Share

เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑ (๒)

last update Last Updated: 2025-06-02 00:01:11

แรงกระแทกกระทั้นพัดโบกรุนแรงมิต่างจากลมพายุด้านนอก ต้นไม้ที่เอนไหวลู่ตามลม สะบัดพัดไปตามแรงจนสั่นไหวหนักหน่วงนั่นมิต่างจากแพรวพราวที่ยังมิรู้สึกตัวว่าตนเองนั้นได้ทะลุภพชาติมากลายเป็นโสเภณีตัวร้ายช่างริษยาแห่งพระนคร หล่อนแอ่นสะโพกบดคลึงเบาๆ ยอมรับความเสียวซ่านอย่างเต็มใจ โดยมิรู้เลยว่าคนตรงหน้าที่มีดวงหน้าละม้ายคล้ายคลึงพาร์ทเนอร์บนเตียงนั้นคือชายในอดีตกาล แถมยังเป็นจอมขมังเวทย์ผู้เลื่องชื่อในพระนครอีกด้วย

กว่าจักจบบทรักช่างแสนยาวนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ อีกคนแสนขยาด อีกคนแสนสุขเสร็จสมเต็มอิ่มด้วยความหนักหน่วงที่ถูกกระทั้น กว่าจักรู้สึกตัวหล่อนก็สลบไสล นอนเปลือยกายอยู่บนพื้นกระดานอย่างหมดสภาพไม่ต่างกระไรกับผ้าผ่อนที่กระจายเต็มพื้นเรือน สิ่งที่พ่อครูทำทันทีที่นุ่งภูษากลับมาเช่นเดิมคือดวงตาที่กดมองร่างอรชรที่เต็มไปด้วยเหงื่อกาฬอย่างเหยียดหยัน เพราะหล่อนเป็นได้เพียงหญิงที่ไว้ร่วมเตียงในยามที่ต้องการผลประโยชน์เท่านั้น

หล่อนจักมิมีวันได้ตกไปถึงพระยาสิงห์ดอก หล่อนมิมีสิทธิ์นั้น ด้วยแรงริษยาจักถูกเหยียบย่ำด้วยปลายเท้าเหยียบอาคมคู่นี้ เขาจักสั่งสอนบดขยี้หล่อนให้หลาบจำว่าพระนครที่ไร้โสเภณีอย่างอีแพรว ก็ยังคงสูงส่งเฉกเช่นเดิม

ฝ่าเท้านั้นก้าวจากไป ทิ้งร่างเปลือยเปล่าให้นอนเหน็บหนาวอยู่ตรงนั้น แพรวพราวดาราสาวหายใจเหนื่อยหอบเนื่องจากแรงศึกสวาทจากอีกฝ่ายนั้นช่างรุนแรงไม่ถนอมกายอันบอบบางนี่เอาเสียเลย หญิงสาวตกอยู่ในห้วงนิทราจนกระทั่งตกฟ้ามืด

เสียงจิ้งหรีดเรไรเป็นตัวปลุกให้แพรวพราวตื่นขึ้นมาจากภวังค์ความฝันอันยาวนาน ขนาดในฝันยังนึกถึงแต่ดวงหน้าของนับสิบ มันแปลกมากที่เธอฝันถึงเขาทั้งที่ปกติไม่เคยให้ความใส่ใจด้วยซ้ำ

ร่างเปลือยเปล่าค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นจากพื้นไม้สักเย็นเฉียบแต่กลับต้องร้องโอดโอยออกมาเพราะรู้สึกปวดกล้ามเนื้อเนื่องจากนอนอยู่บนพื้นไม้แข็งๆ อยู่เป็นเวลานานหลายชั่วโมง แผ่นหลังเย็นเยียบไม่ต่างกับพื้นไม้ที่ชืดหนาวตามอุณหภูมิของช่วงเวลาตะวันตกดิน แพรวพราวค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังครวญโอยขยันโอยด้วยความปวดกล้ามเนื้อแผ่วๆ ก่อนที่จะมองหาชุดหรืออะไรสักอย่างมาคลุมตัว

