Share

13

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-08-11 15:30:13

สุดท้ายแล้วจ้าวเสี่ยวเหลียนก็ได้เข้ามาในตลาดมืดแห่งนี้ ของบางอย่างวางขายราวกับว่าเป็นตลาดสด ส่วนมากแล้วเป็นของที่ถูกจำกัดทั่วไปไม่มีมีอะไรพิเศษ

“สาวน้อย มองหาอะไรอยู่เหรอ” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ ดูๆ ไปแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอด้วยซ้ำ

“สวัสดีค่ะพี่สาว” เสี่ยวเหลียนทักทายอีกฝ่าย เธอกำลังต้องการข้อมูลอยู่พอดี

“ฉันเห็นเธอเดินเข้ามาสักพักแล้วแต่ไม่เห็นซื้ออะไร เลยคิดว่าน่าจะยังไม่เจอของที่อยากได้ ว่ายังไงล่ะ หาอะไรอยู่เผื่อว่าฉันจะช่วยหาได้”

“ทำไมถึงคิดว่าฉันกำลังหาของอยู่ล่ะ” เสี่ยวเหลียนไม่ตอบคำถาม แต่เป็นฝ่ายถามอีกฝ่ายแทน

“ไม่มีใครที่เข้ามาแล้วอยู่นานเท่าเธอแล้วล่ะ ได้ของที่ต้องการแล้วก็รีบออกจากที่นี่กันทั้งนั้น” หญิงสาวตอบเสียงกลั้วหัวเราะ

“งั้นเหรอ แบบนี้เองสินะ” เสี่ยวเหลียนพยักหน้าเข้าใจสถานการณ์

ตกลงว่าหาอะไรจะได้ช่วยหา คิดว่าน้ำไม่แพงหรอก"

“ค่าน้ำ” เสี่ยวเหลียนทวนคำ

“ใช่แล้ว ค่าเดินทางน่ะ ไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ หรอกนะ อยากได้ก็ต้องยอมจ่าย” อีกฝ่ายมองอย่าประเมินท่าที

คนที่ตัดสินใจเข้ามาในตลาดมืด ส่วนมากแล้วเป็นพวกมีเงินพร้อมจ่าย หรือไม่ก็เป็นพวกพ่อค้าแม่ค้ากันเอง แต่ดูจากลักษณะแล้วน่าจะมาซื้อมากกว่าขาย

“ไม่ดีกว่า ขอบคุณพี่สาวมาก” เสี่ยวเหลียนปฏิเสธ เพราะเธอไม่อยากได้อะไร แค่กำลังมองหาว่าคนส่วนใหญ่ที่มาซื้อของยังสถานที่ต้องห้ามนี้ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาต้องการอะไรเท่าทีเธอเห็น ส่วนมากแล้วจะเป็นของกิน ไม่ก็ของใช้ทั่วไปแต่ถูกจำกัดปริมาณการขาย พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ปริมาณสินค้ามีน้อยกว่าปริมาณความต้องการของผู้บริโภค

“แล้วก็ไม่พูดให้ชัดเจนตั้งแต่แรก เสียเวลาจริงๆ” พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ หญิงสาวก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงหนีไป

กลับมาถึงบ้านหลี่ก็เห็นว่าหลิวซือผู้เป็นแม่นั่งหน้าบูดรอที่บ้าน มองดูนาฬิกาแขวนตรงผนังพบว่าตอนนี้สิบโมงกว่าแล้ว แม่น่าจะออกไปทำงานแล้วถึงจะถูก

“ไปไหนมา” หลิวซือถามเสียงเรียบ

“ไปส่งยายมาค่ะ” เธอไม่ปิดบัง เพราะยังไงวันนี้ทุกคนก็จะต้องรู้อยู่ดี

“ทำไมแกถึงไม่บอกฉัน ปล่อยให้ยายกลับไปคนเดียวแบบนั้นได้ยังไง”

“แล้วแม่จะให้ฉันทำยังไงละคะ ถ้าบอกแล้วแม่จะลางานไปเป็นเพื่อนยายเหรอ ก็ไม่น่าใช่” ประโยคสุดท้ายเธอแค่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างห้ามอไม่อยู่

