Share

12

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-08-11 15:30:33

ก่อนที่สองยายหลานจะออกจากบ้าน หลิวซือก็เดินมาขวางทางเอาไว้เสียก่อน เธอรู้สึกว่าครั้งนี้ผู้เป็นแม่ทำเกินกว่าเหตุไปสักหน่อย

“จะไปไหนกันแต่เช้าคะ”

“ไปเดินเล่นน่ะ” ยายหลิวตอบ

“ฉันนึกว่าแม่จะไปซื้อตั๋วรถไฟเตรียมกลับบ้านเสียอีก” หลิวซือเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีเรียบเฉย คิดว่าเรื่องที่ท่านเตรียมจะกลับบ้านคงไม่บอกให้ตนรู้เป็นแน่ เลยพูดเรื่องนี้ออกไปเสียเลย เพราะเธอก็รู้สึกอึดอัด

“รู้แล้วจะถามทำไม” ยายหลิวไม่แปลกใจที่ลูกสาวรู้ เพราะคิดว่าเจ้าของร้านค้าที่มาตามท่านไปรับโทรศัพท์น่าจะเป็นคนบอก

“แม่ ถ้าแม่เป็นคนอื่นฉันก็ไม่สนใจหรอกนะ แต่นี่แม่เป็นแม่ของฉัน ฉันถามเพราะเป็นห่วง”

“แกห่วงอะไรล่ะ ห่วงฉันกับลูก หรือว่าห่วงจะไม่ได้เงิน” ยายหลิวถามเสียงเรียบ

ตั้งแต่ท่านมาถึงลูกสาวก็ถามถึงเงินเยียวยา หลังจากนั้นก็ถามแทบจะทุกวันเกี่ยวกับเงินเยียวยา ทั้งพูดทำนองว่าต้องการจะขอยืมเงินเพื่อไปวางมัดจำบ้าน เนื่องจากว่าบ้านที่อยู่มันค่อนข้างจะคับแคบ อยากเป็นส่วนตัวมากกว่านี้

ทว่าเท่าที่ท่านสัมผัส มันกลับไม่ง่ายเหมือนคำที่ลูกสาวพูด เพราะทุกอย่างล้วนรวมเป็นกองกลาง นั่นหมายความว่าหากครอบครัวของลูกสาวอยากจะย้ายออก พวกหล่อนจะต้องแยกบ้านกันก่อน ซึ่งความเป็นไปได้แทบจะไม่มี

“แม่” หลิวซือรู้สึกไม่พอใจที่แม่ชอบมองตนเองในแง่ร้ายอยู่ตลอด

“แม่คะ ยายไม่ได้ไปซื้อตั๋วรถไฟเหมือนที่แม่เข้าใจหรอกค่ะ พวกเราแค่จะออกไปกินมื้อเช้าแล้วก็แวะซื้อชุดนักเรียนให้ฉันน่ะ” เสี่ยวเหลียนพูด

“ซื้อชุดนักเรียน ซื้อทำไม ฉันบอกไปแล้วว่าเรื่องนี้จะเป็นคนจัดการเอง” หลิวซือแย้ง

“ฉันจะไม่อยู่หลายวัน ก่อนไปก็อยากมั่นใจว่าหลานสาวของฉันจะต้องได้เรียนต่อ ไม่ใช่จับแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้อีก”

“แม่คะ ฉันบอกไปแล้วว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด เอาเป็นว่าฉันรับปากแม่ว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก ยังไงเสี่ยวเหลียนก็ต้องได้เรียนต่อ เชื่อฉันเถอะค่ะ” หลิวซือไม่ยอมให้สองยายหลานออกจากบ้าน พูดโน้มน้าวจนยายหลิวรำคาญและหนีกลับเข้าห้องไป

คืนก่อนวันที่ยายหลิวจะเดินทางกลับบ้าน ท่านสั่งให้หลานสาวปิดประตูลงกลอน เพราะต้องการแน่ใจว่าจะไม่มีใครเปิดประตูเข้ามาในขณะที่ท่านกำลังจะสั่งเรื่องสำคัญ

“อะไรเหรอคะ” เสี่ยวเหลียนมองกระเป๋าผ้าสีซีดที่ยายยัดใส่มือของตนเอง

“เงินยังไงล่ะ ไปครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะต้องไปนานแค่ไหน ไหนๆ ก็ไปแล้วก็อยากทำให้มันเรียบร้อย ก่อนหน้านี้ยายบอกกับผู้นำหมู่บ้านแล้วว่าต้องการขายที่ดินของเราด้วย เลยคิดว่าอยากจะอยู่จนกว่าจะขายที่ได้” ยายหลิวสั่ง

