Share

12

Author: Scince
last update Last Updated: 2025-08-11 15:30:33

ก่อนที่สองยายหลานจะออกจากบ้าน หลิวซือก็เดินมาขวางทางเอาไว้เสียก่อน เธอรู้สึกว่าครั้งนี้ผู้เป็นแม่ทำเกินกว่าเหตุไปสักหน่อย

“จะไปไหนกันแต่เช้าคะ”

“ไปเดินเล่นน่ะ” ยายหลิวตอบ

“ฉันนึกว่าแม่จะไปซื้อตั๋วรถไฟเตรียมกลับบ้านเสียอีก” หลิวซือเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีเรียบเฉย คิดว่าเรื่องที่ท่านเตรียมจะกลับบ้านคงไม่บอกให้ตนรู้เป็นแน่ เลยพูดเรื่องนี้ออกไปเสียเลย เพราะเธอก็รู้สึกอึดอัด

“รู้แล้วจะถามทำไม” ยายหลิวไม่แปลกใจที่ลูกสาวรู้ เพราะคิดว่าเจ้าของร้านค้าที่มาตามท่านไปรับโทรศัพท์น่าจะเป็นคนบอก

“แม่ ถ้าแม่เป็นคนอื่นฉันก็ไม่สนใจหรอกนะ แต่นี่แม่เป็นแม่ของฉัน ฉันถามเพราะเป็นห่วง”

“แกห่วงอะไรล่ะ ห่วงฉันกับลูก หรือว่าห่วงจะไม่ได้เงิน” ยายหลิวถามเสียงเรียบ

ตั้งแต่ท่านมาถึงลูกสาวก็ถามถึงเงินเยียวยา หลังจากนั้นก็ถามแทบจะทุกวันเกี่ยวกับเงินเยียวยา ทั้งพูดทำนองว่าต้องการจะขอยืมเงินเพื่อไปวางมัดจำบ้าน เนื่องจากว่าบ้านที่อยู่มันค่อนข้างจะคับแคบ อยากเป็นส่วนตัวมากกว่านี้

ทว่าเท่าที่ท่านสัมผัส มันกลับไม่ง่ายเหมือนคำที่ลูกสาวพูด เพราะทุกอย่างล้วนรวมเป็นกองกลาง นั่นหมายความว่าหากครอบครัวของลูกสาวอยากจะย้ายออก พวกหล่อนจะต้องแยกบ้านกันก่อน ซึ่งความเป็นไปได้แทบจะไม่มี

“แม่” หลิวซือรู้สึกไม่พอใจที่แม่ชอบมองตนเองในแง่ร้ายอยู่ตลอด

“แม่คะ ยายไม่ได้ไปซื้อตั๋วรถไฟเหมือนที่แม่เข้าใจหรอกค่ะ พวกเราแค่จะออกไปกินมื้อเช้าแล้วก็แวะซื้อชุดนักเรียนให้ฉันน่ะ” เสี่ยวเหลียนพูด

“ซื้อชุดนักเรียน ซื้อทำไม ฉันบอกไปแล้วว่าเรื่องนี้จะเป็นคนจัดการเอง” หลิวซือแย้ง

“ฉันจะไม่อยู่หลายวัน ก่อนไปก็อยากมั่นใจว่าหลานสาวของฉันจะต้องได้เรียนต่อ ไม่ใช่จับแต่งงานกับใครที่ไหนก็ไม่รู้อีก”

“แม่คะ ฉันบอกไปแล้วว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด เอาเป็นว่าฉันรับปากแม่ว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นอีก ยังไงเสี่ยวเหลียนก็ต้องได้เรียนต่อ เชื่อฉันเถอะค่ะ” หลิวซือไม่ยอมให้สองยายหลานออกจากบ้าน พูดโน้มน้าวจนยายหลิวรำคาญและหนีกลับเข้าห้องไป

คืนก่อนวันที่ยายหลิวจะเดินทางกลับบ้าน ท่านสั่งให้หลานสาวปิดประตูลงกลอน เพราะต้องการแน่ใจว่าจะไม่มีใครเปิดประตูเข้ามาในขณะที่ท่านกำลังจะสั่งเรื่องสำคัญ

“อะไรเหรอคะ” เสี่ยวเหลียนมองกระเป๋าผ้าสีซีดที่ยายยัดใส่มือของตนเอง

“เงินยังไงล่ะ ไปครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะต้องไปนานแค่ไหน ไหนๆ ก็ไปแล้วก็อยากทำให้มันเรียบร้อย ก่อนหน้านี้ยายบอกกับผู้นำหมู่บ้านแล้วว่าต้องการขายที่ดินของเราด้วย เลยคิดว่าอยากจะอยู่จนกว่าจะขายที่ได้” ยายหลิวสั่ง