“ฉันไปไม่ได้เพราะทำงานไม่ใช่ว่าไม่อยากไป แกก็น่าจะรู้ว่ายายอยู่ชนบทมาตั้งแต่เกิด ไม่คุ้นชินกับเดินทางไกลแบบนี้ ไหนบอกว่ารักยายนักหนา ทำไมแกไม่ยอมตามยายไป”

“ฉันก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอกค่ะ แต่ติดที่ว่าอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว” เสี่ยวเหลียนพูด

หลิวซือได้ยินแบบนั้นก็พูดไม่ออก ก่อนหน้านี้เธอเคยวาดฝันว่าอยากให้ลูกสาวมาอยู่ด้วย เพื่อที่ตนเองจะได้ชดเชยกับสิ่งที่ทำพลาด แต่พอเอาเข้าจริงๆ เธอเองก็เริม่ไม่มั่นใจว่ายังต้องการแบบนั้นอยู่หรือเปล่า เพราะดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่เข้ากับลูกสาวเลย แม้ว่าจะพยายามปรับตัวแล้วก็ตาม

“แกพูดเรื่องนี้มาก็ดีแล้วเหมือนกัน”

จ้าวเสี่ยวเหลียนฟังแล้วรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ทีหน้า ท่าทางของผู้เป็นแม่บ่งบอกว่าไม่ได้พูดเล่น

“ฉันจะพาแกไปเจอคนคนหนึ่ง”

“ใครคะ” เสี่ยวเหลียนถอยหลังตามสัญชาตญาณ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าของร่างก่อนหน้าแล้วได้รู้สึกไม่ปลอดภัย

“ไม่ต้องมองฉันเป็นนางมารขนาดนั้นก็ได้ ไม่มีอะไรหรอกน่า” หลิวซือเห็นท่าทางของลูกสาวแล้วได้แต่กรอกตามองบน

“ถ้างั้นก็บอกมาก่อนสิคะว่าจะพาไปพบใคร”

“ถึงแล้วก็จะรู้เองล่ะน่า ไปเร็วเข้าสายมากแล้ว” หลิวซือไม่ตอบคำถาม แต่เดินมาจูงแขนลูกสาวให้เดินตามหลังตัวเองไปยังสถานที่ที่นัดหมายกันเอาไว้

สุดท้ายแล้วเสี่ยวเหลียนจำเป็นต้องเดินตามแม่มายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นร้านขายเกี๊ยวธรรมดาทั่วไป ข้างในร้านมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่พอเดินเข้าไปใกล้โต๊ะต้องกลอกตามองบน ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นอาสามนั่นเอง

“มาแล้วเหรอ” อาสามลุกขึ้นยืน ยิ้มทักทายเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

“เสี่ยวเหลียน” หลิวซือเรียกชื่อลูกสาว

“สวัสดีค่ะ” ทำให้เธอจำเป็นต้องทักทายอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท

“เอาล่ะๆ นั่งลงสั่งอะไรมากกินก่อน ไหนๆ ก็ยังไม่ถึงเวลา”

อาสามารับหน้าที่สั่งอาหารในร้าน ส่วนเสี่ยวเหลียนได้แต่กอดตัวเองแน่น อยากจะรู้เหมือนกันว่าแผนการณ์วันนี้เป็นยังไง

เธอคิดเอาไว้อยู่แล้ว ว่าถ้าหากไม่มียายหลิวคอยปกป้อง ต่อไปเธอก็ไม่ต่างอะไรกับอยู่ในดงเสือ ดงจระเข้ จำเป็นต้องโอนอ่อนไปตามคำพูดของทุกคน แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้

“ฉันกินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ โชคดีที่แม่ไม่อยู่ ตอนแรกก็มืดแปดด้านไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี” หลิวซือพูดพร้อมทั้งมองหน้าลูกสาว

“เอาเถอะค่ะพี่สะใภ้ รอฟังก่อนว่าทั้งนั้นจะพูดอะไร ถ้าดีเราก็แค่เราเอาไว้ แต่ถ้าไม่ดีก็หาทางบอกปัดก็เท่านั้น ดีกว่าปล่อยให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน เท่าที่รู้ตอนนี้คงไม่มีใครอยากเกี่ยวดองกับบ้านเราแล้ว” อาสามพูดพร้อมทั้งมองหน้าจ้าวเสี่ยวเหลียน

