Share

บทที่ 8

Aвтор: อี้ซัวเยียนอวี่
เฟิ่งจิ่วเหยียนดูไม่เหมือนพระมเหสีที่ถูกพระสวามีทอดทิ้งอย่างเย็นชาแม้แต่น้อย นางสวมชุดอย่างฮองเฮา แลดูสูงศักดิ์ดั่งพญาหงส์ที่เดินดิน

นัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่ง ม่านตาสีอ่อนเผยให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ที่มิอาจเอื้อมราวกับหยก

ผิวพรรณของนางหาได้ซีดขาวอมโรคเหมือนดังที่สตรีในเมืองหลวงนิยมกันไม่ แต่เป็นผิวที่อิ่มเอิบและเปล่งปลั่งดังกลีบกุหลาบ

รูปลักษณ์งดงามแฝงด้วยความสูงศักดิ์น่าเกรงขาม งามล้ำดั่งเทพธิดาในวังจันทรา

เหล่าผู้คนในวังหลังล้วนคุ้นเคยกับการเห็นสนมนางในที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับหรงเฟยดี พอวันนี้ได้พบกับความงามพิลาสล้ำของฮองเฮาก็ตาลุกวาวราวกับจะเปล่งแสงได้

ไม่เสียทีที่เป็นหญิงงามผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในเมืองหลวง รูปโฉมงดงามล่มเมืองเช่นนี้ หาใช่ปุถุชนคนธรรมดาจะเทียบเคียงได้

ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าสู่ยุทธภพเพียงลำพัง นางก็ใช้ชีวิตแปลงโฉมหน้ามาโดยตลอด

สำหรับนางแล้วหน้าตาที่งดงามคือภาระ โดยเฉพาะในค่ายทหาร

อาจารย์หญิงมักบอกว่าใบหน้างามนี้ของนางช่างเสียเปล่ายิ่งนัก วัน ๆ ล้วนแต่ถูกนางใช้อย่างส่งเดช

เหลียนซวงที่เดินติดตามอยู่ด้านหลังฮองเฮาก็พลันรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วย

เมื่อเดินจนถึงเบื้องหน้าไทเฮา เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ย่อกายคำนับตามธรรมเนียม

“หม่อมฉันขอคารวะเสด็จแม่เพคะ”

ไทเฮาประทับอยู่บนพระที่นั่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและเมตตา

“ฮองเฮาไม่ต้องมากพิธีไป นั่งเถิด”

จากนั้นไทเฮาก็ตรัสถึงฮ่องเต้ และออกปากปลอบนาง

“ฝ่าบาททรงยุ่งอยู่กับราชกิจ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะละเลยบางเรื่องไปบ้าง”

“ฮองเฮา เจ้าอย่าได้คิดมากไปเลย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ “เพคะ”

เมื่อสนทนากับนางได้ครู่หนึ่ง ไทเฮาทรงพบว่าฮองเฮาองค์นี้ทำสีหน้าไร้อารมณ์ตลอดเวลา ราวกับว่าใบหน้านี้ถูกแช่แข็งเอาไว้ ยิ้มแย้มไม่เป็นแต่กำเนิดอย่างไรอย่างนั้น

ก่อนหน้านี้ยามพบนางที่งานฉลองพระชนมพรรษา ออกจะรู้จักทำตัวให้คนชื่นชอบไม่ใช่หรือ?

เฟิ่งจิ่วเหยียนนางเป็นคนที่ไม่ค่อยยิ้มจริง ๆ

ยามเยาว์วัยอาจารย์หญิงมักจะหยอกเย้าให้นางหัวเราะ แต่นางกลับรู้สึกว่าน่าเบื่อ

ต่อมาเมื่ออยู่ในค่ายทหารนางมีฐานะเป็นแม่ทัพน้อยจึงต้องสร้างความน่าเกรงขาม อีกทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนมาเข้าใกล้จนค้นพบว่านางเป็นสตรี ด้วยเหตุนี้นางจึงติดนิสัยทำหน้านิ่ง หาไม่แล้วคงไม่อาจออกคำสั่งควบคุมกองทัพได้

“ฮองเฮา มีเรื่องใดรบกวนใจเจ้าหรือ?” ไทเฮาทรงตรัสถามโดยตรง

เฟิ่งจิ่วเหยียนเงยหน้ามองไทเฮา ตอบอย่างราบเรียบว่า

“ไม่มีเพคะ”