ท่านรู้ดีแก่ใจว่าหลานสาวอยากจะอยู่ในเมืองกับแม่มาตลอด แต่ท่านเองมาสัมผัสแล้วคิดว่าตนเองคงอยู่ไม่ได้ ที่ชนบทถึงจะลำบากไปสักหน่อย แต่ก็ไม่มีใครมาทวงบุญคุณเช้าเย็น สบายใจกว่าเยอะ

“หมายความว่ายังไงคะ” เสี่ยวเหลียนเพิ่งมา เป็นธรรมดาที่เดาความคิดของผู้เป็นยายไม่ออก

“หมายความว่าให้แกเก็บเงินนี้เอาไว้ให้ดี ห้ามใจจ่ายสุรุ่ยสุร่ายเด็ดขาด ใช้เท่าที่จำเป็น อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้วว่าจะสอบเป็นพยาบาลมารักษายาย”

“เป็นพยาบาลจะรักษาคนไข้ได้ยังไงละคะ ต้องเป็นหมอสิถึงจะรักษาได้” หญิงสาวเถียง

“แค่พยาบาลก็สอบให้มันได้ก่อนเถอะ เก่งในเมืองกับเก่งบ้านนอกมันต่างกันมากนะ”

ครั้งแรกที่มาหลี่เฟินเอาหนังสือมาให้เสี่ยวเหลียนสอน แต่จนใจที่เจ้าตัวตอบน้องสาวไม่ได้เลย เพราะเป็นหนังสือภาษาอังกฤษ โรงเรียนอันดับสิบเจ็บหรือจะสู้โรงเรียนอันดับหนึ่ง ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะที่คนเป็นพี่เก่งไม่สู้น้องสาว ทั้งที่อายุห่างกันถึงสี่ปี

“ถ้าฉันจะสอบทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ ยายคอยดูเถอะ” เสี่ยวเหลีนเถียงใจใน

ชาติที่แล้วเธอถือว่าเป็นคนหัวดีคนหนึ่ง แต่เพราะยากจนทำให้ไม่มีเงินส่งตัวเองเรียนสูงขนาดนั้น ต้องทำงานไปด้วยส่งตัวเองเรียนไปด้วย

“ดี ถ้าอย่างนั้นยายก็วางใจ” ยายหลิวยิ้มกริ่มที่เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของหลานสาว

“ว่าแต่ยายเถอะ ถึงแล้วต้องส่งข่าวมาบอกฉันนะคะ ทำธุระเสร็จแล้วก็ต้องรีบกลับมา อย่าเก็บเงินไว้ที่ตัวมากเกินไป ได้เงินมาแล้วก็ให้เอาไปฝากธนาคารไว้”

เธอยังไม่คุ้นชินกับคนยุคนี้ ไม่รู้ว่าพวกเขานิยมเก็บเงินไว้ที่ไหน แต่ก็มั่นใจว่าคนยังไม่วางใจจะฝากเงินกับธนาคารมากเท่าไหร่ เพราะกลัวจะถูกตรวจสอบ

“รู้แล้วๆ เก็บไว้ในบัญชีส่วนตัวของแกดีหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่เอาหรอกค่ะ เอาไว้ในบัญชียายนั่นแหละเผื่อมีเรื่องต้องใช้เงินจะได้เบิกมาใช้ได้”

“ได้ เชื่อฟังหลานสาว”

จ้าวเสี่ยวเหลียนไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่กำเงินในห่อผ้าที่ผู้เป็นยายให้มาแน่น

เช้าวันถัดมาสองยายหลานก็ออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด ยังไม่มีใครตื่นอีกตามเคย ถึงวันที่ยายหลิวต้องเดินทางกลับบ้านที่ชนบทแล้ว แม้ในใจจะเป็นห่วงหลานสาวมากแค่ไหน แต่ท่านก็อยากให้เธอได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากที่นี่ เผื่อว่าวันหนึ่งที่ท่านไม่อยู่บนโลกนี้จริงๆ จะได้มั่นใจว่าหลานสาวสามารถเอาตัวรอดได้

จ้าวเสี่ยวเหลียมมองใบหน้าเหี่ยวย่นที่มีรอยยิ้มทั่วไปหน้าจนลับตา ขบวนรถไฟเที่ยวแรกหายลับไปกับสายตา เธอจึงละสายตาจากรางรถไฟ

