พอพี่กายเห็นว่าแฟนสาวของตัวเองเดินหัวเราะควงแขนออกไปกับปฏิธาน เขาก็รีบลุกออกจากโต๊ะตามออกไปทันที ทำเอาทั้งพี่แชมป์ มินตรา รวมถึงเธอต่างก็ต้องพากันรีบวิ่งตามออกไปด้วยด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน จนกระทั่งออกมาทันเห็นว่าพี่กายพุ่งตัวเข้าไปคว้าแขนของนางแบบคนนั้นเอาไว้ จนทั้งสองคนนั้นต้องหยุดและหันกลับมามอง
"ไหนชมพูบอกเราว่าวันนี้จะไปเยี่ยมแม่ที่ต่างจังหวัดไง แล้วทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้"
นางแบบคนนั้นหน้าเสีย แต่ก็เลือกที่จะสะบัดมือพี่กายทิ้ง ส่วนปฏิธานจากที่เพลินตาเห็นเขากลับมีท่าทีเมินเฉยและดูไม่แคร์เลยสักนิดว่าตัวเองนั้นกำลังเป็นคนที่ทำให้คู่รักสองคนนี้มีปัญหากันอยู่หรือเปล่า
"ปล่อยชมพูนะกาย ทำบ้าอะไร ชมพูก็แค่มาคุยกับคุณเต็มเรื่องงาน"
"งั้นเหรอ แล้วจากนั้นยังไงต่อ หรือว่าคุยกันที่นี่ยังไม่พอจนต้องพากันกลับไปคุยต่อที่ห้อง"
ดูก็รู้ว่าพี่กายคงจะกำลังโมโหเอามากๆ จากสุภาพบุรุษแสนอบอุ่นเมื่อสักครู่ที่เธอเห็น เวลานี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนที่กำลังโมโหแบบขั้นสุดจนแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ หากแต่ว่าเพลินตากลับเข้าใจสถานการณ์ของเขาดี เป็นเธอเองก็คงจะโกรธจนแทบจะหักกระดูกใครบางคนให้แหกคามือได้เลยเหมือนกัน
"จะมากไปแล้วนะกาย บอกแล้วไงว่าระหว่างเรามันจบไปนานแล้ว ชมพูอยากทำอะไรกายก็ไม่มีสิทธิ์
ในขณะที่พี่กายกำลังพูดเคลียร์กับแฟนสาวยังไม่ทันจะรู้เรื่อง คนที่ดูท่าว่าน่าจะเกี่ยวข้องมากที่สุดก็สะบัดมือของนางแบบที่ยังคงพยายามเกาะเกี่ยวต้นแขนล่ำนั้นเอาไว้ให้หลุดออกแล้วเดินจากไปอย่างง่ายดาย ท่ามกลางความตกใจของเพลินตาว่าปฏิธานไม่คิดที่จะชี้แจงหรือแก้ตัวอะไรเลยหรือ ทำไมเขาถึงได้ใจดำนัก ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีส่วนในการทำให้คนรักทั้งสองคนนี้ทะเลาะกันแท้ๆ จากที่ว่าไม่อยากจะยุ่ง ทำไปทำมาเพลินตาก็หันกลับไปบอกมินตราว่าครั้งนี้เธอคงอดที่จะไม่ยุ่งไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อสักครู่เธอกับพี่กายก็คุยกันถือว่าถูกคอดี เธอก็เลยจำเป็นต้องรีบวิ่งตามปฏิธานมาเพราะว่าอยากจะช่วยพี่กาย
"พี่เต็มหยุดก่อนค่ะ"
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเด็ก เพลินถอยไป"
ปฏิธานไม่ได้หยุดตามคำที่เธอบอก แถมเขายังเอาแต่เดินหนีให้เธอวิ่งตามจนเหนื่อยหอบ พอเห็นว่าวิ่งตามคนขาวยาวนั่นอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว เพลินตาเลยจำเป็นต้องดึงกระชากแขนยาวๆนั่นเอาไว้ให้เขาหยุดเดิน
