เพลินตาไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่กับเธอนั้นคืออะไร ความรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัวจนคอแห้งปากแห้งและยังใจสั่น อาการเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวแล้วเปลี่ยนเป็นการคลั่นเนื้อคลั่นตัวแทน มือไม้สั่นระริกระคนจนแทบจะไม่สามารถควบคุมได้ หากแต่เวลาที่สัมผัสโดนผิวกายของปฏิธานแม้เพียงเล็กน้อย กลับทำให้เธอนั้นอยากทำเรื่องบ้าๆ ด้วยการกระโจนเข้าหาและดึงเขาเข้ามากอดจูบเสียอย่างนั้น
"พี่เต็ม เพลินเป็นอะไรก็ไม่รู้"
เพลินตาตัดสินใจหันไปพูดบอกกับปฏิธานตามตรง หากแต่จุดโฟกัสสายตากลับกลายเป็นเป็นสันจมูกโด่งและริมฝีปากของเขาที่เธอเคยได้สัมผัส จากนั้นดูเหมือนว่ามันจะยังคงไม่พอ เพลินตายังคงแอบละสายตาจากริมฝีปากของคนข้างๆ ไต่ไล่ลงมายังลูกกระเดือก ช่วงจังหวะที่มันขยับกลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายในใจจนตามร่างกายยิ่งร้อนวูบวาบ
"เป็นอะไรเพลิน"
"มัน มันรู้สึกร้อนๆ แปลกๆ"
ปฏิธานหันกลับมามองเธอเพียงแค่แวบหนึ่ง สภาพของเพลินตาที่เห็นในตอนนี้ก็คืออีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่สุดแสนจะหวานเชื่อม มือไม้ก็อยู่ไม่สุก ไล่เเกะปัดป่ายไปตามเนื้อตัวตัวเอง มองจากสภาพของเพลินตา ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะรู้อยู่หรอกว่าอาการของคนข้างๆตอนนี้มันคืออะไร สำหรับผู้ชายที่เดินเข้าออกสถานบันเทิงยามค่ำคืนมาเป็นว่าเล่นอย่างเขา ถ้าจะให้เดาบอกเลยว่ามันไม่ยาก อาการแบบนี้ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยเขาพนันได้เลยว่าคงไม่พ้นถูกวางยา
เพียงแค่นั้นคันเร่งของซุปเปอร์คาร์คันงามก็ถูกกดเหยียบเสียจนแทบจะสุดไมล์เพื่อต้องการพาเธอและเขามุ่งหน้ากลับมายังเพนท์เฮ้าของตัวเองแทนที่จะอ้อมวกกลับไปส่งที่คอนโดมิเนียมของเธอที่อยู่ไกลกว่า
ดูเหมือนว่านานเข้าอาการของเพลินตาก็จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นาทีนี้เพลินตากำลังรู้สึกว่าร่างกายของเธอเสมือนมีเปลวไฟเผาไหม้อยู่บริเวณจุดกึ่งกลางกาย มือไม้ช่วยกันลูบไล้ไปตามต้นแขนและหน้าอก ส่วนต้นขาสองขาก็บดเบียดถูกันไปมาดูน่าทรมาน
"อื้อ ชะ ช่วยเพลินด้วยค่ะพี่เต็ม เพลินทรมานจัง"
"อดทนไว้หน่อย อีกแปบเดียวก็ใกล้จะถึงแล้ว"
พอทันทีที่รถจอดลงสนิท ปฏิธานก็รีบเปิดประตูอ้อมลงมายังอีกฝั่งเพื่อหวังรีบพาคนตัวเล็กขึ้นไปข้างบน แต่พอวินาทีที่เขาก้มลงเปิดประตูเพื่อจะพาเธอออกมา มือเรียวเล็กของเพลินตาก็โผล่พรวดขึ้นมาแล้วเกี่ยวเกาะบ่าพาดผ่านลำคอของเขาเอาไว้ แถมยังดึงใบหน้าเขาเข้าไปใกล้ๆส่วนเธอก็มุดซบคลอเคลีย