ท่านรู้ดีแก่ใจว่าหลานสาวอยากจะอยู่ในเมืองกับแม่มาตลอด แต่ท่านเองมาสัมผัสแล้วคิดว่าตนเองคงอยู่ไม่ได้ ที่ชนบทถึงจะลำบากไปสักหน่อย แต่ก็ไม่มีใครมาทวงบุญคุณเช้าเย็น สบายใจกว่าเยอะ

“หมายความว่ายังไงคะ” เสี่ยวเหลียนเพิ่งมา เป็นธรรมดาที่เดาความคิดของผู้เป็นยายไม่ออก

“หมายความว่าให้แกเก็บเงินนี้เอาไว้ให้ดี ห้ามใจจ่ายสุรุ่ยสุร่ายเด็ดขาด ใช้เท่าที่จำเป็น อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้วว่าจะสอบเป็นพยาบาลมารักษายาย”

“เป็นพยาบาลจะรักษาคนไข้ได้ยังไงละคะ ต้องเป็นหมอสิถึงจะรักษาได้” หญิงสาวเถียง

“แค่พยาบาลก็สอบให้มันได้ก่อนเถอะ เก่งในเมืองกับเก่งบ้านนอกมันต่างกันมากนะ”

ครั้งแรกที่มาหลี่เฟินเอาหนังสือมาให้เสี่ยวเหลียนสอน แต่จนใจที่เจ้าตัวตอบน้องสาวไม่ได้เลย เพราะเป็นหนังสือภาษาอังกฤษ โรงเรียนอันดับสิบเจ็บหรือจะสู้โรงเรียนอันดับหนึ่ง ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะที่คนเป็นพี่เก่งไม่สู้น้องสาว ทั้งที่อายุห่างกันถึงสี่ปี

“ถ้าฉันจะสอบทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ ยายคอยดูเถอะ” เสี่ยวเหลีนเถียงใจใน

ชาติที่แล้วเธอถือว่าเป็นคนหัวดีคนหนึ่ง แต่เพราะยากจนทำให้ไม่มีเงินส่งตัวเองเรียนสูงขนาดนั้น ต้องทำงานไปด้วยส่งตัวเองเรียนไปด้วย

“ดี ถ้าอย่างนั้นยายก็วางใจ” ยายหลิวยิ้มกริ่มที่เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของหลานสาว

“ว่าแต่ยายเถอะ ถึงแล้วต้องส่งข่าวมาบอกฉันนะคะ ทำธุระเสร็จแล้วก็ต้องรีบกลับมา อย่าเก็บเงินไว้ที่ตัวมากเกินไป ได้เงินมาแล้วก็ให้เอาไปฝากธนาคารไว้”

เธอยังไม่คุ้นชินกับคนยุคนี้ ไม่รู้ว่าพวกเขานิยมเก็บเงินไว้ที่ไหน แต่ก็มั่นใจว่าคนยังไม่วางใจจะฝากเงินกับธนาคารมากเท่าไหร่ เพราะกลัวจะถูกตรวจสอบ

“รู้แล้วๆ เก็บไว้ในบัญชีส่วนตัวของแกดีหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่เอาหรอกค่ะ เอาไว้ในบัญชียายนั่นแหละเผื่อมีเรื่องต้องใช้เงินจะได้เบิกมาใช้ได้”

“ได้ เชื่อฟังหลานสาว”

จ้าวเสี่ยวเหลียนไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่กำเงินในห่อผ้าที่ผู้เป็นยายให้มาแน่น

เช้าวันถัดมาสองยายหลานก็ออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด ยังไม่มีใครตื่นอีกตามเคย ถึงวันที่ยายหลิวต้องเดินทางกลับบ้านที่ชนบทแล้ว แม้ในใจจะเป็นห่วงหลานสาวมากแค่ไหน แต่ท่านก็อยากให้เธอได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากที่นี่ เผื่อว่าวันหนึ่งที่ท่านไม่อยู่บนโลกนี้จริงๆ จะได้มั่นใจว่าหลานสาวสามารถเอาตัวรอดได้

จ้าวเสี่ยวเหลียมมองใบหน้าเหี่ยวย่นที่มีรอยยิ้มทั่วไปหน้าจนลับตา ขบวนรถไฟเที่ยวแรกหายลับไปกับสายตา เธอจึงละสายตาจากรางรถไฟ

