หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่า
พบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป
“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”
“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมา
วันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์
“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ
“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณสร้อยเงินอนุญาตให้ผม มาขออยู่อาศัยชั่วคราวครับ”
“อ่อ...เอ็งนี่เอง มาๆ ขอคุยกันหน่อยสิ” เขาเป็นคนมีอำนาจ ชวนปวรุตม์เข้าไปภายในบ้าน เพื่อขอถามไถ่คุยกันเสียหน่อย หลังจากเมียไหว้วานผู้ใหญ่บ้านเขียนจดหมายไปบอกเขาว่า มีผู้ชายมาอาศัยในบ้าน ไม่นึกเลยว่าจะหน้าตาดีเพียงนี้
******
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง... ถ้ายังไงข้าจะลองถามทุกๆ คนดูนะ ว่ามีใครรู้จักยายแสงดาวของเอ็งมั๊ย?” เขาคือพ่อของกลิ่นจันทร์ แม้จะหน้าตาดุดูน่าเกรงขาม แต่เขาทำให้ปวรุตม์ชื่นชมว่า พ่อของกลิ่นจันทร์เป็นคนใจดี มีเมตตา ผิดกับเขาที่แอบลักลอบได้ลูกสาวเขาไปโดยไม่บอกใคร แถมทำอะไรกันไม่ถูกต้อง
แต่กลิ่นจันทร์ปกป้องเขา รักเขา พร้อมจะอยู่ข้างเขา แม้เธอจะทำอะไรผิดลับหลังผู้ใหญ่ก็ตาม เพราะเธอร่วมรักกับปวรุตม์ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดใจแทน อยากจะบอกพ่อของกลิ่นจันทร์เหลือเกินว่า เขารักหญิงสาวคนนี้ ซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของบ้าน ปวรุตม์ยังขลาดกลัว ไม่มีความกล้าพอจะบอก จึงยังเก็บงำเรื่องนี้เอาไว้อย่างอึดอัดใจ...
******
หญิงสาวดีใจเหลือเกิน เมื่อบิดาเดินทางกลับมาถึงบ้าน แววตาเธอแอบเหลือบหันมาทางปวรุตม์ เพราะเธออยากให้สามีของตัวเอง บอกบิดาเสียทีว่าเขาได้เสียกับเธอ อยากให้มีงานแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว แต่หญิงสาวมิได้บอกอะไรจนกว่าชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากเอง...
“พี่จ๊ะ... เมื่อไหร่จะบอกพ่อเรื่องของเราล่ะ?” กลิ่นจันทร์แอบมีอะไรกันกับปวรุตม์ในค่ำคืน หลังจากทุกๆ คนหลับไปหมดแล้ว เธอคุยเสียงเบาเพื่อมิให้ใครได้ยิน
“พี่ยังไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสตอนไหน กลัวพ่อจะโกรธไม่ให้อภัยในสิ่งที่เราทำ รู้มั๊ยว่าทำให้พ่อแม่ของกลิ่นจันทร์ขายหน้า แต่พี่ไม่กลัวหรอกนะ... พี่อยากได้กลิ่นจันทร์เป็นเมีย...” ปวรุตม์พยายามรวบรวมความกล้า เพื่อหาโอกาสดีๆ คุยกับพ่อของเธอ...
แต่เสียงเดินภายนอกค่อยๆ ดังขึ้นมาเรื่อยๆ และหนักพื้นเป็นจังหวะ ทำให้ปวรุตม์เริ่มตกใจ เมื่อประตูห้องถูกเคาะรัวๆ และปลายเสียงดังออกมา ด้วยเสียงของผู้ชายมีอายุ...
