แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่
เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด [ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา] ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงัน ลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในชุดกิโมโนเรียบง่ายที่บ่งบอกถึงฐานะพิเศษ "มากันแล้วรึ..." เสียงทุ้มต่ำของลุงภารโรงดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบงัน เขาพยักหน้าเล็กน้อยให้กับการมาถึงของทุกคน "ข้ารู้สึกถึงความกังวลในแววตาของพวกเจ้าทุกคน แต่จงจำไว้ว่าพวกเจ้าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง" ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของฟูมิโกะ) มองไปรอบๆ "วันนี้ดูเงียบแปลกๆ ว่าไหมครับ? ปกติแล้วปีศาจเงาพวกนั้นมักจะปรากฏตัวอย่างโจ่งแจ้งกว่านี้" ผู้ปกครองอีกคน (แม่ของโกฮัน) พยักหน้าเห็นด้วย "ใช่ค่ะ มันคงต้องไปแอบซ่อนกันอยู่ที่ไหนแน่ๆ ในเมืองกว้างขนาดนี้... หรือว่าพวกมันจะรอกำลังเสริมกันนะ" ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เสนอขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย "หรือว่าเราจะแยกกันตามหาเลยดีไหมครับ? จะได้กระจายกำลัง" ผู้ปกครองอีกคน (แม่ของดาอิและไดชิ) ส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว "เมืองกลางขนาดนี้ เราจะไปหาเจอได้ยังไงคะ? การแยกกันโดยไม่มีข้อมูลอะไรเลยก็เสี่ยงเกินไป อาจจะโดนพวกมันซุ่มโจมตีเอาได้" ทันใดนั้น ลุงภารโรงก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะยื่นมือออกไปกลางอากาศ ใบหน้าของเขาฉายแววครุ่นคิดและภาคภูมิใจในเวลาเดียวกัน "ไม่ต้องห่วง... ข้ามีสิ่งนี้" เขายื่นมือเข้าไปในอกเสื้อ และดึงกล่องไม้แกะสลักเก่าแก่ขนาดเท่าฝ่ามือออกมา กล่องนั้นทำจากไม้สีเข้ม มีลวดลายอักษรโบราณที่ไม่คุ้นตา intricately สลักอยู่ทั่วทั้งกล่อง ราวกับมันถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคสมัยที่ลืมเลือนไปแล้ว ทุกคนต่างมุงดูด้วยความสนใจ ปลายเท้าของเหล่านักเรียนแต่ละคนก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ลุงภารโรงค่อยๆ เปิดกล่องออก เผยให้เห็นวัตถุสี่ชิ้นที่วางเรียงกันอยู่บนผ้าไหมสีดำสนิท สิ่งเหล่านั้นคือ นาฬิกาข้อมือรูปทรงแปลกตา ทำจากโลหะสีเงินโบราณที่ออกซิไดซ์เล็กน้อย บนหน้าปัดของนาฬิกาไม่มีตัวเลขบอกเวลา แต่กลับมีสัญลักษณ์คล้ายอักขระเวทมนตร์โบราณสลักอยู่รอบๆ และเข็มนาฬิกาก็ดูเหมือนจะไม่ได้ชี้บอกเวลาปกติ ฮารุกะ ซึ่งปกติเป็นคนช่างสังเกตเป็นพิเศษ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย "มันคืออะไรหรอคะ... ลุงภารโรง? นาฬิการูปทรงแปลกๆ จัง" ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของเร็น) เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นสัญลักษณ์บนนาฬิกา เขามองไปยังลุงภารโรงด้วยสีหน้าตกใจ "หรือว่านี่จะเป็น... ไม่จริงใช่ไหมครับ... นาฬิกาอาคม?" ลุงภารโรงพยักหน้าช้าๆ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา "ใช่... เจ้าเข้าใจถูกแล้ว มันคือ นาฬิกาอาคม ของที่ตระกูลของข้าพยายามรังสรรค์ขึ้นมา" ทุกคนต่างส่งเสียงฮือฮาด้วยความประหลาดใจ คุณปู่ของคิชิโระ ซึ่งมีอายุมากที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้น "นาฬิกาอาคม... ข้าเคยได้ยินแต่ในตำนานเก่าแก่เท่านั้นนี่นา... ว่ากันว่ามันคือเครื่องมือที่สามารถมองเห็น ร่องรอยแห่งพลังงานมืด ได้" ลุงภารโรงพยักหน้ายืนยัน "ถูกต้องแล้ว นาฬิกาอาคม นี้ถูกลงอาคมโบราณที่สืบทอดกันมาในตระกูลของข้ามานับพันปี มันจะแสดงการเตือนเมื่อมีปีศาจอยู่ใกล้... ยิ่งเข็มนาฬิกาชี้ไปในทิศทางที่ชัดเจนและสว่างวาบมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งบ่งบอกว่าปีศาจอยู่ใกล้และมีจำนวนมากเท่านั้น" แม่ของดาอิและไดชิ มองไปที่นาฬิกาอย่างสนใจ "แต่ทำไมถึงมีแค่ 4 อันคะ? ถ้ามีเยอะกว่านี้เราก็จะตามหาพวกมันได้ทั่วถึงกว่านี้ไม่ใช่หรือคะ?" ลุงภารโรงถอนหายใจเล็กน้อย "วันนี้ทั้งวัน... ข้านั่งศึกษาตำราโบราณของตระกูล และพยายามรังสรรค์มันขึ้นมาให้สำเร็จ... ด้วยเวลาที่จำกัด... ข้าจึงทำมาได้เพียง 4 อันเท่านั้น พลังที่ใช้ในการสร้างมันสูงมาก และยังต้องใช้เวลาในการทำพิธีกรรมผสานอาคมโบราณเข้ากับกลไกของนาฬิกา" พ่อของโกฮัน มองไปที่นาฬิกาทั้งสี่อัน "แล้วเราจะใช้มันยังไงล่ะครับ? มันไม่มีตัวเลขบอกเวลาเลย" "นาฬิกาแต่ละอันถูกลงอาคมให้เชื่อมโยงกับ พลังเวทย์เฉพาะของแต่ละสายเลือดหลัก" ลุงภารโรงอธิบาย "มันจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพก็ต่อเมื่ออยู่ในมือของทายาทที่มีพลังกล้าแข็งและตื่นตัวแล้วเท่านั้น" เขายื่นมือชี้ไปที่นาฬิกาอันแรกซึ่งส่องแสงสีฟ้าอ่อนๆ จางๆ "นาฬิกาเรือนนี้จะตอบสนองต่อ พลังแห่งการเยียวยาและการชำระล้าง ยิ่งผู้ใช้พลังงานบริสุทธิ์เข้มข้นมากเท่าไหร่ เข็มนาฬิกาก็จะยิ่งไหวสะท้อนถึงการปนเปื้อนของปีศาจได้แม่นยำเท่านั้น" ลุงภารโรงชี้ไปที่นาฬิกาอันที่สองที่เรืองแสงสีแดงเข้ม "ส่วนเรือนนี้... มันจะเชื่อมโยงกับ พลังแห่งการทำลายล้างและการบัญชาการ เข็มนาฬิกาจะสั่นรุนแรงที่สุดเมื่อปีศาจที่แข็งแกร่งหรือผู้นำของพวกมันอยู่ในระยะใกล้" เขาชี้ไปที่นาฬิกาอันที่สามที่ส่องแสงสีเขียวมรกต "นาฬิกาเรือนที่สาม... จะตอบสนองต่อ พลังแห่งการเชื่อมโยงและการทำนาย ผู้ใช้จะสามารถรับรู้ถึงกระแสพลังงานปีศาจที่ปั่นป่วนในรัศมีกว้าง และเข็มจะชี้นำไปยังจุดที่พลังงานเหล่านั้นเข้มข้นที่สุด" และสุดท้าย ลุงภารโรงชี้ไปที่นาฬิกาอันสุดท้ายที่ส่องแสงสีม่วงเรืองรอง "ส่วนนาฬิกาเรือนนี้... มันถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อตอบสนองต่อ พลังแห่งการรังสรรค์มิติและการควบคุมกาลเวลา เข็มของมันจะสั่นไหวเมื่อมีรอยรั่วของมิติ หรือเมื่อปีศาจพยายามบิดเบือนห้วงเวลาในบริเวณนั้น" "พวกมันคือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้พวกเราสามารถระบุตำแหน่งและลักษณะของปีศาจเงาที่ซ่อนตัวอยู่ได้" ลุงภารโรงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "แต่การตัดสินใจว่าจะใช้มันเมื่อไหร่... และใครจะเป็นผู้ถือครอง... คือสิ่งที่เราจะต้องหารือกัน" พ่อของฮานา เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง "แล้วพวกเรา... ผู้ปกครองล่ะครับ? เราจะทำอะไรได้บ้าง?" ลุงภารโรงหันไปมองกลุ่มผู้ปกครอง ดวงตาของเขาสะท้อนความมุ่งมั่น "พวกเจ้า... คือผู้ที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับบรรพบุรุษของพวกเจ้ามาตลอด แม้พลังเวทย์ของพวกเจ้าจะเลือนลางไปตามกาลเวลา แต่จิตวิญญาณของนักเวทย์สายขาวไม่เคยหายไป" "พวกเจ้าจะต้องสร้าง ม่านพลังคุ้มกันรอบโรงเรียนแห่งนี้ ให้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้" ลุงภารโรงชี้ไปยังอาคารเรียนด้านหลัง "นี่คือศูนย์กลางพลังงานที่ปีศาจเงาจะมุ่งทำลายเป็นอันดับแรก หากพวกมันบุกเข้ามา เราต้องมีที่มั่นสุดท้าย" ผู้ปกครองทุกคนพยักหน้าเข้าใจ บางคนเริ่มประสานมือกันเพื่อเตรียมร่ายคาถาป้องกันทันที ความเงียบสงบของยามค่ำคืนถูกแทนที่ด้วยเสียงกระซิบของลมที่พัดผ่านต้นไม้ ราวกับเสียงเตือนภัยจากธรรมชาติ ที่รอคอยการมาถึงของสงครามครั้งใหม่... สงครามที่ทายาทนักเวทย์สายขาวจะต้องเผชิญหน้ากับเงามืดอันไร้สิ้นสุดเสียงร้องโหยหวนของปีศาจที่พ่ายแพ้ในทิศทั้งสี่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม วิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดไปต่างมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีเจตนา เพื่อรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการต่อสู้กับปีศาจเงาต่างรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย และรีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่มั่นสุดท้าย ณ โรงเรียนริโอะเอน[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรีลึก]ลมหายใจหอบถี่ของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองดังขึ้นระงมขณะที่พวกเขาวิ่งกลับมายังโรงเรียน แสงสีเงินของม่านพลังคุ้มกันที่ลุงภารโรงและผู้ปกครองคนอื่นๆ สร้างขึ้นยังคงส่องสว่าง แต่บัดนี้มันกลับถูกบดบังด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าใจกลางเมือง"นั่นมันอะไรน่ะ!?" โกฮัน อุทานด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเงาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือโรงเรียนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏยิ่งน่าขนลุก ปีศาจเงาขนาดมหึมา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของวิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดมา กำลังก่อตัว