หลังจากนั้นก็ไม่พูดคำใดต่ออีกเลย

ไทเฮาริมฝีปากกระตุก

ไร้อารมณ์เช่นนี้ มิน่าเล่าฝ่าบาทถึงไม่โปรด แม้ไทเฮาอย่างนางเองก็หมดแรงจะสนใจเช่นกัน

ถึงอย่างไรเสียเหล่าสนมนางในที่พบเจออยู่ทุกวันคืน แต่ละคนล้วนยิ้มหวานราวน้ำผึ้ง ช่างจำนรรจายิ่ง

เหมือนฮองเฮาองค์นี้เสียที่ไหน ถามคำตอบคำ หาไม่ก็เงียบเป็นเป่าสาก

“ดอกไม้ในอุทยานหลวงออกดอกไม่น้อยเลย ฮองเฮา เจ้าไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าเถิด”

“เพคะ”

ไทเฮาทรงเข้าใจว่าหากออกมาด้านนอกแล้ว ฮองเฮาคงจะพูดมากขึ้นซักหน่อย

นึกไม่ถึงเลยว่ายังคงเงียบเป็นเป่าสากเช่นเดิม

ช่างไร้หนทางเยียวยาราวกับโคลนที่แปะบนผนังไม่อยู่อย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเดินไปเดินมาเดินจนแทบจะทะลุออกจากอุทยานหลวงไปยังสนามม้าหลวงที่อยู่ติดกันอยู่แล้ว ไทเฮาก็ทรงถอดใจ อ้างว่าจะกลับตำหนักฉือหนิง

แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีม้าตัวหนึ่งพลันวิ่งห้อตะบึงออกมาจากที่ใดไม่ทราบ พุ่งทะยานเข้ามาทางพวกนางอย่างคลุ้มคลั่ง

เหล่าองครักษ์รีบกรูกันเข้ามาด้านหน้ารวมตัวกันเป็นกำแพงมนุษย์เพื่อปกป้องไทเฮาเอาไว้ แต่ก็ถูกชนจนกระจัดกระจายในทันที

ไทเฮาใช้ชีวิตอย่างชนชั้นสูงถูกดูแลและปกป้องอย่างดีมาโดยตลอด จะเคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร

ที่น่ากลัวก็คือ ดูเหมือนม้าตัวนี้จะเพ่งเล็งมาที่ไทเฮา จ้องแต่จะวิ่งมาที่นาง ด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรงไทเฮาตัวแข็งไม่อาจขยับตัวแม้แต่น้อย ดวงตาเบิกกว้าง ริมฝีปากซีดขาว

“คุ้มกัน! รีบคุ้มกันเร็ว!” กุ้ยหมัวมัวตะโกนอย่างรีบร้อน

ดวงตามองไปยังไทเฮาที่กำลังจะสิ้นพระชนม์ใต้กีบเท้าม้า ทันใดนั้นเองก็มีเงาคนผู้หนึ่งผ่านวาบไปอย่างเร็วรี่

ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ไทเฮาเพียงสัมผัสได้ว่ามีพลังที่แข็งแกร่งโอบเอวของนาง พานางถอยออกไปอยู่อีกฝั่ง

หลังจากยืนได้อย่างมั่นคง นางก็เหลือบตาขึ้นมอง กลับพบว่าคนที่ช่วยนางเอาไว้คือฮองเฮา!

สตรีที่ดูเรียบร้อยบอบบางอย่างฮองเฮา ที่แท้กลับมีเรี่ยวแรงมากถึงเพียงนั้น!

นอกจากนี้ยามที่อุ้มนางยังทำให้นางรู้สึกอุ่นใจยิ่งกว่าชายชาตรีเสียอีก

ไทเฮารู้สึกมึนงงอยู่บ้าง ขณะที่กำลังคิดจะพาฮองเฮาไปหลบนั้น กลับเห็นนางลอยตัวไปอยู่บนหลังม้าเสียแล้ว

ทักษะการขี่ม้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนนั้นในค่ายเป่ยต้าไม่มีใครเทียบนางได้เลย

แม้แต่ม้าที่ดุร้ายที่สุดก็ยังเชื่อฟังนางอย่างว่าง่าย

สองมือของนางดึงเชือกบังเหียน เท้าสองข้างหนีบท้องม้าเอาไว้ ในสภาวะที่ม้าสะบัดโคลงไปมาอย่างรุนแรงก็ยังสามารถรักษาสมดุลเอาไว้ได้

ฝูงชนที่เห็นนางถูกม้าคลั่งพาวิ่งไปไกลก็ขวัญหนีดีฝ่อ

“สวรรค์! ฮองเฮาตกอยู่ในอันตราย!”