ทว่าจุดหมายของเธอกลับไม่ใช่บ้าน แต่เป็นอีกฟากของตรอกถนน มาอยู่ในร่างนี้เกือบเดือน นอกกินนอนแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ถึงเวลาที่จะต้องหาช่องทางหาเงินให้ตัวเองแล้ว

เธอรู้ดีว่าการจะย้ายออกจากบ้านหลี่ได้ ไม่ใช่แค่มีเงินเท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นแม่ไม่มีททางให้เธอย้ายออกแน่

“เดี๋ยวก่อน” ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปในตรอกหนึ่ง เสี่ยวเหลียนก็ถูกคนตัวใหญ่ขวางทางเอาไว้

“หืม” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าเป็นผู้ชายร่างท้วมยืนทำหน้าเจ้าเล่ห์

“น้องสาว รหัสผ่านล่ะ”

เสี่ยวเหลียนกลืนน้ำลาย ตลอดทางที่มายังสถานที่ต้องห้ามนี้ เธอหลอกถามทางจากคนแถวนี้ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่กว่าพวกเขาจะยอมบอกที่ตั้ง แต่เธอกลับไม่รู้ว่าจะเข้าที่นี่ได้จะต้องมีรหัสผ่าน

“พี่ชาย ฉันเพิ่งมาอยู่ที่นี่ไม่นาน ไม่รู้จักใคร แต่เพราะว่ายาย เอ่อ..ย่าที่บ้านป่วยหนักใกล้ตายอยากจะกินขาหมู่สักครั้งก่อนตาย พี่ชายก็น่าจะรู้ว่าถ้าไปลงชื่อซื้อที่ร้านขายเนื้อเดือนหน้าก็ไม่รู้ว่าจะถึงคิวฉันหรือเปล่า แต่ต่อให้ถึงคิวก็ไม่รู้ว่าย่าจะอยู่รอจนถึงวันนั้นหรือเปล่า ฮือ…ย่าคะ ฉันสงสารย่าจริงๆ เลยค่ะ”

หญิงสาวแสร้งบีบน้ำตา ด้วยเป็นคนที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มๆ เวลาเบ้ปากเตรียมจะร้องไห้ ดวงตากลมโตแดงก่ำ จมูกโด่งรั้นของเธอแดงระเรื่อทำให้คนที่เห็นอดสงสารไม่ได้

“น้องสาว ไม่ใช้ว่าพวกเราไม่เห็นใจ แต่กฎก็คือกฎ” เห็นสามงามร้องไห้ใครมันจะไปทนไหว แต่ถ้าปล่อยไปเขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสายสืบที่ทางการส่งมาหรือเปล่า

“ลูกพี่ ดูๆ ไปแล้วก็ไม่น่ามีพิษมีภัยอะไรหรอก ออกจะซื่อเกินไปเสียด้วยซ้ำ” ชายผอมอีกคนกระซิบบอก

เขาสังเกตจากลักษณะการแต่งตัวของอีกฝ่ายแล้วไม่เหมือนกับคนแถวนี้จริงๆ นั่นแหละ น่าจะเป็นพวกต่างถิ่นเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่

“แต่ว่า” คนที่ถูกเรียกว่าลูกพี่ลังเล

“พี่ชายถ้าฉันได้ขาหมูไป วันนี้ฉันจะไม่ลืมพระคุณทั้งสองเลย” แต่รออยู่นานอีกฝ่ายก็ไม่ยอมใจอ่อน เธอเลยทำหน้าสลด ก้มหน้าคอตกแล้วพูดขึ้นว่า

“ถ้างั้นฉันก็ไม่กล้าทำให้พี่ชายลำบากใจ ขาหมูที่ย่าอยากกินคงต้องตามไปกินในชาติหน้าแล้วล่ะ”

“เดี๋ยวก่อน” ขณะที่กำลังจะถอนใจอีกฝ่ายก็พูดขัดขึ้น

มุมปากเล็กยกยิ้มขึ้นน้อยๆ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ทำหน้าให้ดูเศร้าสลดมากที่สุดกับขาหมูแค่ขาเดียว “มีอะไรเหรอคะพี่ชาย”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   64