“กลิ่นจันทร์ ลูกอยู่ในห้องนี้หรือเปล่า? ทำไมไม่อยู่ในห้องตัวเอง เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะไอ้หนุ่ม!!! เปิด...!!!” เสียงเจ้าของบ้านซึ่งเป็นพ่อของกลิ่นจันทร์ เขารู้ได้ยังไงว่าลูกสาวเขาอยู่กับปวรุตม์ในห้องนี้
“พี่รีบหนีไป ถ้าพ่อเข้ามาได้ พี่ถูกฆ่าแน่ๆ รีบหนีไปสิ... ไปสิ...เร็วๆ” กลิ่นจันทร์พยายามหาเสื้อผ้ามาใส่ และไล่ปวรุตม์ออกจากห้อง เขาไม่มีทางเลือกจึงใส่เสื้อเรียบร้อยแล้ว รีบเดินไปที่หน้าต่างบานไม้ ค่อยๆ ปีนลงไปเพื่อหาทางหนี...
“เปิดประตูให้พ่อเดี๋ยวนี้นะ กลิ่นจันทร์!!! ไอ้ลูกไม่รักดี... พ่อจะฆ่าไอ้หนุ่มนี้ เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!!!” เสียงบิดาเธอยังคงตวาดด้วยความโกรธ และพยายามพังประตูบานไม้ ในที่สุดแล้ว เขาจึงใช้งานทาสเพื่อทำลายประตู หวังจะเข้าไปจัดการกับปวรุตม์
“หยุดนะพ่อ เขาเป็นผัวหนูนะ อย่าฆ่าเขา...” กลิ่นจันทร์พยายามวิงวอนร้องขอบิดา เพื่อมิให้เขาทำร้ายสามีที่รักของเธอ
“เอ็งออกไปให้ไกล อย่าให้กูจับมันได้เชียว... พวกมึงรีบไปจับมันมาให้กู...!!!” คำสั่งเจ้าของบ้านแทบลั่นเสียงดัง ดั่งเสียงฟ้าผ่ายามพายุวิปโยค กลิ่นจันทร์แทบร้องไห้เสียใจ เมื่อพ่อของตัวเองจะพยายามฆ่าชายหนุ่มที่รักของเธอ เมื่อเธอไม่สามารถปกป้องปวรุตม์ได้เลย
ในขณะที่ชายหนุ่มวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ความมืดและพื้นดินที่เปียกฉ่ำ ทำให้เขาวิ่งไปเปื้อนดินโคลนไป พลาดลื่นตกบ่อน้ำอีกตามเคย...
“ช่วยด้วย... ผมว่ายน้ำไม่เป็น...ช่วยด้วย...” ปวรุตม์ดันเผลอตกบ่อน้ำนี้อีกแล้ว เขาไม่น่าวิ่งมาพลาดลื่นตกแบบนี้เลย... ร่างกายเขาจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ และสติสัมปะชัญญะของเขาค่อยๆ หายไป
******
อีกครั้งเมื่อปวรุตม์ฟื้นขึ้นมา เขาอยู่บนพื้นดินภายในบ้านหลังเดิม บ่อน้ำเก่าๆ และต้นไม้สกปรก พบรอยฝุ่นยางรถยนต์ และพื้นถนนยางมะตอย ล้อเกวียนแขวนอยู่บนระเบียง ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่มีในใจเขา กลิ่นจันทร์ไม่อยู่ที่นี่...
“กลิ่นจันทร์!!! ... กลิ่นจันทร์ของพี่...” ปวรุตม์เดินเรียกหาอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขากลัวสูญเสียเธอไป หญิงสาวยิ้มแย้มอ่อนโยน หวานละมุน เขาไม่ได้ยินเสียงเธอขานรับ... เขาพึ่งจะร่วมรักกับเธออีกครั้งในคืนนั้น แต่กลับมาฟื้นในยามกลางวัน ภายในบ้านเพียงคนเดียว
เพียงแว่วหนึ่งเมื่อเขาออกเดินตามหาหญิงสาวที่หลัง เห็นหลังของหญิงสาวคนหนึ่งไหวๆ คล้ายๆ จะเหมือนกลิ่นจันทร์ เขาคิดว่าควรจะวิ่งไปหาเธอ ซึ่งกำลังเดินเข้าไปในตัวบ้าน
เธออยู่ในชุดเจ้าขุนมูลนาย เสื้อลายลูกไม้กับโจงกระเบนสีน้ำเงิน ใส่สายสะพายอย่างสวยงาม ปวรุตม์ตามหากลิ่นจันทร์ราวกับชายผู้บ้าคลั่ง เขากลัวเธอถูกพ่อลงโทษ... แต่ร่างของเธอหายไปในห้องหนึ่งที่ปิดตาย...