ไทเฮาทรงกังวลเป็นอย่างมาก “รีบไปช่วยฮองเฮาเร็วเข้า!”

แต่เมื่อผ่านไปเพียงชั่วพริบตาก็เห็นฮองเฮาทรงควบม้ากลับมาเองแล้ว

นอกจากนี้ม้าตัวนั้นยังดูเชื่องเป็นอย่างมาก ไม่ได้วิ่งชนไปทั่วอย่างบ้าคลั่งอีกต่อไป...

หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนดึงบังเหียนให้ม้าหยุดก็พลิกร่างลงจากม้า

เหลียนซวงรีบวิ่งขึ้นหน้าไปหา

“ฮองเฮา! ทรงเป็นอะไรหรือไม่เพคะ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้าแล้วมองไปยังไทเฮา “เสด็จแม่อย่าได้กลัวไป มันสงบลงแล้วเพคะ”

ยามนี้เองไทเฮาทรงทอดพระเนตรไปยังฮองเฮาอีกครั้ง สายตาล้วนเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมและชื่นชอบ

“ฮองเฮา ทักษะการขี่ม้าของเจ้าเรียนจากอาจารย์ท่านใดหรือ? ข้าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย”

เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้ยินดียินร้ายไม่

“สมัยหม่อมฉันยังเยาว์วัย เคยแอบเรียนรู้ทักษะการขี่ม้าแบบผิวเผินกับท่านน้าโดยไม่ให้ท่านพ่อทราบเพคะ สามารถช่วยเสด็จแม่เอาไว้ได้ ถือว่าได้ใช้ทักษะนี้อย่างถูกต้องแล้วเพคะ”

เวลานี้เองผู้ดูแลสนามม้าหลวงก็ตามมาถึง

เหลือบเห็นฮองเฮาควบคุมม้าที่ดุร้ายเอาไว้ได้ก็ตกตะลึงและทึ่งในตัวฮองเฮาเป็นอย่างมาก

“ฮองเฮาอาจจะไม่ทรงทราบ นี่คือม้าดุร้ายจากดินแดนตะวันตก ในบรรดาม้าที่ส่งมานั้นจู่ ๆ ม้าตัวนี้ก็คลั่งขึ้นมา พวกข้าน้อยร่วมมือกันก็ยังควบคุมมันเอาไว้ไม่อยู่...”

เฟิ่งจิ่วเหยียนนำบังเหียนม้ามอบให้ผู้ดูแล แล้วพูดกำชับอย่างจริงจังว่า

“แม่ม้าตัวนี้ตั้งท้องแล้ว เดิมก็คุ้มคลั่งได้ง่าย ทั้งยังเดินทางจากดินแดนตะวันตกมายังแคว้นหนานฉี ไม่คุ้นกับดินน้ำที่นี่ ย่อมส่งผลต่ออารมณ์ กลับไปแล้วก็อย่าได้ทุบตีด่าว่า เอาหญ้าอู่กุ้ยให้มันเยอะหน่อย ให้มันอยู่ในคอกเดี่ยว ไม่เกินสามวันห้าวันย่อมดีขึ้น ”

ผู้ดูแลเห็นนางเข้าใจเรื่องม้ามากเพียงนี้ก็ยิ่งประหลาดใจ

เฟิ่งจิ่วเหยียนลูบม้าตัวนั้นไปมา พูดพึมพำเสียงเบา

“เป็นม้าที่ดีตัวหนึ่ง น่าเสียดายนัก”

เดิมควรได้ควบทะยานโลดแล่นในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล กลับต้องถูกขังอยู่ในสนามม้าหลวงที่คับแคบของพระราชวังแห่งแคว้นหนานฉี

ขณะเดียวกันนี้เอง ในสถานที่ที่ไม่ไกลจากกันนัก

บนหอชมวิว

บุรุษในชุดขาวยืนอยู่ที่นั่น มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ด้านล่าง เขาแสดงออกถึงความชื่นชมอย่างตรงไปตรงมา “ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงมีทักษะเช่นนี้ ช่างหาได้ยากยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

ด้านหลังของบุรุษส่งเสียงน่าเกรงขามที่ติดจะดูเกียจคร้านออกมาสายหนึ่ง

“ทักษะเล็กน้อยเช่นนี้ก็เข้าตาเจ้าได้หรือ”

