พอพี่กายเห็นว่าแฟนสาวของตัวเองเดินหัวเราะควงแขนออกไปกับปฏิธาน เขาก็รีบลุกออกจากโต๊ะตามออกไปทันที ทำเอาทั้งพี่แชมป์ มินตรา รวมถึงเธอต่างก็ต้องพากันรีบวิ่งตามออกไปด้วยด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน จนกระทั่งออกมาทันเห็นว่าพี่กายพุ่งตัวเข้าไปคว้าแขนของนางแบบคนนั้นเอาไว้ จนทั้งสองคนนั้นต้องหยุดและหันกลับมามอง
"ไหนชมพูบอกเราว่าวันนี้จะไปเยี่ยมแม่ที่ต่างจังหวัดไง แล้วทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้"
นางแบบคนนั้นหน้าเสีย แต่ก็เลือกที่จะสะบัดมือพี่กายทิ้ง ส่วนปฏิธานจากที่เพลินตาเห็นเขากลับมีท่าทีเมินเฉยและดูไม่แคร์เลยสักนิดว่าตัวเองนั้นกำลังเป็นคนที่ทำให้คู่รักสองคนนี้มีปัญหากันอยู่หรือเปล่า
"ปล่อยชมพูนะกาย ทำบ้าอะไร ชมพูก็แค่มาคุยกับคุณเต็มเรื่องงาน"
"งั้นเหรอ แล้วจากนั้นยังไงต่อ หรือว่าคุยกันที่นี่ยังไม่พอจนต้องพากันกลับไปคุยต่อที่ห้อง"
ดูก็รู้ว่าพี่กายคงจะกำลังโมโหเอามากๆ จากสุภาพบุรุษแสนอบอุ่นเมื่อสักครู่ที่เธอเห็น เวลานี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนที่กำลังโมโหแบบขั้นสุดจนแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ หากแต่ว่าเพลินตากลับเข้าใจสถานการณ์ของเขาดี เป็นเธอเองก็คงจะโกรธจนแทบจะหักกระดูกใครบางคนให้แหกคามือได้เลยเหมือนกัน
"จะมากไปแล้วนะกาย บอกแล้วไงว่าระหว่างเรามันจบไปนานแล้ว ชมพูอยากทำอะไรกายก็ไม่มีสิทธิ์
ในขณะที่พี่กายกำลังพูดเคลียร์กับแฟนสาวยังไม่ทันจะรู้เรื่อง คนที่ดูท่าว่าน่าจะเกี่ยวข้องมากที่สุดก็สะบัดมือของนางแบบที่ยังคงพยายามเกาะเกี่ยวต้นแขนล่ำนั้นเอาไว้ให้หลุดออกแล้วเดินจากไปอย่างง่ายดาย ท่ามกลางความตกใจของเพลินตาว่าปฏิธานไม่คิดที่จะชี้แจงหรือแก้ตัวอะไรเลยหรือ ทำไมเขาถึงได้ใจดำนัก ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีส่วนในการทำให้คนรักทั้งสองคนนี้ทะเลาะกันแท้ๆ จากที่ว่าไม่อยากจะยุ่ง ทำไปทำมาเพลินตาก็หันกลับไปบอกมินตราว่าครั้งนี้เธอคงอดที่จะไม่ยุ่งไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อสักครู่เธอกับพี่กายก็คุยกันถือว่าถูกคอดี เธอก็เลยจำเป็นต้องรีบวิ่งตามปฏิธานมาเพราะว่าอยากจะช่วยพี่กาย
"พี่เต็มหยุดก่อนค่ะ"
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเด็ก เพลินถอยไป"
ปฏิธานไม่ได้หยุดตามคำที่เธอบอก แถมเขายังเอาแต่เดินหนีให้เธอวิ่งตามจนเหนื่อยหอบ พอเห็นว่าวิ่งตามคนขาวยาวนั่นอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว เพลินตาเลยจำเป็นต้องดึงกระชากแขนยาวๆนั่นเอาไว้ให้เขาหยุดเดิน