"พี่เต็มช่วยเพลินที มัน มันทรมานเหลือเกิน"
"ตั้งสติหน่อยสิเพลินตา ไหนบอกว่าไม่อยากอยู่ใกล้พี่แล้วไง กระโจนกอดเข้ามาแบบนี้เดี๋ยวก็ได้โดนดีเข้าอีกหรอก รีบออกมานี่เลยมา"
ร่างของเพลินตาก็ถูกปฏิธานก้มลงเข้าไปช้อนตัวขึ้นมาก่อนจะอุ้มเธอออกมาไว้ในอ้อมแขน แล้วจัดการเดินตรงไปยังลิฟท์ที่มีจอดรอเอาไว้อยู่สำหรับเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น พอพาเพลินตาเข้ามาในตัวลิฟท์ได้ก็ค่อยวางตัวเธอลงไปกับพื้น แล้วจากนั้นจึงได้เอื้อมมือเพื่อไปกดปุ่มประตูลิฟท์ให้ปิด
ปฏิธานพ่นลมออกจากปากคล้ายกับรู้สึกว่าตัวเองกำลังควบคุมสถานการณ์ได้ หากแต่พอทันทีที่หันกลับมา ก็กลับพบว่าเพลินตานั้นกำลังพยายามที่จะถอดปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกอยู่จนต้องรีบเข้าไปห้าม
"ร้อนจังเลยพี่เต็ม ช่วยเพลินถอดหน่อยสิคะ เพลินอยากอาบน้ำมากๆเลย อื้อ"
ไม่ทันถึงไหน ทั้งเสื้อสายเดี่ยวที่ปกติก็แสนจะสั้นอยู่บนสะดืออยู่แล้วนั้นถูกเพลินตาถอดมันออกมาเกือบหมดเสียจนได้ ก่อนจะเหลือไว้เพียงแค่เสื้อชั้นในตัวงามตัวเดียว จนเผยให้เห็นถึงความอวบอิ่มของเนินเนื้อคู่สวยล่อหน้าล่อตา ทำเอาคนที่อยากทำตัวเป็นสุภาพบุรุษลูกผู้ชายที่พยายามจะไม่มองแล้ว แต่ก็กลับละใบหน้าออกจากความงดงามนั้นไม่ได้ ก่อนจะต้องรีบเรียกสติตัวเองกลับมา เมื่อมือของเพลินตาทำท่าว่าจะเลื่อนลงไปปลดตะขอกระโปรงตัวสั้นข้างล่างอีก
"นี่เพลิน พี่บอกแล้วไงว่าอย่าพึ่ง ไม่ต้องกลัวหรอกว่าเพลินจะไม่ได้อาบน้ำ เดี๋ยวพอถึงบนห้องพี่เพลินแล้วเพลินจะได้อาบแน่ๆ แต่มันต้องยังไม่ใช่ตอนนี้"
"พี่เต็ม แต่เพลินไม่ไหวแล้วจริงๆ นะคะ ตัวเพลินมันร้อนไปหมดเหมือนมีเปลวไฟเผาแน่ะ มันทรมานมากๆเลย มะ ไม่เชื่อพี่เต็มก็ลองจับดูสิคะ ดูสิขนาดนมเพลินก็ยังร้อน"
น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงคอทันทีที่เพลินตาควานหามือของเขาจนเจอ ก่อนจะดึงมันวางทับลงไปบนหน้าอกตัวเองแล้วออกแรงบีบนำพาฝ่ามือใหญ่นั้นให้ทำตาม หากแต่เพียงไม่นานปฏิธานก็ดึงมือออก คนอะไรบทจะใจกล้าก็บ้าดีเดือดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
"เพลิน ใจเย็น ขืนเพลินยังทำแบบนี้อีก พี่ก็ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ"
"ทนอะไรไม่ไหว เพลินต่างที่กำลังจะทนไม่ไหว บอกแล้วไงว่าเพลินร้อนๆๆพี่เต็มไม่เข้าใจหรือไง ถ้าจะไม่ช่วยงั้นพี่ก็หุบปากไปเลยดีกว่า เพลินก็แค่อยากจะถอดเสื้อผ้าพวกนี้ทิ้งไปให้มันหายร้อนเท่านั้น พี่เต็มเลิกห้ามเพลินสักทีได้ไหม"