แต่ทว่า... ชุดที่กองพะเนินอยู่ตรงหน้าหล่อนกลับเป็นเพียงผ้าบางและซิ่นลายโบราณไม่คุ้นตากับยุคสมัยที่ใช้ชีวิตอยู่ ยิ่งกวาดสายตาไปรอบๆ กลับต้องตะลึงพรึงเพริดเพราะบ้านเรือนไทยแบบนี้ไม่ใช่กองถ่ายละครหรือแม้แต่บนเตียงในโรงแรมหรูด้วยซ้ำ

ที่นี่มันที่ไหนกัน? นี่เราหลุดมาในยุคสมัยก่อนสงครามโลกหรือยังไง

แพรวพราวไม่รู้เรื่องประวัติศาสตร์ไทยและไม่คิดที่จะสนใจด้วย สาวเจ้ารวบผ้าซิ่นที่เป็นปราการป้องกันร่างกายเปลือยเปล่าด่านสุดท้ายมานุ่งกระโจมอก ประตูใหญ่ด้านหน้านั้นมีเสียงพึมพำบริกรรมคาถาจนรู้สึกขนพองสยองเกล้า

เธอมองซ้ายมองขวา ยังไงก็ออกประตูข้างหน้าไม่ได้แน่ๆ เธออาจถูกลักพาตัวในขณะที่กำลังเจ็บตัวอยู่!

พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นประตูหลังเรือนที่เปิดอ้าไปสู่ป่ากล้วยเล็กๆ ด้านหลัง เลยรีบรุดลงกระไดหลังเรือนไป

ด้านล่างมีโอ่งมังกรขนาดใหญ่ ที่น่าตกตะลึงกว่าคือรอบเรือนไทยใหญ่นี้เป็นป่ารกชัฏล้อมรอบจากที่ตอนแรกหล่อนเห็นกับตาว่ามันเป็นป่ากล้วยขนาดเล็ก สีหน้าของแพรวพราวซีดเผือดถนัดตา เธอพยายามร้องเรียกความช่วยเหลือเมื่อนึกขึ้นได้ แต่กลั้นเสียงเอาไว้ก่อนเพราะรู้สึกว่ามือเล็กๆ แบบนี้แถมไม่มีเล็บเจลสีแดงสดแต่งแต้มอย่างที่ควรจะเป็น

นี่มันไม่ใช่ร่างกายของเธอ!

เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเหลือเกิน แต่คงไม่มีอะไรน่าเหลือเชื่อกว่าการที่กองถ่ายละครนั้นเลือกเอาเชือกเส้นเก่ามาให้เธอใช้สลิง! คอยดูนะถ้ากลับไปได้แม่จะฟ้องร้องให้ยับเลย จะไปออกรายการทุกช่องเน้นหนักๆ ที่ช่องโหนกระแสของพี่หนุ่มโจมตีไอ้กองถ่ายเวรนี่จนขึ้นแฮชแท็กอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์จนกว่ากองถ่ายนั่นจะถูกแบนแบบไม่มีวันกลับมาหายใจหายคอได้อีก

สิ่งที่คิดว่าควรทำมากที่สุดคือส่องกระจกหรือชะโงกดูเงาที่ปรากฎขึ้นเหนือน้ำจากโอ่งมังกรใบใหญ่ แต่เมื่อเห็นดวงหน้าที่ปรากฏบนนั้น จากที่อดกลั้นว่าจะไม่กระโตกกระตากและส่งเสียงดัง เธอแผดเสียงกรี๊ดลั่นออกมาทันทีจนป่าแทบแตก นกกาแตกรังบินกระจายไปทั่ว

ก๊า ก๊า!