"หยุดว่าเพลินเป็นเด็กสักที เพลินไม่ใช่เด็ก เพลินโตแล้ว"
"อืมแล้วไง จะวิ่งตามมาบอกพี่แค่นี้เหรอ"
"ทำไมพี่เต็มถึงต้องยุ่งกับนางแบบคนนั้นด้วยคะ ไม่รู้บ้างเลยหรือไงว่าผู้หญิงคนนั้นเขามีแฟนแล้ว แล้วพี่กายเขาก็รักแฟนของเขามากด้วย พี่เต็มทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าเป็นมือที่สามทำให้คนรักเขามีปัญหากัน เพลินสงสารพี่กาย"
"ฮึ"
ปฏิธานหยุดยืนเท้าสะเอวมองคนตรงหน้าก่อนจะหัวเรายิ้มหึออกมาอย่างแกนๆ ริมฝีปากร้ายประดับไปด้วยรอยยิ้มเยาะที่บริเวณมุมปาก ขายาวก้าวเข้ามาหยุดยืนประชิดเธอจนใกล้ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปหา แล้วกระซิบถ้อยคำหลายประโยคออกมาจนเพลินตาต้องขยับถอยหนี
"เลิกยุ่งวุ่นวายกับพี่เสียทีเถอะเพลิน ขืนเพลินยังตามตอแยพี่อีกทั้งๆ ที่เราคุยกันแล้ว คราวนี้พี่จะคิดจริงๆ แล้วนะว่าที่เพลินพยายามวุ่นวายกับพี่แบบนี้ เป็นเพราะว่าเพลินอยากเอาตัวเองมาอยู่ใกล้ๆ พี่ หรือว่า..คราวที่แล้วเพลินยังไม่เข็ด ไม่ก็คงอาจจะติดใจ อยากจะให้พี่ทำแบบนั้นกับเพลินอีก ใช่ไหม"
"ไม่ใช่นะ พี่เต็มอย่าได้คิดอะไรบ้าๆ แบบนั้นโดยเด็ดขาด เพลินก็แค่สงสารพี่กายที่เขาถูกผู้ชายแบบพี่เข้าไปยุ่มย่ามกับแฟนของเขา พี่กายเขาเป็นคนดีแล้วเขาก็รักแฟนมาก ไม่เหมือนผู้ชายแบบพี่ที่เดี๋ยวก็ควงคนนั้นทีคนนี้ทีให้ต้องเสื่อมเสียมาถึงพี่พราว"
"ฮึ ไอ้กายอะไรนั่นมันท่าทางน่าจะคารมดีมากอยู่เหมือนกันนะว่าไหม รู้จักกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพลินก็ถึงกับอ้าแขนกางปีกปกป้องมัน"
ปฏิธานยังคงไม่หยุดอาการยิ้มเยาะ แถมคำพูดคำจายังคงกวนโอ๊ยกวนประสาทมากขึ้นอย่างกับรู้ทัน ส่วนเพลินตาที่พอถูกคนตรงหน้ารู้ทันก็ออกอาการอึกอักเพราะว่าเถียงไม่ออก
"พี่เต็มรู้ได้ไงว่าเพลินพึ่งรู้จักกับพี่กาย"
"พี่รู้ได้ยังไงเรื่องนั้นเพลินไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่าพี่รู้ก็แล้วกัน แต่ก็ช่างมันเถอะ นี่มันก็ดึกแล้ว ขึ้นรถเดี๋ยวพี่จะไปส่ง"
"ไม่ค่ะ เพลินเอารถมา แล้วอีกอย่างเพื่อนเพลินก็รออยู่ตรงโน้นด้วย"
"แน่ใจนะว่าเพื่อนยังรอเพลิน ลองหันกลับไปดูก่อนสิว่าตรงนั้นยังมีใครรอเพลินอยู่อีกหรือเปล่า"
