แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
เฟิ่งจิ่วเหยียนดูไม่เหมือนพระมเหสีที่ถูกพระสวามีทอดทิ้งอย่างเย็นชาแม้แต่น้อย นางสวมชุดอย่างฮองเฮา แลดูสูงศักดิ์ดั่งพญาหงส์ที่เดินดิน

นัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่ง ม่านตาสีอ่อนเผยให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ที่มิอาจเอื้อมราวกับหยก

ผิวพรรณของนางหาได้ซีดขาวอมโรคเหมือนดังที่สตรีในเมืองหลวงนิยมกันไม่ แต่เป็นผิวที่อิ่มเอิบและเปล่งปลั่งดังกลีบกุหลาบ

รูปลักษณ์งดงามแฝงด้วยความสูงศักดิ์น่าเกรงขาม งามล้ำดั่งเทพธิดาในวังจันทรา

เหล่าผู้คนในวังหลังล้วนคุ้นเคยกับการเห็นสนมนางในที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับหรงเฟยดี พอวันนี้ได้พบกับความงามพิลาสล้ำของฮองเฮาก็ตาลุกวาวราวกับจะเปล่งแสงได้

ไม่เสียทีที่เป็นหญิงงามผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในเมืองหลวง รูปโฉมงดงามล่มเมืองเช่นนี้ หาใช่ปุถุชนคนธรรมดาจะเทียบเคียงได้

ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าสู่ยุทธภพเพียงลำพัง นางก็ใช้ชีวิตแปลงโฉมหน้ามาโดยตลอด

สำหรับนางแล้วหน้าตาที่งดงามคือภาระ โดยเฉพาะในค่ายทหาร

อาจารย์หญิงมักบอกว่าใบหน้างามนี้ของนางช่างเสียเปล่ายิ่งนัก วัน ๆ ล้วนแต่ถูกนางใช้อย่างส่งเดช

เหลียนซวงที่เดินติดตามอยู่ด้านหลังฮองเฮาก็พลันรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วย

เมื่อเดินจนถึงเบื้องหน้าไทเฮา เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ย่อกายคำนับตามธรรมเนียม

“หม่อมฉันขอคารวะเสด็จแม่เพคะ”

ไทเฮาประทับอยู่บนพระที่นั่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเมตตา

“ฮองเฮาไม่ต้องมากพิธีไป นั่งเถิด”

จากนั้นไทเฮาก็ตรัสถึงฮ่องเต้ และออกปากปลอบนาง

“ฝ่าบาททรงยุ่งอยู่กับราชกิจ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะละเลยบางเรื่องไปบ้าง”

“ฮองเฮา เจ้าอย่าได้คิดมากไปเลย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ “เพคะ”

เมื่อสนทนากับนางได้ครู่หนึ่ง ไทเฮาทรงพบว่าฮองเฮาองค์นี้ทำสีหน้าไร้อารมณ์ตลอดเวลา ราวกับว่าใบหน้านี้ถูกแช่แข็งเอาไว้ ยิ้มแย้มไม่เป็นแต่กำเนิดอย่างไรอย่างนั้น

ก่อนหน้านี้ยามพบนางที่งานฉลองพระชนมพรรษา ออกจะรู้จักทำตัวให้คนชื่นชอบไม่ใช่หรือ?

เฟิ่งจิ่วเหยียนนางเป็นคนที่ไม่ค่อยยิ้มจริง ๆ

ยามเยาว์วัยอาจารย์หญิงมักจะหยอกเย้าให้นางหัวเราะ แต่นางกลับรู้สึกว่าน่าเบื่อ

ต่อมาเมื่ออยู่ในค่ายทหารนางมีฐานะเป็นแม่ทัพน้อยจึงต้องสร้างความน่าเกรงขาม อีกทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนมาเข้าใกล้จนค้นพบว่านางเป็นสตรี ด้วยเหตุนี้นางจึงติดนิสัยทำหน้านิ่ง หาไม่แล้วคงไม่อาจออกคำสั่งควบคุมกองทัพได้

“ฮองเฮา มีเรื่องใดรบกวนใจเจ้าหรือ?” ไทเฮาทรงตรัสถามโดยตรง

เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้ามองไทเฮา ตอบอย่างราบเรียบว่า

“ไม่มีเพคะ”

