบกเข้ามาจนรู้สึกหนาวเหน็บจับใจ กลิ่นคาวคลุ้งเหม็นเน่ามาพร้อมกับเสียงหวีดของลมท่ามกลางป่ากล้วยรกชัฏอย่างน่าสยดสยอง พ่อครูตรงหน้าบริกรรมคาถาปากก็พึมพำขมมุกขมัว ดวงตาของแพรวพราวมองไม่เห็นว่าร่างเน่าเฟะที่ลำตัวยาวประมาณสามเมตรกำลังจ้องมองร่างของเธอ น้ำลายของร่างอันสยดสยองนั้นเจือน้ำเลือดน้ำหนองหยดลงพื้นเรือนเป็นหย่อมๆ ลำคอที่ยาวคดเคี้ยว ทั้งตัวเป็นสีดำของศพที่เน่าเปื่อยและแห้งกรัง มันค่อยๆ ควักบางสิ่งบางอย่างออกมาจากอกอิ่มของแพรวพราว เธอรู้สึกใจหายวูบวาบจนร่างสะอิดสะเอียนนั้นวางลูกแก้วสีชาดลงบนฝ่ามือหนาของพ่อครูคันศร

ท่านลืมตาขึ้นมา อ่านลูกแก้วดวงจิตดวงนั้น ก่อนที่จักเป่ามันกลับเข้าอกของหญิงตรงหน้าดังเดิม

“วิปลาส จิตของมึงเกิดวิปลาส ชะตาบอกว่าต้องนอนรอความตายในวันข้างหน้า” นั่นคือชะตาที่อ่านได้ในมณีแก้วดวงเล็ก ขวัญของอีแพรวกระเจิดกระเจิงหนีหายไปบางส่วน และในตอนนี้ขวัญที่หายไปต้องเรียกกลับคืนมา มิชะนั้นเจ้าชะตาจักเจ็บป่วย มีเรื่องราวอันตรายแทรกซ้อนมิจบมิสิ้น แต่เมื่อหล่อนมิได้ร้องขอ แลเขาเองก็ต้องการให้หญิงผู้นี้ได้รับรู้รสชาติของการที่ยิ่งกว่าขวัญกระเจิง พ่อครูคันศรจึงซ่อนรอยยิ้มพรายไว้ใต้ความมืดยามค่ำที่มีเพียงแสงจันทร์โอบล้อมเสี้ยวดวงหน้า

“จริงเหรอคะ!” อีกฝ่ายแตกตื่น ว่าแต่เขาได้ดูให้ใครกัน? “แต่หน้าฉันเปลี่ยนไป เนี่ย! เสียงก็เปลี่ยน ปกติเสียงฉันจะนุ่มหวานชวนฟังไม่ใช่เสียงแหลมเล็กแบบนี้”

“กูมิรับรู้ ตามที่ว่าไว้ว่าวิปลาส ตัวมึงหาใช่ตัวมึงไม่ ทำความเข้าใจกับสถานที่ที่อยู่ให้ได้ มึงจักยังมิสามารถเรียกขวัญที่หนีกระเจิงกลับมาได้ เพราะมีเงื่อนไขกับกูว่าจักปรนนิบัติรับใช้อยู่ที่นี่”

จะบอกหล่อนกลายๆ ว่าไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ สินะ

“แล้วที่นี่ที่ไหนล่ะเจ้าคะ อย่างน้อยถ้าอยากให้ฉันรู้ว่าอยู่ที่ไหน พ่อหมอก็ควรบอกฉันก่อนสิ”

“ตำหนักทรงของกู นี่จำมิได้แม้แต่สถานที่ที่ก้าวเดินมาเองเลยรึ?”