และก็จริงอย่างที่ปฏิธานว่า พอเพลินตาหันกลับไปมองก็พบว่าที่ตรงนั้นกลับไม่มีใครยืนรอเธออยู่แล้ว แม้กระทั่งมินตราเพื่อนสนิทเธอก็หายตัวไปด้วย มันจะเป็นไปได้ยังไง ปกติมินตราไม่เคยเป็นคนแบบนี้ ถึงขนาดว่าทิ้งเธอไปกับผู้ชายเลยยิ่งเป็นไปไม่ได้ คงจะไม่ถึงขนาดว่าชอบพี่แชมป์มากขนาดจนยอมทิ้งเธอเลยหรอกนะ หรือว่ามันจะมีอะไรผิดพลาดขึ้นกับมินตราจนอดเป็นห่วงไม่ได้ ก่อนที่โทรศัพท์มือถือจะถูกยกขึ้นมากดโทรออกหาเบอร์เพื่อนสนิททันที แต่กลับพบว่าโทรศัพท์มือถือของมินตรานั้นถูกปิดเครื่องไปแล้ว ทำเอาคนที่รักและเป็นห่วงเพื่อนมากแบบเธอถึงกับมีอาการร้อนรนทนแทบจะทนไม่ไหว
"ทำยังไงดี ยายมิ้นปิดเครื่องไปแล้ว"
"ดูไม่ออกหรือไงว่าเพื่อนตัวเองกับผู้ชายคนนั้นเขาอยากจะไปต่อกัน ทำไมเพลินถึงได้ชอบทำตัวเป็นก้างนัก เอาแต่คอยจ้องจะขัดขวางความสุขของคนอื่นเขาอยู่เรื่อย ส่วนไอ้กายอะไรนั่น ป่านนี้ก็คงพาแฟนมันกลับไปเคลียร์กันต่อแล้วล่ะไม่ต้องห่วง ทีนี้ไม่ทราบว่าคุณหนูเพลินตาจะยอมขึ้นรถกลับบ้านได้หรือยังครับ"
ในที่สุดเพลินตาก็ถูกผู้ชายคนนี้บังคับให้ขึ้นรถมากับเขาอีกครั้งจนได้ ด้วยคำขู่ที่ว่าจะโทรไปบอกมารดาเธอว่าเจอเธอแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันนั่งดื่มอยู่ในคลับกับผู้ชาย พร้อมทั้งชูภาพถ่ายตอนที่เธอนั่งหัวเราะคุยกันกับพี่แชมป์พี่กายในคลับเมื่อตะกี้ให้ดู
บ้าจริง เพลินตาไม่รู้เลยว่าปฏิธานไปแอบถ่ายรูปเธอมาตอนไหน แต่ในภาพนั้นเห็นชัดว่าเธอกำลังยกแก้วเครื่องดื่มยิ้มร่าหน้าบานชนแก้วอยู่กับพี่กาย ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณนายเพียงรดาผู้เป็นมารดาเห็นเข้าจะต้องไม่มีทางชอบใจแน่ๆ การเป็นคุณหนูเพลินตา จะต้องทำตัวให้หรูหราราคาเเพงแบบพราวมุกผู้เป็นพี่สาวเท่านั้น จะมานั่งสังสรรค์ขี้เหล้าเมายาแบบนี้มันดูไม่ดี มารดาของเธอเคยกล่าวเอาไว้
"พี่เต็ม เปิดแอร์อีกหน่อยได้ไหมคะ"
ขณะที่พูดบอก มือไม้ก็ทำท่าพัดโพกไปมาราวกับต้องการใช้มันเป็นพัด เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นมาตามไรผมและหน้าผากโหนกจนแก้มขาวอมชมพูนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มทั้งๆ ที่ภายในรถของปฏิธานก็เปิดเครื่องปรับอากาศให้เย็นตามปกติ
"ในรถพี่มีน้ำดื่มหรือเปล่า เพลิน รู้สึกคอแห้ง"
"ไม่ได้โดนมอมยามาใช่ไหมเพลิน"
"จะบ้าหรือไงคะ ยาเยออะไรกัน"
จังหวะที่ปฏิธานล้วงมือไปหยิบขวดน้ำดื่มจากข้างประตูฝั่งเข้ามาส่งให้ แล้วตอนที่เธอเอื้อมมือไปรับ เพียงเสี้ยวสัมผัสที่มือเธอและเขาแตะโดนกัน ทำเอาเพลินตานั้นต้องรีบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด ราวกับว่ามันมีกระแสไฟสิงสถิตอยู่ที่ปลายนิ้วนั่น พอมันแตะโดนกันเข้า ก็ทำเอาเธอถึงกับใจเต้นเป็นระส่ำ
"อ๊ะ"
