Share

11

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-08-11 15:30:24

ทุกคนเลิกงานกลับมา พบว่าบ้านว่างเปล่า ความหมายในที่นี้คือไม่มีอาหารวางบนโต๊ะเหมือนเมื่อสองวันก่อน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงจนทุกคนตั้งตัวไม่ทัน

“อะไรกัน เลิกงานมาเหนื่อยๆ ยังต้องมาหิ้วท้องรออีกเหรอให้ตายเถอะ” สะใภ้รองกลอกตามองบนบ่นอุบ

“เอาน่า คุณก็ไปช่วยพี่สะใภ้ทำมื้อเย็นเถอะจะได้เสร็จเร็วๆ” อารองผลักไหล่ภรรยาให้เดินเข้าในในครัว เขาเองก็หิวจนตายลายแล้วเหมือนกัน

หลิวซือถอนหายใจ แต่คิดว่าลูกสาวคงจะยังไม่หายป่วยเลยไม่ได้พูดอะไร สองสะใภ้ช่วยกันทำมื้อเย็น ส่วนย่าหลี่ก็ไม่ได้พูดอะไร เก็บความไม่พอใจเอาไว้ข้างใน เพราะตอนนี้ภาพในหัวของท่านไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตา ก็นึกถึงเงินก้อนในห่อผ้าเก่าๆ นั้นจนทำให้นอนไม่หลับ

ทางด้านจ้าวเสี่ยวเหลียนตอนนี้กำลังนอนหนุนตักผู้เป็นยาย ฟังท่านเล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง แต่แล้วเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น

“ยายคะ พี่ใหญ่ แม่ให้มาตามไปกินข้าวค่ะ”

ช่วงนี้ปิดเทอมก็จริง แต่เพราะกำลังจะขึ้นชั้นมัธยม หลี่เฟินผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนอนหนังสือก็มักจะไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ไม่ค่อยอยู่บ้าน

“หลานไปกินข้าวเถอะ ยายกับพี่เขากินกันมาแล้วล่ะ” ยายหลิวบอกหลานสาว

ถึงจะเป็นหลานที่ออกมาจากแม่คนเดียวกัน ทว่าความผูกพันที่ท่านมีต่อหลานสาวคนเล็กนั้นกลับบางเบามาก ต่างจากจ้าวเสี่ยวเหลียนที่เลี้ยงมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก ทั้งยังคิดว่าหลานคนเล็กได้รับทั้งความรักจากพ่อและแม่ ต่างจากหลานสาวคนโตที่มีเพียงตนคนเดียว ท่านจึงไม่ค่อยสุงสิงกับหลานสาวคนเล็กมากนัก

“ค่ะ” หลี่เฟินพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นก็ปิดประตูกลับคืนตามเดิม

หลิวซือที่ยืนอยู่หน้าห้องได้ยินบทสนทนาทุกอย่าง นึกตำหนิแม่ของตัวเองอยู่ในใจ แกขนาดนี้แล้วทำไมถึงได้ทำตัวประชดเป็นเด็กไปได้

ย่าหลี่กลับโล่งใจที่ไม่เห็นสองยายหลาน รู้สึกเหมือนครอบครัวกลับมาสงบอีกครั้ง เหมือนครั้งที่พวกเขายังไม่ย้ายมาอยู่ที่นี่

“จริงสิ ได้ข่าวว่าหัวหน้าเรียกตัวให้ไปพบเหรอ” ย่าหลี่ถามขึ้น เพราะทั้งสองทำงานที่เดียวกัน

“ค่ะ แต่ฉันบอกไปแล้วละค่ะ หัวหน้าเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร” หลิวซือตอบ แต่ไม่ได้พูดถึงปัญหาใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

ก่อนอื่นต้องรู้ให้ได้ก่อน ว่าคนที่ช่วยชีวิตลูกสาวคือใคร เป็นหนุ่มโสดหรือแต่งงานแล้ว เพราะหากว่าเป็นอย่างหลัง เรื่องยุ่งยากคงจะตามมาอีกเยอะเลยทีเดียว

“อืม อย่าให้ส่งผลกับคนอื่นแล้วก็เงินพิเศษประจำปีเป็นใช้ได้”

ย่าหลี่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะตัวต้นเหตุของเรื่องยังไงก็คือลูกสาวคนโปรดของท่านอยู่ เลยทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งไม่ถือสา