หลังจากนั้นก็ไม่พูดคำใดต่ออีกเลย

ไทเฮาริมฝีปากกระตุก

ไร้อารมณ์เช่นนี้ มิน่าเล่าฝ่าบาทถึงไม่โปรด แม้ไทเฮาอย่างนางเองก็หมดแรงจะสนใจเช่นกัน

ถึงอย่างไรเสียเหล่าสนมนางในที่พบเจออยู่ทุกวันคืน แต่ละคนล้วนยิ้มหวานราวน้ำผึ้ง ช่างจำนรรจายิ่ง

เหมือนฮองเฮาองค์นี้เสียที่ไหน ถามคำตอบคำ หาไม่ก็เงียบเป็นเป่าสาก

“ดอกไม้ในอุทยานหลวงออกดอกไม่น้อยเลย ฮองเฮา เจ้าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าเถิด”

“เพคะ”

ไทเฮาทรงเข้าใจว่าหากออกมาด้านนอกแล้ว ฮองเฮาคงจะพูดมากขึ้นซักหน่อย

นึกไม่ถึงเลยว่ายังคงเงียบเป็นเป่าสากเช่นเดิม

ช่างไร้หนทางเยียวยาราวกับโคลนที่แปะบนผนังไม่อยู่อย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเดินไปเดินมาเดินจนแทบจะทะลุออกจากอุทยานหลวงไปยังสนามม้าหลวงที่อยู่ติดกันอยู่แล้ว ไทเฮาก็ทรงถอดใจ อ้างว่าจะกลับตำหนักฉือหนิง

แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีม้าตัวหนึ่งพลันวิ่งห้อตะบึงออกมาจากที่ใดไม่ทราบ พุ่งทะยานเข้ามาทางพวกนางอย่างคลุ้มคลั่ง

เหล่าองครักษ์รีบกรูกันเข้ามาด้านหน้ารวมตัวกันเป็นกำแพงมนุษย์เพื่อปกป้องไทเฮาเอาไว้ แต่ก็ถูกชนจนกระจัดกระจายในทันที

ไทเฮาใช้ชีวิตอย่างชนชั้นสูงถูกดูแลและปกป้องอย่างดีมาโดยตลอด จะเคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร

ที่น่ากลัวก็คือ ดูเหมือนม้าตัวนี้จะเพ่งเล็งมาที่ไทเฮา จ้องแต่จะวิ่งมาที่นาง ด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรงไทเฮาตัวแข็งไม่อาจขยับตัวแม้แต่น้อย ดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากซีดขาว

“คุ้มกัน! รีบคุ้มกันเร็ว!” กุ้ยหมัวมัวตะโกนอย่างรีบร้อน

ดวงตามองไปยังไทเฮาที่กำลังจะสิ้นพระชนม์ใต้กีบเท้าม้า ทันใดนั้นเองก็มีเงาคนผู้หนึ่งผ่านวาบไปอย่างเร็วรี่

ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ไทเฮาเพียงสัมผัสได้ว่ามีพลังที่แข็งแกร่งโอบเอวของนาง พานางถอยออกไปอยู่อีกฝั่ง

หลังจากยืนได้อย่างมั่นคง นางก็เหลือบตาขึ้นมอง กลับพบว่าคนที่ช่วยนางเอาไว้คือฮองเฮา!

สตรีที่ดูเรียบร้อยบอบบางอย่างฮองเฮา ที่แท้กลับมีเรี่ยวแรงมากถึงเพียงนั้น!

นอกจากนี้ยามที่อุ้มนางยังทำให้นางรู้สึกอุ่นใจยิ่งกว่าชายชาตรีเสียอีก

ไทเฮารู้สึกมึนงงอยู่บ้าง ขณะที่กำลังคิดจะพาฮองเฮาไปหลบนั้น กลับเห็นนางลอยตัวไปอยู่บนหลังม้าเสียแล้ว

ทักษะการขี่ม้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้นในค่ายเป่ยต้าไม่มีใครเทียบนางได้เลย

แม้แต่ม้าที่ดุร้ายที่สุดก็ยังเชื่อฟังนางอย่างว่าง่าย

สองมือของนางดึงเชือกบังเหียน เท้าสองข้างหนีบท้องม้าเอาไว้ ในสภาวะที่ม้าสะบัดโคลงไปมาอย่างรุนแรงก็ยังสามารถรักษาสมดุลเอาไว้ได้

ฝูงชนที่เห็นนางถูกม้าคลั่งพาวิ่งไปไกลก็ขวัญหนีดีฝ่อ

“สวรรค์! ฮองเฮาตกอยู่ในอันตราย!”

ไทเฮาทรงกังวลเป็นอย่างมาก “รีบไปช่วยฮองเฮาเร็วเข้า!”

แต่เมื่อผ่านไปเพียงชั่วพริบตาก็เห็นฮองเฮาทรงควบม้ากลับมาเองแล้ว

นอกจากนี้ม้าตัวนั้นยังดูเชื่องเป็นอย่างมาก ไม่ได้วิ่งชนไปทั่วอย่างบ้าคลั่งอีกต่อไป...

หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนดึงบังเหียนให้ม้าหยุดก็พลิกร่างลงจากม้า

เหลียนซวงรีบวิ่งขึ้นหน้าไปหา

“ฮองเฮา! ทรงเป็นอะไรหรือไม่เพคะ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้าแล้วมองไปยังไทเฮา “เสด็จแม่อย่าได้กลัวไป มันสงบลงแล้วเพคะ”

ยามนี้เองไทเฮาทรงทอดพระเนตรไปยังฮองเฮาอีกครั้ง สายตาล้วนเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและชื่นชอบ

“ฮองเฮา ทักษะการขี่ม้าของเจ้าเรียนจากอาจารย์ท่านใดหรือ? ข้าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้ยินดียินร้ายไม่

“สมัยหม่อมฉันยังเยาว์วัย เคยแอบเรียนรู้ทักษะการขี่ม้าแบบผิวเผินกับท่านน้าโดยไม่ให้ท่านพ่อทราบเพคะ สามารถช่วยเสด็จแม่เอาไว้ได้ ถือว่าได้ใช้ทักษะนี้อย่างถูกต้องแล้วเพคะ”

เวลานี้เองผู้ดูแลสนามม้าหลวงก็ตามมาถึง

เหลือบเห็นฮองเฮาควบคุมม้าที่ดุร้ายเอาไว้ได้ก็ตกตะลึงและทึ่งในตัวฮองเฮาเป็นอย่างมาก

“ฮองเฮาอาจจะไม่ทรงทราบ นี่คือม้าดุร้ายจากดินแดนตะวันตก ในบรรดาม้าที่ส่งมานั้นจู่ ๆ ม้าตัวนี้ก็คลั่งขึ้นมา พวกข้าน้อยร่วมมือกันก็ยังควบคุมมันเอาไว้ไม่อยู่...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนนำบังเหียนม้ามอบให้ผู้ดูแล แล้วพูดกำชับอย่างจริงจังว่า

“แม่ม้าตัวนี้ตั้งท้องแล้ว เดิมก็คุ้มคลั่งได้ง่าย ทั้งยังเดินทางจากดินแดนตะวันตกมายังแคว้นหนานฉี ไม่คุ้นกับดินน้ำที่นี่ ย่อมส่งผลต่ออารมณ์ กลับไปแล้วก็อย่าได้ทุบตีด่าว่า เอาหญ้าอู่กุ้ยให้มันเยอะหน่อย ให้มันอยู่ในคอกเดี่ยว ไม่เกินสามวันห้าวันย่อมดีขึ้น ”

ผู้ดูแลเห็นนางเข้าใจเรื่องม้ามากเพียงนี้ก็ยิ่งประหลาดใจ

เฟิ่งจิ่วเหยียนลูบม้าตัวนั้นไปมา พูดพึมพำเสียงเบา

“เป็นม้าที่ดีตัวหนึ่ง น่าเสียดายนัก”

เดิมควรได้ควบทะยานโลดแล่นในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล กลับต้องถูกขังอยู่ในสนามม้าหลวงที่คับแคบของพระราชวังแห่งแคว้นหนานฉี

ขณะเดียวกันนี้เอง ในสถานที่ที่ไม่ไกลจากกันนัก

บนหอชมวิว

บุรุษในชุดขาวยืนอยู่ที่นั่น มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ด้านล่าง เขาแสดงออกถึงความชื่นชมอย่างตรงไปตรงมา “ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงมีทักษะเช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

ด้านหลังของบุรุษส่งเสียงน่าเกรงขามที่ติดจะดูเกียจคร้านออกมาสายหนึ่ง

“ทักษะเล็กน้อยเช่นนี้ก็เข้าตาเจ้าได้หรือ”