เสี่ยวเหลียนนั่งนิ่ง กำลังวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ ถ้าให้เดาแน่นอนว่าเรื่องจะต้องเกี่ยวกับเธอไม่มากก็น้อย แต่ไม่ว่าจะนึกยังไงก็นึกไม่ออก

ผ่านไปสักพักบะหมี่เกี๊ยวน้ำก็ถูกวางตรงหน้า เสี่ยวเหลียนได้กลิ่นหอมของอาหารก็ก้มหน้าก้มตากิน เธอไม่ใช่พวกไม่พอใจก็อดอาหารประท้วง คิดว่าคนพวกนั้นสิ้นคิด เพราะถ้าท้องไม่อิ่ม สมองจะมีแรงคิดแก้ไข้ปัญหาได้ยังไงกันล่ะ

ไม่นานเสียงเปิดประตูร้านก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงพูดของใครบางคน ที่ทำเอาคนฟังต้องหันกลับไปมองเป็นตาเดียว

“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาช้า พอดีว่าไม่ค่อยชินกับตรอกนี้เท่าไหร่”

ร่างของหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งปรากฏขึ้น พร้อมกับร่มที่ถือว่าไว้บังแดด แต่พอหล่อนหุบร่มลง ก็เผยให้เห็นถึงใบหน้าสวย เรียบเนียนไม่มีจุดด่างดำเลยแม้แต่นิดเดียวไม่บอกก็รู้ว่าเป็นพวกผู้ดีมีเงิน น่าจะไม่เคยทำงานตากแดด ชีวิตนี้เคยสัมผัสกับคำว่าแดดเผาหรือเปล่าก็ไม่รู้

“สวัสดีค่ะ ไม่เป็นไรเลยค่ะ พวกเราก็มาถึงได้สักพักนี้เอง” อาสามจัดการเลื่อนชามบะหมี่ของตนเองไปตรงหน้าของพี่สะใภ้ใหญ่ ที่ทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้อีกฝ่ายมองตนเองใหม่ รวมถึงพี่สะใภ้ของเธอด้วย

“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ตามสบายเถอะ” คนมาใหม่ผายมือเชื้อเชิญให้คนอื่นนั่งตามอัธยาศัย

เมื่อนั่งลงที่เก้าอี้แล้ว อีกฝ่ายก็กวาดสายสังเกตจ้าวเสี่ยวเหลียนอย่างพินิจพิเคราะห์ จนทำเอาเจ้าตัวปั้นหน้าไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงถึงจะไม่ให้โดนจับได้

“คุณพี่มาก็ดีแล้วละค่ะ ถือโอกาสแนะนำตัวกันเลยก็แล้วกันนะคะ” อาสามพูดขึ้น พร้อมทั้งแนะนำครอบครัวหลีให้อีกฝ่ายได้รู้จักอย่างถี่ท้วน

“สวัสดีจ้ะหนูเสี่ยวเหลียน ฉันชื่อหยางเถาฮวา เรียกว่าป้าเถาฮวาก่อนก็ได้ เพราะอีกหน่อยก็จะกลายเป็นทองแผ่เดียวกันแล้ว”

เสี่ยวเหลียนกำลังจะทักทายตามมารยาท แต่แล้วก็ต้องยิ้มค้างอยู่แบบนั้น ถ้าเดาไม่ผิดนี่จะเรียกว่าดูตัว มากกว่ามาพบคนคนหนึ่งเฉยๆๆ เหมือนที่แม่ของเธอบอก

ใครมาอีกล่ะ โผล่มาไม่เว้นวันกันเลยทีเดียว คริๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   120

    ช่วงดึกวันเดียวกันนั้น พ่อจางสังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยา อยู่กินมานานเกือบสามสิบปี แค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร“มีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่าครับ” พ่อจางกอดภรรยาจากทางด้านหลัง มั่นใจว่าคนข้างๆ ยังไม่นอน“…." มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา“วันนี้เจ้าลูกชายตัวดีมาคุยกับผม เรื่องที่ขอยืดเวลาให้กวงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ก่อน ทางผมไม่ติดอะไรนะถ้าคุณจะอยู่กับหลานต่อ”“ฉันจะกลับบ้านค่ะ ถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ฉันเอาหลานกลับ ก็ให้พวกเขาเลี้ยงกันเอง ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว” แม่จางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ถ้าคุณอยากจะกลับเพราะคิดถึงผมก็แล้วไปเถอะ แต่อย่ากลับเพียงเพราะอยากประชดลูกเลย เสวี่ยอวี้อาจจะไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ลูกสะใภ้ลำบากใจ ได้ยินว่าเธอยินดีที่ให้กวงเอ๋อร์ไปชิงเต่า แต่เจ้าลูกชายตัวดีไม่ยอม” พ่อจางรับหน้าที่เป็นคนกลา