มันถูกสะเดาะกลอนเปิดออก รอให้เขาเปิดประตู ภายในปรากฏห้องเก็บของ อัดแน่นเต็มไปด้วยฝุ่นหนา... ปรากฏภาพวาดของหญิงสาวงามสง่า ผู้สูงศักดิ์ ด้านล่างของภาพมีชื่อเจ้าของภาพอยู่ “กลิ่นจันทร์”
ชายหนุ่มแทบเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้น เมื่อหญิงสาวที่เขาได้พบคือ บุคคลในภาพวาดโบราณ นี่เขาย้อนเวลากลับไปพบเธอในอดีต เขารักเธอ และทิ้งเธอเอาไว้ที่นั้น...
******
สักพักมีคุณยายคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ยายแสงดาว เธอเดินมาถึงอย่างเงียบๆ เมื่อไหร่ ปวรุตม์ไม่อาจรู้ได้เลย หากเธอไม่ส่งเสียงตอบกลับมา...
“ไอ้หนุ่ม... รู้จักกลิ่นจันทร์รึ?”
“ครับ...” ปวรุตม์แทบหลั่งน้ำตาร้องไห้ เขาไม่นึกเลยว่าจะไปรักกับหญิงสาวในอดีตได้มากเพียงนี้
“ถ้างั้นช่วยมารับของที่นี่หน่อยสิ ยายจะหยิบให้” คุณยายผู้ไร้นาม เดินไปเปิดกล่องเก่าแก่ใบหนึ่ง พร้อมหยิบเอกสารทั้งหมดส่งมอบให้แก่ชายหนุ่ม
“รับไปนะ เป็นของที่กลิ่นจันทร์ทิ้งไว้ให้ หวังว่าจะเอาไปใช้ให้ดีนะ ยายไปละ” เมื่อคุณยายมอบเอกสารทั้งหมดส่งให้ถึงมือของปวรุตม์ ร่างของคุณยายเดินออกจากห้อง ลับหายไปในทันใด...
ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ถามอะไร เขาอยากจะถามเสียหน่อยว่า กลิ่นจันทร์ฝากของให้เขาได้อย่างไร.. แต่เมื่อเขาวิ่งกลับออกไป ไม่พบร่างคุณยายแปลกหน้าคนนั้นอีก...
ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจว่า นี่เขามาเจออะไรกัน... เอกสารพวกนี้มันเก่าและมีชื่อแปลกๆ โผล่มาด้วย... ทำให้เขาต้องเรียงลำดับญาติตั้งแต่มีชื่อของขุนหลวง ซึ่งเป็นพ่อของกลิ่นจันทร์...
พร้อมกับการโยงลำดับญาติจากกลิ่นจันทร์ ไม่แต่งงานกับใคร กลับมีทายาทเป็นบุตรชาย สืบทายาทต่อมาเป็นทวดของทวดยายแสงดาว ลำดับมาถึงแม่เขา...
เมื่อปวรุตม์พลิกเอกสารถัดไปเรื่อยๆ มันเป็นเอกสารมรดกทรัพย์สินทั้งหมดภายในบ้านหลังนี้ ซึ่งลงชื่อของ ปวรุตม์ไว้ทั้งหมด รวมหลายหลักร้อยล้าน สีหน้าชายหนุ่มตกใจเมื่พบกับภาพวาดเหมือน และภาพถ่ายขาวดำจากชาวต่างชาติ
พบภาพของกลิ่นจันทร์อีกครั้ง... หญิงสาวที่เขาบอกรัก และมีอะไรด้วยกันในอดีตกาล...