“เจ้าม้าตัวนั้นทำให้ไทเฮาตกพระทัย ฆ่ามันซะ อีกอย่างนึง ให้ฮองเฮาเป็นผู้ดูแลการประหารมันด้วยตัวเอง”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Комментарии (6)
goodnovel comment avatar
Joom
The king is furious.
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ขอพิมพ์หยาบหน่อยนะคะ ฮ่องเต้ผู้นี้เปรตยิ่งนัก
goodnovel comment avatar
Nout Klkl
แย่มาก ทำไมต้องฆ่ามัน
ПРОСМОТР ВСЕХ КОММЕНТАРИЕВ

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1482

    นอกคุกเทียนเหลาฮูหยินนั่วมือหนึ่งถือสมุด อีกมือหนึ่งถือคบเพลิงนางตะโกนเสียงดัง“มหาเสนาบดีเหิง! สิ่งที่ท่านต้องการอยู่ที่ข้า!“ท่านพ่อ! บุตรสาวอกตัญญู ยังต้องให้ท่านลำบากมารับผิดแทนลูก!”เมื่อเซียวเหิงออกมา ก็เห็นสมุดในมือของฮูหยินนั่ว ดูจากปกของสมุดแล้ว ดูเหมือนกับสมุดเล่มนั้นของเขาที่หายไปจริง ๆหรือว่า ท่านผู้เฒ่าจะถูกปรักปรำจริง ๆ ?เซียวเหิงพยายามแสดงความอ่อนโยน ค่อย ๆ เอ่ยชักจูงนาง“ฮูหยิน นั่นมิใช่ของส่วนตัวของข้า แต่เป็นสิ่งที่ฝ่าบาทมอบให้ข้าดูแล เจ้ารีบคืนให้ข้าเถิด ทำเช่นนี้แล้ว ท่านพ่อตาก็จะไม่มีปัญหาใด ๆ ...”ในดวงตาของฮูหยินนั่วฉายแววความเกลียดชังหากมิใช่เพราะน้องสามบอกกับนาง เรื่องตัวตนที่แท้จริงของมหาเสนาบดีเหิง รวมถึงเรื่องที่เขาเลี้ยงดูสตรีไว้นอกจวน นางก็ยังคงจะถูกเขาหลอกไปตลอด คิดว่าตัวเองมีสามีที่ดีอย่างยิ่งที่แท้แล้ว เขาก็เหมือนบุรุษส่วนใหญ่ ล้วนเป็นคนไร้หัวใจและไม่ซื่อสัตย์เพื่อเป้าหมายของตัวเอง เขายอมสละทุกคนได้!แต่เหตุใดแม้แต่บุตรชายแท้ ๆ เขาก็ยังไม่ยอมปล่อย!ฮูหยินนั่วด่าทอด้วยความโกรธ: “มหาเสนาบดีเหิง! เจ้าสัตว์นรก! ข้ารู้ว่าสมุดเล่มนี้สำคัญ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1481

    “ในตอนนั้น เดิมทีคนที่ต้องถูกส่งไปหนานฉี ก็คือเจ้า”ฮูหยินนั่วสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีนางลุกขึ้นพรวดพราด และจ้องมองหยวนสุยด้วยความโกรธ“เจ้าจะพูดว่า คนที่ควรตายในตอนนั้นคือข้าใช่หรือไม่! น้องสาม เจ้าใจร้ายเหลือเกิน! ไม่แปลกใจที่หลายปีมานี้ เจ้ากับท่านพ่อเหมือนกัน คือต่างก็เย็นชากับข้า ที่แท้เพราะคิดว่าข้าทำให้พี่หญิงใหญ่ต้องตาย!“ทำไม ข้ามิใช่ลูกแท้ ๆ ของท่านพ่อหรอกหรือ? ข้ามิใช่พี่สาวแท้ ๆ ของเจ้าหรอกหรือ? เหตุใดเรื่องเลวร้ายทั้งหมดต้องตกมาอยู่ที่ข้าคนเดียว!“พี่หญิงใหญ่ยินดีที่จะไปเป็นสายลับที่หนานฉีแทนข้า ข้ามิได้บังคับนาง!”หยวนสุยมองนางด้วยความผิดหวัง“ข้าพูดเรื่องนี้ มิใช่กำลังตำหนิท่าน ข้าอยากบอกท่านว่า มหาเสนาบดีเหิงหาใช่ว่าจริงใจกับท่าน คนเช่นเขา สามารถหลอกใช้ได้ทุกคน!“หยวนตั๋วก็ตายเพราะถูกเขาหลอกใช้!“หากเขาไม่มีความคิดที่หลงผิด หยวนตั๋วจะเหมือนเด็กทั่วไป ที่เติบโตขึ้นมาโดยไม่มีความกังวลใด ๆ ...”“พอแล้ว!” ความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุตรชายที่ฮูหยินนั่วข่มเอาไว้ ตอนนี้กลับลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งบุตรชายคือชีวิตของนาง!เขาตายอย่างน่าอนาถ นางไม่มีวันใดที่ไม่คิดแก้แค้นให้เขา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1480