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   119

    สิงหาคม 1980ครบกำหนดที่จางเหยากวงต้องกลับไปชิงเต่ากับคุณย่าของเขาแล้ว เจ้าอ้วนยังไม่รู้ชะตากรรมว่าต่อไปตัวเองจะต้องอยู่ห่างจากพ่อแม่ ตอนนี้สองพ่่อลูกกำลังเล่นของเล่นบนเตียงกันอยู่“ผมจำได้ว่าเครื่องบินของกวงเอ๋อร์มีเยอะกว่านี้ไม่ใช่เหรอครับ” สองพ่อลูกชอบเล่นเครื่องบิน ก่อนนอนทุกคืนเขาจะต้องได้เล่นเครื่องบินกับพ่อก่อน แล้วค่อยให้ย่าจางพาไปนอน“ฉันเก็บลงกล่องบางส่วนแล้วละค่ะ” พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกจุกที่ลำคอทุกทีจางเสวี่ยอวี้ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ ให้ลูกชายเล่นเครื่องบินไปก่อน แล้วหันมาปลอบแม่ของลูกแทน “ถ้าอย่างนั้นไม่สู้เราคุยกับแม่ให้ท่านกลับไปชิงเต่าก่อนดีหรือเปล่าครับ ผมจะจ้างพี่เลี้ยงมาอยู่ประจำ คุณยายท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป”ตอนนี้แม้ว่าที่บ้านของเขาจะมีแม่บ้าน แต่ทำงานเช้าเย็นก็กลับ หน้าที่เลี้ยงหลานเป็นของยายทวดและคุณย่า เขารู้ดีว่าพวกท

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   118

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลูกและเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมใส่ใจน้องสาว ตอนนี้หลี่เฟินสอบเข้ามหาวิทยาลัยมณฑลได้แล้ว เดิมทีแม่หลิวอยากให้มาอยู่กับพี่สาว จะช่วยเลี้ยงหลาน แต่เพราะมหาวิทยาลัยกับค่ายทหารอยู่ไกลกันเดินทางลำบาก เสี่ยวเหลียนเลยเลือกให้น้องสาวอยู่หอพักแทน วันหยุดถึงมาหลานสาว“ไอหยา…ตัวหนักกว่าครั้งที่แล้วอีกนะ” น้าสาวยิ้มกว้างเมื่อได้อุ้มหลานชายวัยสี่เดือน ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าของเด็กหนึ่งขวบไปแล้วเรียบร้อย“เขาห้ามทักว่าเด็กอ้วนเดี๋ยวจะป่วย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” ยายหลิวดุหลานสาว“จริงเหรอคะ เสี่ยวกวงของเราไม่อ้วนเลย ออกจะผอมไปด้วยซ้ำ ต้องกินเยอะๆ นะ” พอรู้ว่าหลานชายจะป่วยเพราะคำพูดของตัวเอง น้าสาวก็กลับคำเสียอย่างนั้นเสี่ยวเหลียนได้ยินแล้วก็ส่ายหน้า “เด็กคนหนึ่งจะป่วยก็คงไม่เกี่ยวกับคำพูดหรอก เป็นเพราะสภาพแวดล้อมแล้วก็สิ่งที่เขากินเข้าไปมากกว่า เจ็บป