[จบตอนสั้น ข้ามภพมากินตับ]
******
หลังจากนางสร้อยเงินเดินทางกลับมาถึงบ้าน พบเห็นว่าลูกสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งเย็บปักถักร้อยอยู่ภายในห้องขอตัวเอง โดยไม่ออกมาด้านนอกตามที่ตนสั่ง นางสร้อยเงินแวะไปเยี่ยมนายปวรุตม์เสียหน่อยว่ากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าพบเห็นว่าชายหนุ่มดังกล่าว กำลังนั่งปอกเปลือกมะพร้าว และกำลังผ่าฟืนตามสั่ง เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้นางสร้อยเงิน ทำอาหารมื้อเย็นและเช้าวันถัดไป“ทำงานอยู่รึ ระวังมีดบาดนะ”“ครับ ผมทำงานใกล้จะเสร็จแล้วครับ” ปวรุตม์ยิ้มแย้มก่อนจะตั้งใจทำงานต่อไป แววตาของนางสร้อยเงินมองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ ระหว่างที่ไม่อยู่นางน่าจะพากลิ่นจันทร์ไปด้วย แต่อยากให้ลูกสาวประหลาดใจ เมื่ออีกไม่กี่วันบิดาของเธอจะกลับมาวันเวลาผ่านไปราวอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงวัย เดินทางมาถึงบ้านของนางสร้องเงิน ปวรุตม์กำลังขุดดินปลูกต้นไม้อยู่ข้างบ่อน้ำ เขาถอดเสื้อสวมผ้าถุงสีทึบเพียงชิ้นเดียว ปวรุตม์พบเห็นร่างของชายดูดีมีภูมิฐาน เขารู้สึกกลัวขึ้นมาในทันใด หน้าตาก็คล้ายๆ กับกลิ่นจันทร์“ไอ้หนุ่ม... เอ็งเป็นใครมาจากไหน มาอยู่บ้านข้าวะ?” แววตาที่ดุดันมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ“สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวรุตม์ คุณส
หลังจากนั้นเป็นต้นมา... ปวรุตม์จึงเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำตัวกลมกลืนกับคนที่บ้านของกลิ่นจันทร์ ช่วยเหลืองานบ้าน และงานสวน ทำให้สร้อยเงินรู้สึกพอใจว่า ชายแปลกหน้าจากกรุงเทพฯ ซึ่งหาบ้านยายแสงดาวไม่เจอ กลายเป็นคนงานคนสวนไปโดยปริยายชายหนุ่มอาศัยอยู่ในเรือนรับรองเล็กๆ อีกแห่งของเขตบ้าน เพราะนางสร้อยเงินไม่ยอมให้อยู่ในบ้านเดียวกับลูกสาว หวังว่าจะไหว้วานผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเขียนจดหมายไปบอกสามีในเมืองว่า ช่วยแวะกลับมาบ้าน เรื่องไอ้หนุ่มกรุงเทพฯ มาอาศัยอยู่ในบ้าน“แม่เดินทางปลอดภัย โชคดีนะจ๊ะ” หลังจากที่แอบลักลอบได้เสียกับปวรุตม์ เธอระมัดระวังตัวมิให้มารดารู้ว่า ลูกเสียสาวไปแล้วกับชายแปลกหน้า แต่เขาทำให้กลิ่นจันทร์มีความสุขยามเมื่อได้สวมกอด และบางสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหล“แม่จะรีบไปรีบกลับนะ อยู่ดูแลบ้านดีๆ ล่ะ” นางสร้อยเงิน ใช้แรงงานทาสขับเกวียนไปส่งนางที่บ้านผู้ใหญ่ หวังจะขอให้ผู้มีความรู้เขียนจดหมายส่งไปให้สามีทราบเรื่องที่บ้านทีหลังจากนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน กลิ่นจันทร์จึงเดินไปที่เรือนรับรองของปวรุตม์ เพื่อขอมีอะไรด้วยกันเพราะความคิดถึงมากมาย...ชายหนุ่มกำลังรอเวลานี้ที่จะได้อยู่กับกลิ่นจันท