ตำหนักทรงอะไร โบราณมากแถมยังตั้งกลางป่ารกๆ อีกต่างหาก

เผลอๆ หมอนี่น่ะอาจจะไม่มีวิชาอาคมอะไรหรอก น่าจะเป็นแค่พวกต้มตุ๋นลักพาตัวหล่อนมาเรียกค่าไถ่มากกว่า

อาจจะลักพาตัวมาหลังจากที่พักรักษาตัวจากการตกสลิงจนรูปร่างหน้าตามีบาดแผลจนผิดรูปก็ได้ (แพรวพราวเริ่มคิดไปเอง) เสียดายที่หมอศัลยกรรมให้หน้าออกแขกเกินไปหน่อย เธอไม่ชอบหน้าตาแนวนี้สักเท่าไหร่

หรือไม่... เธอก็อาจจะตายไปแล้วจริงๆ จากการตกสลิงครั้งนั้น และนี่ก็คือความฝันในโลกหลังความตาย และชายผู้นี้ก็คงเป็นเจ้ายมโลก

เอาเป็นว่าจะหาทางเอาตัวรอดให้ได้ก่อนก็แล้วกัน

ชาติก่อนเธอเองก็มีข่าวฉาวเรื่องราวแย่งผัวเขาไว้เยอะ กลัวจะได้ปีนต้นงิ้วเอา

แต่งานบ้านงานเรือนที่เขาให้หล่อนทำ มันดันหนักหนากว่าที่คิด

ใครจะคิดว่าผู้หญิงคนเดียวต้องมานั่งทำความสะอาดเรือนไทยใหญ่ทั้งหลัง แถมบ้านหลังนี้ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไรทั้งสิ้น แน่นอนว่าการถูพื้นบ้านที่ฝุ่นจับใบไม้ตกทั้งวันนั้น... ใช้แต่สองมือสองตีนเท่านั้น!

ผ้าขี้ริ้วถูกชุบกับน้ำบิดหมาดอย่างหัวเสีย สภาพของแพรวพราวนั้นไม่เหลือเค้าโครงความเป็นมาดดาราสาวหลงเหลืออยู่เลยสักนิด ผมยาวถึงเอวถูกเกล้าหลวมๆ แล้วปักกิ่งไม้แห้งไว้ (เนื่องจากที่นี่ไม่มีปิ่นปักผมหรือแม้แต่ยางมัดด้วยซ้ำ!) หล่อนจึงต้องใช้สกิลมวยผมมั่วๆ เอาเอง ซึ่งก็รุงรังสิ้นดีเพราะชีวิตที่เป็นดาวร้ายตัวท็อปนั้นมีสไตล์ลิสต์มาแต่งหน้าทำผมให้ตลอด เรียกได้ว่าทำอะไรไม่เป็นนอกจากโยนเงินจ้างอย่างเดียว

แต่ ณ ตอนนี้ เงินที่ติดกระเป๋าไม่มีสักบาท ชาแนลสุดหรูกับเงินฟ่อนและบัตรเครดิตก็หายไป!

สภาพหล่อนที่นุ่งแค่ผ้ารัดอกเปิดเปลือยหน้าท้องแบนราบกับผ้าถุงลายโบราณๆ นั่งยองๆ พลางบิดผ้าขี้ริ้วข้างถังไม้นี่ คงไม่ดีนักถ้านักข่าวมาตามเจอแล้วถ่ายภาพนี้เอาไว้

จะแค้นไอ้พ่อหมอนั่น ก็เหลือจะแค้น ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเขาเป็นใคร เพราะดูลึกลับเหลือเกิน แถมตั้งแต่วันนั้นก็ใช้งานเธอเยี่ยงทาส

แต่ดูมีคนแวะเวียนมาตำหนักทรงที่นี่และหายไปในห้องหมู่บูชาน่ากลัวๆ นั่นอยู่ เขาอาจจะเป็นผู้มีวิชาจริงๆ ก็ได้

แต่เท่าที่เคยแอบฟังอยู่ข้างหลังบานประตู คนเหล่านั้นพูดจาแปลกๆ

ไม่ใช่พูดจาภาษาปากแบบคนชนบทคอกนา แต่มันดู... โบร่ำโบราณกว่านั้น

บางคำก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่

ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่ใช่ที่ที่เธอสมควรมาอยู่ มันดูเก่าแก่ โบราณ แถมยัง... ให้อารมณ์เหมือนเธอถูกย้อนเวลามาที่ยุคไทยสมัยก่อนซะจริง

แต่เรื่องอัศจรรย์ยิ่งกว่าตายแล้วไปยมโลกเนี่ย มันจะมีจริงๆ เหรอ?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๕ (๒)