"หยุดว่าเพลินเป็นเด็กสักที เพลินไม่ใช่เด็ก เพลินโตแล้ว"
"อืมแล้วไง จะวิ่งตามมาบอกพี่แค่นี้เหรอ"
"ทำไมพี่เต็มถึงต้องยุ่งกับนางแบบคนนั้นด้วยคะ ไม่รู้บ้างเลยหรือไงว่าผู้หญิงคนนั้นเขามีแฟนแล้ว แล้วพี่กายเขาก็รักแฟนของเขามากด้วย พี่เต็มทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าเป็นมือที่สามทำให้คนรักเขามีปัญหากัน เพลินสงสารพี่กาย"
"ฮึ"
ปฏิธานหยุดยืนเท้าสะเอวมองคนตรงหน้าก่อนจะหัวเรายิ้มหึออกมาอย่างแกนๆ ริมฝีปากร้ายประดับไปด้วยรอยยิ้มเยาะที่บริเวณมุมปาก ขายาวก้าวเข้ามาหยุดยืนประชิดเธอจนใกล้ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปหา แล้วกระซิบถ้อยคำหลายประโยคออกมาจนเพลินตาต้องขยับถอยหนี
"เลิกยุ่งวุ่นวายกับพี่เสียทีเถอะเพลิน ขืนเพลินยังตามตอแยพี่อีกทั้งๆ ที่เราคุยกันแล้ว คราวนี้พี่จะคิดจริงๆ แล้วนะว่าที่เพลินพยายามวุ่นวายกับพี่แบบนี้ เป็นเพราะว่าเพลินอยากเอาตัวเองมาอยู่ใกล้ๆ พี่ หรือว่า..คราวที่แล้วเพลินยังไม่เข็ด ไม่ก็คงอาจจะติดใจ อยากจะให้พี่ทำแบบนั้นกับเพลินอีก ใช่ไหม"
"ไม่ใช่นะ พี่เต็มอย่าได้คิดอะไรบ้าๆ แบบนั้นโดยเด็ดขาด เพลินก็แค่สงสารพี่กายที่เขาถูกผู้ชายแบบพี่เข้าไปยุ่มย่ามกับแฟนของเขา พี่กายเขาเป็นคนดีแล้วเขาก็รักแฟนมาก ไม่เหมือนผู้ชายแบบพี่ที่เดี๋ยวก็ควงคนนั้นทีคนนี้ทีให้ต้องเสื่อมเสียมาถึงพี่พราว"
"ฮึ ไอ้กายอะไรนั่นมันท่าทางน่าจะคารมดีมากอยู่เหมือนกันนะว่าไหม รู้จักกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพลินก็ถึงกับอ้าแขนกางปีกปกป้องมัน"
ปฏิธานยังคงไม่หยุดอาการยิ้มเยาะ แถมคำพูดคำจายังคงกวนโอ๊ยกวนประสาทมากขึ้นอย่างกับรู้ทัน ส่วนเพลินตาที่พอถูกคนตรงหน้ารู้ทันก็ออกอาการอึกอักเพราะว่าเถียงไม่ออก
"พี่เต็มรู้ได้ไงว่าเพลินพึ่งรู้จักกับพี่กาย"
"พี่รู้ได้ยังไงเรื่องนั้นเพลินไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่าพี่รู้ก็แล้วกัน แต่ก็ช่างมันเถอะ นี่มันก็ดึกแล้ว ขึ้นรถเดี๋ยวพี่จะไปส่ง"
"ไม่ค่ะ เพลินเอารถมา แล้วอีกอย่างเพื่อนเพลินก็รออยู่ตรงโน้นด้วย"
"แน่ใจนะว่าเพื่อนยังรอเพลิน ลองหันกลับไปดูก่อนสิว่าตรงนั้นยังมีใครรอเพลินอยู่อีกหรือเปล่า"
และก็จริงอย่างที่ปฏิธานว่า พอเพลินตาหันกลับไปมองก็พบว่าที่ตรงนั้นกลับไม่มีใครยืนรอเธออยู่แล้ว แม้กระทั่งมินตราเพื่อนสนิทเธอก็หายตัวไปด้วย มันจะเป็นไปได้ยังไง ปกติมินตราไม่เคยเป็นคนแบบนี้ ถึงขนาดว่าทิ้งเธอไปกับผู้ชายเลยยิ่งเป็นไปไม่ได้ คงจะไม่ถึงขนาดว่าชอบพี่แชมป์มากขนาดจนยอมทิ้งเธอเลยหรอกนะ หรือว่ามันจะมีอะไรผิดพลาดขึ้นกับมินตราจนอดเป็นห่วงไม่ได้ ก่อนที่โทรศัพท์มือถือจะถูกยกขึ้นมากดโทรออกหาเบอร์เพื่อนสนิททันที แต่กลับพบว่าโทรศัพท์มือถือของมินตรานั้นถูกปิดเครื่องไปแล้ว ทำเอาคนที่รักและเป็นห่วงเพื่อนมากแบบเธอถึงกับมีอาการร้อนรนทนแทบจะทนไม่ไหว