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกรบกวน สงครามที่ปะทุขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองต่างเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กระหายวิญญาณ ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนยังคงเรืองรองในความมืด เป็นประภาคารแห่งความหวังเดียวท่ามกลางความโกลาหลสมรภูมิตะวันออก: การต่อสู้ในสวนสาธารณะโบราณทีมทิศตะวันออก นำโดย คาชิมิ (ผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ), เคนตะ (ผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ), บาระ (ผู้รักษากฎและผู้พิพากษา), เร็น (ผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกที่เข็มนาฬิกาอาคมของเคนตะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเงินวาวบนหน้าปัดเต้นระริกบ่งบอกถึงการบิดเบือนพลังงานที่รุนแรง จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า สวนสาธารณะโบราณ ที่เงียบสงัด ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีทอดเงาปริศนาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงโหยหวนของวิญญาณต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ดังแว่วออกมาจากความมืดมิด"ปีศาจมันกัดกินธรรมชาติแถวนี้!" คาชิมิกล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เธอสัมผัสได้
ราตรีนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเงียบสงบ แต่กลับเป็นพยานแห่งสงครามที่อุบัติขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอน เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กำลังพยายามกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพูนพลัง ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนส่องสว่างเรืองรองในความมืดมิด เป็นเพียงสัญญาณแห่งความหวังเดียวท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังปะทุขึ้นสมรภูมิเหนือ: การเผชิญหน้าในโรงพยาบาลร้างทีมทิศเหนือ นำโดย ฮานา (ผู้เชื่อมโยงและทำนาย), โกฮัน (ผู้นำทัพและผู้ทำลายล้าง), มายู (ผู้บันทึกและถ่ายทอด), โอกิ (ผู้โจมตีระยะไกล) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เข็มนาฬิกาอาคมของฮานาชี้ไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสีเขียวมรกตบนหน้าปัดเต้นระริก บอกถึงกระแสพลังงานปีศาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณที่ถูกรบกวนดังแว่วออกมาจากภายใน"ที่นี่แหละ..." ฮานากล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด "พลังงานมันเข้มข้นมาก... ปีศาจเงาอยู่ข้างในนี้เยอะแยะเลย""เตรียมพร้อม!" โกฮันสั่งเสี
ความมืดของราตรีทอดยาวปกคลุมเมือง บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ ชวนให้ใจหวั่น ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอนที่เคยเป็นศูนย์รวมของความวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบงันและกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังร่วมกันร่ายคาถาเพื่อสร้างม่านพลังคุ้มกันขนาดใหญ่ที่เรืองรองอยู่รอบรั้วโรงเรียน พวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่มั่นสุดท้ายเมื่อม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แสงเรืองรองสีเงินอ่อนๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทว่า... ความปลอดภัยนั้นกลับแฝงด้วยความผิดปกติ[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรี]เสียงบทสวดมนต์ของเหล่าผู้ปกครองค่อยๆ แผ่วลง เมื่อม่านพลังคุ้มกันปรากฏขึ้นเป็นรูปทรงโดมขนาดใหญ่ ครอบคลุมโรงเรียนเอาไว้ แสงสีเงินวูบไหวราวกับเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ผู้ปกครองหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไป"ฉันว่ามันแปลกๆ แล้วนะครับ..." ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ "ไร้วี่แววของปีศาจเงาเลย... ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกมันอาละวาดหน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา]ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงันลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช
บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า"ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆคุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!"ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ"คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต"เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียง