ทีปกร กำลังเดินทางไปบ้านพี่เขย ซึ่งแต่งงานกับ กวินธิดา พี่สาวตน พวกเขากำลังจะไปทำงาน ติดห่วงแค่ลูกสาวซึ่งต้องมีใครสักคนควบคุม ก่อนจะเสียคนไปคบเพื่อนพาเสียเรื่องเรียน
กวินธิดาเห็นว่า ทีปกรว่างงาน ก็เลยจ้างเป็นพี่เลี้ยงไปก่อนได้ค่าแรงวันละ 300 บ.เหมือนคนทำงานทั่วไป อย่างน้อยก็การันตีว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน และเป็นน้องชายที่ไว้ใจได้
ชายหนุ่มตบเท้าอยู่หน้าบ้านพี่เขย แลเห็นพี่สาวกำลังดุลูกสาวอยู่ในห้องทานอาหาร เขาได้เสียงรำไร จึงกดกริ่งเพื่อเรียกพวกเขาให้ทราบว่า น้องชายคนนี้ได้เดินทางมาถึงแล้ว
“เข้ามาเลย กร พี่กำลังรออยู่พอดี...” กวินธิดาเดินออกมาต้อนรับน้องชาย ซึ่งไม่ได้เจอกันเกือบปี ตั้งแต่ได้ข่าวล่าสุด ตกงานเพราะเพื่อนร่วมงานร่วมกันแกล้ง บีบเขาให้ออกจากบริษัททำบัญชี
“ขอบคุณครับ พี่กวินฯ” ทีปกรเดินเข้าบ้านพี่เขย ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ภายในตกแต่งสวยงาม อย่างว่า... พี่เขยเป็นคนมีฐานะ แต่เพราะทำงานคนเดียวหนักเกินไปจึงชวนกวินธิดามาทำงานด้วยกัน จึงแบ่งเบาภาระไปได้บ้าง
อาจจะเป็นเพราะบ้านฐานะดี มีเงินทองร่ำรวย ลูกสาวของกวินธิดา ชื่อ “จันทร์หอม” ค่อนข้างจะแก่นแก่แดด และซุกซนมา เพราะเธอพึ่งใกล้จะอายุ 12 ปี จึงค่อนข้างติดเพื่อนมาก กวินธิดาเป็นห่วงว่าจะติดเพื่อนจนเสียการเรียน
จึงได้ไหว้วานให้ ทีปกรมาเป็นพี่เลี้ยง ดูแลลูกสาวให้หน่อย ระหว่างวันที่เธอไปทำงานไม่อยู่ กว่าจะกลับมาบ้านก็สองทุ่ม... เธอตั้งใจให้ทีปกรมาอยู่เช้าเย็นกลับเท่านั้น เป็นเวลาอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าทีปกรจะหางานใหม่ได้
******
“ไม่เอาอ่ะ แม่ จันทร์หอมอยากไปเที่ยวกับเพื่อน วัยอย่างหนู เขาไปเที่ยวเซ็นเตอร์กันทั้งนั้น” เธอยังโตไม่เต็มที่ แต่ก็ทำตัวเป็นสาวราวมหาวิทยาลัยแล้ว ผมก็ยาว เปียเสียดิบดี ตัดหน้าม้า ไว้เทรนด์เดียวกับทรงเกาหลีใต้ ทีปกรเป็นหลานสาวในปัจจุบันช่างต่างกับ หลานสาวตัวน้อยที่เคยรู้จักในอดีต
“แม่ไม่ให้ไปเที่ยวหรอกนะ จันทร์หอม อยู่บ้านเป็นเด็กดี ตั้งใจทำการบ้าน และรอแม่กลับบ้าน ระหว่างนี้อยู่กับอากรไปก่อนนะ อย่าดื้อล่ะ” กวินธิดาสั่งลูกสาวกำชับ เพราะสามีคงไม่ค่อยมีเวลาดูแล จึงยังพอไว้ใจคนในครอบครัวเดียวกันมาดูแลลูกสาว มากกว่าจะจ้างพี่เลี้ยงอาชีพมา เกรงว่าลูกสาวจะถูกทำร้าย และข้าวของในบ้านจะถูกขโมย
“ไม่ต้องห่วงนะครับ พี่กวิน, จันทร์หอมก็เป็นหลานสาวผม พี่หายห่วงได้เลยนะครับ” ทีปกรยิ้มแย้ม ออกไปยืนส่งพี่สาวทำงาน