    เช้าวันถัดมา เสี่ยวเหลียนก็รีบตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะมาช่วยยายหลิวจัดเตรียมของไหว้ ปล่อยให้สามีนอนอยู่บนเตียงเมื่อคืนทั้งเธอและเขาต่างเปิดประสบการณ์และทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำแต่ไม่กล้า เรียกได้ว่าอิ่มเอมทั้งสองฝ่าย แต่ต้องมาเสียใจทีหลังเพราะปวดระบมไปทั้งร่าง“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ออกมานอกห้องก็เห็นตะเกียงถูกจุดอยู่“อรุณสวัสดิ์” ยายหลิวทักทายหลานสาว“ทำไมไม่เปิดไฟละค จะเปิดจุดตะเกียงอีกทำไม” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเดินไปเปิดไฟในบ้านอีกด้วย“เห็นว่ายังเช้ามืดอยู่ กลัวว่าแสงไปจะเข้าไปในห้องรบกวนการนอนของผู้พัน”“เขาไม่เรื่องมากขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าให้กับความเอาใจใส่ของท่านที่มีต่อหลานเขย“แกน่ะไม่เคยคิดอะไรเผื่อใครต่างหากล่ะ ช่วงที่พวกเราเดินทางมาซูโจวผู้พันแทบไม่ได้พักผ่อนเลยเพราะมัวแต่เฝ้าของ กลับมาเหนื่อยๆ ก็มาเจอเรื่อง

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   63

    หลังจากที่ซ่งเฉวียพาแม่ของเขากลับไปแล้ว จางเสวี่ยอวี้ก็ตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับภรรยาอย่างจริงจัง เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็ไปรวมกับสหายยังจุดนัดพบเนื่องจากว่าเขาเดินทางล่วงหน้ามาก่อนสหายหลายวัน คำนวณเวลาดูแล้วคงเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน สหายในกองทัพก็น่าจะเดินทางมาถึงยังจุดนัดพบ“วันนี้คุณใจร้อนเกินไปนะครับ” เขาพูดกับคนในอ้อมกอด ตอนนี้เธอกำลังอ้อนเขาเหมือนแมวน้อยก็ไม่ปาน“ฉันรู้ค่ะ แต่บอกตามตรงว่าพอรู้ว่าย่าซ่งถูกทุบตี ภายในใจฉันก็รู้สึกไม่ยินยอม” เธอตอบอย่างเอาแต่ใจ“อืม แค่รอยฟันเด็ก ไม่ได้เหมารวมว่าแม่ของเขาจะเป็นคนทำนะครับ”“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆนะคะ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนั้นด้วย ทั้งยังเป็นใต้ร่มผ้าที่คนอื่นไม่สังเกตเห็นอีกด้วย ถ้าวันนี้เราไม่เห็นหรือเรากลับมาช้ากว่านี้ ท่านจะมีชีรอดจนถึงสิ้นปีหรือเปล่า คนเต็มบ้านทำไมไม่มีใครสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ถ้าท่านจะความจำเสื่อมฉันว่าก็

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   62

    ตอนนี้เวลาหกโมงเย็น คนที่ออกไปหาปลาก็ทยอยกลับเข้าบ้าน รวมถึงคนบ้านซ่งด้วยเหมือนกัน ผู้นำหมู่บ้านกลับเข้าบ้านมาก่อนลูกชายไม่นาน วันนี้ท่านมีประชุมในตัวเมืองเลยกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน“แค่คนแก่คนเดียวทำไมคุณถึงดูแลไม่ได้ คนอื่นต้องลงเรือหาปลากันทั้งวัน ตากแดดตากลม นี่ให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกดูแลแม่แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้” พี่ใหญ่ซ่งด่ากราด เนื่องจากกลับมาถึงบ้านแล้วภรรยาบอกข่าวร้ายว่าแม่เขาหนีออกจากบ้านอีกแล้ว“ใจเย็นๆ น่าพี่ใหญ่” ซ่งเฉวียน ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ผิวคล้ำเพราะออกเรือหาปลาทุกวันตบไหล่พี่ชาย ด้วยกลัวว่าเขาจะลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้ใหญ่“แกจะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้ยังไงเจ้าสาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนทำพลาด เดือนนี้กี่ครั้งแล้วที่แม่หายตัวไป”“เอาน่า ลองแยกกันหาดูอีกทีแล้วกันครับ พ่อเอาปลาไปขายให้ส่วนกลางก่อนที่ปลาจะตายแล้วไม่มีราคา” ซ่งเฉวียนบอกกับผู้เป็นพ่อ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   61