ผ่านไปหลายวัน สองยายหลานยังคงทำตัวเหมือนเดิม คือไม่ทำงานบ้าน ช่วงเช้าก็ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า ช่วงเย็นกลับบ้านมาก็หลบเข้าห้อง

หลิวซือเองก็ไม่กล้าสู้หน้า แต่เพราะหัวหน้าเร่งเอาคำตอบเรื่องคนที่ช่วยชีวิตลูกสาว เธอเลยต้องมาที่ห้องของลูกสาวในเวลานี้

“ยังไม่นอนกันอีกเหรอคะ” หลิวซือเปิดประตูห้องเข้าไป เห็นแม่กับลูกสาวยังพูดคุยหัวเราะกันอยู่ มองดูแล้วเป็นภาพที่ทำให้ใครหลายคนนึกอิจฉา

“มีเรื่องอะไรเหรอ” ยายหลิวหันไปพูดกับลูกสาว ทั้งที่มือของท่านยังลูบหน้าผากของหลานสาวอยู่

“ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับหลานสาวแม่หน่อยน่ะค่ะ เสี่ยวเหลียนออกมาคุยกันหน่อยสิ” ประโยคสุดท้ายเธอหันไปพูดกับลูกสาวเสียงเรียบ

“มีเรื่องอะไรก็คุยกันตรงนี้แหละ ให้ฉันได้ยินด้วย” ทว่ายายหลิวกลับพูดขัดขึ้นมาก่อนที่เสี่ยวเหลียนจะลุกขึ้นจากตักอุ่นของท่านด้วยซ้ำ

“ไม่มีอะไรสำคัญหรอกค่ะ ฉันแค่อยากจะถามอาการนิดหน่อย”

“ก็ถ้าแค่ถามอาการป่วย ทำไมจะต้องออกไปคุยข้างนอกด้วย ไร้สาระจริงๆ แกเนี่ย หมอหลี่บอกแล้วว่าร่างกายเสี่ยวเหลียนไม่แข็งแรง อย่างน้อยๆ ต้องนอนพักอีกเป็นเดือน หรือไม่ก็จนกว่าจะเปิดเรียนนั่นแหละ” ยายหลิวบอกปัด เพราะคิดว่าลูกสาวน่าจะมาบอกให้หลานสาวของท่านกลับไปทำงานบ้านตามเดิม

ท่านไม่ติดใจอะไรหากจะอาศัยอยู่บ้านคนอื่นแล้วสามารถช่วยงานเล็กๆ น้อย แต่พอมองย้อนกลับมาแล้ว คนพวกนั้นไม่ได้เห็นว่าตัวเองกับหลานสาวเป็นญาติ หากแต่เป็นเหมือนคนงานที่มาทำงานเพื่ออาศัยที่ซุกหัวนอนมากกว่า แบบนี้ท่านรับไม่ได้

“ไม่ได้พูดเรื่องนั้นหรอกค่ะแม่วางใจได้ ถ้าไม่อยากทำงานบ้านแล้วฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่แม่ย่าลืมว่าเสี่ยวเหลียนก็โตพอที่จะช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ได้แล้ว” หลินซืออดที่จำตำหนิแม่ตัวเองกลายๆ ไม่ได้ที่เอาแต่ให้ท้ายหลาน

“แกไม่ต้องมาเป็นห่วงเรื่องพวกนี้หรอก เสี่ยวเหลียนหากินเป็นตั้งแต่อายุ 7-8 ขวบ หุงข้าวเป็นตั้งแต่อายุ 6 ขวบเสียด้วยซ้ำ ลูกสาวคนเล็กของแกน่ะก็รู้จักสอนบ้าง จนป่านนี้เสื้อผ้ายังต้องซักให้อยู่เลย วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือ อ่านหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่ใช่เหมือนลูกชายบ้านรองที่บอกไปอ่านหนังสือแต่ไปโผล่อีกที่”

“แม่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” หลิวซือถามหน้าตึง

หากพูดถึงลูกทั้งสองคน แน่นอนว่าหลี่เฟินคือคนที่เธอภูมิใจมากที่สุด นอกจะจะเรียนที่โณงเรียนอันดับหนึ่งแล้ว ยังเรียนได้อันดับหนึ่งของสายชั้นอีกด้วย อนาคตยิ่งไม่ต้องพูดถึง จะต้องไปได้ไกลแน่