“ฝากด้วยนะ กร ค่ำนี้พี่น่าจะกลับมาถึงสองทุ่ม อย่าลืมบังคับจันทร์หอมทำการบ้านภาษาอังกฤษ และสอนวาดภาพศิลปะด้วยล่ะ แกต้องส่งครูวันพรุ่งนี้แล้วนะ” กวินธิดาบอกรายละเอียดวิชาเรียนของลูกสาว เธออยากประหยัดค่าเรียนพิเศษ จึงคิดว่าไหว้วานทีปกรน่าจะดีที่สุด
“ครับพี่... พบกันค่ำนี้ครับ” ทีปกรโบกมือส่งพี่สาว แลเห็นตัวรถยนต์สีดำออกไป เขาจึงหันกายกลับเข้าตัวบ้าน เพื่อไปหยิบผ้ากันเปื้อนเพื่อทำอาหารเลี้ยงหลานสาวสุดแก่น อย่างน้อยเธอก็เคยชมว่า อาหารของอากรอร่อยที่สุด
สายตาอาหนุ่มแลเห็นหลานสาว กำลังนั่งกดมือถือด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ราวกับจะคุยแชทกับเพื่อนว่าคงไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่น เธอค่อนข้างหงุดหงิดและขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ จนไม่อยากจะคุยกับอาหนุ่มของตัวเอง
“กินข้าวหรือยังล่ะ? อาจะไปทำของอร่อยๆ ให้” ทีปกรพยายามเข้ากับหลานสาว ซึ่งไม่ได้เจอกันหกปี เธอเปลี่ยนไปมา เริ่มโตเป็นสาวแรกรุ่น หน้าตายิ้มแย้มน่ารัก และที่สำคัญเธอเริ่มมีหน้าอกกลมเล็กๆ สายตาเขาเหลือบไปเห็นพอดี
“ยังเลยค่ะ อาอยากจะไปทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ หนูจะคุยกับเพื่อน...โอ๊ย...น่าเบื่อ!” จันทร์หอมบ่นราวกับคนปวดประจำเดือน ทีปกรรู้สึกว่าหลานสาวเขาเปลี่ยนไป อาจจะเป็นเพราะคงไม่ได้เด็กน้อยที่น่ารัก พูดจาหวานขานเพราะ คงเป็นเช่นนี้กระมัง กวินธิดาค่อนข้างกลุ้มใจเมื่อจันทร์หอมติดเพื่อนที่โรงเรียนมากเกินไป
“ถ้างั้นเอาการบ้านออกมาทำนะ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหน อาจะมาสอนการบ้านให้” ทีปกรปลีกตัวเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้หลานสาว
******
ภายในบ้านพี่เขยเป็นบ้านเดี่ยวใหญ่โต พี่สาวเขาช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ที่ได้คนดี มีฐานะก่อร่างสร้างตัว จันทร์หอมน่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีอยู่แล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะสังคมภายในโรงเรียนกระมัง เธอจึงเปลี่ยนไป ไม่ใช่เด็กน้อยที่ทีปกรรู้จัก...
อาหารมื้อนี้เขาทำง่ายๆ แค่หุงข้าวกับหมูผักกระเทียมพริกไทย มีน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งดีๆ ให้จันทร์หอม เพราะเธอเคยบอกว่าชอบทานที่สุด อย่างน้อยเผื่ออาจจะทำให้หลานสาวอารมณ์ดีก็ได้ เขาคิด...
