แพรวพราวค่อยๆ วางผ้าดึงให้ตึงแล้วถูไปตามพื้นเรือน นี่คือวันที่สามที่หล่อนอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าต้องปรับตัวอย่างแรงกล้า เพราะวันๆ ต้องคลุกอยู่กับการทำงานบ้านงานเรือน แถมข้าวที่ได้กินก็เป็นเพียงห่อข้าวใบตองกับปลาย่างตัวเล็กๆ และน้ำพริกแห้ง บางอย่างที่คนรวยไม่ติดดินอย่างเธอไม่รู้จัก ห่อข้าวนิดเดียวพอทน (เพราะเธอชอบไดเอต) แต่น้ำพริกอะไรไม่รู้โคตรเผ็ด แต่พอจิ้มกินกับปลาย่างก็อร่อยดี แต่ผักที่แกล้มมาเป็นไปได้เธอจะเอาไปให้สุนัขที่พ่อครูคันศรเลี้ยงไว้กินแทน
สุนัขตัวนั้นเป็นสุนัขจรจัด เป็นหมาพันธุ์ไทยหลังอานตัวสีดำสนิท หน้าตาดูดุแถมยังตัวใหญ่ แต่เพราะแพรวพราวเป็นทาสหมามาก่อน เธอเคยเลี้ยงสุนัขจรจัดอยู่ตัวหนึ่ง มันเป็นเรื่องบังเอิญจากความใจบุญของพ่อ แต่ถ้าให้เล่าคงยาว ตอนนี้ก็คิดถึงเหมือนกันแต่กลับไปไม่ได้แล้ว แต่ผักน่ะให้กินเพราะไม่อยากกินด้วยล่ะนะ แต่มันก็ยอมกินให้อย่างเอร็ดอร่อย
ว่านอนสอนง่าย น่ารัก กินง่ายอยู่เป็น ชอบมาอ้อนขอผักขอข้าวจากหล่อนได้สองวันแล้ว
ไม่รู้ว่าพ่อหมอนั่นตั้งชื่อมันว่าอะไรเพราะวันๆ หน้าเธอเขาแทบไม่อยากจะมอง ก็เลยตั้งชื่อให้มันว่า ‘โรเบิร์ต’ แทน
ก็ถ้าทานอะไรเหลือ ดูอีกฝ่ายจะหน้าบึ้งบูด เขาดูรำคาญหล่อนทุกวินาที ถึงจะไม่แสดงออกมาตรงๆ
เวียนกลับมาที่ปัจจุบัน
สาวเจ้าโก่งโค้งถูพื้นด้วยความยากลำบาก เพราะไม่เคยทำงานอะไรพวกนี้ตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว สักพักเอวก็เคล็ดจนต้องลุกขึ้นยืนร้องโอดโอย เธอออกกำลังกายและเล่นโยคะเป็นประจำเนื่องจากพอเป็นดาราก็ต้องควบคุมสรีระ แถมยังต้องคุมอาหารเพื่อให้หุ่นสวยตลอดเวลา แต่บางทีถ้าทำงานหนักไม่มีเวลาจนหุ่นที่เซ็ตมาพัง ก็ต้องพึ่งทางลัดบ้างอะไรบ้าง (อย่างเช่นฉีดแฟต)
แต่ต้องยอมรับว่าการออกกำลังกายกับเทรนเนอร์แล้ว การทำงานบ้านเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสกว่ามาก เรียกได้ว่าออกกำลังกายมันเฉพาะส่วน แต่พอทำงานบ้านเหมือนได้ออกทุกส่วน
ถูพื้นเรือนไปจนหมดหนึ่งห้องก็แทบหอบ หล่อนจึงมานั่งพักอยู่หลังกระไดเรือนติดกับป่ากล้วย พอเป็นตอนกลางวันก็ดูน่ากลัวน้อยลงหน่อย จึงวักน้ำจากตุ่มมาล้างหน้าล้างตาที่ชื้นเหงื่อ
แต่ยังพักไม่ทันไร ก็ปรากฏร่างสูงใหญ่ในชุดไทยโบราณที่ยืนอยู่บนกระไดเรือน สาวเจ้าสะดุ้งโหยงนึกว่าผี ไม่ชินกับบรรยากาศไทยๆ จนบางครั้งก็ตกใจที่เขาปรากฏตัวเงียบๆ แบบไม่บอกไม่กล่าว
“ถูเรือนเสร็จแล้วหรือ?” เขาไขว้หลังหน้าตึงกวาดสายตามองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า “ในห้องบูชาอย่าได้ยุ่มย่ามเป็นอันขาด กูจักดูแลของกูเอง ในนั้นมีพ่อแก่ ฤาษี มิควรชิดของต่ำ”
“...”