“นี่มันบ้าอะไรเนี่ย!” เสียงนกการ้องดังพอๆ กับบั้นท้ายงามงอนที่ล้มลงจ้ำเบ้าบนพื้นหญ้าแฉะๆ ยิ่งมองลงไปก็มีแต่ขี้โคลนไม่ต่างกับชนบทสาปวัวสาปควาย หล่อนแผดเสียงกรี๊ดหนักกว่าเดิม

กว่าจะรู้สึกตัวก็มีผู้ชายร่างกายใหญ่โตเดินลงมาจากประตูหลังเรือน

เขาคือคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายนับสิบ... แต่ดูยังไงก็ไม่ใช่นับสิบ การแต่งตัวโบร่ำโบราณแตกต่างจากนับสิบที่เป็นสายแฟชั่นจ๋า กับรอยสักยันต์เต็มตัวที่ถ้าเป็นนับสิบเขาจะมีเพียงรูปไม้กางเขนสีดำมินิมอลเล็กๆ ที่ข้อมือเท่านั้น

“เอะอะโวยวายค่ำๆ มืดๆ มิกลัวผีกะผีโพงตามตัวหรือไร”

“ผะ... ผีอะไรกัน แล้วคุณเป็นใคร!” เสียงเล็กแผดเสียงแหลมกว่าเดิม ท่าทางที่เปลี่ยนไปจากเมื่อคืนจากหน้ามือเป็นหลังมือทำให้พ่อครูคันศรคิ้วขมวดอย่างนึกแปลกใจ เมื่อคืนอยากได้เขาจนตัวสั่น แต่พอตื่นมากลับทำเป็นความจำเลอะเลือนเสียนี่

หรือจักเป็นมารยาร้อยเล่มเกวียนที่ต้องการถามหาความรับผิดชอบงั้นหรือ?

“กูเอง... พ่อครูคันศร จำมิได้หรืออย่างไรอีแพรว?”

สรรพนามที่ถูกใช้คุยทำให้หญิงสาวเบิกตาโต ผู้ชายคนนี้หยาบคายเหลือเกิน ไม่รู้สินะว่าเธอเป็นใคร?

“มาพูดมึงกูขึ้นไอ้ขึ้นอีกับฉันได้ยังไง หยาบคายมาก นี่ฉันเป็นดาราดังนะ แล้วก็อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้!” เสียงหวานตวาดลั่นพลางค่อยๆ ตั้งหลักลุกขึ้นหยัดยืนเต็มความสูงพร้อมผละถอยหนีไปด้วย แต่พ่อครูคันศรหาได้ใส่ใจไม่ เขาก้าวย่างเข้ามาประชิดตัวแพรวพราวแล้วคว้าข้อมือเล็กของเธอบีบไว้แน่น

“จักลืมได้ลงอย่างไร... ก็มึงเป็นคนร้องขอให้กูครองกายมึงเองแท้ๆ”

“พูดเป็นเล่น ใครจะมาขอคนพูดจาโบราณแถมยังนุ่งผ้าถุงตัวเดียวแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับคนโรคจิต” ถึงจะหล่อดิบเถื่อนและหน้าแอบคล้ายคนที่คั่วอยู่ก็ตาม แสดงว่าฝันในคืนที่ตื่นมาก็เป็นความจริงน่ะสิ ฝันที่ได้มีสัมพันธ์กับคนที่หน้าคล้ายน้องสิบ

ที่แท้ก็คือคนๆ นี้!

