Share

1

Aвтор: Scince
last update Последнее обновление: 2025-08-01 10:30:05

ความเย็นยะเยือกคือสัมผัสแรก ปลุกเร้าสติที่กำลังจะเลือนหายของจ้าวเสี่ยวเหลียน ให้แทรกซึมผ่านเสื้อที่ทำจากฝ้ายเนื้อบางเข้าสู่ทุกอณูของร่างกาย ปอดของหญิงสาวแสบร้อนจากการสำลักน้ำเข้าไปจนเต็ม เธอพยายามจะกรีดร้อง แต่สิ่งที่ไหลทะลักเข้าไปในลำคอมีเพียงมวลน้ำอันเย็นเฉียบและขุ่นคลั่กของคลองส่งน้ำท้ายหมู่บ้าน

ในห้วงสุดท้ายของสติสัมปชัญญะ ภาพความทรงจำสุดท้ายของเจ้าของร่างเดิมฉายชัดขึ้นมา ใบหน้าที่บ่งบอกว่าผิดหวังของแม่ แววตาตำหนิติเตียนของพ่อเลี้ยง และคำพูดเฉือดเฉือนของอาสามที่บังคับให้หญิงสาวต้องทิ้งความฝันเรื่องการเรียนต่อเพื่อแต่งงานกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอา

ความสิ้นหวังถาโถมเข้าใส่จิตใจที่บอบช้ำของหญิงสาววัย 15 ปีและแล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง

“พ่อหนุ่ม นะ นั่นกำลังจะทำอะไร” เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยถามตะกุกตะกัก ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ และพ่อหนุ่มที่ท่านพูดด้วยอยู่ในตอนนี้นั้น ก็คือคนเดียวกับที่สวมบทบาท วีรบุรุษช่วยสาวงาม 

ทันทีที่เห็นว่าคนถูกช่วยเป็นใคร ก็สวมบทบาทนักวิ่งระดับชาติ วิ่งมายังบ้านสองชั้นกลางเก่ากลางใหม่ ถ้าเทียบแล้วก็ถือว่ามีฐานะระดับหนึ่งในเมืองนี้

เนื่องจากว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน และเคยเห็นหน้าเมื่อหลายวันก่อน เลยจำได้ว่าหญิงสาวที่ตกน้ำก็คือลูกสาวของบ้านหลี่ที่ถูกเลี้ยงในชนบท พื้นที่ห่างไกล ซึ่งตอนนี้ได้ย้ายมาอยู่กับครอบครัวแล้วเรียบร้อย

"แค่ก! แค่ก! แค่ก!"

ร่างที่แน่นิ่งไปแล้วกลับมีปฏิกิริยาอย่างรุนแรง เธอไอโขลกจนตัวงอในอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง สำลักน้ำจำนวนมากออกมาจากปากและจมูก ความรู้สึกเจ็บแสบไปทั่วทั้งอกและลำคอ ทำให้หญิงสาวในร่างใหม่ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมาน เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างยากลำบาก

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลา ผมเปียกลู่ไปกับน้ำถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดก็สามารถช่วยชีวิตผู้หญิงร่างบางตรงหน้าได้ เพียงชั่วอึดใจกลับถูกผลักอย่างแรงจากผู้หญิงคนหนึ่ง 

เขามองไปยังร่างบางที่เริ่มรู้สึกตัวก็วางใจ โชคดีที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้ ยังเด็กอยู่แท้ๆ ตายเร็วไปก็น่าเสียดาย จากนั้นชายหนุ่มก็ลูบที่ริมฝีปากของตัวเอง ความเย็นเยือกจากริมฝีปากอีกคนยังไม่ทันจางหาย แต่ขืนเขาอยู่นานกว่านี้คงไม่ดีกับชื่อเสียงของหล่อน คิดได้แบบนั้นร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป โดยไม่สนใจฟังคำขอบคุณที่ไม่น่าจะได้ยินจากญาติของอีกฝ่ายเช่นกัน

ภาพแรกที่จ้าวเสี่ยวเหลียนเห็นนั้นพร่าเลือน แต่เสียงที่ได้ยินกลับชัดเจนและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกปนดีใจ

"เสี่ยวเหลียน จ้าวเสี่ยวเหลียน ลูกแม่ฟื้นแล้ว ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว"

เสียงร้องไห้ระคนดีใจดังอยู่ข้างหู ร่างของเธอถูกประคองขึ้นกอดไว้แน่นโดยผู้หญิงคนหนึ่ง ใบหน้าสวยเด่นของหล่อนเปียกชื้นไปด้วยน้ำตาและเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม 