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   117

    จ้าวเสี่ยวเหลียนอยู่โรงพยาบาล 3 วัน ถ้าเป็นคนอื่นคงออกตั้งแต่สองวันแรก แต่เพราะเป็นภรรยาของท่านนายพล เขาอยากมั่นใจก่อนว่าภรรยาและลูกปลอดภัย พ่อจางกับแม่จางมาถึงวันที่เสี่ยวเหลียนออกจากโรงพยาบาลพอดี จางเสวี่ยอวี้ตั้งชื่อลูกชายา จางเหยากวง“ไอหยา…เพิ่งคุยกันไม่กี่วันก่อนแท้ๆ หลานย่าก็รีบออกมาเสียแล้ว ไม่รอย่าเลย” ตอนนี้คุณแม่จางกำลังอุ้มหลายชายตัวอ้วนของท่านอยู่รีบอะไรกันละคะ ความจริงต้องออกตั้นแต่ช่วงต้นเดือนเสียด้วยซ้ำ อีกสองสัปดาห์ก้จะเปิดเทอมแล้ว ม่านม่านจะพักฟื้นทันหรือเปล่า" แม่หลิวมองหน้าลูกสาวที่กำลังอยู่เดือนด้วยความเป็นห่วง“นั่นสิ แล้วเรื่องอยู่เดือนจะทำยังไง” แม่จางถาม“สัปดาห์แรกน่าจะยังไม่มีอะไรหรอกค่ะ ยังไม่ต้องไปก็ได้ แต่หลังจากนั้นยังไงก็ต้องไปเพราะขึ้นปีสามแล้ว เนื้อหาเฉพาะมากขึ้น”“ไม่สู้ให้แม่พากวงเอ๋อร์กลับชิงเต่า พวกลูกจะไ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   116

    จางเสวี่ยอวี้ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาเห็นของเหลวกำลังไหลออกมาจากร่างกายของภรรยา ก่อนหน้านี้เธอมีอาการเจ็บท้องอยู่หลายครั้ง แต่พอเกิดขึ้นจริงเขากลับทำอะไรไม่ถูก“จางเสวี่ยอวี้ เอาของที่เตรียมไว้ไปใส่รถเร็วเข้า” ในจิตสำนึกของเธอแล้ว ตัวเองอายุเท่ากันกับสามี พอน้ำคร่ำแตก อาการเจ็บท้องคลอดของเธอก็ถี่ขึ้น จนเหงื่อท่วมตัวว่าที่คุณพ่อมือใหม่สะดุ้งกับคำสั่งของภรรยา “ได้” เขารีบเดินไปหิ้วกระเป๋าที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้นานแล้วขึ้นรถ ไม่นานก็กลับเข้ามาอุ้มภรรยาไปโรงพยาบาล“ไม่ต้องกลัวนะ ทำใจให้สบาย” ยายหลิวจับมือปลอบใจหลานสาวตลอดทาง โชคดีที่บ้านพักกับโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาทีก็มาถึงโรงพยาบาลตอนนี้เสี่ยวเหลียนถูกเข็นไปยังห้องคลอด จางเสวี่ยอวี้เดินไปตามหวังหว่านอินที่ห้องตรวจด้วยตัวเอง ทำเอาคนไข้แตกตื่นไปตามๆ กัน“นายใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้เธอ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   115

    กุมภาพันธ์ 1980ปิดเทอมฤดูหนาวเสี่ยวเหลียนไม่ได้กลับชิงเต่า เพราะจางเสวี่ยอวี้ไม่อยากให้เธอต้องเดินทางไกลช่วงที่หิมะตกหนัก“เข้าใจแล้วค่ะ วางแล้วนะคะ”“ใครโทรมาครับ” จางเสวี่ยอวี้เดินเข้ามาโอบเอวของภรรยา มือหนาลูบหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมานิดๆ ของภรรยา“แม่น่ะค่ะ โทรมากำชับ บอกว่าปิดเทอมนี้ไม่ต้องกลับบ้าน” เธอยิ้มตอบสามี รู้สึกดีทุกครั้งที่เขาลูบท้องลูกของพวกเธอ“ผมทำเรื่องขอย้ายไปอยู่บ้านเป็นหลังแล้ว คิดว่าสะดวกกว่าอยู่บนอาคาร”“ทำไมละคะ” เธอคิดว่าอยู่บนอาคารก็สะดวกดี ฤดูหนาวไม่ต้องคอยมากวาดหิมะบนหลังคา ติดแค่พื้นที่แคบไปสักหน่อยก็เท่านั้น“อยู่บ้านเป็นหลังดีกว่า อีกหน่อยคุณยายก็ต้องมาช่วยดูแลคุณ ท่านจะได้ไม่อึดอัดที่อยู่แต่บนอาคารอย่างเดียว”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status