“คุณล่อลวงฉันใช่ไหม หรือลักพาตัวฉันมา? ที่บ้านฉันพ่อแม่เป็นนักธุรกิจส่งออกรถยนต์รายใหญ่ ฉันให้คุณได้สิบล้านพอไหม?” เธอไม่ได้แคร์ว่าจะเสียตัวเพราะคำว่าเสียใจไม่มีในพจนานุกรมของแพรวพราว กังวลก็แค่ช่วงที่ให้คนของพ่อปิดข่าวเสียหายก็เท่านั้น และคนตรงหน้าอาจจะโดนจับเข้าคุกทันทีที่พ่อของเธอตามตัวแพรวพราวเจอ เพราะเธอมันลูกเทวดายังไงล่ะ

“มึงสติฟั่นเฟือนใช่หรือไม่อีแพรว จำมิได้หรือถึงรากฐานของตนเอง?” คราวนี้อีกฝ่ายมีสีหน้าหงุดหงิดเริ่มชักทั้งสีหน้าและน้ำเสียง จนแพรวพราวเองก็ชะงักไป ทำไมบทสนทนามันดูแปลกๆ เหมือนคุยกันคนละเรื่องตลอดเวลา แถมใบหน้าที่เธอเห็นในโอ่งมังกรนั่นอีก

มันไม่ใช่แพรวพราวดาราสาวดาวรุ่ง หน้าตาคนที่สะท้อนกลับมาจากผิวน้ำนั้นสวยคมผสมแขกมีอารมณ์เอาแต่ใจหน่อยๆ หางตาชี้คล้ายแมวนั่นมันไม่ใช่หล่อน

ดวงหน้าที่โบท็อกกรามมา แถมศัลยกรรมปรับแต่งจนคล้ายกับดาราเกาหลีนั่นไปไหน ไม่ใช่ผิวพม่านัยน์ตาแขกแบบนี้!

“แล้วถ้างั้น... ฉันจะเป็นใครได้ล่ะ?” เป็นคำถามที่โพล่งออกมาโดยไร้เหตุผลและคำตอบโดยสิ้นเชิง สีหน้าของพ่อครูคันศรมีความนิ่งสงบไม่ต่างจากผิวน้ำเรียบ ดวงตากลมโตของสาวเจ้านั้นสั่นระริก ดูเหมือนจักเกิดอาเพศประหลาดกับหญิงชั่วผู้นี้

งั้นขอดูหน่อยก็แล้วกัน

“กูรู้วันเดือนปีเกิดกระทั่งถึงวันตกฟากของมึง จักนั่งทางในดูให้ก็ย่อมได้” หล่อนคงลืมไปว่าหล่อนได้บอกข้อมูลของตนเองทุกอย่างในคราที่ให้เขาเสริมเสน่ห์ของเก่าของพระยาสิงห์แล้ว

“จริงเหรอคะ!” คราวนี้เกิดคะขาขึ้นมาเชียว ก็อีกฝ่ายเรียกตนว่าพ่อครูนี่นา แล้วหล่อนก็ไม่มีทางเลือกมากนักด้วย

“แต่ต้องแลกกับการปรนนิบัติรับใช้ งานบ้านงานเรือนอย่าให้ขาด แลห้ามพูดคุยกับใครหน้าไหนที่แวะเวียนมาที่ตำหนักนี้เด็ดขาด มิว่าของกินใดที่มิใช่มาจากมือกู อย่าได้หลงรับประทาน”

ทำไมเคร่งครัดจริง ดาราสาวคิดในใจอย่างหัวเสีย หล่อนติดนิสัยไม่ชอบให้ใครมาสั่งหรือบงการชีวิต