"ทำยังไงดี ยายมิ้นปิดเครื่องไปแล้ว"
"ดูไม่ออกหรือไงว่าเพื่อนตัวเองกับผู้ชายคนนั้นเขาอยากจะไปต่อกัน ทำไมเพลินถึงได้ชอบทำตัวเป็นก้างนัก เอาแต่คอยจ้องจะขัดขวางความสุขของคนอื่นเขาอยู่เรื่อย ส่วนไอ้กายอะไรนั่น ป่านนี้ก็คงพาแฟนมันกลับไปเคลียร์กันต่อแล้วล่ะไม่ต้องห่วง ทีนี้ไม่ทราบว่าคุณหนูเพลินตาจะยอมขึ้นรถกลับบ้านได้หรือยังครับ"
ในที่สุดเพลินตาก็ถูกผู้ชายคนนี้บังคับให้ขึ้นรถมากับเขาอีกครั้งจนได้ ด้วยคำขู่ที่ว่าจะโทรไปบอกมารดาเธอว่าเจอเธอแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันนั่งดื่มอยู่ในคลับกับผู้ชาย พร้อมทั้งชูภาพถ่ายตอนที่เธอนั่งหัวเราะคุยกันกับพี่แชมป์พี่กายในคลับเมื่อตะกี้ให้ดู
บ้าจริง เพลินตาไม่รู้เลยว่าปฏิธานไปแอบถ่ายรูปเธอมาตอนไหน แต่ในภาพนั้นเห็นชัดว่าเธอกำลังยกแก้วเครื่องดื่มยิ้มร่าหน้าบานชนแก้วอยู่กับพี่กาย ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณนายเพียงรดาผู้เป็นมารดาเห็นเข้าจะต้องไม่มีทางชอบใจแน่ๆ การเป็นคุณหนูเพลินตา จะต้องทำตัวให้หรูหราราคาเเพงแบบพราวมุกผู้เป็นพี่สาวเท่านั้น จะมานั่งสังสรรค์ขี้เหล้าเมายาแบบนี้มันดูไม่ดี มารดาของเธอเคยกล่าวเอาไว้
"พี่เต็ม เปิดแอร์อีกหน่อยได้ไหมคะ"
ขณะที่พูดบอก มือไม้ก็ทำท่าพัดโพกไปมาราวกับต้องการใช้มันเป็นพัด เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นมาตามไรผมและหน้าผากโหนกจนแก้มขาวอมชมพูนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มทั้งๆ ที่ภายในรถของปฏิธานก็เปิดเครื่องปรับอากาศให้เย็นตามปกติ
"ในรถพี่มีน้ำดื่มหรือเปล่า เพลิน รู้สึกคอแห้ง"
"ไม่ได้โดนมอมยามาใช่ไหมเพลิน"
"จะบ้าหรือไงคะ ยาเยออะไรกัน"
จังหวะที่ปฏิธานล้วงมือไปหยิบขวดน้ำดื่มจากข้างประตูฝั่งเข้ามาส่งให้ แล้วตอนที่เธอเอื้อมมือไปรับ เพียงเสี้ยวสัมผัสที่มือเธอและเขาแตะโดนกัน ทำเอาเพลินตานั้นต้องรีบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด ราวกับว่ามันมีกระแสไฟสิงสถิตอยู่ที่ปลายนิ้วนั่น พอมันแตะโดนกันเข้า ก็ทำเอาเธอถึงกับใจเต้นเป็นระส่ำ
"อ๊ะ"