ทว่าจุดหมายของเธอกลับไม่ใช่บ้าน แต่เป็นอีกฟากของตรอกถนน มาอยู่ในร่างนี้เกือบเดือน นอกกินนอนแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ถึงเวลาที่จะต้องหาช่องทางหาเงินให้ตัวเองแล้ว

เธอรู้ดีว่าการจะย้ายออกจากบ้านหลี่ได้ ไม่ใช่แค่มีเงินเท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นแม่ไม่มีททางให้เธอย้ายออกแน่

“เดี๋ยวก่อน” ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปในตรอกหนึ่ง เสี่ยวเหลียนก็ถูกคนตัวใหญ่ขวางทางเอาไว้

“หืม” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าเป็นผู้ชายร่างท้วมยืนทำหน้าเจ้าเล่ห์

“น้องสาว รหัสผ่านล่ะ”

เสี่ยวเหลียนกลืนน้ำลาย ตลอดทางที่มายังสถานที่ต้องห้ามนี้ เธอหลอกถามทางจากคนแถวนี้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่กว่าพวกเขาจะยอมบอกที่ตั้ง แต่เธอกลับไม่รู้ว่าจะเข้าที่นี่ได้จะต้องมีรหัสผ่าน

“พี่ชาย ฉันเพิ่งมาอยู่ที่นี่ไม่นาน ไม่รู้จักใคร แต่เพราะว่ายาย เอ่อ..ย่าที่บ้านป่วยหนักใกล้ตายอยากจะกินขาหมู่สักครั้งก่อนตาย พี่ชายก็น่าจะรู้ว่าถ้าไปลงชื่อซื้อที่ร้านขายเนื้อเดือนหน้าก็ไม่รู้ว่าจะถึงคิวฉันหรือเปล่า แต่ต่อให้ถึงคิวก็ไม่รู้ว่าย่าจะอยู่รอจนถึงวันนั้นหรือเปล่า ฮือ…ย่าคะ ฉันสงสารย่าจริงๆ เลยค่ะ”

หญิงสาวแสร้งบีบน้ำตา ด้วยเป็นคนที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มๆ เวลาเบ้ปากเตรียมจะร้องไห้ ดวงตากลมโตแดงก่ำ จมูกโด่งรั้นของเธอแดงระเรื่อทำให้คนที่เห็นอดสงสารไม่ได้

“น้องสาว ไม่ใช้ว่าพวกเราไม่เห็นใจ แต่กฎก็คือกฎ” เห็นสามงามร้องไห้ใครมันจะไปทนไหว แต่ถ้าปล่อยไปเขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสายสืบที่ทางการส่งมาหรือเปล่า

“ลูกพี่ ดูๆ ไปแล้วก็ไม่น่ามีพิษมีภัยอะไรหรอก ออกจะซื่อเกินไปเสียด้วยซ้ำ” ชายผอมอีกคนกระซิบบอก

เขาสังเกตจากลักษณะการแต่งตัวของอีกฝ่ายแล้วไม่เหมือนกับคนแถวนี้จริงๆ นั่นแหละ น่าจะเป็นพวกต่างถิ่นเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่

“แต่ว่า” คนที่ถูกเรียกว่าลูกพี่ลังเล

“พี่ชายถ้าฉันได้ขาหมูไป วันนี้ฉันจะไม่ลืมพระคุณทั้งสองเลย” แต่รออยู่นานอีกฝ่ายก็ไม่ยอมใจอ่อน เธอเลยทำหน้าสลด ก้มหน้าคอตกแล้วพูดขึ้นว่า

“ถ้างั้นฉันก็ไม่กล้าทำให้พี่ชายลำบากใจ ขาหมูที่ย่าอยากกินคงต้องตามไปกินในชาติหน้าแล้วล่ะ”

“เดี๋ยวก่อน” ขณะที่กำลังจะถอนใจอีกฝ่ายก็พูดขัดขึ้น

มุมปากเล็กยกยิ้มขึ้นน้อยๆ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ทำหน้าให้ดูเศร้าสลดมากที่สุดกับขาหมูแค่ขาเดียว “มีอะไรเหรอคะพี่ชาย”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   120