“เจ้าม้าตัวนั้นทำให้ไทเฮาตกพระทัย ฆ่ามันซะ อีกอย่างนึง ให้ฮองเฮาเป็นผู้ดูแลการประหารมันด้วยตัวเอง”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (6)
goodnovel comment avatar
Joom
The king is furious.
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ขอพิมพ์หยาบหน่อยนะคะ ฮ่องเต้ผู้นี้เปรตยิ่งนัก
goodnovel comment avatar
Nout Klkl
แย่มาก ทำไมต้องฆ่ามัน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1623

    เมื่อสบกับสายตาอันจริงใจของรุ่ยอ๋อง หร่วนฝูอวี้เกิดความหวั่นไหวเล็กน้อยนางถามขึ้นมา “เจ้าคิดจริงหรือว่า ประชาชนหนานเจียงต้องการความเมตตาสงเคราะห์จากคนแคว้นหนานฉีของพวกเจ้า?”รุ่ยอ๋องครุ่นคิดก่อนพูดขึ้นมา“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร?“แล้วอาอวี้ เจ้าล่ะ เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่า พวกเขาไม่ต้องการแคว้นที่แข็งแกร่งกว่ามาคุ้มครองพวกเขา?“แท้จริงแล้ว เป็นพวกเขาต้องการหนานเจียง หรือหนานเจียงต้องการพวกเขา? นกยังเลือกไม้ใหญ่ แล้วมนุษย์เล่าจะต่างไปหรือ?“หากมีทางเลือก ใครเล่าจะไม่อยากมีชีวิตที่ดี?“ก็เหมือนจี๋เอ๋อร์ของพวกเรา ตอนแรกเจ้าจากข้าไปก็แล้วไป แต่กลับยังตัดใจทอดทิ้งเขา ในสายตาคนอื่น เจ้าดูเหมือนคนใจร้ายไร้ความปรานี แต่ข้ากลับรู้ดี ในใจเจ้ารู้ดี จี๋เอ๋อร์อยู่ในแคว้นหนานฉี ย่อมมีชีวิตที่ดีกว่าอยู่ในหนานเจียง“ตัวเจ้าเองยังเลือกให้ลูกอยู่แคว้นหนานฉี เหตุใดจึงไม่ยอมให้ประชาชนคนอื่นเลือกแคว้นหนานฉี? เช่นนี้ ไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหรือ?”น้ำเสียงของเขายังคงนุ่มนวลสงบอ่อนโยน แต่สิ่งที่พูดกลับเฉียบคมโดยเฉพาะประโยคตอนท้ายหร่วนฝูอวี้ฟังจบ ในใจเต็มไปด้วยความซับซ้อนรุ่ยหลินพูดถูก ตอนนั้นนางค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1622

    เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น พูดมาให้ละเอียด”จากนั้น เสียวอู่ก็นำเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ยินมาตลอดทาง เล่าให้เฟิ่งจิ่วเหยียนฟัง โดยเฉพาะวีรกรรมที่เขาสร้างความโกลาหล ทำให้ศัตรูเสียทหารไปกว่าพันนาย รองลงมาคือพูดถึงเรื่องที่เซียวเหิงปิดบังถานไถเหยี่ยน วางแผนบุกโจมตีแคว้นหนานฉีล่วงหน้าเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนฟังจบ ในใจก็พอเข้าใจขึ้นมาทันที ที่แท้ เซียวเหิงกับถานไถเหยี่ยนก็ไม่ได้เชื่อใจกันอย่างแท้จริง นั่นก็หมายความว่าทางฝ่ายถานไถเหยี่ยนไม่มีกองหนุนมาช่วย ไม่มีคนให้ใช้แล้วเสียวอู่หลุดพ้นจากการควบคุมของเซียวเหิงแล้ว อารมณ์ก็เบิกบานอย่างมาก เมื่อพูดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดหนึ่งปี ก็ราวกับโล่งอกสบายใจดั่งเรือเบาแล่นผ่านหมื่นภูผาตงฟางซื่อหาวแล้วพูดขึ้นมา“เจ้าช่วยพูดแต่เรื่องสำคัญได้หรือไม่? อย่างเช่น เซียวเหิงคิดจะบุกแคว้นหนานฉี แล้วพวกเขามีการวางกำลังหรือแผนการรบอย่างไรบ้าง”เสียวอู่ถึงกับอึ้ง “หา? ซับซ้อนขนาดนี้เลยหรือ? “พวกเขาอาศัยมีพิษมนุษย์โอสถ ก็ไม่มีการวางแผนอะไรแล้ว”ตงฟางซื่อ : ...เขาจะพูดอะไรได้อีก?“อา!” เสียวอู่ร้องขึ้นมาดังลั่น ทำเอาตงฟางซื่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1621

    หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนแต่งงานกับเซียวอวี้แล้ว ก็หาได้ละเลยการฝึกฝนวิชาไม่เพียงแต่ เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งจะคลอดบุตรชายคนเล็ก ร่างกายยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ แต่ถึงกระนั้น การจัดการกับแม่ทัพหนานเจียงที่ออกมาประลองเหล่านั้น ก็ยังมีกำลังเหลือเฟือระหว่างการต่อสู้ นางสังเกตได้ว่า พวกเขาต้องการจะล่อนางให้เข้าไป เพื่อให้เซียวเหิงมีโอกาสลอบโจมตีนางไม่หลงกล ยังคงควบคุมพื้นที่การต่อสู้ของตัวเองให้อยู่ใกล้กับกำแพงเมืองอยู่ตลอดเพราะนางรู้ดีว่า ด้วยสภาพของนางในตอนนี้ หากจะต้องประมือกับเซียวเหิงจริง ๆ โอกาสชนะมีไม่มากนักเพราะอย่างไรพลังภายในของเซียวเหิง เดิมทีก็เหนือกว่านางอยู่แล้วในเวลาเดียวกันนั้น เซียวเหิงก็จับจ้องอยู่ที่เฟิ่งจิ่วเหยียน เตรียมพร้อมที่จะลงมือทุกเมื่อเขาเพียงหวังว่านางจะเข้ามาใกล้กว่านี้ ใกล้อีกหน่อยขอแค่ได้ตำแหน่งที่เหมาะสม เขาจะจับตัวนางได้ด้วยกระบวนท่าเดียวในทางกลับกัน หากจังหวะไม่ดี ก็จะทำให้นางไหวตัวทัน และเปิดโอกาสให้นางหลบหนีได้เซียวเหิงจ้องมองเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างไม่วางตาเหล่าทหารคนอื่น ๆ ก็เช่นกันทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องตะโกนด้วยความตกใจของทหารที่อยู่ด้าน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1620

    ฮองเฮาแห่งหนานฉี—แม่ทัพน้อยเมิ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากในชายแดนเหนือเมื่อครั้งอดีต! เรียกได้ว่าไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก ไม่มีผู้ใดไม่เคยได้ยิน!เหล่าทหารหนานเจียงก็คาดไม่ถึงว่า ผู้ที่ประจำการอยู่เแนวหลัง จะเป็นสตรีผู้นี้ถึงจะเข้าวังไปเป็นฮองเฮาแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่ายังสามารถออกรบได้อีก!ม่านตาของเซียวเหิงค่อย ๆ หรี่ลงเฟิ่งจิ่วเหยียน!สตรีผู้นี้ ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันจริง ๆ !ก่อนหน้านี้เขาได้รับข่าวว่า สตรีผู้นี้กำลังตั้งครรภ์ ฮ่องเต้ฉีได้ส่งนางไปที่แคว้นซีหนี่ว์เพื่อดูแลครรภ์และรอคลอดแล้วข่าวนี้เป็นความจริงอย่างแน่นอนเพียงแต่ เหตุใดนางถึงได้กลับมาเร็วเช่นนี้?หากคนที่นำทัพในที่แห่งนี้คือเฟิ่งจิ่วเหยียน นั่นเท่ากับเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเข้าแล้ว!ทว่า เซียวเหิงหาได้กลัวการสู้รบกับเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ เพียงแต่ไม่อยากสูญเสียกำลังพลมากเกินไปในที่แห่งนี้เขาไม่กลัว แต่คนอื่นกลัวเหล่าแม่ทัพจึงพูดเกลี้ยกล่อม“ท่านราชครู แม่ทัพน้อยเมิ่งผู้นั้น... ไม่สิ ฮองเฮาหนานฉีผู้นั้น นางวางแผนการรบได้อย่างยอดเยี่ยม มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย พวกเราจะประมาทศัตรูไม่ได้เด็ดขาด!”“ท่านราชครู พวกเราถอยทั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1619