“หมายความว่า แกมีเรื่องอะไรจะพูดก็พูดมันเสียตรงนี้เลย แต่ถ้าไม่มีก็ออกไปเถอะพวกเรากำลังจะเข้านอน”

“ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นก็พักผ่อนเถอะ”

สุดท้ายหลิวซือก็ไม่ได้พูดเรื่องที่ตัวเองสงสัย พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปตอบคำถามหัวหน้า เห็นทีว่าคงต้องคอยหลบหน้าไปสักพัก รอให้เรื่องซากว่านี้ อีกเดี๋ยวก็คงจะลืมกันไปเอง

15 สิงหาคม 1975

อีกไม่ถึงสองสัปดาห์โรงเรียนก็จะเปิดแล้ว แต่ยายหลิวได้รับแจ้งจากผู้นำหมู่บ้าน ว่าให้ท่านกลับไปเพื่อลงชื่อรับเงินชดเชยจากทางการ

“ให้ฉันไปด้วยนะคะ” จ้าวเสี่ยวเหลียนบอก เธอไม่อยากอยู่ที่บ้านหลี่คนเดียว

ตอนนี้อาการป่วยของเธอหายแล้ว แต่ว่ายายหลิวไม่ยอมให้กลับไปทำงานบ้าน และตั้งแต่เกิดเรื่องพวกเขาก็ไม่ได้ร่วมโต๊ะกินข้าวกับคนบ้านหลี่อีกเลย

แรกๆ ย่าหลี่ก็ถามตามมารยาท แต่หลังๆ มาท่านก็ไม่ถามแล้ว ได้ข่าวจากเพื่อนบ้านว่าสองยายหลานออกไปกินข้าวข้างนอกเป็นว่าเล่น ได้ยินแบบนั้นแล้วก็รู้สึกปวดใจกับเงินที่ทั้งสองคนจ่ายไป

“จะไปทำไม จากนี่ไปไม่ใช่ใกล้ๆ เดินทางก็หลายวันแล้ว ใกล้จะเปิดเทอมเต็มทีแล้ว อยู่ที่นี่แหละ” ยายหลิวบอก

ตอนแรกท่านเกือบจะใจอ่อนยอมให้หลานสาวไปด้วย มาคิดดูอีกทีก็อยากจะสอนหลานสาวไปในตัว เพราะทั้งสองอยู่แต่ในที่แคบ ไม่เคยได้มาสัมผัสกับผู้คนในเมืองจริงๆ ว่าเป็นคนแบบไหน

“ยาย”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ยายไปแล้วเดี๋ยวเดียวก็กลับมา จริงสิ พรุ่งนี้ยายจะพาไปซื้อชุดก่อน พอเปิดเทอมจะได้ไม่วุ่นวาย”

“ยายบอกแม่หรือยังคะ”

“เอาไว้ใกล้ๆ วันที่จะไปค่อยบอก ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก” ยายหลิวบอกปัด

จ้าวเสี่ยวเหลียนนอนคิดทั้งคืน ว่าจะทำยังไงหลังจากที่ยายกลับบ้านที่ชนบท เพราะเชื่อว่าคนบ้านหลี่จะต้องรอจังหวะนี้อยู่แน่ๆ

ตั้งแต่เกิดเรื่องอาสามก็หายไปเลย ไม่แน่ว่าพอหล่อนรู้ข่าวเรื่องที่ยายหลิวไม่อยู่ ก็อาจจะมาพูดเรื่องแต่งงานนี้อีก เพราะฉะนั้นเธอจำเป็นต้องรีบหาเงินและพายายย้ายออกจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด

แต่เพราะในหมู่บ้านมีเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็จะถึงหูกันหมดอย่ารวดเร็ว ภายในวันเดียวกันนั้นหลิวซือก็ได้รู้ว่าแม่ของเธอกำลังจะกลับบ้าน

จะทำยังไงน้อ สงสารน้องจังวุ้ย อิอิ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   120