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี ปัจฉิมบท

    เมื่อสุดท้ายเขาต้องจากกับเธอ ทั้งความตายที่เคยเป็นคำสาปแช่งที่มาจากอคติ ทั้งความรู้สึกชิงชังในวันนั้น ที่ในวันนี้มันกลายเป็นเพียงคำหลอกลวง เพราะเขานั้นหลงรักอีแพรวตั้งแต่แรกเจอแรกเริ่มอาจจะเป็นเพราะดวงหน้าที่คล้ายคลึงกับดอกรัก จนรู้สึกไปเองว่านั่นอาจเป็นความชิงชังที่ดูคล้ายกับยาพิษอันหอมหวาน ความรู้สึกในตอนที่ร่วมรักกับเธอ นั่นราวกับการมอบพรหมจรรย์ให้กับโอกาสสุดท้ายที่ก้าวเข้ามา ไม่ว่าหล่อนจะเป็นใครแปลงกายมากันแน่ทุกวันเขาบอกตนเองว่า ดอกรักไม่มีจริง คนที่คล้ายคลึงกับดอกรักเองก็ไม่มีจริงเช่นเดียวกัน ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้น ไม่ใช่ดอกรัก เธอเป็นเพียงสัตว์ประหลาด ที่หน้าตาคล้ายกับคนอัครที่เขาเคยรักเท่านั้นการปฏิบัติตัวที่ผ่านมากับแพรวพราวนั้น ราวกับเป็นการชดเชยในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำกับดอกรักมาโดยตลอด ที่เธอเคยปฏิเสธเขา ที่เธอทำท่ารังเกียจรังงอนเขา ที่เธอไม่แม้แต่จะมอบดวงใจให้เป็นของเขา เขาใช้ความรู้สึกน่ารังเกียจด้านมืดเหล่านี้ ส่งต่อให้กับแพรวพราวซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไร ในเรื่องราว ระหว่างเขา และอดีตคนที่เขาแอบรักมาโดยตลอดเลยสักนิดแต่เมื่อรู้ว่าหล่อนไม่ใช่มนุษย์ อคตินั้นยิ่งบ

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๖) จบตอน

    “แพรว ข้า...” ฝ่ามือหยาบหนานั้นกำหมัดแน่นจนสั่นเทิ้ม เขาแค้นใจและนึกอาฆาตเธอมาตลอดทั้งเรื่องราว แต่ทันทีที่เธอยอมรับความคิดนั้นของเขาและยอมที่จะตายโดยไม่มีข้อแม้ เขากลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ “ข้า... ไม่กล้าพอที่จักฆ่าเจ้า ข้าจึงใช้สังวรีราพณ์เป็นข้ออ้างเท่านั้น”“แล้วมันต่างกันตรงไหน?”“วันนี้ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือสิ่งสำคัญ ข้าไม่ได้อยากขอโอกาสจากเจ้า ข้ารู้ว่ากำลังถูกหลอกใช้ แต่ข้า... กลับใช้สิ่งนั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงเพื่อที่จะกำจัดเจ้า เจ้าจักไปจากข้าก็ได้ แต่ขออย่างเดียวให้ข้าได้แก้ไขในสิ่งที่ข้าเคยทำผิดพลาดไปด้วยเถิด” พ่อหมอไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของตนเองอย่างถ่องแท้หรอก เขาก็แค่กลัวว่าจะเสียเธอไปทั้งอย่างนี้เท่านั้น เพราะความรู้สึกในตอนที่เห็นว่าไม่มีเธออยู่ตรงนั้น และห้องอันว่างเปล่านั่นทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตอนที่ดอกรักตายจากไปในอ้อมแขนของเขาเสียอีกอาจจะเพราะหล่อนหน้าตาคล้ายกับเมียที่ตายจากไปแล้วก็ได้ ผู้หญิงที่เขาจะไม่มีวันได้ครอบครอง ผู้หญิงที่ทั้งหัวใจมีเพียงแค่พรานสมิงเท่านั้น ผู้หญิงที่แม้แต่ลูกที่เขาเฝ้าดูแล ยังไม่ใช่ลูกที่เกิดมาจากเลือดเนื้อของเขาด้วยซ้ำเขาทำลา

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๕)