หนึ่งเดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก พิธีหมั้นหมายพร้อมพิธีแต่งงานที่แสนยิ่งใหญ่ของระหว่างสองตระกูลก็ถูกจัดเนรมิตขึ้นมาได้โดยทันตา สื่อทุกช่องต่างพากันประโคมข่าวเมื่อทายาทลูกสาวคนเล็กของเจ้าของสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับประธานหนุ่มสุดหล่อแห่ง SNG คนที่ใครๆต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากจะเห็นหน้าว่าที่เจ้าสาวของเขาที่สุดนั้นได้ถูกจัดขึ้นมาอย่างใหญ่โตสมเกียรติ ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าอำนาจเงินตราที่สามารถเนรมิตทุกสิ่งอย่างได้โดยทันใจ ในวันนี้ที่บนเวทีก็เลยมีทั้งหนุ่มหล่อและสาวสวยนั่งลงเคียงข้างกันเพื่อรอรับน้ำสังข์จากแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม เพลินตาไม่คิดเลยว่าเธอเองจะมีวันนี้กับผู้ชายคนนี้ พอลองได้นึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆที่ทำให้เธอกับเขาได้ลงเอยกันก็ได้แต่แอบนึกยิ้มขึ้นมาคนเดียวในใจ ภาพเหตุการณ์ที่เธอชอบแอบคอยตามสอดส่องว่าแต่ละคืนแต่ละวันนั้นปฏิธานไปอยู่ที่ไหน วันนี้เขาจะไปควงกับใครแล้วเธอก็จะไปตามขัดขวางนั้นย้อนคืนกลับมา ราวกับว่าสิ่งที่เธอทำลงไปทั้งหมดนั้นคือการทำไปเพื่อตัวเอง ที่คอยตามหึงตามหวง หรือจริงๆแล้วมันคือข้ออ้างในการอยากออกไปเจอเ
เพลินตาหันกลับไปมองที่หน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ พอทันทีที่บานประตูถูกผลักเข้ามา ก็เห็นว่าสีหน้าบิดานั้นมีอาการเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่รู้หรอกว่าบิดาและปฏิธานออกไปพูดคุยอะไรกัน ตอนกลับเข้ามาบิดาถึงได้มีสีหน้าดูเครียดขนาดนี้"ทำไมคุณพ่อทำหน้าดูเครียดจังคะ"เพลินตาถามเพียงสั้นๆ ทั้งที่ภายในใจอยากจะจับบิดามานั่งฟอกขาวเอาให้ละเอียดว่าออกไปคุยอะไรกับปฏิธานมา ใช่เรื่องของเธอหรือเปล่า แต่ดูสีหน้าของปฏิธานกลับไม่ได้มีความกังวลเลยแม้แต่น้อย หากแต่ป็นบิดาของเธอเองเสียมากกว่าที่ดูเครียดๆ"แกแต่งงานแล้วเหรอยายพราว"ทำเอาทุกคนได้แต่อึ้งๆๆ นี่บิดาเธอพูดเรื่องอะไร แล้วทำไมถึงได้ถามพราวมุกไปแบบนั้น พราวมุกจะไปแต่งงานได้อย่างไรกัน ก็ในเมื่องานพิธีหมั้นกว่าจะจัดก็ต้องเป็นเดือนหน้า"ทำไมคุณพ่อถึงถามพี่พราวแบบนั้นล่ะคะ งานหมั้นกว่าจะจัดก็ต้องเดือนหน้าแน่ะ แล้วพี่พราวจะไปแต่งงานแล้วได้ยังไงกัน" เพลินตาออกแรงเถียงแทนพี่สาวเบาๆเพราะภายในใจมันเจ็บเกินกว่าที่จะมีแรงพูดเสียงดังๆ"ค่ะคุณพ่อ พราวแต่งงานแล้วที่อเมริกา ส่วนสามีพราวชื่อเฮนรี่ เขาจะรีบตามพราวมาหาคุณพ่อกับคุณแม่ที่นี่หลังจากที่เสร็จงานแล้ว""ยะ