    ข่าวเรื่องสองยายหลานกลับบ้านมาตอนนี้ดังไปทั่วทั้งหมู่บ้านสายน้ำแล้ว เสี่ยวเหลียนไม่มีเวลาสนทนากับใคร เธอวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดบ้าน หน้าที่รับแขกเลยเป็นของยายหลิวและหลานเขย“ไอหยา…วาสนาเสี่ยวเหลียนนี่ดีจริงๆ เลยนะ ได้สามีเป็นคนเมือง”“นั่นน่ะสิ แล้วนี่จะกลับมาอยู่ที่นี่กันแล้วเหรอ”“จะเป็นไปได้ยังไง มีผู้ชายที่ไหนแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงบ้างล่ะ”“แกลืมไปหรือเปล่า ก็ลูกสาวนางหลิวไง แม่เสี่ยวเหลียนก็แต่งพ่อเสี่ยวเหลียนเข้าบ้านมาไม่ใช่เหรอ”“ฮ่าๆ จริงสิเนอะ เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”แต่แล้วรองเท้าจากที่ไหนไม่รู้ลอยมากลางวงสนทนา จางเสวี่ยอวี้ปฏิกิริยาเร็ว เขาใช้ถาดขึ้นมากันเอาไว้ ไม่ให้ยายหลิวถูกลูกหลง กลายเป็นว่ารองเท้ากระทบกับถาด ลอยไปฟาดปากคนที่หัวเราะอย่าพอเหมาะพอเจาะจนหุบปากไม่ทัน

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   60

    ยายหลิวพอรู้ว่าหลานสาวและหลานเขยจะไปส่งที่ซูโจวก็ทั้งดีใจและเกรงใจ ดีใจที่จะได้พาหลานสาวกลับไปไหว้ บอกกล่าวบรรพบุรุษตระกูลหลิว และเกรงใจหลานเขย เพิ่งกลับมาจากทำงานต่างเมืองแท้ๆ ยังไม่ทันได้หายเหนื่อยก็ต้องออกเดินทางอีกแล้ว“ลำบากหลานเขยแล้ว” ยายหลิวพูดขึ้น ขณะที่หลานเขยช่วยท่านยกกระเป๋าขึ้นไปบนรถไฟ“ไม่เป็นไรครับ”จางเสวี่ยอวี้ยิ้มรับ วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเมื่อคืนได้ปลดปล่อยเต็มที่หลังจากที่กักเก็บลูกๆ มานาน ต่างจากจ้าวเสี่ยวเหลียนที่แทบไม่อยากจะขยับตัว“ของีบหน่อยนะคะ” ขึ้นบนรถไฟได้ เธอก็หลับมาตลอดทางยายหลิวส่ายหน้าให้กับความขี้เซาของหลานสาว แต่เพราะเธอเป็นคนเมารถ ท่านเลยเข้าใจปว่าหลานสาวน่าจะเมารถไฟด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเมาอย่างอื่นที่สามีมอบให้ต่างหากล่ะตลอดการเดินทาง จางเสวี่ยอวี้ดูแลสองยายหลานเป็นอย่างดี จองตั๋วนอนให้จะได้โดยสารสะดวก ทั้งยังเป็นคนดูแลความเรียบร้อย เรียกได้ว่ามีเขาอยู่ ยายหลิวสบายตลอดทั้งทางใช้เวลาเดินทางห้าวันก็มาถึงซูโจว ชายหนุ่มมองไปรอบๆ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ เนื่องจากมีคลองขนส่งตลอดทั้งเส้นทาง ผู้คนสัญจรทางเรือมากกว

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   59

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยื้อให้ยายอยู่ด้วยกันจนกระทั่งถึงเดือนกันยายน อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย ถึงเวลาที่ท่านจะต้องกลับซูโจวแล้วจริงๆ“ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยละคะ รอให้ถึงวันชาติฉันกับพี่เสวี่ยอวี้จะได้ไปส่งยายได้” หญิงสาวต่อรอง“กลับวันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกัน จะยื้อต่อไปอีกทำไม” ยายหลิวส่ายหน้า มือก็สาละวนอยู่กับการจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางช่วงหลังแต่งงานเธอไม่ได้กลับบ้านเพื่อไปไหว้ครอบครัวเดิม เพราะครอบครัวของเธอก็คือยายหลิว ในเมื่อยายอยู่กับตัวเองที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องกลับส่วนหลิวซือเองก็ได้ติดอะไร ด้วยรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวเลือกอยู่ข้างใคร และเธอเองก็ถือว่าตัวเองทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่ ส่งลูกสาวขึ้นเรือลำเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วเรียบร้อยจะว่าไปจ้าวเสี่ยวเหลียนเองก็ถือว่าโชคดีกว่ามาก แม้ว่าแรกเริ่มจะไม่ดีเท่าที่ควร แต่หลังจากเลือกที่จะตกลงปลงใจกับจางเสวี่ยอวี้แล้ว ชีวิตของเธอเรียกได้ว่าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขณะที่สองยายหลานคุยกันอยู่นั้น จางเสวี่ยอวี้ก็กลับมาจากปฏิบัติงานนอกพื้นที่พอดี ที่ยายหลิวยอมใจอ่อนอยู่ต่อนานนับเดือนขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนหลานสาว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status