เสี่ยวเหลียนในร่างใหม่ รู้สึกถึงความแปลกแยกอย่างรุนแรง

‘ใคร ผู้หญิงคนนี้คือใคร แล้วที่นี่คือที่ไหน’ เธอได้แต่พูดคนเดียวในใจ

"คุณ..." ร่างบางอ่อนแรงพยายามจะพูด แต่เสียงที่เล็ดลอดออกมากลับแหบแห้งและแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

"แม่เอง นี่แม่ของแกยังไงล่ะ อย่าทำให้แม่กลัวอย่างนี้อีกนะ" ผู้หญิงคนนั้นแทนตัวเองว่าเป็นแม่ พูดพลางลูบหลังให้เธออย่างอ่อนโยน ความอบอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายทำให้ร่างที่กำลังสั่นเทาเพราะความหนาวค่อยๆ สงบลง

แต่ในวินาทีที่ร่างกายสงบลงนั้นเอง จิตใจของเธอกลับปั่นป่วนยิ่งกว่าพายุ ความทรงจำมากมายที่ไม่ใช่ของเธอหลั่งไหลเข้ามาในหัวราวกับเขื่อนแตก มันคือความทรงจำของเด็กสาวที่ชื่อ "จ้าวเสี่ยวเหลียน"

เด็กสาวอายุ 15 ปีบริบูรณ์ เกิดและเติบโตในหมู่บ้านชนบทได้รับการเลี้ยงดูจากยายมาโดยตลอด พ่อแท้ๆ เป็นผีพนันหน้าตาดี ขี้เมา แต่กลับพลัดตกน้ำ เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน ส่วนแม่ หลิวซือ วัย 30 ปี ได้หนีจากชีวิตที่เลวร้ายตั้งแต่อายุ 16 ปี มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองอุตสาหกรรมตั้งแต่ลูกสาวลืมตาดูโลก

หลิวซือแต่งงานใหม่กับ หลี่เจียง ชายวัย 32 ปี พนักงานในโรงงานเหล็กกล้า พวกเขามีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนชื่อ หลี่เฟิน อายุ 12 ปี อาศัยอยู่กับแม่ของหลี่เจียง หรือ ย่าหลี่ อายุ 47 ปี ทำงานในโรงงานทอผ้า

ชีวิตของเสี่ยวเหลียนต้องพลิกผันครั้งใหญ่เมื่อหมู่บ้านของเธอประสบอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ บ้านและที่นาจมหายไปกับสายน้ำ ยายหลิวในวัย 50 ปี จึงต้องพาหลานสาวเพียงคนเดียวเดินทางข้ามมณฑลมาพึ่งใบบุญของลูกสาวและครอบครัวใหม่

การย้ายมาอยู่ด้วยกันที่ควรจะนำมาซึ่งความอบอุ่น กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม

เสี่ยวเหลียนเป็นเด็กเรียนดีและมีความฝันอันยิ่งใหญ่ เธอปรารถนาจะเรียนต่อในระดับมัธยมปลาย เพื่อจะได้มีความรู้และมีงานที่ดี แต่ความฝันนั้นกลับถูกดับลงอย่างเลือดเย็นโดยครอบครัวใหม่ของผู้เป็นแม่

ตัวการของเรื่องคือ อาสาม หลี่เซียน วัย 28 ปี น้องสาวของพ่อเลี้ยงที่แต่งงานย้ายไปอยู่บ้านสามี แต่เพราะอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก มักจะไปมาหาสู่กันอยู่เป็นประจำ หลายต่อหลายครั้งที่เงินไม่พอใช้ก็มักจะมาหยิบยืมจากย่าหลี่ หล่อนเสนอความคิดที่มีไม่กี่คนเท่าไหร่นักจะคิดเรื่องแบบนี้ได้ นั่นก็คือการให้เสี่ยวเหลียนลาออกจากโรงเรียนเพื่อแต่งงานกับน้องชายคนสุดท้อง หลี่เหว่ย ชายหนุ่มวัย 25 ปีที่ยังไม่ได้แต่งงาน

เหตุผลที่อาสามยกมาอ้างคือความ "เป็นห่วง" น้องชาย กลัวว่าเขาจะหาภรรยาไม่ได้ แต่เหตุผลที่แท้จริงซึ่งเสี่ยวเหลียนบังเอิญไปได้ยินมาคือความลับดำมืดของหลี่เหว่ย