    นางสมิงพรายที่ตามหามาเกือบทั้งชีวิต ตอนนี้อยู่ตรงหน้าเขา และตกหลุมรักเพื่อนของเขาคงยากที่จะไม่ไขว่คว้าหล่อนมาใกล้ตัว หากแต่หญิงตนนี้ฉลาดนัก หล่อนพร้อมจะไปจากเขาได้ตลอดเวลา เขาเองก็ไม่ต้องการบังคับใจสิ่งที่หมายปอง หวังให้นางตกเป็นบริวารของเขาด้วยความเต็มใจเสียมากกว่าที่หนึ่งของนางตอนนี้คือไอ้คันศรก็แค่เพียงกลับกลายเป็นที่หนึ่งของนางได้ก็พอ เหมือนกับที่เขาเคยเป็นที่หนึ่งของดอกรักแต่ครานี้... เขาจะไม่ละทิ้งสัมพันธ์เพื่อตามหาความฝันอีกแล้วเพราะหล่อนคือความฝันที่เขาต้องการมากที่สุดแต่แพรวพราวไม่ได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเธอกำลังตกเป็นที่หมายตาของใครบางคน กลับมาที่ปัจจุบัน เธอกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นเรือนไม้ รู้สึกเหมือนจะเป็นลมจนแทบล้มพับ แต่ไวกว่าความคิดเมื่อพรานสมิงตรงเข้ามาโอบร่างเธอที่ทำท่าจะทรุดเอาไว้“แม่เป็นกระไรหรือไม่ แข้งขาอ่อนแรงหรือ”“นาย... ทำไมไม่ห้ามฉันเล่า!” พอเห็นว่าอีกฝ่ายเปลือยเปล่าเช่นกันแถมเข้ามากอดร่างล่อนจ้อนของเธอแนบชิดแบบนี้แพรวพราวก็ยิ่งหน้ามานด้วยความอับอาย และพยายามทุบตีเขาด้วยแรงน้อยๆ ที่มี ยังไงคนที่ควรยับยั้งใจก็คือเขา หล่อนไม่ผิด เขาต่างหากที่ผิด “ก็รู้ว่

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๕ (๑)

    แพรวพราวยอมรับนะว่าเสียใจไม่พอ หล่อนยังเสียตัวให้ไอ้พ่อหมอนั่นไปถึงสองครั้งสองคราอีกต่างหาก คราวแรกก็ตอนที่เขาหวังล่อลวงเพื่อกำจัด คราวนี้ก็เพราะเธอไปปลุกปล้ำเขาเสียเอง ความประทับใจแรกเริ่มนั้นไม่เคยมีอยู่ในความสัมพันธ์ของเธอกับเขา แพรวพราวไม่ใช่สาวพรหมจารีย์ตามจารีตประเพณี แต่ถึงแบบนั้นก็ว่ากันว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะใช้หัวใจในการร่วมหลับนอนกับใครสักคน แต่ผู้ชายกลับทำมันราวกับเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันและเสร็จสมออกมาได้ทั้งๆ ที่เกลียดชังผู้หญิงคนนั้นสุดหัวใจ แค่เพราะถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศเท่านั้นเองแม้แต่ผู้หญิงที่มีแต่คนต้องการมารุมรักอย่างเธอ ก็ใช้ใจในการร่วมรัก ปะปนกับความหิวโหยที่เพิ่มพูนแบบทวีคูณเช่นกัน เธอไม่ได้หน้ามืดตามัวไปปลุกปล้ำใครที่ไม่ใช่เขา หัวใจเธอมีแต่นับสิบ และเขาที่คล้ายคลึงกันแต่แพรวพราวกลับสับสนกับตนเอง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ หากแต่มันไม่เพียงพอต่อความต้องการเลยสักนิด การสูบพลังชีวิต กินอาคมของพ่อครูยังไม่พอที่จะสนองให้หล่อนรู้สึกพึงพอใจ ดวงตาสีทับทิมวาววับท่ามกลางความมืดมิดของคืนเดือนดับที่ไร้แม้แต่แสงจันทราสาดส่อง ดวงไฟสีแดงก่ำในลูกตาของหล่อน