    ช่วงดึกวันเดียวกันนั้น พ่อจางสังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยา อยู่กินมานานเกือบสามสิบปี แค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร“มีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่าครับ” พ่อจางกอดภรรยาจากทางด้านหลัง มั่นใจว่าคนข้างๆ ยังไม่นอน“…." มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา“วันนี้เจ้าลูกชายตัวดีมาคุยกับผม เรื่องที่ขอยืดเวลาให้กวงเอ๋อร์อยู่ที่นี่ก่อน ทางผมไม่ติดอะไรนะถ้าคุณจะอยู่กับหลานต่อ”“ฉันจะกลับบ้านค่ะ ถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ฉันเอาหลานกลับ ก็ให้พวกเขาเลี้ยงกันเอง ฉันจะไม่ยุ่งแล้ว” แม่จางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ถ้าคุณอยากจะกลับเพราะคิดถึงผมก็แล้วไปเถอะ แต่อย่ากลับเพียงเพราะอยากประชดลูกเลย เสวี่ยอวี้อาจจะไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ลูกสะใภ้ลำบากใจ ได้ยินว่าเธอยินดีที่ให้กวงเอ๋อร์ไปชิงเต่า แต่เจ้าลูกชายตัวดีไม่ยอม” พ่อจางรับหน้าที่เป็นคนกลา

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   119

    สิงหาคม 1980ครบกำหนดที่จางเหยากวงต้องกลับไปชิงเต่ากับคุณย่าของเขาแล้ว เจ้าอ้วนยังไม่รู้ชะตากรรมว่าต่อไปตัวเองจะต้องอยู่ห่างจากพ่อแม่ ตอนนี้สองพ่่อลูกกำลังเล่นของเล่นบนเตียงกันอยู่“ผมจำได้ว่าเครื่องบินของกวงเอ๋อร์มีเยอะกว่านี้ไม่ใช่เหรอครับ” สองพ่อลูกชอบเล่นเครื่องบิน ก่อนนอนทุกคืนเขาจะต้องได้เล่นเครื่องบินกับพ่อก่อน แล้วค่อยให้ย่าจางพาไปนอน“ฉันเก็บลงกล่องบางส่วนแล้วละค่ะ” พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกจุกที่ลำคอทุกทีจางเสวี่ยอวี้ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ ให้ลูกชายเล่นเครื่องบินไปก่อน แล้วหันมาปลอบแม่ของลูกแทน “ถ้าอย่างนั้นไม่สู้เราคุยกับแม่ให้ท่านกลับไปชิงเต่าก่อนดีหรือเปล่าครับ ผมจะจ้างพี่เลี้ยงมาอยู่ประจำ คุณยายท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป”ตอนนี้แม้ว่าที่บ้านของเขาจะมีแม่บ้าน แต่ทำงานเช้าเย็นก็กลับ หน้าที่เลี้ยงหลานเป็นของยายทวดและคุณย่า เขารู้ดีว่าพวกท

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   118

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลูกและเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมใส่ใจน้องสาว ตอนนี้หลี่เฟินสอบเข้ามหาวิทยาลัยมณฑลได้แล้ว เดิมทีแม่หลิวอยากให้มาอยู่กับพี่สาว จะช่วยเลี้ยงหลาน แต่เพราะมหาวิทยาลัยกับค่ายทหารอยู่ไกลกันเดินทางลำบาก เสี่ยวเหลียนเลยเลือกให้น้องสาวอยู่หอพักแทน วันหยุดถึงมาหลานสาว“ไอหยา…ตัวหนักกว่าครั้งที่แล้วอีกนะ” น้าสาวยิ้มกว้างเมื่อได้อุ้มหลานชายวัยสี่เดือน ตอนนี้เขาใส่เสื้อผ้าของเด็กหนึ่งขวบไปแล้วเรียบร้อย“เขาห้ามทักว่าเด็กอ้วนเดี๋ยวจะป่วย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” ยายหลิวดุหลานสาว“จริงเหรอคะ เสี่ยวกวงของเราไม่อ้วนเลย ออกจะผอมไปด้วยซ้ำ ต้องกินเยอะๆ นะ” พอรู้ว่าหลานชายจะป่วยเพราะคำพูดของตัวเอง น้าสาวก็กลับคำเสียอย่างนั้นเสี่ยวเหลียนได้ยินแล้วก็ส่ายหน้า “เด็กคนหนึ่งจะป่วยก็คงไม่เกี่ยวกับคำพูดหรอก เป็นเพราะสภาพแวดล้อมแล้วก็สิ่งที่เขากินเข้าไปมากกว่า เจ็บป