“อ้อ...” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนิ่งชะงักไป เขาเลยฉีกยิ้ม “หมายถึงผ้าขี้ริ้วน่ะ ที่กูว่าเป็นของต่ำ”
“จ้ะ” หล่อนรับคำ แอบฉุนหน่อยๆ เพราะรู้สึกเหมือนโดนเหน็บทางอ้อม แต่ก็ช่างมัน เธอเป็นคนสวยจิตใจงามที่ไม่ถือสาปากหมาๆ ของใครสักคนอยู่แล้ว เพราะมั่นใจในตัวเองมากพอว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คนพวกนั้นพูด หล่อนคือของสูงที่สูงจนเรียกได้ว่าหนาว! “เสร็จไปห้องหนึ่งเจ้าค่ะ มีอะไรอีกไหมคะ?”
“โอ่งมังกรที่มึงวักล้างหน้าอยู่นั้น ใกล้เหือดเต็มทีแล้วเห็นหรือไม่”
“คะ?” แพรวพราวรู้สึกเหมือนตัวเองหูฝาด เขาพูดเหมือนกำลังจะใช้ให้หล่อนไป...
“หาบน้ำมาเติมให้เต็มโอ่งเสีย”
ไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อหมอหน้าหล่อคนนั้นจะกล้าใช้ดาราดังอย่างเธอไปแบกตุ่มน้ำ ที่เป็นเพียงคานหาบถังไม้เล็กๆ ที่ดูเหมือนวนรอบเดียวยังไม่ถึงครึ่งโอ่งด้วยซ้ำ อีแบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ หล่อนขัดเคืองใจเหลือเกิน อยากจะจับหัวเขามาเขย่าๆ ให้หลุดมาทั้งหัวว่าคิดบ้าอะไรอยู่ แต่เพราะตอนนี้ตัวเองถือเบี้ยต่ำกว่า เลยทำได้เพียงแค่กัดฟันกรอดเดินหาบถังไม้ไปตามทางลาดดิน ฝ่าป่าดงกล้วยไปอย่างไม่กลัวตาย
“แถวนี้เป็นป่ากล้วยขนาดใหญ่ เมื่อพ้นจากป่าไปจักมีหมู่บ้านเล็กๆ เมื่อข้ามหมู่บ้านเล็กๆ ไปจักเป็นท่าน้ำใหญ่”
คิดถึงการบอกทางที่เป็นรูปประโยคกว้างๆ ที่หาสาระสำคัญอะไรไม่ได้ของหมอผีหน้าหล่อคนนั้นแล้วก็ได้แต่เจ็บใจ ถ้าที่นี่เป็นยมโลกและเธอก็เป็นวิญญาณแล้วจริงๆ บุญที่สร้างมาควรทำให้แพรวพราวสามารถเหาะเหินลอยอยู่บนอากาศได้บ้างสิ (ก่อนตายเธอเคยร่วมเงินสร้างโอบสถ วิหารเจดีห์หลักหลายล้าน) เหมือนวิญญาณตามปกติน่ะ แต่ทำไมคราวนี้เหมือนหล่อนจำต้องเดิน เดินและเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ต้นกล้วยก็ใหญ่โตบดบังทางไปจนหมด เสียงนกอีการ้องแสกหน้าดังอยู่เป็นระยะๆ ทั้งที่ในพื้นที่แห่งนี้ไม่ควรมีสัตว์จำพวกนี้อยู่ด้วยซ้ำ แถมแสงตะวันส่องลงมาเสียดแทงก็สว่างโร่จนแสบตา
หล่อนไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเชื่อฟังเขาด้วย เพราะไม่มีทางเลือกก็คงใช่ แต่แบบนี้มันไม่ใช่สถานะที่เคยเป็นอยู่เลยสักนิด