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๔) จบตอน

    “ไม่ให้แตกหรอก จนกว่า...” หญิงสาวออกปากหยันเหมือนที่เขาพยายามจะทำกับเธอเสมอมา แต่รู้อะไรไหม ในเวลาที่เขาเข้าไปในตัวเธอนี่แหละ “จะเสร็จในตัวของแพรว อื้อ!”สิ้นคำนั้นหล่อนก็ยืนยันในคำพูดของตนเองด้วยการกลืนกินท่อนจันทน์ของเขาด้วยความนุ่มนิ่มจนกลืนมิดท่อนในจังหวะที่หนักแน่น“อึก...!” มันช่างน่าทุเรศตัวเองเสียยิ่งกว่าเมื่อหล่อนครอบครองเขาเข้าไปจนเต็มฤทธิ์ พ่อครูคันศรกลับรู้สึกเหมือนตนเองกำลังขาวโพลน ว่างเปล่า ความอึดอันทรมานเมื่อคราก่อนหน้าถูกแทนที่ด้วยความสุขสมอันน่าสังเวช ยามเมื่อหล่อนขยับสะโพกเน้นแบบทุกดอกทุกคำจนเขานั้นแทบกระอักจังหวะสะโพกที่บดคลึงผสมผสานกับการกระแทกขึ้นสุดลงสุดนั้นชวนให้นึกทึ่งกับความแข็งแรงและช่ำชองสำหรับการใช้สะโพกของหล่อน ขยับถี่รัวขนาดนั้นกลับไม่มีท่าทางว่าจะเหนื่อย เมื่อยหรืออยากจะหยุด ยิ่งถี่ยิ่งตอดรัดแน่น จนอาคมที่เสื่อมเพราะหล่อนขึ้นครูนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียตัวตนที่ภาคภูมิใจไปทีละน้อยใช่ หล่อนมันนังปีศาจ เป็นผีพรายตายโหงที่อัปปรีย์จัญไรที่สุดเท่าที่เคยเผชิญหน้ามา หล่อนทำให้เขามัวเมากับโลกีย์จนหลงลืมแม้แต่คำสอนของอาจารย์ที่เคยพูดเอาไว้เขาเคร่งคร

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๓)

    แพรวพราวไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอนั้นมันช่างมหาศาลจนสามารถสะกดหมอผีที่หยิ่งยโสคนนั้นได้จนอยู่หมัด เขาที่เธอนั่งคร่อมอยู่เหนือกว่าด้านบนนั้นมองคนตัวเล็กกว่าด้วยแววตาสั่นไหว วันนี้มันคืนเดือนมืด ดวงตาของหล่อนส่องแสงราวกับทับทิมสีแดงก่ำ“มึง... หยุดประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นกูจักออกคำสั่งให้พวกผีมาฆ่ามึงอีกครา”“เอาสิ ฉันไม่กลัวผี สู้แรงกันให้ได้ก่อนเถอะ คุณในตอนนี้เสร็จฉันแน่” แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงสั่นคลอนนั่นแม้ใจความจะขู่กรรโชกอยู่ก็ตาม ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนคืนนี้หล่อนจะเร่าร้อนเป็นพิเศษ กำหนัดจนไม่สนอะไรทั้งนั้นแม้แต่ความกลัว ยิ่งกว่ากินยาปลุกเซ็กซ์เสียอีก มันต้องการสูบพลังชีวิตใครบางคนในยามที่มีความอยากอันร้อนแรงหมับ!ไหล่หนาเปลือยเปล่าแข็งแกร่งถูกมือเล็กจ้อยมือเดียวผลักให้กระแทกกับพื้นหญ้าเปียกชื้นอันเย็นชืด มันไม่สบายตัวเอาเสียเหลือเกิน แต่เขาไม่สามารถสู้แรงหล่อนได้เลย อีแพรวในตอนนี้พละกำลังมหาศาลจนใช้สองมือกดเขาไว้แน่นไม่ต่างกับผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งนังนี่มันมิใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ เรากำลังจักเสร็จมัน“ปล่อยกู!”“มาให้ฉันกินเสียดีๆ เถอะค่ะพ่อหมอ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว แล