เป็นอันว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็พากันมาอยู่ที่โรงพยาบาลกันหมด มีเพียงคุณปู่ประวิทย์ที่อายุท่านมากแล้ว ลูกๆหลานๆจึงขอให้ท่านกลับบ้านไปก่อน ไม่ต้องรอเยี่ยมอาการคุณเพียงรดาเพลินตามาถึงพร้อมกับปฏิธาน ตอนนี้เธอไม่ได้กังวลว่าทุกคนจะสงสัยอะไรในความสัมพันธ์ แต่ตอนที่เธอไปถึงมารดาก็อาการดีขึ้นแล้ว คุณหมอให้ยาปฏิชีวนะให้น้ำเกลือและให้รอดูอาการหนึ่งคืนถึงจะให้กลับบ้านได้"คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะพี่พราว""ดีขึ้นแล้ว แต่ว่าพึ่งจะหลับไปเมื่อกี้นี่เอง คุณพ่อคุณแม่ของพี่เต็มกับพี่ปรานต์ก็พึ่งพากันกลับไปนะคะ ถ้าเพลินกับพี่เต็มจะพากันกลับไปทำงานต่อก็ได้ เดี๋ยวทางนี้พี่อยู่ดูแลคุณแม่เอง"เพลินตามองหน้าปฏิธานหากแต่ว่าเขาก็ยังไม่ได้ว่าอะไร เขาบอกว่าเธอจะอยู่ดูแลมารดาต่อก็ได้แล้วเดี๋ยวเอาไว้เขาจะแวะมารับตอนที่เสร็จงานแล้ว ระหว่างที่คิดว่าเธอจะเอายังไงต่อ อยู่ๆบิดาก็เอ่ยความต้องการบางอย่างขึ้นมา"ถ้าคุณเต็มยังไม่ได้รีบมาก ผมอยากมีเรื่องจะขอคุยกับคุณหน่อยได้ไหมครับ"แล้วทั้งสองคนก็พากันเดินออกไปคุยกันข้างนอก เพลินตาเห็นสีหน้าบิดาแล้วทำไมมันถึงได้นึกหวั่นๆขึ้นมาในใจอย่างไรไม่รู้ บิดามีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกับปฏิธา
เมื่อคืนทั้งคืนเพลินตาไม่ได้ถูกรับอนุญาตให้กลับมานอนที่ห้องพักของตัวเองเลย เธอถูกปฏิธานบังคับให้นอนอยู่ที่นั่นกับเขาจนถึงเช้า โดยที่เขาเฝ้ากอดก่ายเธอเอาไว้อยู่ทั้งคืน ปริ่มสุข ลุ่มหลง และมัวเมาอยู่ภายในความรู้สึกปลอมๆที่แอบสร้างขึ้น จนมันเริ่มที่จะถลำลึก"ตื่นแล้วเหรอครับเบบี๋""ค่ะ"ปฏิธานดึงเธอเข้าไปกอดกระชับเอาไว้จนแน่น เขาบอกว่าชอบความรู้สึกแบบนี้ที่ได้ตื่นขึ้นมาเจอเธอในตอนเช้า ไม่ใช่แค่เพียงเขา..แต่มันรวมไปถึงเธอด้วย เพลินตารีบกอดตอบกลับปฏิธานไปในทันที ในเมื่อพูดดีก็แล้ว ขอร้องก็แล้ว หากแต่ปฏิธานก็ยังคงทำเป็นนิ่งเฉย หรือนี่มันจะคือสัญชาตญาณของคนที่เป็นนักล่า พอเธอยิ่งอยากหนีห่าง เขาก็ยิ่งอยากวิ่งตามแล้วถ้าหากว่าในตอนนี้เธอไม่ได้อยากที่จะวิ่งหนีแล้วล่ะ ปฏิธานจะทำยังไง ในเมื่อเขาอยากไม่ยอมปล่อยเธอไปดีนัก ถ้าอย่างงั้นเธอก็จะขอไม่ยอมปล่อยเขาไปดูบ้าง ลองดูสิคว่าถ้าเธอกลับไปเป็นคุณหนูเพลินตาตัวแสบ คนที่เอาแต่คอยตามตื้อตามรังควานเขา ปฏิธานจะยังคงอยากที่จะมีเธออยู่ข้างเขาอีกหรือเปล่า"พี่ชอบจังเวลาที่เพลินนอนอยู่ให้กอดจนถึงเช้าแบบนี้""เหรอคะ เพลินก็ชอบค่ะเวลาที่มีพี่เต็มอยู่ใกล้ๆ อยากต