เขาไม่ได้มีความสนใจในผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย การแต่งงานครั้งนี้จึงเป็นเพียงการจัดฉากเพื่อรักษาหน้าตาและชื่อเสียงของบ้านหลี่ ในยุคสมัยนี้เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สังคมยอมรับไม่ได้และน่าอับอายอย่างที่สุด

เมื่อทุกเส้นทางถูกปิดตาย ไร้ซึ่งคนที่จะยืนหยัดเคียงข้าง ความฝันทั้งชีวิตพังทลายลงต่อหน้าต่อตา จ้าวเสี่ยวเหลียนจึงเลือกที่จะยุติความทุกข์ทรมานทั้งหมดด้วยการกระโดดลงสู่สายน้ำที่เย็นเยียบ และนั่นคือจุดที่เปิดทางให้วิญญาณจากศตวรรษที่ 21 เข้ามาสวมร่างแทน

"แค่ก แค่ก..." หญิงสาวไอออกมาอีกสองสามครั้ง ก่อนจะค่อยๆ หายใจได้เป็นปกติมากขึ้น

"เป็นยังไงบ้างเสี่ยวเหลียน ยังเจ็บตรงไหนไหม" เสียงทุ้มห้าวแต่แฝงไว้ด้วยความกังวลดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่งของเตียง 

เธอหันไปมองพบชายร่างกำยำ ผิวคล้ำแดดเพราะทำงานหนัก เสื้อผ้าเปียกเหมือนกับเธอไม่มีผิด เขาน่าจะเป็นคนลงไปช่วยเธอขึ้นมา...ซึ่งก็คือพ่อเลี้ยงของเจ้าของร่าง

เธอส่ายหน้าเบาๆ พยายามปรับตัวและสวมบทบาทให้แนบเนียนที่สุด "ไม่...ไม่เป็นไรแล้วค่ะ พ่อ"

คำว่า พ่อ หลุดออกจากปากไปอย่างตะกุกตะกักและฝืนใจ แต่ดูเหมือนหลี่เจียงจะไม่ได้สังเกต เขาแค่พยักหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่กลับมาแข็งกระด้างตามเดิม "ฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้ว ต่อไปอย่าทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีก เข้าใจหรือเปล่า มีอะไรทำไมไม่พูดไม่จา ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนกันไปหมด"

‘เดือดร้อน? ห่วงว่าฉันจะตาย หรือห่วงว่าตัวเองจะเดือดร้อนกันแน่’ เสี่ยวเหลียนคิดในใจ แต่ภายนอกทำเพียงก้มหน้านิ่งเงียบ

"คุณก็อย่าเพิ่งดุลูกเลยค่ะ แกเพิ่งจะฟื้นนะ" หลิวซือรีบปรามสามี ก่อนจะหันมาจัดผ้าห่มให้ลูกสาว "นอนพักก่อนแล้วกัน เดี๋ยวจะไปต้มน้ำขิงร้อนๆ มาให้ดื่มจะได้อุ่นขึ้น"

จ้าวเสี่ยวเหลียนไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอกำลังปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่นี่ ทั้งยังงงไม่หายว่ามาโผลี่ที่นี่ได้ยังไง ไม่ใช่ว่าตัวเองนอนหลับอยู่บนเตียงนอนนุ่มในห้องหรอกเหรอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   64

    เช้าวันถัดมา เสี่ยวเหลียนก็รีบตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะมาช่วยยายหลิวจัดเตรียมของไหว้ ปล่อยให้สามีนอนอยู่บนเตียงเมื่อคืนทั้งเธอและเขาต่างเปิดประสบการณ์และทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำแต่ไม่กล้า เรียกได้ว่าอิ่มเอมทั้งสองฝ่าย แต่ต้องมาเสียใจทีหลังเพราะปวดระบมไปทั้งร่าง“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ออกมานอกห้องก็เห็นตะเกียงถูกจุดอยู่“อรุณสวัสดิ์” ยายหลิวทักทายหลานสาว“ทำไมไม่เปิดไฟละค จะเปิดจุดตะเกียงอีกทำไม” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเดินไปเปิดไฟในบ้านอีกด้วย“เห็นว่ายังเช้ามืดอยู่ กลัวว่าแสงไปจะเข้าไปในห้องรบกวนการนอนของผู้พัน”“เขาไม่เรื่องมากขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าให้กับความเอาใจใส่ของท่านที่มีต่อหลานเขย“แกน่ะไม่เคยคิดอะไรเผื่อใครต่างหากล่ะ ช่วงที่พวกเราเดินทางมาซูโจวผู้พันแทบไม่ได้พักผ่อนเลยเพราะมัวแต่เฝ้าของ กลับมาเหนื่อยๆ ก็มาเจอเรื่อง