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๒)

    การห้ามมีเซ็กซ์ นั้นยากเย็นกว่าการห้ามรักเสียอีกสัมผัสของพ่อหมอคนนั้นที่หล่อนหลงครวญหาจนนึกว่าเป็นนับสิบนั้นหลอกหลอนวนเวียนในหัวไม่หยุดหลังจากถึงเวลาเข้านอน ฝนยังคงตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลยสักนิด ความเหน็บหนาวที่ลอดเข้ามาแม้ว่าบานหน้าต่างจะถูกปิดสนิท ไหนจะเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะๆ ทำให้แพรวพราวที่นอนหนาวอยู่บนฟูกนอนใหญ่รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึกสงัดเมื่อหันไปข้างๆ ก็พบกับร่างกายกำยำใหญ่โตที่นอนร่วมข้างกายหล่อน พรานสมิงปิดเปลือกตา ไม่มีทีท่าจะตื่นนอน เหมือนว่ากำลังหลับสนิทอยู่นะแต่เมื่อนึกถึงแต่ฉากร่วมเพศตลอดค่อนคืนจนถึงขนาดอาจเอาไปเก็บในนิมิตได้ มันทำให้เธอนอนไม่หลับและรู้สึกเสียววูบวาบยุบยิบในท้องน้อย จวบไปจนถึงเส้นทางสวาทที่ไม่ควรเปิดเผยให้คนข้างๆ เลยแม้แต่น้อยพ่อครูคันศรชี้ชัดว่าเกลียดน้ำหน้าเธอขนาดนั้น ถ้าให้บากหน้าไปบอกว่า ‘อยากทำ’ คงไม่น่าไหว แต่ถ้าเป็นคนข้างๆ แล้วละก็...แต่!“ก็ได้นะ แต่กฎของฉันกับนาย คือห้ามแตะต้องตัวกันอย่างเด็ดขาด ห้ามมีเซ็กซ์ และห้ามรักฉันด้วย”หล่อนตั้งกฎบ้าๆ นี่ออกไปแล้วน่ะสิ!จะมากลืนน้ำลายตัวเองคงจะไม่ได้ แม้ว่าในชาติก่อนที่เป็นดาราสาวเธอก็มีวันไนท์สแตนด์

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๑)

    “ข้าทำตามได้อยู่แล้ว” แต่อีกฝ่ายกลับตกลงรับคำไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนั้น เขาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสาววัยแรกรุ่นที่ถ้าเทียบการถือกำเนิดและอยู่บนโลกมนุษย์มาแล้วนับร้อยปี แพรวพราวไม่ต่างอะไรกับลูกหลานเหลนโหลนของเขาด้วยซ้ำไปนั่นทำให้สาวเจ้านึกโล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายชายอย่างแข็งขัน หล่อนอาจจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาได้แบบสันติสุขโดยไม่มีการเสียตัวให้กันและกัน คิดดังนั้นจึงตรงเข้าไปในเรือนใหญ่หรูหรา ที่มีห้องหับแบบโบร่ำโบราณแยกกันอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งเป็นห้องหลับนอน ห้องทำกับข้าวน่าจะเป็นการผิงไฟย่างเนื้ออยู่ด้านนอกแบบหมู่บ้านเก่าของเขากระมังโลกนี้น่าจะไม่มีอลาคาสหรูหราแบบที่ทานอยู่เป็นประจำ เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกนี้ต้องทนๆ เอา ข้าวเหนียวห่อใบตองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นักพูดถึงข้าวเหนียวห่อใบตอง ก็คิดถึงโรเบิร์ตขึ้นมาเลย ตั้งแต่กลับมาไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แถมพ่อหมอก็ไม่ได้พูดถึงด้วยโฮ่ง!แต่ทว่านึกถึงไม่ทันไร ก็เกิดเสียงดังอยู่กลางป่ากล้วยเป็นเสียงเห่าของสุนัข แพรวพราวโผล่หน้าออกมาจากบานหน้าต่างฝั่งปีกห้องนอนทั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status