สองชั่วโมงผ่านไป ปฏิธานขออนุญาตคุณปู่และทุกคนพาตัวเพลินตาที่อยู่ในฐานะพนักงานบริษัทคนหนึ่งออกมาจากสถานที่ตรงนั้น โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องกลับไปร่วมโต๊ะพูดคุยอะไรอีกหน่อยกับเหล่าบรรดาทีมงาน ไม่อยากให้พนักงานคิดว่าถูกทิ้งๆขว้างๆ แล้วเสร็จแล้วพรุ่งนี้ถึงจะได้มีเวลาได้อยู่พักผ่อนกับทุกคนในครอบครัว ทั้งคุณปู่ประวิทย์ บิดามารดาฝั่งของเขา รวมถึงทั้งฝั่งของตัวเธอเองด้วยต่างก็บอกว่าเข้าใจ ตอนนี้เพลินตาก็เลยได้แต่จำใจเดินตามเขาออกมาจากห้องรับประธานอาหารของที่นั่นระหว่างทางแม้ว่าจะเป็นคืนเดือนหงาย แต่ทางที่เดินเชื่อมเข้าหากันสองหาดก็ค่อนข้างมืด พอเดินออกมาได้เพียงแค่นิดเดียว ปฏิธานก็ตามเข้ามาฉุดข้อมือเธอเข้าไปจับเอาไว้ แน่นอนว่าเพลินตารีบสะบัดมันออกทันที"เลิกทำแบบนี้สักทีได้ไหมคะพี่เต็ม"เพลินตาหน้าเครียดในขณะที่เงยหน้าขึ้นมองคนตัวสูง ทั้งน้ำเสียง แววตา และท่าทางนั้นออกไปในทางเดียวกันหมด เพื่ออยากให้เขารู้ว่าเธอกำลังโกรธแล้วจริงๆ"ทางมันมืด พี่ก็แค่กลัวว่าเพลินจะเดินสะดุดอะไรล้ม"จะว่าปลาบปลื้มมันก็รู้สึกได้ไม่เต็มที่ อารมณ์ที่มีตอนนี้มันช่างผสมผเสปนเปกันไปหมดจนก่อเกิดเป็นความโมโห ปฏิธานจะรู้บ้า
หลังจากที่ทั้งบิดามารดาและพี่สาวต่างก็ขอตัวกลับไปยังที่พักของตัวเองเพื่อให้ทั้งปฏิธานและเพลินตาได้ทำงานต่อ แล้วเอาไว้ค่อยมานัดเจอกันอีกทีในตอนเย็นๆพร้อมครอบครัวปฏิธาน ภายในหัวของเพลินตาก็ไม่สามารถหาคำว่าสมาธิในการทำงานเจอได้อีก เธอจดผิดๆถูกๆ บางทีบางเรื่องก็มักจะแวบเข้ามาภายในหัวทั้งที่พยายามเรียกสติตัวเองแล้ว จนมันคงจะเป็นที่น่าสังเกตของคนข้างๆเข้า"เป็นอะไรหรือเปล่า พี่เห็นเพลินดูใจลอยไม่มีสมาธิในการทำงานมาตั้งนานแล้ว""เออะคือว่า เพลินขอโทษค่ะ""เหลือถ่ายอีกแค่เซ็ตเดียวก็เสร็จแล้ว อดทนเอาหน่อยแล้วกัน"เพลินตาพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะพยายามเรียกสติกลับมาให้มากขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จสิ้น ปฏิธานบอกให้พนักงานมาทานมื้อเย็นด้วยกันอีกครั้งในตอนหนึ่งทุ่ม หากแต่ว่าตอนห้าโมง เขาคงจะต้องพาตัวเองไปหาคุณปู่และครอบครัวที่ต่างก็พากันยกโขยงตามมาก่อน แล้วกะว่าจะค่อยตามมาหาพนักงานจากนั้นเพลินตาก็เดินกลับมาถึงห้องพักตัวเองด้วยอาการเหม่อลอย นี่เธอกำลังเป็นอะไรไป จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวยังไม่พอ ร่างกายก็ยังทำราวกับว่าเรี่ยวแรงที่จะพาตัวเองให้เดินกลับมาจนถึงห้องพักก็ยังจะไม่มีอีก จากตอนแรก