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   63

    หลังจากที่ซ่งเฉวียพาแม่ของเขากลับไปแล้ว จางเสวี่ยอวี้ก็ตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับภรรยาอย่างจริงจัง เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็ไปรวมกับสหายยังจุดนัดพบเนื่องจากว่าเขาเดินทางล่วงหน้ามาก่อนสหายหลายวัน คำนวณเวลาดูแล้วคงเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน สหายในกองทัพก็น่าจะเดินทางมาถึงยังจุดนัดพบ“วันนี้คุณใจร้อนเกินไปนะครับ” เขาพูดกับคนในอ้อมกอด ตอนนี้เธอกำลังอ้อนเขาเหมือนแมวน้อยก็ไม่ปาน“ฉันรู้ค่ะ แต่บอกตามตรงว่าพอรู้ว่าย่าซ่งถูกทุบตี ภายในใจฉันก็รู้สึกไม่ยินยอม” เธอตอบอย่างเอาแต่ใจ“อืม แค่รอยฟันเด็ก ไม่ได้เหมารวมว่าแม่ของเขาจะเป็นคนทำนะครับ”“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆนะคะ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนั้นด้วย ทั้งยังเป็นใต้ร่มผ้าที่คนอื่นไม่สังเกตเห็นอีกด้วย ถ้าวันนี้เราไม่เห็นหรือเรากลับมาช้ากว่านี้ ท่านจะมีชีรอดจนถึงสิ้นปีหรือเปล่า คนเต็มบ้านทำไมไม่มีใครสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ถ้าท่านจะความจำเสื่อมฉันว่าก็

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   62

    ตอนนี้เวลาหกโมงเย็น คนที่ออกไปหาปลาก็ทยอยกลับเข้าบ้าน รวมถึงคนบ้านซ่งด้วยเหมือนกัน ผู้นำหมู่บ้านกลับเข้าบ้านมาก่อนลูกชายไม่นาน วันนี้ท่านมีประชุมในตัวเมืองเลยกลับถึงบ้านช้ากว่าทุกวัน“แค่คนแก่คนเดียวทำไมคุณถึงดูแลไม่ได้ คนอื่นต้องลงเรือหาปลากันทั้งวัน ตากแดดตากลม นี่ให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกดูแลแม่แค่นี้ก็ยังทำไม่ได้” พี่ใหญ่ซ่งด่ากราด เนื่องจากกลับมาถึงบ้านแล้วภรรยาบอกข่าวร้ายว่าแม่เขาหนีออกจากบ้านอีกแล้ว“ใจเย็นๆ น่าพี่ใหญ่” ซ่งเฉวียน ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ผิวคล้ำเพราะออกเรือหาปลาทุกวันตบไหล่พี่ชาย ด้วยกลัวว่าเขาจะลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้ใหญ่“แกจะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้ยังไงเจ้าสาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนทำพลาด เดือนนี้กี่ครั้งแล้วที่แม่หายตัวไป”“เอาน่า ลองแยกกันหาดูอีกทีแล้วกันครับ พ่อเอาปลาไปขายให้ส่วนกลางก่อนที่ปลาจะตายแล้วไม่มีราคา” ซ่งเฉวียนบอกกับผู้เป็นพ่อ

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   61

    ข่าวเรื่องสองยายหลานกลับบ้านมาตอนนี้ดังไปทั่วทั้งหมู่บ้านสายน้ำแล้ว เสี่ยวเหลียนไม่มีเวลาสนทนากับใคร เธอวุ่นอยู่กับการทำความสะอาดบ้าน หน้าที่รับแขกเลยเป็นของยายหลิวและหลานเขย“ไอหยา…วาสนาเสี่ยวเหลียนนี่ดีจริงๆ เลยนะ ได้สามีเป็นคนเมือง”“นั่นน่ะสิ แล้วนี่จะกลับมาอยู่ที่นี่กันแล้วเหรอ”“จะเป็นไปได้ยังไง มีผู้ชายที่ไหนแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงบ้างล่ะ”“แกลืมไปหรือเปล่า ก็ลูกสาวนางหลิวไง แม่เสี่ยวเหลียนก็แต่งพ่อเสี่ยวเหลียนเข้าบ้านมาไม่ใช่เหรอ”“ฮ่าๆ จริงสิเนอะ เกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”แต่แล้วรองเท้าจากที่ไหนไม่รู้ลอยมากลางวงสนทนา จางเสวี่ยอวี้ปฏิกิริยาเร็ว เขาใช้ถาดขึ้นมากันเอาไว้ ไม่ให้ยายหลิวถูกลูกหลง กลายเป็นว่ารองเท้ากระทบกับถาด ลอยไปฟาดปากคนที่หัวเราะอย่าพอเหมาะพอเจาะจนหุบปากไม่ทัน