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   117

    จ้าวเสี่ยวเหลียนอยู่โรงพยาบาล 3 วัน ถ้าเป็นคนอื่นคงออกตั้งแต่สองวันแรก แต่เพราะเป็นภรรยาของท่านนายพล เขาอยากมั่นใจก่อนว่าภรรยาและลูกปลอดภัย พ่อจางกับแม่จางมาถึงวันที่เสี่ยวเหลียนออกจากโรงพยาบาลพอดี จางเสวี่ยอวี้ตั้งชื่อลูกชายา จางเหยากวง“ไอหยา…เพิ่งคุยกันไม่กี่วันก่อนแท้ๆ หลานย่าก็รีบออกมาเสียแล้ว ไม่รอย่าเลย” ตอนนี้คุณแม่จางกำลังอุ้มหลายชายตัวอ้วนของท่านอยู่รีบอะไรกันละคะ ความจริงต้องออกตั้นแต่ช่วงต้นเดือนเสียด้วยซ้ำ อีกสองสัปดาห์ก้จะเปิดเทอมแล้ว ม่านม่านจะพักฟื้นทันหรือเปล่า" แม่หลิวมองหน้าลูกสาวที่กำลังอยู่เดือนด้วยความเป็นห่วง“นั่นสิ แล้วเรื่องอยู่เดือนจะทำยังไง” แม่จางถาม“สัปดาห์แรกน่าจะยังไม่มีอะไรหรอกค่ะ ยังไม่ต้องไปก็ได้ แต่หลังจากนั้นยังไงก็ต้องไปเพราะขึ้นปีสามแล้ว เนื้อหาเฉพาะมากขึ้น”“ไม่สู้ให้แม่พากวงเอ๋อร์กลับชิงเต่า พวกลูกจะไ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   116

    จางเสวี่ยอวี้ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาเห็นของเหลวกำลังไหลออกมาจากร่างกายของภรรยา ก่อนหน้านี้เธอมีอาการเจ็บท้องอยู่หลายครั้ง แต่พอเกิดขึ้นจริงเขากลับทำอะไรไม่ถูก“จางเสวี่ยอวี้ เอาของที่เตรียมไว้ไปใส่รถเร็วเข้า” ในจิตสำนึกของเธอแล้ว ตัวเองอายุเท่ากันกับสามี พอน้ำคร่ำแตก อาการเจ็บท้องคลอดของเธอก็ถี่ขึ้น จนเหงื่อท่วมตัวว่าที่คุณพ่อมือใหม่สะดุ้งกับคำสั่งของภรรยา “ได้” เขารีบเดินไปหิ้วกระเป๋าที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้นานแล้วขึ้นรถ ไม่นานก็กลับเข้ามาอุ้มภรรยาไปโรงพยาบาล“ไม่ต้องกลัวนะ ทำใจให้สบาย” ยายหลิวจับมือปลอบใจหลานสาวตลอดทาง โชคดีที่บ้านพักกับโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาทีก็มาถึงโรงพยาบาลตอนนี้เสี่ยวเหลียนถูกเข็นไปยังห้องคลอด จางเสวี่ยอวี้เดินไปตามหวังหว่านอินที่ห้องตรวจด้วยตัวเอง ทำเอาคนไข้แตกตื่นไปตามๆ กัน“นายใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้เธอ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   115

    กุมภาพันธ์ 1980ปิดเทอมฤดูหนาวเสี่ยวเหลียนไม่ได้กลับชิงเต่า เพราะจางเสวี่ยอวี้ไม่อยากให้เธอต้องเดินทางไกลช่วงที่หิมะตกหนัก“เข้าใจแล้วค่ะ วางแล้วนะคะ”“ใครโทรมาครับ” จางเสวี่ยอวี้เดินเข้ามาโอบเอวของภรรยา มือหนาลูบหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมานิดๆ ของภรรยา“แม่น่ะค่ะ โทรมากำชับ บอกว่าปิดเทอมนี้ไม่ต้องกลับบ้าน” เธอยิ้มตอบสามี รู้สึกดีทุกครั้งที่เขาลูบท้องลูกของพวกเธอ“ผมทำเรื่องขอย้ายไปอยู่บ้านเป็นหลังแล้ว คิดว่าสะดวกกว่าอยู่บนอาคาร”“ทำไมละคะ” เธอคิดว่าอยู่บนอาคารก็สะดวกดี ฤดูหนาวไม่ต้องคอยมากวาดหิมะบนหลังคา ติดแค่พื้นที่แคบไปสักหน่อยก็เท่านั้น“อยู่บ้านเป็นหลังดีกว่า อีกหน่อยคุณยายก็ต้องมาช่วยดูแลคุณ ท่านจะได้ไม่อึดอัดที่อยู่แต่บนอาคารอย่างเดียว”

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status