    คำพูดของพรานสมิงทำให้แพรวพราวได้ฉุกคิด ที่ผ่านมาเธออาจไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าที่เธอรักนับสิบ และคิดว่าเขาคือคนที่อยู่เคียงข้างเธอ แสนดีกับเธอมาโดยตลอด อาจจะเป็นความรู้สึกถึงชัยชนะที่เธอมีต่อฟ้าลดา ผู้หญิงที่เป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอ เมื่อเธอตั้งท้องและคันศรไม่ต้องการกัน ทำให้แพรวพราวรู้สึกเหมือนถูกปฏิเสธอีกครั้ง เธอเสียใจ และเมื่อเขาพาวาดรักเข้ามา เธอจึงรู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำตัวตนของตนเองจนลบเลือนหายไปที่บอกว่าการไม่มีแม่ก็ไม่เห็นเป็นไรที่จริงแล้วเธออาจจะโกหกตัวเอง การที่เธอบอกว่าเธอรักนับสิบอาจจะเพราะว่ามันคือชัยชนะที่โหยหามาโดยตลอด กับผู้ชายที่ฟ้าลดาหลงรัก แพรวพราวไม่มีวันลืมวันที่เธอก้าวเข้าหาเขา เพราะว่าข่าวลือที่ฟ้าลดาคนนั้นชอบพอกับคนในวงการเดียวกันที่เล่นละครด้วยกันเป็นคู่พระนางตลอดมาเหมือนที่ฟ้าลดาเป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่รู้เรื่องราวการมีอยู่ระหว่าง DNA ของแม่กับแพรวพราวด้วยซ้ำ นับสิบเองก็ไม่ได้ผิดที่หลงรักเธอ มันก็แค่ความเห็นแก่ตัว และต้องการเรียกร้องความรักจากแม่ของเธอเท่านั้นมันก็แค่ความอิจฉาที่น่ารังเกียจของเธอเอง... ค

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๔)

    “นึกสงสัยขึ้นมาได้แล้วหรือแม่หญิงของข้า?”แต่ทว่าในขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ท่ามกลางร่างใหญ่มหึมาของกานพลูนั้นปรากฏร่างของชายผู้หนึ่งโผล่ตัวขึ้นมาเหนือกายยักษ์ของช้างเชือกนั้น“... พรานสมิง” แพรวพราวยอมรับตามตรงว่าตกใจ ก็ไหนว่าเขาหนีหายออกไปแล้วยังไงล่ะ เพราะว่ารับไม่ได้ที่เธอตั้งท้องกับคันศร หรือว่าผัวเธอโป้ปดกันอีกแล้ว?“คิดถึงข้าหรือไม่” เขาไถ่ถาม โดยไม่ดูสถานการณ์ว่าหล่อนกำลังเข้าตาจนอยู่เลยสักนิด“นะ... ไหนพี่ศรบอกว่านายหนีไปแล้ว?”“ข้าแค่แวะไปหาลูกเท่านั้นแล” ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงยักไหล่ปัดป้องและบอกความเป็นจริง “โดนทิ้งมาอีกแล้วสินะ”หากแต่ประโยคต่อมากลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บที่หัวใจดวงน้อยๆ โดยไม่มีสาเหตุ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง หรือจะยอมรับว่ามันไม่ใช่ก็ได้ เพราะเธอเป็นคนตัดสินใจหนีออกมาด้วยตัวเองต่างหาก… แต่นั่นก็เพราะว่าคนๆ นั้นแสดงออกว่าไม่ต้องการกันแล้วไม่ใช่หรือยังไง ก็เลยเจ็บใจเหมือนโดนแทงใจดำกันอย่างช่วยไม่ได้“พูดบ้าๆ ฉันต่างหากที่อุ้มท้องหนีออกมาเพราะเขาพาคุณวาดรักกลับมาที่เรือนนั่น” หญิงสาวคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องโกหกผู้ชายตรงหน้าหรอก เขาเห็นสภาพน่าสมเพชน

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๓)