    ช่วงดึกวันเดียวกันนั้น พ่อจางสังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยา อยู่กินมานานเกือบสามสิบปี แค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร“มีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่าครับ” พ่อจางกอดภรรยาจากทางด้านหลัง มั่นใจว่าคนข้างๆ ยังไม่นอน“…." มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา“วันนี้เจ้าลูกชายตัวดีมาคุยกับผม เรื่องที่ขอยืดเวลาให้กวงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ก่อน ทางผมไม่ติดอะไรนะถ้าคุณจะอยู่กับหลานต่อ”“ฉันจะกลับบ้านค่ะ ถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ฉันเอาหลานกลับ ก็ให้พวกเขาเลี้ยงกันเอง ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว” แม่จางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ถ้าคุณอยากจะกลับเพราะคิดถึงผมก็แล้วไปเถอะ แต่อย่ากลับเพียงเพราะอยากประชดลูกเลย เสวี่ยอวี้อาจจะไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ลูกสะใภ้ลำบากใจ ได้ยินว่าเธอยินดีที่ให้กวงเอ๋อร์ไปชิงเต่า แต่เจ้าลูกชายตัวดีไม่ยอม” พ่อจางรับหน้าที่เป็นคนกลา

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   119

    สิงหาคม 1980ครบกำหนดที่จางเหยากวงต้องกลับไปชิงเต่ากับคุณย่าของเขาแล้ว เจ้าอ้วนยังไม่รู้ชะตากรรมว่าต่อไปตัวเองจะต้องอยู่ห่างจากพ่อแม่ ตอนนี้สองพ่่อลูกกำลังเล่นของเล่นบนเตียงกันอยู่“ผมจำได้ว่าเครื่องบินของกวงเอ๋อร์มีเยอะกว่านี้ไม่ใช่เหรอครับ” สองพ่อลูกชอบเล่นเครื่องบิน ก่อนนอนทุกคืนเขาจะต้องได้เล่นเครื่องบินกับพ่อก่อน แล้วค่อยให้ย่าจางพาไปนอน“ฉันเก็บลงกล่องบางส่วนแล้วละค่ะ” พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกจุกที่ลำคอทุกทีจางเสวี่ยอวี้ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ ให้ลูกชายเล่นเครื่องบินไปก่อน แล้วหันมาปลอบแม่ของลูกแทน “ถ้าอย่างนั้นไม่สู้เราคุยกับแม่ให้ท่านกลับไปชิงเต่าก่อนดีหรือเปล่าครับ ผมจะจ้างพี่เลี้ยงมาอยู่ประจำ คุณยายท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป”ตอนนี้แม้ว่าที่บ้านของเขาจะมีแม่บ้าน แต่ทำงานเช้าเย็นก็กลับ หน้าที่เลี้ยงหลานเป็นของยายทวดและคุณย่า เขารู้ดีว่าพวกท

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   118

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลูกและเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมใส่ใจน้องสาว ตอนนี้หลี่เฟินสอบเข้ามหาวิทยาลัยมณฑลได้แล้ว เดิมทีแม่หลิวอยากให้มาอยู่กับพี่สาว จะช่วยเลี้ยงหลาน แต่เพราะมหาวิทยาลัยกับค่ายทหารอยู่ไกลกันเดินทางลำบาก เสี่ยวเหลียนเลยเลือกให้น้องสาวอยู่หอพักแทน วันหยุดถึงมาหลานสาว“ไอหยา…ตัวหนักกว่าครั้งที่แล้วอีกนะ” น้าสาวยิ้มกว้างเมื่อได้อุ้มหลานชายวัยสี่เดือน ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าของเด็กหนึ่งขวบไปแล้วเรียบร้อย“เขาห้ามทักว่าเด็กอ้วนเดี๋ยวจะป่วย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” ยายหลิวดุหลานสาว“จริงเหรอคะ เสี่ยวกวงของเราไม่อ้วนเลย ออกจะผอมไปด้วยซ้ำ ต้องกินเยอะๆ นะ” พอรู้ว่าหลานชายจะป่วยเพราะคำพูดของตัวเอง น้าสาวก็กลับคำเสียอย่างนั้นเสี่ยวเหลียนได้ยินแล้วก็ส่ายหน้า “เด็กคนหนึ่งจะป่วยก็คงไม่เกี่ยวกับคำพูดหรอก เป็นเพราะสภาพแวดล้อมแล้วก็สิ่งที่เขากินเข้าไปมากกว่า เจ็บป