เรือนกายหญิงสาวยืนพิงหลังต้นไม้ใหญ่ บดบังเรือนร่าของเธอและปวรุตม์ให้พ้นสายตาใครอื่น สองแขนหญิงสาวซึ่งกันเอาไว้ระหว่างอกเขาและกายบางได้ลดลง แขนบางทั้งสองโอบกอดตอบรับชายหนุ่มเบื้องหน้าทำให้ปวรุตม์ดีใจเหลือเกินเมื่อเธอยินยอมเขาแล้ว มือของชายหนุ่มทั้งสองจึงทำงานปลดตะขอกางเกง ทำให้แววตาหญิงสาวตกใจว่า นี่เขาจะแก้ผ้าทำไมกันนะ...“ปวรุตม์ คุณจะทำอะไรรึ?” เธอไม่เข้าใจว่า เขากำลังทำอะไรแปลกๆ ออกมา หลังจากบอกรักเธอ ต้องแก้ผ้าด้วยรึ?“ผมอยากได้คุณ ปลดผ้าถุงสิ” เขาบอกให้เธอทำบ้าง หญิงสาวยังรู้สึกสับสนว่า ทำไม แต่ถ้าลองดูก็อาจจะคลายความสงสัยได้บ้างเพียงช่วงล่างเปล่าเปลือยปวรุตม์ไม่เห็นมีที่ร่วมรักใดได้ คิดเสียว่าคงต้องเลือกท่ายืนนอกสถานที่ในป่าลับเช่นนี้เขาโอบอุ้มเธอเอาไว้ใต้สองแขน ทำให้กายบางหญิงสาวลอยสูง ปลายเท้าไม่แตะพื้นและช่วงต้นขาของเธอต้องกางออก เพราะเขาดึงร่างบางเข้าหาชายหนุ่ม เรือนหน้าหญิงสาวตกใจและหน้าแดงก่ำ เธอรู้สึกอายจริงๆ“อย่าตกใจนะ กลิ่นจันทร์... ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีเอง” ชายหนุ่มพยายามกระซิบข้างหู มิให้เธอตกใจดิ้นหลุดจากแขนเขา เธอกลัวจนตัวสั่น ระหว่างถูกดึงเข้าหาร่างชายหนุ่ม ต้นข
หลังจากเขาแนะนำตัวเองกับแม่ของกลิ่นจันทร์ เธอชื่อสร้อยเงิน กำลังทำอาหารกับทาสสองคน สีหน้าของเธอไม่ค่อยไว้ใจที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาคุยกับลูกสาว“แม่ อย่าไปว่าเขาสิ เขาคงหลงทางมาถึงบ้าน ถามหายายแสงดาว แม่พอจะรู้จักคุณยายแสงดาวไหม” กลิ่นจันทร์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คิดว่าหากช่วยเหลือเขาไปแล้ว เธอกับแม่จะได้บุญ และเขาคงจะไปทำธุระเรื่องครอบครัวได้เสียที“โอ๊ย...อยู่มาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินยายชื่อแสงดาวอะไรนั้นเลยนะ พ่อหนุ่มมาจากกรุงเทพฯ ลองไปถามญาติตัวเองใหม่เถอะ... กลับไปได้แล้ว ลูกสาวฉันจะเสียชื่อหมด” นางสร้อยเงินตอบปัด จึงอยากให้ทาสพาเขาออกจากเรือน“ไม่เป็นไรจ้าแม่... ให้ทาสช่วยแม่ทำอาหารเถอะ ฉันจะไปส่งเขาเองจ๊ะ” กลิ่นจันทร์รับอาสาเอง เพราะคิดว่าตนคงเป็นเหตุนำพาเรื่องวุ่นวายเข้าบ้าน คิดเสียว่าแนะนำให้เขาไปคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เผื่อจะได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้“ขอโทษนะครับ คุณแม่สร้อยเงิน ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ปวรุตม์รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พบญาติหรือแม่ ทุกคนหายไปไหนหมด อีกทั้งทุกๆ คนที่นี่ใส่ชุดสมัยร.๕ทั้งนั้น เขามาหลงอยู่บ้านใครกันเนี่ย... ชายหนุ่มแอบคิด******กลิ่นจันทร์พาเขาเดินออกจากบร