ขนาดปฏิธานพูดจบ แต่เพลินตาก็ยังคงวุ่นวายอยู่กับร่างกายของตัวเธอเองไม่หยุด ทั้งพยายามแกะดึงเสื้อชั้นในจนกระทั่งเลื้อยลามไปถึงการพยายามที่จะปลดซิปตะขอกระโปรงอีกครั้ง พอไม่สำเร็จก็ยิ่งลนลานตัวสั่น จนปฏิธานเห็นเข้าก็ยิ่งสงสาร เลยต้องจัดการดึงคนตัวเล็กให้ขยับเข้ามาหา แล้วจัดการประกบปิดปากที่กำลังพูดพร่ำไม่หยุดนั่นเสีย
"ให้ตายสิเพลิน อยู่เฉยไม่ได้เลยจริงๆ สินะ มานี่"
"อื้อๆ"
แน่นอนว่าเพลินตาไม่แม้แต่จะขัดขืน เธอรีบเปิดปากอ้างับเรียวลิ้นเขาไว้ด้วยความรวดเร็วทันทีที่เขาสอดแทรกมันเข้ามาราวกับว่าหิวกระหาย ก่อนที่ทั้งสองต่างจะประกบจูบปากแลกลิ้นกันด้วยความมัวเมา เพลินตาเมายา ส่วนปฏิธานกำลังเมาจูบที่ผลัดเปลี่ยนกันแลกดูดลิ้นกันไปมากับเด็กคนนี้
'ให้ตายสิเพลิน'
มือไม้ที่เคยจับห้ามข้อมือของคนตัวเล็กเอาไว้ เวลานี้กลับปล่อยมันลงแล้วใช้สองมือจับประครองใบหน้างามเพื่อปรนเปรอจูบให้กับเธอเเทน รสชาติหวานหอมบวกกับกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ที่เจืออยู่ในโพรงปากของเพลินตา ทำเอาปฏิธานตื่นตัวจนแทบจะทนไม่ได้ อาการเว้าวอนอ้อนขอให้เขาจูบเธอแรงๆ ซ้ำอีกด้วยน้ำเสียงแสนหวานนั้นทำให้ปฏิธานหน้ามืด ไหนจะท่าทีอ่อนโยนราวกับลูกแมวที่พยายามลูบไล้สัมผัสไปตามเนื้อตัวของเขาอย่างไร้เดียงสา แล้วสติสัมปชัญญะของเขาก็หลุดกระเจิง ประหนึ่งกับว่าความจริงที่เพลินตานั้นถูกวางยานั้นได้ถูกลบเลือนหายไปเมื่อภาษากายของเธอนั้นเอาแต่คอยเชื้อเชิญให้เขาเข้าหา
"อื้อรู้สึกดีจังเลย จูบเพลินอีกสิคะพี่เต็ม เพลินอยากได้อีก"
"อยากให้พี่ช่วยเพลินมากกว่าจูบหรือเปล่า"
"อื้อ อยากค่ะ พี่เต็มช่วยเพลินทีนะคะ เพลินทรมานจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว อื้อ"
หลังจากที่บานประตูลิฟท์ถูกเปิดออก ปฏิธานก็จัดการยกเอวคนตัวเล็กให้กระโดดหนีบขึ้นมาไว้บนเอว ในขณะที่เขาเลือกที่จะประกบปิดปากเธอเอาไว้อีกครั้งเพราะว่าตัวเองก็ทนไม่ไหว
ประตูเพนท์เฮ้าท์ถูกเปิดออกให้อัตโนมัติเมื่อผู้ที่ถือคีการ์ดนั้นเดินเข้ามาในบริเวณใกล้ๆ อุณหภูมิเย็นของเครื่องปรับอากาศภายในห้องที่ยังคงคอยทำงานแม้ว่าเจ้าของห้องจะไม่อยู่นั้นกลับไม่ได้ทำให้เพลินตารู้สึกผ่อนคลายความร้อนของร่างกายลงได้บ้างเลย ปากเล็กยังคงพร่ำบอกว่าตัวเองร้อนอยู่อย่างนั้น และอ้อนวอนร้องขอจูบจากเขาไม่หยุด ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกอุ้มพาเข้าไปภายในห้องนอน แล้วจัดการวางตัวเธอลงไปที่บนกลางเตียงขนาดใหญ่ โดยที่มีเจ้าของห้องตามทาบทับลงไปติดๆ
"ให้พี่ช่วยเพลินนะ เด็กดี"