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   117

    จ้าวเสี่ยวเหลียนอยู่โรงพยาบาล 3 วัน ถ้าเป็นคนอื่นคงออกตั้งแต่สองวันแรก แต่เพราะเป็นภรรยาของท่านนายพล เขาอยากมั่นใจก่อนว่าภรรยาและลูกปลอดภัย พ่อจางกับแม่จางมาถึงวันที่เสี่ยวเหลียนออกจากโรงพยาบาลพอดี จางเสวี่ยอวี้ตั้งชื่อลูกชายา จางเหยากวง“ไอหยา…เพิ่งคุยกันไม่กี่วันก่อนแท้ๆ หลานย่าก็รีบออกมาเสียแล้ว ไม่รอย่าเลย” ตอนนี้คุณแม่จางกำลังอุ้มหลายชายตัวอ้วนของท่านอยู่รีบอะไรกันละคะ ความจริงต้องออกตั้นแต่ช่วงต้นเดือนเสียด้วยซ้ำ อีกสองสัปดาห์ก้จะเปิดเทอมแล้ว ม่านม่านจะพักฟื้นทันหรือเปล่า" แม่หลิวมองหน้าลูกสาวที่กำลังอยู่เดือนด้วยความเป็นห่วง“นั่นสิ แล้วเรื่องอยู่เดือนจะทำยังไง” แม่จางถาม“สัปดาห์แรกน่าจะยังไม่มีอะไรหรอกค่ะ ยังไม่ต้องไปก็ได้ แต่หลังจากนั้นยังไงก็ต้องไปเพราะขึ้นปีสามแล้ว เนื้อหาเฉพาะมากขึ้น”“ไม่สู้ให้แม่พากวงเอ๋อร์กลับชิงเต่า พวกลูกจะไ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   116

    จางเสวี่ยอวี้ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาเห็นของเหลวกำลังไหลออกมาจากร่างกายของภรรยา ก่อนหน้านี้เธอมีอาการเจ็บท้องอยู่หลายครั้ง แต่พอเกิดขึ้นจริงเขากลับทำอะไรไม่ถูก“จางเสวี่ยอวี้ เอาของที่เตรียมไว้ไปใส่รถเร็วเข้า” ในจิตสำนึกของเธอแล้ว ตัวเองอายุเท่ากันกับสามี พอน้ำคร่ำแตก อาการเจ็บท้องคลอดของเธอก็ถี่ขึ้น จนเหงื่อท่วมตัวว่าที่คุณพ่อมือใหม่สะดุ้งกับคำสั่งของภรรยา “ได้” เขารีบเดินไปหิ้วกระเป๋าที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้นานแล้วขึ้นรถ ไม่นานก็กลับเข้ามาอุ้มภรรยาไปโรงพยาบาล“ไม่ต้องกลัวนะ ทำใจให้สบาย” ยายหลิวจับมือปลอบใจหลานสาวตลอดทาง โชคดีที่บ้านพักกับโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาทีก็มาถึงโรงพยาบาลตอนนี้เสี่ยวเหลียนถูกเข็นไปยังห้องคลอด จางเสวี่ยอวี้เดินไปตามหวังหว่านอินที่ห้องตรวจด้วยตัวเอง ทำเอาคนไข้แตกตื่นไปตามๆ กัน“นายใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้เธอ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   115

    กุมภาพันธ์ 1980ปิดเทอมฤดูหนาวเสี่ยวเหลียนไม่ได้กลับชิงเต่า เพราะจางเสวี่ยอวี้ไม่อยากให้เธอต้องเดินทางไกลช่วงที่หิมะตกหนัก“เข้าใจแล้วค่ะ วางแล้วนะคะ”“ใครโทรมาครับ” จางเสวี่ยอวี้เดินเข้ามาโอบเอวของภรรยา มือหนาลูบหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมานิดๆ ของภรรยา“แม่น่ะค่ะ โทรมากำชับ บอกว่าปิดเทอมนี้ไม่ต้องกลับบ้าน” เธอยิ้มตอบสามี รู้สึกดีทุกครั้งที่เขาลูบท้องลูกของพวกเธอ“ผมทำเรื่องขอย้ายไปอยู่บ้านเป็นหลังแล้ว คิดว่าสะดวกกว่าอยู่บนอาคาร”“ทำไมละคะ” เธอคิดว่าอยู่บนอาคารก็สะดวกดี ฤดูหนาวไม่ต้องคอยมากวาดหิมะบนหลังคา ติดแค่พื้นที่แคบไปสักหน่อยก็เท่านั้น“อยู่บ้านเป็นหลังดีกว่า อีกหน่อยคุณยายก็ต้องมาช่วยดูแลคุณ ท่านจะได้ไม่อึดอัดที่อยู่แต่บนอาคารอย่างเดียว”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status