รุ่งเช้าท่ามกลางเสียงโวกเวกโวยวาย ผู้คนเดินไปมา สลับวิ่งจนพื้นไม้ภายในบ้านสั่นสะเทือน ปวรุตม์รู้สึกว่าถูกรบกวนจากการนอนแสนสบาย จึงลืมตาปรือตื่น หันมองว่าร่างของแม่ข้างๆ หายไป คงจะสมทบกับญาติ ซึ่งกำลังทำอะไรสักอย่าง“เร็วๆ เข้า!!! อุ้มคุณแม่ขึ้นรถ!!!” เสียงของผู้หลักผู้ใหญ่กำลังวุ่นวาย กับการนำร่างของคุณยายซึ่งเริ่มหายใจช้าลง หลับตาโดยไม่มีการตอบสนอง ครอบครัวญาติฝ่ายแม่ตกใจมากพวกเขาพาร่างของคุณยายขึ้นรถ ออกตัวจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงญาติทุกๆ ต่างคนกลับไปที่รถของตัวเอง ต่างขับรถแห่ไปทีละคันจนหมดบ้าน...เหลือไว้เพียงเขายังยืนงงอยู่ภายในบ้านคนเดียว“ไปกันหมดเลย” ปวรุตม์ไม่อาจจะพูดถามใคร ในช่วงเวลาอันฉุกละหุกได้เลย ว่าเขาควรทำตัวอย่างไร พ่อแม่เขาค่อนข้างวุ่นวายกับการพาร่างของคุณยายขึ้นรถ และรีบพาไปร.พ. ในขณะที่ญาติๆ คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายขับรถตามไป“กลิ่นจันทร์ไปกับเขาด้วยหรือเปล่านะ?” ปวรุตม์ยังคงนึกถึงสาวเมื่อคืนนี้ หากไม่อยู่ในพุ่มไม้มืด เขาอาจจะจำหน้าเธอได้ชัดกว่านี้ ตะวันในเช้านี้ทอแสงนวลแผ่วเบา แต่ท้องเขานี่สิ ร้องออกมาอย่างหิวโหย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเหลืออะไรใหเขากินได้บ้าง******ช
ในความเงียบภายในรถยนต์ ระหว่างเดินทางออกมาตจว. นอกเขตเมือง สู่ชนบทในท้องนา ภาพบรรยากาศของตึกราบ้านช่องหายไปจากสายตาของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนหนุ่มสมัยใหม่ อาศัยอยู่ในเมืองเขาจำใจต้องเดินทางมากับพ่อแม่ เพื่อไปบ้านของยายแสงดาวซึ่งอยู่ตจว. เขาเบื่อมากกับการไปอยู่บ้านนอก โบราณ คนแก่หัวเก่าๆ ซึ่งมันไม่มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขาเลยปวรุตม์ (ปะ-วะ-รุด) หยิบมือถือสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อแชทกับเพื่อน และนัดกันว่ากลับบ้านจากญาติแล้ว จะไปดื่มเหล้าเที่ยวผับ ควงสาวมาฟันให้สนุกแก้เบื่อเสียเลย เขายิ้มเงียบๆ โดยมิให้พ่อซึ่งกำลังขับรถหันมาดุได้อีกแม่ของเขานั่งอยู่หน้ารถ กำลังชี้ทางบอกไปทางคุณยาย คือคุณแม่ของเธอค่อนข้างมีอายุมากแล้ว พวกเขาทั้งครอบครัวถูกเรียกให้มาบ้านญาติตจว. เพื่อให้มารับทราบว่า คุณยายใกล้จะไปสบายดีแล้ว ญาติคนอื่นๆ เรียกพ่อแม่และปวรุตม์ ให้มาดูใจกันครั้งท้าย ก่อนคุณยายจะเสีย“ทำตัวดีๆ นะแกไอ้รุตม์ เดี๋ยวจะไม่ได้รับมรดกกันพอดี” คุณพ่อของเขา เป็นลูกเขยของญาติข้างแม่ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองปี ทำตัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเรียบร้อย อย่างน้อยเขาอยากจะกลับเมือง มากกว่านอนค้างอยู่บ้านนอกตจว.แบบนี้