อาหนุ่มยกอาหารมา หวังเพื่อเอาใจหลานสาว เห็นเธอเอาแต่นอนคุยโทรศัพท์อยู่กับเพื่อน แต่การบ้านไม่ยอมทำ ชายหนุ่มจึงวางถาดอาหาร และเริ่มคุยกับหลานสาว
“จันทร์หอม... วางสายเพื่อนได้แล้ว ต้องทานอาหารและต้องทำการบ้านได้แล้วนะ” ทีปกรพยายามออกคำสั่งสุภาพ น้ำเสียงนุ่ม เพื่อให้หลานสาวฟังคำสั่ง
“อากรจะไปทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ อย่ามายุ่งกับหนู หนูจัดการเองได้เรื่องแค่นี้” จันทร์หอมค่อนข้างดื้อรั้น เพราะไม่อยากให้ใครมาขัดตอนโทรมือถือ อากรเริ่มจะถอดใจเล็กน้อย อย่างนี้นี่เองที่กวินธิดาขอร้องให้เขามาช่วยดูแลจันทร์หอม
ชายหนุ่มตัดสินใจเดินไปหาหลานสาว เพื่อกระชากมือถือออกมา กดปุ่มปิดเครื่องและยึดมือถือเอาไว้...
“เอามือถือหนูคืนมานะคะ อากร... อาจะทำแบบนี้กับหนูไม่ได้นะคะ” จันทร์หอมเริ่มไม่พอใจ เมื่ออาหนุ่มละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว ยิ่งไปกว่านั้นเธอกำลังคุยกับเพื่อนสาว เรื่องนัดแนะไปเจอหนุ่มไปควงกันค่ำนี้ ตั้งใจว่าจะรอให้แม่หลับ ค่อยปีนหน้าต่างออกไปเที่ยวกับเพื่อนกลางคืน
“ต้องได้สิ เพราะแม่ฝากให้อาดูแล อย่าดื้อนะคนเก่ง ไปทานข้าว แล้วเราจะต้องทำการบ้านด้วยกัน อาจะช่วยนะ ถ้าทำตัวเป็นเด็กดี อาจะคืนมือถือให้... ทานข้าวได้แล้วค่ะ จันทร์หอม” ทีปกรออกคำสั่งเน้นเสียง เขาไม่อยากดุหลานสาวคนโปรดเลยจริงๆ
แต่จันทร์หอมก็ทำตัวไม่ดีอย่างที่กวินธิดาเคยเกริ่นเอาไว้... เด็กสาวค่อนข้างกระทืบเท้าลงพื้น ต้องยอมทำตามคำสั่งอย่างฝืนใจ เพื่อให้ได้มือถือตนคืน
******
ระหว่างทำการบ้านที่แสนเบื่อหน่าย แววตาหลานสาวเหลือบมองอาหนุ่มซึ่งหน้าตาหล่อเหลา ถ้าเธอจำไม่ผิด เมื่อก่อนเป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตเธอเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าเป็นอา เธอก็คงจีบเขาไปนานแล้ว
“มองหน้าอา มีอะไรรึ?” ทีปกรถามอย่างสงสัย พลางสอนการบ้านเรื่องตอบประโยคภาษาอังกฤษ
“อามีแฟนหรือยังคะ?” จันทร์หอมถามตรงๆ เพราะตอนนี้เธออยู่กับเขาสองคนในบ้าน กว่าแม่จะกลับมาก็หัวค่ำ
“ยัง?”
“เป็นแฟนกับหนูสิ แล้วหนูจะไม่ดื้อเลย” จันทร์หอมยิ้มแย้ม เพราะเธออยากถูกอาหนุ่มสวมกอดเหมือนสมัยก่อน
“ไม่ได้หรอก พี่กวินฯ จะไม่ชอบใจแน่ๆ เลย” ทีปกรแย้งกลับ เพราะสามัญสำนึกมันบอกว่าเขาไม่ควรคิดแบบนั้นกับหลานสาว แม้ว่าเธอจะน่ารัก น่าถนุถนอม จนบางครั้งเขาก็เคยแอบจินตนาการเรื่องแบบนั้นกับหลานสาว
“ก็อย่าบอกแม่สิ... นะคะๆ” จันทร์หอมไม่ได้สนใจการบ้านภาษาอังกฤษ และหลังจากนั้นเธอจึงเริ่มลุกขึ้นจากที่นั่งตน เพื่อไปหาอาหนุ่ม ด้วยใจที่อยากจะทำอะไรแก้เบื่อระหว่างนี้ ร่วมกันสองคน....
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้