ช่วงเวลาตลอดทั้งบ่ายเพลินตายังคงต้องทำงานที่ที่ค้างเอาไว้อยู่ในแผนกต่อโดยการไหว้วานนิธิพลและพี่ๆ คนอื่นที่ต้องรีบไปเข้าประชุมภาคบ่าย จนกระทั่งได้เวลาเลิกงาน กระเป๋าสะพายใบโปรดก็ถูกรีบคว้าขึ้นมาบนบ่าและตัวเธอเองก็กะว่าจะรีบจ้ำอ้าวออกจากบริษัทไปก่อนที่ใครจะมาเห็นแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าโดดงาน ก็ในเมื่ออยู่จนถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอจะรีบออกเร็วหรือช้าก็เป็นสิทธิ์ของเธออยู่ดี กะว่าอยากจะรีบไปเดินผักผ่อนหย่อนกายเสียหน่อย เอาเป็นห้างขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณทางผ่านตอนจะกลับคอนโดมิเนียมนี่ก็แล้วกันสะดวกดี กะว่าแวะหาอะไรทาน เดินเลือกซื้อของ แล้วก็จะกลับ จนกระทั่งตอนที่เธอเปิดประตูลิฟท์ออกมาแล้วเจอเข้ากับผู้ชายคนนี้ หนึ่งในลูกหลานของตระกูลทรัพย์ณรงค์กุล"เลิกงานแล้ว เพลินช่วยไปดูหนังกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนหน่อยครับ""พี่ปรานต์"เพลินตายิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนตรงหน้าคือใคร ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาฝึกงานที่นี่เรียกว่าแทบจะนับครั้งได้ที่เธอเจอเขา หนึ่งในผู้บริหารหนุ่มของ SNG ดีกรีความหล่อสูสีกับปฏิธานก็จริง แต่ปรานต์ออกจะดูเป็นผู้ชายอบอุ่นมากกว่า"ไปยังไงมายังไงคะ ถึงได้มาดักรอเพลินอยู่ที่ลิฟท์หน้าบริ
เพลินตาเดินกลับออกมาด้วยความรู้สึกที่แสนจะหลากหลาย สมองอื้ออึงและมึนตึงไปพร้อมๆ กันเมื่อคำพูดของปฏิธานเอาแต่รบกวนระบบประสาทของเธออยู่เรื่อย ปฏิธานจะให้เธอยอมไปเป็นผู้หญิงลับๆ ของเขาจนกว่าพี่สาวของเธอจะกลับมา เธอขอสัญญากับตัวเองไว้ตรงนี้เลยว่ายังไงเสียก็จะไม่มีทางยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด ผู้ชายคนนั้นจะไม่มีทางได้ในสิ่งที่เขาอยากได้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนดีเลิศเลอ แต่เธอก็จะไม่ยอมต่ำตมจนต้องยอมทำอะไรผิดพลาดอีก"อ้าวเพลินกลับมาแล้วเหรอ เห็นคุณต้นอ้อแจ้งมาว่าให้เพลินช่วยไปถ่ายเอกสารให้ที่ข้างบนมาเพราะว่าเตรียมเอาไว้ใช้ในห้องประชุมบ่ายนี้ไม่ทัน เป็นไง เสร็จเรียบร้อยดีแล้วใช่ไหมจ๊ะ"หลังจากเดินกลับมาถึงยังชั้นที่ตัวเองทำงานอยู่เพลินตาก็เดินเข้าแผนกมาแบบเครียดๆ ในหัวตอนนี้ไหนจะมีเรื่องที่ปฏิธานพึ่งจะพูดกับเธอมา ไหนจะเป็นเรื่องที่ว่าตอนนี้พี่ๆ ในแผนกต่างมากันครบหมดแล้วอีก แล้วเธอควรต้องแก้ตัวว่าอะไร จนกระทั่งเดินเข้ามาเจอกับหัวหน้าแผนกอย่างคุณนิธิพล ที่แจ้งเหตุผลทันทีที่เห็นหน้าเธอว่าคุณต้นอ้อนั้นโทรมาบอกเหตุผลที่เรียกตัวเธอไปใช้งานเรียบร้อยแล้วเพลินตาอ้าปากแบบงงๆ คุณต้นอ้อคือใครแน่นอนว่า