ไม่รู้ว่าความมืดบอดอะไรในใจที่ทำให้เธอว่าง่ายยอมปล่อยให้เขาจูงมือขึ้นมาส่งถึงบนห้อง ระหว่างทางหัวใจเธอเต้นรุนแรงไม่เป็นจังหวะ มือเล็กยอมถูกเขาจับจูงไว้ในฝ่ามือใหญ่ หรือสิ่งที่เธอควรทำคือยอมรับดีลข้อเสนอของเขาดี เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องไปมีคนอื่นให้เสื่อมเสียมาถึงพี่สาวอย่างนั้นหรือเปล่า สู้เธอยอมรับดีลข้อเสนอของเขา ปฏิธานจะได้ไม่ต้องไปทำแบบนี้กับใครเธอไม่อยากให้เขาไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก...อยู่ๆความคิดแปลกๆก็ฉายวับเข้ามาในหัว อาการหวงแหนเนื้อตัวของคนตัวใหญ่แบบที่ไม่เคยเป็นทำไมถึงได้เกิดขึ้น ในขณะที่ลิฟท์กำลังเคลื่อนตัวพาเธอและเขาขึ้นไปยังชั้นที่เป็นจุดหมาย เพลินตาก็แอบเงยหน้าขึ้นมามองด้านข้างของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะหันมากลับมามอง เธอ ยิ้มให้และมอบรสจูบแสนหวานให้เธออีกครา แทบจะทันที ยามที่บานประตูหน้าห้องของเพลินตาเปิดออกและปิดลงจนมีเสียงกดล็อกดังคลิ๊ก ร่างของเพลินตาก็ถูกปฏิธานประชิดเข้าจู่โจม เขามอบทั้งกอดและจูบ สองแขนงามถูกเขาจับพาดขึ้นเอามาไว้บนบ่า ก่อนจะผลักดันให้เธอนั้นเดินถอยหลังไปจนกระทั่งสองร่างพากันล้มลงไปบนโซฟาเบดตัวยาวกลางห้อง "พี่เต็ม คือว่าเพลิน...""ชู่ว! ไม่ดื้อนะครับเด็
เพลินตาหน้าบูดหลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างนั้นทั้งเธอและเขาต่างก็พากันเงียบไปเลยทั้งคู่ ระหว่างทางก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย ราวกับว่าต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง สำหรับปฏิธานเธอไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไร แต่สำหรับเธอแน่นอนว่ามันคือเรื่องที่ปฏิธานไม่อนุญาตให้เธอไปไหนมาไหนกับกันตธีร์ ซึ่งเป็นความต้องการที่ไร้เหตุผลมากและเธอจะไม่ยอมเชื่อเขาโดยเด็ดขาด ปฏิธานเอาสิทธิ์อะไรมาห้าม จนกระทั่งเขาพาเธอกลับมาส่งถึงหน้าคอนโดมิเนียม"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง"เพลินตายกมือขึ้นไหว้ หากแต่สีหน้ายังออกไปทางบูดบึ้งตามเดิม ในเมื่อเขาไม่พูด โอเคเธอก็จะไม่ขอพูดเหมือนกัน แต่ดันมีเสี้ยวจังหวะหนึ่งก่อนที่จะหันไปเปิดประตูรถที่อยากจะหันไปมองหน้าเขา ปฏิธานมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำบอกกล่าวสวัสดีของเธอ พอเห็นดังนั้นต่อมความน้อยใจก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มทำงาน เลยได้แต่ต่อว่าในใจไปว่าคนอะไรช่างไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก หากแต่เธอก็ทำได้เพียงแค่สะบัดหน้าใส่ ก่อนจะหันกลับมาจับที่ดึงเพื่อเปิดประตู แต่ก็พบว่ามันยังคงถูกล็อก"เปิดประตูด้วยค่ะ เพลินจะลง""เพลินชอบมันเหรอ"