    ตงฟางซื่อก็พลอยระแวดระวังตามไปด้วยทันที ทำตามท่าทางของเฟิ่งจิ่วเหยียน ด้วยการเอาหูแนบพื้น“จริงด้วย ฟังจากเสียงนี้ คนที่มาคงมีไม่น้อย”เขาเงยหน้ามองเฟิ่งจิ่วเหยียน แล้วกระซิบถาม: “หรือจะเป็นฝ่าบาทนำทัพใหญ่ถอนกำลังกลับมา?”เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้า“ไม่แน่ใจ เพื่อความปลอดภัย เจ้าไปจัดการศพพวกนี้ก่อน ส่วนข้าจะไปสำรวจข้างหน้า”พูดจบ นางไม่เปิดโอกาสให้ตงฟางซื่อปฏิเสธ ก็ออกจากที่นั่นไปทันที เพียงใช้ปลายเท้าย่องเบา ๆ ไม่กี่ก้าว ราวกับสุนัขจิ้งจอกที่ว่องไว ก็กระโดดขึ้นไปบนซากกำแพงเมืองที่เหลืออยู่ภายใต้ความมืดมิดของราตรี เฟิ่งจิ่วเหยียนหมอบอยู่ด้านหลังซากปรักหักพัง เพื่อแอบสังเกตดูในระยะไกลก็มองเห็นจริง ๆ ว่ามีกองทัพใหญ่เคลื่อนทัพมา เข้ามาใกล้เมืองร้างที่นางอยู่ขึ้นเรื่อย ๆอาศัยจากแสงจันทร์ นางพอจะแยกแยะได้ราง ๆ ว่า ธงประจำกองทัพนั้นไม่ใช่ของกองทัพฉีสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเยือกเย็น จากนั้นก็หันหลังกลับลงจากกำแพงเมือง......ตงฟางซื่อกำลังขนย้ายศพ โดยนำพวกเขาไปซ่อนในบริเวณใกล้เคียงเมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมาเร็วเพียงนี้ เขาจึงถาม: “เป็นอย่างไร เจ้ามองเห็นชัดหรือไม่ว่า เป็

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1618

    หยวนจั้นท่าทางเหน็ดเหนื่อย มองดูก็รู้ว่าเดินทางมาไกล เขามองมายังถานไถเหยี่ยนด้วยสายตาเลื่อนลอยถานไถเหยี่ยนเห็นเขา ก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย“กลับมาแล้วหรือ? หากเหนื่อยแล้ว ก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”หยวนจั้นเอ่ยตรง ๆ ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์: “เป็นข้าที่ปล่อยรัชทายาทไป”ถานไถเหยี่ยนยิ้มเล็กน้อย“อืม ข้ารู้”สายตาของหยวนจั้นดูเย็นชา “ท่านมีท่าทีเช่นนี้ คือไม่ใส่ใจ หรือว่ามีแผนสำรองอยู่แล้ว”บนใบหน้าของถานไถเหยี่ยนยังคงมีรอยยิ้มอยู่ตลอด ทำให้คนอื่นรู้สึกหวาดหวั่นเขาหันไปเผชิญหน้ากับหยวนจั้น“ข้าเดาว่า องค์รัชทายาทคงจะมุ่งหน้าไปทางตะวันตก เพื่อขอความช่วยเหลือจากกองทัพฉีเป็นแน่”หยวนจั้นนิ่งเงียบจากนั้น ถานไถเหยี่ยนก็เอ่ยอย่างเรียบเฉย“ผลลัพธ์ในตอนนี้คือ เชื้อพระวงศ์ตระกูลเซี่ยรวมถึงรัชทายาท ได้ทอดทิ้งราษฎรของแคว้นตงซาน และไปหาทางรอดอื่นแล้ว“หยวนจั้น ความหวังดีของเจ้า ดูเหมือนจะถูกหักหลังแล้ว”หยวนจั้นทำหน้าเฉยเมย“แค่ข่าวลือ เขาไม่มีทางทำเช่นนั้น”ถานไถเหยี่ยนยกมุมปากเล็กน้อย: “ขออภัย ข้ามิได้ตั้งใจจะใช้คำพูดทำร้ายใคร แต่ข้ามองแค่ผลลัพธ์ ไม่สนใจวิธีการ”พูดจบ เขาหันหน้าหนีจากหยวนจั้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status