ในที่สุดก็ถึงเช้าวันจันทร์ เพลินตายังคงต้องไปทำงานตามปกติ หลังจากที่นั่งกลั้นใจอยู่ในรถตั้งนานกว่าที่จะทำใจให้ยอมลงจากรถไปได้ เธอไม่พร้อมเจอหน้าปฏิธาน ไม่พร้อมหรืออาจจะถึงขั้นไม่อยากเจอ ยิ่งพอได้นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวันศุกร์แล้วก็ได้แต่อยากร้องไห้เมื่อความจริงที่ว่าเธอมีอะไรกับปฏิธานไปแล้วนั้นมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีกับตัวเองที่ตอนนี้เธอกลายเป็นคนทรยศหักหลังพี่สาวแต่ถ้าให้เลือก..ว่าระหว่างคนที่มาช่วยเธอคือ ปฏิธาน หรือจะให้เป็นใครคนอื่น บอกตามตรงว่ามันช่างเป็นคำตอบที่ยากแสนยาก เพลินตาไม่อยากให้เป็นคนอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธออยากให้มันป็น เขา ผู้ที่ได้ชื่อว่ากำลังจะมีสถานะมาเป็นว่าที่สามีของพี่สาวตัวเองในอนาคต"สวัสดีตอนเช้าครับน้องเพลิน"ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสีหน้าที่ดูเครียดอยู่ก็เปลี่ยนไปในทางแปลกใจเมื่อเห็นว่าใครคือคนที่ยืนตรงหน้าคือกันตธีร์ ผู้ชายที่เธอพึ่งเจอที่ผับเมื่อคืนวันนั้น หลังจากที่เกิดเรื่องไปเธอก็ไม่ได้ติดต่อเขาอีก ส่วนมินตราพอโทรไปหาก็ดูเงียบไปแปลกๆ ก็เลยยังไม่กล้าถามหรือแม้แต่เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ฟัง เช้านี้กันตธีร์
หลายชั่วโมงผ่านไป แต่ก็ดูเหมือนว่าฤทธิ์ยาน่าจะยังคงไม่ยอมจางหายไปได้ง่ายๆ ในขณะที่ล้มตัวนอนลงไปข้างๆ กันด้วยความเหนื่อยหอบ ปฏิธานก็ดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้แล้วเริ่มบีบคลึงที่สองเต้าอวบอีก ช่วงจังหวะนี้เพลินตาเริ่มจะรับรู้ได้แล้วว่า สิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นมาระหว่างเธอและปฏิธานนั้นคืออะไร หากแต่ความต้องการภายในที่ยากต่อการควบคุมนั้นกลับทำให้เธอยังคงเรียกร้องให้เขาทำมันอีกซ้ำๆ"ดูดนมให้เพลินอีกสิพี่เต็ม""ดูดแค่นมมันจะไปพออะไร เพลินอ้าขาสิ พี่อยากลงไปเลียข้างล่าง"ค่ำคืนนี้คุณหนูเพลินตาจอมเซี้ยวช่างว่าง่ายนัก ไม่ว่าปฏิธานจะเอ่ยปสกบอกให้ทำอะไรเธอก็คล้อยตามเขาไปเสียหมด ทันทีที่ลิ้นร้อนๆของปฏิธานจ่อเลียเข้ามา สองเรียวขาก็รีบกระหวัดเอี่ยวขึ้นไปบนบ่า ก่อนจะแอ่นเด้งกายสาวเข้าหาให้เข้าได้กินใกล้ๆ"อ๊า พี่เต็มขา เพลินรู้สึกดีจังเลย""อื้มเพลิน พี่ชอบมัน"ปฏิธานยกสองเรียวขาพาดบ่าให้แน่น ก่อนจะขยี้ปลายลิ้นบี้ลงไปกับเม็ดเสียว เพลินตาดิ้นเร่า พยายามแอ่นเนินเนื้ออวบของเธอเข้าหาใบหน้าเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บทรักที่แสนเร่าร้อนของปฏิธานนั้นแสนร้อนแรง แถมยังช่วยเปิดประสบการณ์เรื่องรักๆใคร่ๆให้กับเธอได