คอยดูเถอะถ้ารอดไปได้แม่จะเล่นให้ไม่มีที่ยืนเลยคอยดู
ไม่ว่าจะโหนกระแสหรือรายการแฉ หรือแม้แต่ข่าวใส่ไข่ เธอจะไปออกรายการเหล่านั้นแล้วทำลายชีวิตเขาด้วยพลังโซเชี่ยลให้พังทลายแบบย่อยยับไม่มีชิ้นดี (ถ้าสมมุติว่าตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่จริงๆ) ให้มันรู้ไปว่าแฟนคลับของเธอพอรวมตัวแล้วช่างมีพลังแกร่งกล้าแค่ไหน
เดินฮึดฮัดนึกขบฟันหาวิธีแก้แค้นพ่อครูคันศรอยู่สารพัดวิธี แต่ไม่ทันไรก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะเวียนกลับมาที่ต้นกล้วยสูงๆ ต้นเดิม ต้นที่ผลกล้วยสุกเต็มต้นนั่นแหละ เธอเดินผ่านต้นกล้วยต้นนี้มาสองครั้งแล้ว
“นี่หลงป่ากล้วยเหรอเนี่ย?” หญิงสาวแทบกุมขมับ แต่สมัยออกกองถ่ายละครก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีงานที่สมบุกสมบันบ้าง เธอปอกเปลือกกล้วยเครือหนึ่งไว้ให้ลอกทั้งหมดเพื่อเป็นจุดสังเกตง่ายๆ แล้วตัดสินใจเดินต่อไป
และแล้วก็เป็นต้นเดิม เครือที่ปอกเปลือกกล้วยออกด้วยฝีมือหล่อนนั่นเอง แพรวพราวมองซ้ายมองขวาหาเส้นทางใหม่ เธอไม่มีเข็มทิศจึงไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเดินไปถึงส่วนไหนของป่า และป่ากล้วยมันลึกแค่ไหน
แต่ดูจากสายตาตอนอยู่ที่เรือนไทยนั่น ก็ลึกอยู่พอประมาณ
แล้วแบบนี้จะไปต่อทางไหนดีล่ะ!
ตัดภาพมาที่เรือนไทยใหญ่ ในขณะเดียวกันพ่อครูคันศรก็กำลังนั่งทางในและรู้ได้ว่าอีกฝ่ายที่ออกเพทุบายให้เข้าไปหาบน้ำในป่ากำลังหลงอยูในป่ากล้วยรกชัฎ ดวงหน้าชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยามอย่างรุนแรงที่สุด
“หญิงโง่ แถมยังวิปลาส กูปลูกป่าด้วยคาถาลวงตาเช่นนี้ มึงมิมีทางหลุดรอดไปจากป่านี้ รวมถึงหลุดไปเป็นเมียพระยาสิงห์แน่”
เท่านี้อีแพรวก็จะไม่สามารถทำร้ายคุณหญิงวาดรักได้อีกต่อไป
“ผีกะ จงไปเอาชีวิตนางกลางป่าเสีย” เขาเรียกภูตผีบริวารของตนออกมาจากหม้อดินลงผ้ายันต์ใบใหญ่เก่าแก่ที่เปื้อนเลือดพร้อมกับลอกผ้ายันต์ออก มวลสารปรากฏเป็นผีกะตายโหงตนหนึ่ง ดวงหน้าสะอิดสะเอียนผิดรูปมิต่างจากศพคนเดินดินค่อยๆ จางหายไป ดวงหน้าคมคายจึงกรีดยิ้มชั่ว
“มึงมีรอดดอก กูจักกำจัดมึงให้สิ้น!”
แพรวพราวไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอนั้นมันช่างมหาศาลจนสามารถสะกดหมอผีที่หยิ่งยโสคนนั้นได้จนอยู่หมัด เขาที่เธอนั่งคร่อมอยู่เหนือกว่าด้านบนนั้นมองคนตัวเล็กกว่าด้วยแววตาสั่นไหว วันนี้มันคืนเดือนมืด ดวงตาของหล่อนส่องแสงราวกับทับทิมสีแดงก่ำ“มึง... หยุดประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นกูจักออกคำสั่งให้พวกผีมาฆ่ามึงอีกครา”“เอาสิ ฉันไม่กลัวผี สู้แรงกันให้ได้ก่อนเถอะ คุณในตอนนี้เสร็จฉันแน่” แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงสั่นคลอนนั่นแม้ใจความจะขู่กรรโชกอยู่ก็ตาม ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนคืนนี้หล่อนจะเร่าร้อนเป็นพิเศษ กำหนัดจนไม่สนอะไรทั้งนั้นแม้แต่ความกลัว ยิ่งกว่ากินยาปลุกเซ็กซ์เสียอีก มันต้องการสูบพลังชีวิตใครบางคนในยามที่มีความอยากอันร้อนแรงหมับ!ไหล่หนาเปลือยเปล่าแข็งแกร่งถูกมือเล็กจ้อยมือเดียวผลักให้กระแทกกับพื้นหญ้าเปียกชื้นอันเย็นชืด มันไม่สบายตัวเอาเสียเหลือเกิน แต่เขาไม่สามารถสู้แรงหล่อนได้เลย อีแพรวในตอนนี้พละกำลังมหาศาลจนใช้สองมือกดเขาไว้แน่นไม่ต่างกับผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งนังนี่มันมิใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ เรากำลังจักเสร็จมัน“ปล่อยกู!”“มาให้ฉันกินเสียดีๆ เถอะค่ะพ่อหมอ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว แล
การห้ามมีเซ็กซ์ นั้นยากเย็นกว่าการห้ามรักเสียอีกสัมผัสของพ่อหมอคนนั้นที่หล่อนหลงครวญหาจนนึกว่าเป็นนับสิบนั้นหลอกหลอนวนเวียนในหัวไม่หยุดหลังจากถึงเวลาเข้านอน ฝนยังคงตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลยสักนิด ความเหน็บหนาวที่ลอดเข้ามาแม้ว่าบานหน้าต่างจะถูกปิดสนิท ไหนจะเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะๆ ทำให้แพรวพราวที่นอนหนาวอยู่บนฟูกนอนใหญ่รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึกสงัดเมื่อหันไปข้างๆ ก็พบกับร่างกายกำยำใหญ่โตที่นอนร่วมข้างกายหล่อน พรานสมิงปิดเปลือกตา ไม่มีทีท่าจะตื่นนอน เหมือนว่ากำลังหลับสนิทอยู่นะแต่เมื่อนึกถึงแต่ฉากร่วมเพศตลอดค่อนคืนจนถึงขนาดอาจเอาไปเก็บในนิมิตได้ มันทำให้เธอนอนไม่หลับและรู้สึกเสียววูบวาบยุบยิบในท้องน้อย จวบไปจนถึงเส้นทางสวาทที่ไม่ควรเปิดเผยให้คนข้างๆ เลยแม้แต่น้อยพ่อครูคันศรชี้ชัดว่าเกลียดน้ำหน้าเธอขนาดนั้น ถ้าให้บากหน้าไปบอกว่า ‘อยากทำ’ คงไม่น่าไหว แต่ถ้าเป็นคนข้างๆ แล้วละก็...แต่!“ก็ได้นะ แต่กฎของฉันกับนาย คือห้ามแตะต้องตัวกันอย่างเด็ดขาด ห้ามมีเซ็กซ์ และห้ามรักฉันด้วย”หล่อนตั้งกฎบ้าๆ นี่ออกไปแล้วน่ะสิ!จะมากลืนน้ำลายตัวเองคงจะไม่ได้ แม้ว่าในชาติก่อนที่เป็นดาราสาวเธอก็มีวันไนท์สแตนด์