    เรือนหลัก ภายในห้องปีกข้าง“เหตุใดท่านถึง...” หยวนจั้นมองเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างงุนงงที่นี่คือเรือนหลักของจวนตระกูลหยวน เป็นเรือนของท่านปู่เขาเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยอย่างกระชับได้ใจความ“เรื่องของท่านปู่เจ้า เกี่ยวข้องกับสมุดเล่มนั้นใช่หรือไม่?”หยวนจั้นพยักหน้า“จากข่าวที่พวกเราสืบทราบในตอนนี้ เป็นเช่นนั้นจริง“แต่ว่า สมุดเล่มนั้นคืออะไร?”เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยด้วยเสียงเบา“มันบันทึกแหล่งที่มาของพิษมนุษย์โอสถ บางทีเขาอาจจะไปขโมยมาจากเซียวเหิง”“เป็นเช่นนั้นจริงหรือ!” หยวนจั้นรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างจากนั้นเขามองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียน และถาม: “เหตุใดท่านถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ และมาหาข้าเพื่ออะไร?”แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า นางสามารถสั่งบ่าวคนสนิทของท่านปู่ได้ มิใช่ว่า เป็นท่านปู่ที่จัดการให้นางมาที่นี่หรือ?หยวนจั้นมีข้อสงสัยมากมายในใจไม่ทันรอให้เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยปาก เขาพลันนึกถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง“องค์รัชทายาทเล่า? เขาอยู่กับพวกท่านหรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว“เจ้าถามมาทีเดียวตั้งมากมาย ข้าควรจะตอบเจ้าข้อไหนก่อนดี?”ในตอนนี้หยวนจั้นก็สับสนอย่างมากเช่นกันเรื่อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1479

    ในขณะที่เสียวอู่ร้อนใจอยู่นั้น จู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้วิธีหนึ่ง“เหตุใดพวกเราจึงไม่รีบคัดลอกไว้ แล้วนำสมุดเล่มนี้ส่งคืนกลับไป? ทำเช่นนี้ท่านผู้เฒ่าก็จะไร้ความผิดแล้ว!”เฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายศีรษะ“ไม่ได้“ท่านผู้เฒ่าต้องเคยคิดแบบนี้เช่นกัน แต่เพราะเซียวเหิงทำสมุดเล่มนี้หายไป เมื่อค้นพบแล้ว จะต้องสร้างการป้องกันอย่างแน่นหนามากขึ้น การส่งคืนกลับไป? นั่นจะเป็นหนทางที่ไม่อาจไปต่อได้เลย“อีกอย่าง หากเป็นเพียงการคัดลอกตัวหนังสือก็คงพอไหว แต่สมุดเล่มนี้ ข้าได้ดูเมื่อครู่แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่จะคัดลอกได้ง่าย ๆ“ในนั้นยังเอ่ยถึงสมุนไพร อย่างน้อยก็มีหลายร้อยชนิด ซ้ำยังมีหลายชนิดที่เป็นพืชหายาก เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับยาถอนพิษ จะให้ผิดพลาดแม้แต่น้อยไม่ได้ การจะคัดลอกภาพให้เหมือนเดิมทุกประการ ถือว่ายากมาก อีกทั้งยังต้องทำในเวลาอันสั้นด้วย”เสียวอู่รู้สึกกังวลใจขึ้นมา: “เช่นนั้นควรทำอย่างไร? หรือจะนั่งดูท่านผู้เฒ่าถูกพวกเขาบีบคั้นจนตายหรือ?”เซี่ยหวั่นเฉินเอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่ง“ก็มิใช่ว่าจะไม่มีวิธีเลย”“วิธีใด?” เสียวอู่กลับมามีความหวังอีกครั้งจากนั้นก็ได้ยินเซี่ยหวั่นเฉินเอ่ยว่า“หากเสด็จพ่อจับเข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1478