"อยากกินอะไร"พอเธอรัดเข็มขัดเรียบร้อย ปฏิธานก็หันมาถาม อารมณ์ขุ่นเคืองจากการที่ถูกเขาบังคับแน่นอนว่ายังคุกรุ่นอยู่มากพอที่จะทำให้เธอเลือกที่จะนิ่งเฉยไม่ตอบ แต่พอคิดได้ว่าถ้าหากไม่ตอบ ก็กลัวว่าปฏิธานจะพาเธอไปที่อื่นหรือทำอะไรที่เธอไม่ชอบขึ้นมาอีก อาจเป็นเพราะว่าเห็นเธอเด็กกว่าเขาหลายปี แถมเขายังมีตำแหน่งสถานะเป็นเจ้านายด้วยล่ะมั้ง ปฏิธานถึงได้ชอบใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือคอยบังคับเธออยู่เรื่อย"ไม่อยากค่ะ เพลินอยากรีบกลับคอนโดมากกว่า"และมันก็ไม่ได้ผิดคาดมากนัก เมื่อขับออกมาจากคอนโดมิเนียมของนางแบบสาวได้สักพัก รถซุปเปอร์คาร์คันแพงกลับพาเธอและเขามาหยุดเรียบลงที่ริมทางเดินข้างถนนเส้นหนึ่งที่มองตรงไปจะเห็นว่ามีรถขายบะหมี่หมูแดงจอดอยู่ บริเวณด้านข้างมีชุดโต๊ะเก้าอี้วางไว้ตั้งอยู่เรียงรายเป็นทางยาว "พี่หิว วันนี้มีประชุมมาเกือบทั้งวันยังไม่ได้กินอะไรเลย หวังว่าเพลินคงไม่ได้จะรีบกลับอะไรขนาดนั้นใช่ไหม"ยังเลย เธอยังไม่ทันได้ตอบ คนที่ทำมาเป็นถามเธอก็เปิดประตูรถเดินลงไปก่อนแล้วโดยไม่ได้สนใจฟังคำตอบเธอเลยสักนิด ทันทีที่ประตูรถเปิดออกและปิดลง กลิ่นน้ำซุปบะหมี่หอมๆก็โชยเข้ามาปะทะจมูกเต็มๆจนกระเพาะอ
พอเข้ามาถึงข้างในโรงหนัง ปรานต์ก็เป็นคนเดินเข้าไปในแถวก่อนแล้วค่อยให้เธอเดินตามเข้าไปทีหลัง เพราะต่อจากนั้นตามหลังเธอก็คงจะเป็นนางแบบสาวที่ต้องนั่งตรงกลาง แล้วค่อยเป็นปฏิธานที่จะต้องนั่งปิดท้าย เพลินตาคิดแบบนั้น ซึ่งดีแล้วแหละ เอาเป็นว่านาทีนี้นั่งใกล้นางแบบก็คงดีกว่าอยู่ใกล้ปฏิธาน ผู้ชายคนที่เพลินตาอยากจะขออยู่ให้ห่างให้ได้มากที่สุดแต่..ผิดคาด พอเพลินตาหันมา ที่นั่งด้านข้างของเธอทางขวามือกลับเป็นผู้ชายตัวโตที่ชื่อว่าปฏิธานนั่งปักหลักอยู่ ส่วนนางแบบกลับนั่งถัดอยู่ทางขวามือเขาไปอีกที ด้วยความตกใจจึงได้อดที่จะมองไปด้วยสายตาตำหนิ ไม่ได้ ผู้ชายอะไรไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลยแทนที่ว่าเขาจะให้นางแบบสาวนั่งตรงกลางคู่กันกับเธอ กระทั่งหนังเริ่มฉาย ทุกคนจึงได้ตกอยู่ในภวังค์ส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลินตาที่ตอนนี้ลืมไปแล้วว่ามีคนจอมกวนประสาทนั่งติดตัวเธออยู่ข้างกาย แต่พอหนังเริ่มฉายไปได้ไม่นานเท่าไหร่ เสียงกรี๊ดวี้ดๆของนางแบบคนนั้นก็แอบดังขึ้นมาจนน่ารำคาญ หนังแนวภจญภัยในป่าเผื่อล่าหาสมบัติ ซึ่งมันไม่ได้มีความน่ากลัวเลยสักนิด ก็ไม่รู้ว่าแม่นางแบบนั่นจะทำเป็นแอบร้องวี้ดว้ายให้น่ารำคาญอะไ