หลังจากถูกจับลอกคราบออกเสียจนสิ้น เรือนร่างที่แสนงดงามสมส่วนของเพลินตาก็นอนบิดเร่าอยู่บนเตียงใหญ่ ใบหน้างดงามเหยแกเพราะผลจากฤทธิ์ของยาจนไม่สามารถต้านทานต่อความต้องการที่เกิดขึ้นภายในกายได้ จึงได้เอื้อมมือเล็กของตัวเองบี้คลึงลงไปที่ใจกลางเกสรของดอกไม้งาม ก่อนจะแยกเรียวขาออกอย่างไม่นึกอาย"อ๊า พี่เต็มขาได้โปรดช่วยเพลินด้วย อื้อ เพลินทรมานเหลือเกิน"ปฏิธานจ้องมองภาพนั้นก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ภาพของเพลินตาที่นอนแหวกอ้าขาออก แล้วใช้มือตัวเองบีบขยี้บี้คลึงปุ่มเกสรกลางกาย ทำเอาต่อมความยับยั้งช่างใจของเขายิ่งตะเลิด ทั้งๆที่ใจจริงไม่เคยได้คิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะกล้าถึงขั้นเลยเถิดลามปามเด็กผู้หญิงตัวน้อย หากแต่เป็นตอนนี้ ปฏิธานตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องช่วยเธอ หากว่าไม่ มีหวังเพลินตาคงต้องช็อกตายเพราะความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนองเป็นแน่ราวกับสุนัขจิ้งจอกเตรียมพร้อมที่จะกลืนกินลูกแกะตัวน้อย ปฏิธานจ้องมองเรือนร่างงดงามที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงเขาด้วยความหื่นกระหาย สายตากวาดไล่มองสำรวจตั้งแต่ใบหน้าสวยลากเลื้อยลงมาจนไปหยุดที่กึ่งกลางกาย เพลินตางดงามไปเสียทุกส่วน จนเขาไม่สามารถที่จะทนย
เพลินตาไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่กับเธอนั้นคืออะไร ความรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัวจนคอแห้งปากแห้งและยังใจสั่น อาการเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวแล้วเปลี่ยนเป็นการคลั่นเนื้อคลั่นตัวแทน มือไม้สั่นระริกระคนจนแทบจะไม่สามารถควบคุมได้ หากแต่เวลาที่สัมผัสโดนผิวกายของปฏิธานแม้เพียงเล็กน้อย กลับทำให้เธอนั้นอยากทำเรื่องบ้าๆ ด้วยการกระโจนเข้าหาและดึงเขาเข้ามากอดจูบเสียอย่างนั้น "พี่เต็ม เพลินเป็นอะไรก็ไม่รู้"เพลินตาตัดสินใจหันไปพูดบอกกับปฏิธานตามตรง หากแต่จุดโฟกัสสายตากลับกลายเป็นเป็นสันจมูกโด่งและริมฝีปากของเขาที่เธอเคยได้สัมผัส จากนั้นดูเหมือนว่ามันจะยังคงไม่พอ เพลินตายังคงแอบละสายตาจากริมฝีปากของคนข้างๆ ไต่ไล่ลงมายังลูกกระเดือก ช่วงจังหวะที่มันขยับกลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายในใจจนตามร่างกายยิ่งร้อนวูบวาบ"เป็นอะไรเพลิน""มัน มันรู้สึกร้อนๆ แปลกๆ"ปฏิธานหันกลับมามองเธอเพียงแค่แวบหนึ่ง สภาพของเพลินตาที่เห็นในตอนนี้ก็คืออีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่สุดแสนจะหวานเชื่อม มือไม้ก็อยู่ไม่สุก ไล่เเกะปัดป่ายไปตามเนื้อตัวตัวเอง มองจากสภาพของเพลินตา ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะรู้อยู่หรอก