    กลุ่มหมอเทวดารวมตัวกันอยู่จุดหนึ่ง และถกเถียงกันอย่างดุเดือด ยังเกือบจะลงไม้ลงมือกันพวกเขาพูดว่าอย่างไร เซียวอวี้อยู่ด้านนี้ได้ยินไม่ชัดเจน และฟังไม่ค่อยเข้าใจเช่นกันเขาถามเสียวอู่“สมุดเล่มนั้นคืออะไรกันแน่?”เสียวอู่ตอบ: “ท่านผู้เฒ่าบอกว่า ในนั้นอาจจะบันทึกต้นตอของพิษมนุษย์โอสถ”“อะไรนะ!!!” เซียวอวี้แสดงสีหน้าตกใจตอนนี้ แม้แต่เซี่ยหวั่นเฉินก็ตกใจจนลุกขึ้นยืน และรีบเดินไปทางกลุ่มหมอเทวดาที่อยู่ด้านนั้น“ท่านทั้งหลาย สมุดเล่มนี้อาจช่วยให้พวกท่านปรุงยาถอนพิษได้เร็วขึ้นหรือไม่?”ทว่า เหล่าหมอเทวดาพากันง่วนอยู่กับการหารือ จนไม่มีเวลามาสนใจเซี่ยหวั่นเฉินพวกเขาเบียดเสียดกัน จนผลักเซี่ยหวั่นเฉินออกไปอยู่ด้านนอกเขาพูดว่าอย่างไร เหล่าหมอเทวดาย่อมไม่ได้ยินเป็นธรรมดาเซี่ยหวั่นเฉิน: ?อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงรัชทายาท?เหตุใดพวกเขาแต่ละคนถึงได้เมินเฉยต่อเขา?เสียวอู่ยิ้มกับเซียวอวี้ด้วยความภาคภูมิใจในผลงาน“ศิษย์พี่ คราวนี้ข้าช่วยเหลือได้อย่างมาก ใช่หรือไม่?”เซียวอวี้พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจมากนัก“อืม ก็จริง รอจนกลับไปหนานฉี จะพิจารณาให้รางวัลตามผลงาน”เสียวอู่ใช้นิ้วชี้สองนิ้ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1477

    กลุ่มองครักษ์วิ่งเข้าไปในห้อง ล้อมผู้เฒ่าหยวนไว้ ผู้นำกลุ่มยกมือคารวะท่านผู้เฒ่า “ท่านผู้เฒ่า เราปฏิบัติตามพระราชโองการ ขออภัยที่ล่วงเกิน!” ท่านผู้เฒ่ามีท่าทางสงบเยือกเย็น “จับข้า ไม่ต้องทำใหญ่โตขนาดนี้” “ท่านผู้เฒ่า!” บ่าวคนสนิทมีเรื่องที่อยากจะพูดแต่ไม่กล้าพูด ท่านผู้เฒ่าส่งสายตาออกไปให้เขาทันที บ่าวเข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ย——นี่เป็นการสั่งให้เขาดูแลเรื่องในจวนให้ดี โดยเฉพาะคุณชายเสียวอู่ หลังจากนั้น กลุ่มองครักษ์ก็พาผู้เฒ่าหยวนออกไป เขาให้ความร่วมมืออย่างดี ไม่ขัดขืน ไม่ถามมากความ ที่นอกลานบ้าน มีพวกบุตรหลานของเขายืนอยู่ หยวนสุยมีสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านพ่อ! ท่านทำผิดอะไร?” ท่านพ่อตรากตรำทำงานมีแต่ความดีความชอบ ฝ่าบาทจะไม่จับกุมท่านพ่อโดยไร้สาเหตุ ถึงแม้ฮูหยินนั่วจะไม่พอใจกับการปฏิบัติอย่างเย็นชาของบิดา ก็ยังมาด้วย นางซักถามองครักษ์เหล่านั้น “พวกเจ้าจับท่านพ่อข้าด้วยเหตุใด!” หัวหน้ากลุ่มองครักษ์กล่าวเสียงเข้ม “เราเพียงปฏิบัติตามพระราชโองการ” นี่เป็นคำพูดที่ไม่เปิดเผยอะไรเลย ผู้เฒ่าหยวนยังคงเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status