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   60

    ยายหลิวพอรู้ว่าหลานสาวและหลานเขยจะไปส่งที่ซูโจวก็ทั้งดีใจและเกรงใจ ดีใจที่จะได้พาหลานสาวกลับไปไหว้ บอกกล่าวบรรพบุรุษตระกูลหลิว และเกรงใจหลานเขย เพิ่งกลับมาจากทำงานต่างเมืองแท้ๆ ยังไม่ทันได้หายเหนื่อยก็ต้องออกเดินทางอีกแล้ว“ลำบากหลานเขยแล้ว” ยายหลิวพูดขึ้น ขณะที่หลานเขยช่วยท่านยกกระเป๋าขึ้นไปบนรถไฟ“ไม่เป็นไรครับ”จางเสวี่ยอวี้ยิ้มรับ วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเมื่อคืนได้ปลดปล่อยเต็มที่หลังจากที่กักเก็บลูกๆ มานาน ต่างจากจ้าวเสี่ยวเหลียนที่แทบไม่อยากจะขยับตัว“ของีบหน่อยนะคะ” ขึ้นบนรถไฟได้ เธอก็หลับมาตลอดทางยายหลิวส่ายหน้าให้กับความขี้เซาของหลานสาว แต่เพราะเธอเป็นคนเมารถ ท่านเลยเข้าใจปว่าหลานสาวน่าจะเมารถไฟด้วยเหมือนกัน ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเมาอย่างอื่นที่สามีมอบให้ต่างหากล่ะตลอดการเดินทาง จางเสวี่ยอวี้ดูแลสองยายหลานเป็นอย่างดี จองตั๋วนอนให้จะได้โดยสารสะดวก ทั้งยังเป็นคนดูแลความเรียบร้อย เรียกได้ว่ามีเขาอยู่ ยายหลิวสบายตลอดทั้งทางใช้เวลาเดินทางห้าวันก็มาถึงซูโจว ชายหนุ่มมองไปรอบๆ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ เนื่องจากมีคลองขนส่งตลอดทั้งเส้นทาง ผู้คนสัญจรทางเรือมากกว

  • 1975 ชีวิตนี้ฉันขอลิขิตเอง   59

    จ้าวเสี่ยวเหลียนยื้อให้ยายอยู่ด้วยกันจนกระทั่งถึงเดือนกันยายน อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย ถึงเวลาที่ท่านจะต้องกลับซูโจวแล้วจริงๆ“ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยละคะ รอให้ถึงวันชาติฉันกับพี่เสวี่ยอวี้จะได้ไปส่งยายได้” หญิงสาวต่อรอง“กลับวันนี้หรือวันไหนก็เหมือนกัน จะยื้อต่อไปอีกทำไม” ยายหลิวส่ายหน้า มือก็สาละวนอยู่กับการจัดกระเป๋าสำหรับเดินทางช่วงหลังแต่งงานเธอไม่ได้กลับบ้านเพื่อไปไหว้ครอบครัวเดิม เพราะครอบครัวของเธอก็คือยายหลิว ในเมื่อยายอยู่กับตัวเองที่นี่ ก็ไม่จำเป็นต้องกลับส่วนหลิวซือเองก็ได้ติดอะไร ด้วยรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวเลือกอยู่ข้างใคร และเธอเองก็ถือว่าตัวเองทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่ ส่งลูกสาวขึ้นเรือลำเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วเรียบร้อยจะว่าไปจ้าวเสี่ยวเหลียนเองก็ถือว่าโชคดีกว่ามาก แม้ว่าแรกเริ่มจะไม่ดีเท่าที่ควร แต่หลังจากเลือกที่จะตกลงปลงใจกับจางเสวี่ยอวี้แล้ว ชีวิตของเธอเรียกได้ว่าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขณะที่สองยายหลานคุยกันอยู่นั้น จางเสวี่ยอวี้ก็กลับมาจากปฏิบัติงานนอกพื้นที่พอดี ที่ยายหลิวยอมใจอ่อนอยู่ต่อนานนับเดือนขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนหลานสาว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status