“ข้าทำตามได้อยู่แล้ว” แต่อีกฝ่ายกลับตกลงรับคำไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนั้น เขาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสาววัยแรกรุ่นที่ถ้าเทียบการถือกำเนิดและอยู่บนโลกมนุษย์มาแล้วนับร้อยปี แพรวพราวไม่ต่างอะไรกับลูกหลานเหลนโหลนของเขาด้วยซ้ำไปนั่นทำให้สาวเจ้านึกโล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายชายอย่างแข็งขัน หล่อนอาจจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาได้แบบสันติสุขโดยไม่มีการเสียตัวให้กันและกัน คิดดังนั้นจึงตรงเข้าไปในเรือนใหญ่หรูหรา ที่มีห้องหับแบบโบร่ำโบราณแยกกันอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งเป็นห้องหลับนอน ห้องทำกับข้าวน่าจะเป็นการผิงไฟย่างเนื้ออยู่ด้านนอกแบบหมู่บ้านเก่าของเขากระมังโลกนี้น่าจะไม่มีอลาคาสหรูหราแบบที่ทานอยู่เป็นประจำ เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกนี้ต้องทนๆ เอา ข้าวเหนียวห่อใบตองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นักพูดถึงข้าวเหนียวห่อใบตอง ก็คิดถึงโรเบิร์ตขึ้นมาเลย ตั้งแต่กลับมาไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แถมพ่อหมอก็ไม่ได้พูดถึงด้วยโฮ่ง!แต่ทว่านึกถึงไม่ทันไร ก็เกิดเสียงดังอยู่กลางป่ากล้วยเป็นเสียงเห่าของสุนัข แพรวพราวโผล่หน้าออกมาจากบานหน้าต่างฝั่งปีกห้องนอนทั
แพรวพราวชะงักไป หล่อนจ้องเขาตาเขม็ง“ไหนว่าไม่ต้องการข้อแลกเปลี่ยนไงคะ” ก็เมื่อครู่เขายังยอมเซ็นสัญญาปากเปล่าเป็นเด็กในสังกัดเธอโดยไม่รับข้อแม้อะไรอยู่เลย“นี่หาใช่ข้อแลกเปลี่ยนไม่ แม่รับมือไอ้คันศรมิได้ดอก ข้าเองก็มิมีหมู่บ้านให้อยู่อาศัยอีกต่อไป หมู่บ้านนั้นนอกจากเสือก็มีเพียงข้าคนเดียวที่เป็นคน”“...”“การไปร่วมชายคากับแม่เป็นทางเลือกที่ข้าเต็มใจจักเลือก... ข้าอยากอยู่กับแม่”ต๊าย มีผู้ชายตื้ออยากอยู่ด้วยแล้ว“ก็ได้ ถ้าอยากมาก็มา ยังไงนั่นก็ไม่ใช่บ้านฉันอยู่แล้ว” แต่การถูกตามตื้อไม่ใช่ปัญหาของคนที่เคยพราวเสน่ห์อย่างเธอหรอก ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้เลวร้าย อีกอย่างเธอจะอวดดีกลับไปโต้อารมณ์กับพ่อครูคันศรเพียงคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แพรวพราวยังไร้กำลังนัก และหล่อนรู้ดีว่าโลกใบนี้ชายหญิงไม่เท่าเทียมกัน“งั้นข้าจักพาแม่ไปส่งประเดี๋ยวนี้เลย” ร่างกำยำค่อยๆ หยัดเดินขึ้นมาที่ริมเนินตลิ่ง เจ้ากานพลูชูงวงอย่างเริงร่าจากที่แอบฟังชายหญิงสองคนพูดคุยกันอยู่นานสองนาน มันเดินตามอีกฝ่ายขึ้นมาด้วย พรานสมิงเปิดเปลือยอวดความบาดตาบาดใจให้หญิงสาวได้เห็น แต่เมื่อเขาจะแต่งกายก็ถูกเจ้ากานพลูเอางวงมาปิดช่วงล่างเอา