ช่วงเวลาตลอดทั้งบ่ายเพลินตายังคงต้องทำงานที่ที่ค้างเอาไว้อยู่ในแผนกต่อโดยการไหว้วานนิธิพลและพี่ๆ คนอื่นที่ต้องรีบไปเข้าประชุมภาคบ่าย จนกระทั่งได้เวลาเลิกงาน กระเป๋าสะพายใบโปรดก็ถูกรีบคว้าขึ้นมาบนบ่าและตัวเธอเองก็กะว่าจะรีบจ้ำอ้าวออกจากบริษัทไปก่อนที่ใครจะมาเห็นแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าโดดงาน ก็ในเมื่ออยู่จนถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอจะรีบออกเร็วหรือช้าก็เป็นสิทธิ์ของเธออยู่ดี กะว่าอยากจะรีบไปเดินผักผ่อนหย่อนกายเสียหน่อย เอาเป็นห้างขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณทางผ่านตอนจะกลับคอนโดมิเนียมนี่ก็แล้วกันสะดวกดี กะว่าแวะหาอะไรทาน เดินเลือกซื้อของ แล้วก็จะกลับ จนกระทั่งตอนที่เธอเปิดประตูลิฟท์ออกมาแล้วเจอเข้ากับผู้ชายคนนี้ หนึ่งในลูกหลานของตระกูลทรัพย์ณรงค์กุล"เลิกงานแล้ว เพลินช่วยไปดูหนังกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนหน่อยครับ""พี่ปรานต์"เพลินตายิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนตรงหน้าคือใคร ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาฝึกงานที่นี่เรียกว่าแทบจะนับครั้งได้ที่เธอเจอเขา หนึ่งในผู้บริหารหนุ่มของ SNG ดีกรีความหล่อสูสีกับปฏิธานก็จริง แต่ปรานต์ออกจะดูเป็นผู้ชายอบอุ่นมากกว่า"ไปยังไงมายังไงคะ ถึงได้มาดักรอเพลินอยู่ที่ลิฟท์หน้าบริ
เพลินตาเดินกลับออกมาด้วยความรู้สึกที่แสนจะหลากหลาย สมองอื้ออึงและมึนตึงไปพร้อมๆ กันเมื่อคำพูดของปฏิธานเอาแต่รบกวนระบบประสาทของเธออยู่เรื่อย ปฏิธานจะให้เธอยอมไปเป็นผู้หญิงลับๆ ของเขาจนกว่าพี่สาวของเธอจะกลับมา เธอขอสัญญากับตัวเองไว้ตรงนี้เลยว่ายังไงเสียก็จะไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด ผู้ชายคนนั้นจะไม่มีทางได้ในสิ่งที่เขาอยากได้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนดีเลิศเลอ แต่เธอก็จะไม่ยอมต่ำตมจนต้องยอมทำอะไรผิดพลาดอีก"อ้าวเพลินกลับมาแล้วเหรอ เห็นคุณต้นอ้อแจ้งมาว่าให้เพลินช่วยไปถ่ายเอกสารให้ที่ข้างบนมาเพราะว่าเตรียมเอาไว้ใช้ในห้องประชุมบ่ายนี้ไม่ทัน เป็นไง เสร็จเรียบร้อยดีแล้วใช่ไหมจ๊ะ"หลังจากเดินกลับมาถึงยังชั้นที่ตัวเองทำงานอยู่เพลินตาก็เดินเข้าแผนกมาแบบเครียดๆ ในหัวตอนนี้ไหนจะมีเรื่องที่ปฏิธานพึ่งจะพูดกับเธอมา ไหนจะเป็นเรื่องที่ว่าตอนนี้พี่ๆ ในแผนกต่างมากันครบหมดแล้วอีก แล้วเธอควรต้องแก้ตัวว่าอะไร จนกระทั่งเดินเข้ามาเจอกับหัวหน้าแผนกอย่างคุณนิธิพล ที่แจ้งเหตุผลทันทีที่เห็นหน้าเธอว่าคุณต้นอ้อนั้นโทรมาบอกเหตุผลที่เรียกตัวเธอไปใช้งานเรียบร้อยแล้วเพลินตาอ้าปากแบบงงๆ คุณต้นอ้อคือใครแน่นอนว่า