    อยู่ดีๆ เมื่อรู้ว่าหล่อนได้หนีหายออกไปหลังจากที่เขาได้พาวาดรักกลับมาและปลดแอกทุกอย่าง คันศรที่เคยมั่นอกมั่นใจว่าเขาเกลียดชังหล่อนเหลือเกิน และต้องการจะฆ่าหล่อนมากที่สุด กลับรู้สึกเจ็บปวดกับการที่ไม่มีเธออยู่ในห้อง และได้รับรู้ว่าเธอหนีออกไปแล้วเพราะทนอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป การตามหาเธออาจจะยากเย็นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ แถมยังเป็นอสุรกายในตำนานอีกต่างหาก ยิ่งอีกฝ่ายต้องการจะหนีหน้าเขาด้วยแล้ว คงสามารถลบกลิ่นอายของเดรัจฉานได้จนไม่เหลือร่องรอยเป็นแน่ทำไมเขาถึงได้เพิ่งมารู้สึกตัวเอาป่านนี้?ทำไมถึงเพิ่งมารู้สึกได้ว่าเธอและลูกสำคัญกับเขาเพียงไหน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าลูกในท้องนั้นอาจจะไม่ใช่เด็กคนหนึ่ง แต่จะเป็นยาพิษเสียด้วยซ้ำ“ภูติผีทุกตนที่กูมีอยู่ในขณะนี้ จงออกไปตามหานางแลพานางกลับมาหากูให้ได้ ไม่ว่าจะเจอนางในสภาพไหน ก็จงบอกนางว่ากู...” ท้ายประโยคเขากลืนน้ำลายเพียงอึกเดียวด้วยความยากเย็นที่จะกล้าก้าวผ่านทิฐิที่สูงเสียดฟ้า เผลอลืมตัวไปว่าเคยพูดว่าเกลียดเธอขนาดไหน ก่อนที่จะกลั้นใจโพล่งขึ้นประกาศิตออกมา “ต้องการนาง”เงามืดจำนวนมากหลุดพ้นออกไปจากเขตอาคมของเขา และออกตามหาหญิงสาวที่เ

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑๓ (๒)

    “อย่างไรลูกก็รู้สึกไม่ดีเจ้าค่ะ ที่ราวกับว่าจะเข้ามาคั่นกลางระหว่างพ่อกับเมียของท่านเช่นนี้”วาดรักโพล่งขึ้นมาหลังจากที่คันศรเข้ามาดูแลเธอด้วยการนวดปลายนิ้วเท้าที่ชาวางลงกับขันรองน้ำอุ่น คอยนวดส่วนไม่งามและอาจผิดครูให้ลูกที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนทั้งที่ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำแน่นอนว่าเขาเองไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ถึงเข้ามาทำเช่นนี้โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลังเห็นว่าลูกสาวที่พากลับมาที่บ้านกำลังพยายามนวดปลายนิ้วเท้าของตนเอง อาการชาน่าจะมาจากท้องที่ใหญ่โตเกินร่างกายไปกระมังแม้นิสัยจะไม่ใช่คนที่มีความละเอียดอ่อนอะไรนัก แต่เขาเองก็พอเคยดูแลเมียท้องแก่ที่ไม่ได้รักเขาเลยอยู่บ้าง จะให้มาดูแลลูกเลี้ยงที่ไม่มีแม้แต่เลือดเนื้อของตนเองเลยอีกก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ก็แค่... อาจเพราะว่าดวงของเขาดึงดูดมาแต่คนที่ไม่ได้เป็นของตัวเองมาทั้งชีวิตก็ได้ล่ะมั้งหากแต่สิ่งเดียวที่ชัดเจนในวันนี้... คือหลังจากที่วาดรักได้กลับมาที่นี่ ความรู้สึกสงบในจิตใจจึงได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง อาจเพราะได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นชีวิตที่ผ่านมาจึงปั่นป่วนรวนเร ทั้งความรู้สึกแย่ๆ จิตใจอันคิดลบและความฟุ้งซ่านเกี่ยวกับอดีตที่เลวร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status