“ถ้าฉันไปอยู่กับพระยาสิงห์ ก็ต้องอยู่ในฐานะเมียน้อยล่ะสิ” เรื่องแบบนี้ยิ่งรับไม่ได้เข้าไปใหญ่“ใช่”“ไม่มีทางหรอกค่ะ”“แม่มิมีทางเลือกดอก” แต่ความคาดหวังและการตัดสินใจที่เสรีถูกปัดตกไปตั้งแต่ที่เกิดเป็นโสเภณีในยุคโบราณแบบนี้แล้ว ยุคสมัยนี้ผู้หญิงไม่ได้มีปากมีเสียง มีความคิดที่อิสระเหมือนบ้านเราในปัจจุบัน สิ่งที่แพรวพราวเลือกได้คือต้องอยู่กับพระยาสิงห์ในฐานะอนุภรรยา หรือถ้ากล้ำกลืนความเป็นเมียน้อยคนแก่พุงพลุ้ยไม่ได้ ก็ต้องตายเท่านั้นเองแต่อยู่ดีๆ สาวเจ้าก็บังเกิดความคิดสุดบรรเจิดและค่อนข้างที่จะสุดโต่งขึ้นมาในหัวแล้วถ้าหล่อนยอมเป็นเมียของคนที่คิดจะฆ่าหล่อนมาตั้งแต่แรก และพยายามทำให้เขาตกหลุมรักให้ได้ล่ะ?ถ้าเธอยอมปรนนิบัติรับใช้พ่อครูคันศร เขาจะเปลี่ยนใจมาช่วยเหลือเธอหรือเปล่า?แน่นอนว่าพรานสมิงเองก็น่าสนใจ แต่ทำไมเธอถึงไม่เลือกเขาน่ะเหรอ?ก็เพราะว่าไม่ตรงสเปคยังไงล่ะอีกอย่าง... ก็เพราะติดใจในหน้าตาที่ละหม้ายคล้ายคลึงกับนับสิบราวกับคนเดียวกันอย่างน่าประหลาดของเขา ถ้าเกิดว่าหมอผีคนนั้นเป็นนับสิบในชาติที่แล้วจริงๆ เธอจะได้เจอกับนับสิบในภพปัจจุบันอีกไหม?ไม่รู้ว่าเพราะอะไร... พอคิดว่าจ
“ลงมาชำระกายกับข้าไหม... แพรวพราว”เป็นคำชวนแรกจากผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงครึ่งวัน หญิงสาวชะงักไป หล่อนไม่ได้เกิดความรู้สึกอยากลงไปในลำธารนิ่งสงบนั่นเสียเท่าไหร่ ทำแค่เพียงสลับกลับมานั่งพับเพียบอย่างเรียบร้อย พร้อมกับสบตาอีกฝ่ายอยู่ที่เนินตลิ่งอย่างใช้ความคิด“ไม่ดีกว่าค่ะ” สุดท้ายจึงเลือกที่จะปฏิเสธออกไป“มิไว้ใจข้าหรือ” ดวงหน้าคมคายนั้นฉีกยิ้มพรายทรงเสน่ห์ เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีแถมเรือนกายกำยำล่ำสัน ที่ถ้าเป็นผู้หญิงใจง่ายทั่วไปคงแทบวิ่งเข้าใส่ หากแต่หญิงสาวยังตกอยู่ในความตะลึงพรึงเพริดจากเหตุการณ์ก่อนหน้าจนยากจะอธิบาย ถ้าพูดให้ถูกคือชายตรงหน้าเป็นใครก็ไม่รู้ เธอไม่เคยรู้จักเขา แถมเขาไม่ใช่คนในยุคสมัยที่เธอจากมา ถึงจะช่วยเหลือกันไว้แต่หญิงสาวก็ยังไม่ไว้เนื้อเชื่อใจนัก ก็เขาเลี้ยงสมิงไว้ทั้งฝูงนี่ เผลอๆ อาจจะหาทางทำมิดีมิร้ายเธอก็ได้ต้องคิดลบไว้ก่อนเพราะตอนนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันชวนสับสนมึนงงไปหมด“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่เราเพิ่งจะรู้จักกัน จะให้ฉันถอดเสื้อถอดผ้าลงไปอาบน้ำกับผู้ชายคงไม่ดีเท่าไหร่” อีกอย่างการที่จะได้ ‘กิน’ ผู้ชายสักคนเนี่ย แพรวพราวต้องแน่ใจเสียก่อนว่ารู้ตัวตนและโปรไ