บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณ
ฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า "ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆ คุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!" ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ" คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต "เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียงแค่โจมตีโลกทางกายภาพ แต่ยัง ครอบงำจิตใจ ของผู้คน ทำให้ผู้บริสุทธิ์กลายเป็นพวกปีศาจ หรือถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิงสู่ สร้างความหวาดกลัวและสิ้นหวังไปทั่วแผ่นดิน" คุณยายเสริม "ในยุคนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่มีพลังในการต่อสู้โดยตรงกับปีศาจด้วยการปะทะ แต่ตระกูลของเรามีบทบาทที่สำคัญ นั่นคือการเป็น ผู้ร่ายรำพลัง และ ผู้ขับไล่วิญญาณ" "ทวดของทวดของตา" คุณตาเล่าต่อ "ท่านเป็นนักเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้าน คาถาร่ายรำ และ พิธีกรรมขับไล่วิญญาณ ท่านไม่ได้ใช้กำลังเข้าปะทะโดยตรง แต่ท่านใช้การเคลื่อนไหวที่อ่อนช้อยงดงามราวกับร่ายรำ เพื่อรวบรวมพลังงานบริสุทธิ์ และใช้เสียงเพลงหรือบทสวดเพื่อ ชำระล้างความชั่วร้าย ที่เกาะกินจิตวิญญาณ" "ท่านสามารถสร้าง ม่านพลังแห่งความสงบ ด้วยการร่ายรำที่ประสานกับบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ ทำให้วิญญาณชั่วร้ายที่เข้าสิงมนุษย์ถูกขับไล่ออกไป" คุณแม่กล่าวเสริม "บางครั้งท่านก็ร่ายรำเพื่อสร้างกระแสพลังงานบริสุทธิ์ที่รุนแรงพอจะผลักดันปีศาจกลับไปยังมิติของพวกมันได้" คุณตาพยักหน้า "นอกจากนี้ บรรพบุรุษของเรายังเป็นผู้ที่สามารถ สื่อสารกับวิญญาณ ของบรรพบุรุษนักรบสายขาวที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อขอความช่วยเหลือหรือคำแนะนำในการต่อสู้กับปีศาจ" "ในสงครามครั้งสุดท้าย... เมื่อปีศาจเงาได้ครอบงำผู้คนจำนวนมาก และพยายามจะสร้างกองทัพจากวิญญาณที่แปดเปื้อน" คุณพ่อเล่าต่อ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและเศร้าสร้อย "ทวดของทวดของตา ท่านได้ใช้พลังทั้งหมดในการ ร่ายรำขับไล่วิญญาณ ครั้งยิ่งใหญ่ ท่านได้สร้างเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยการร่ายรำอย่างต่อเนื่อง ทำให้วิญญาณชั่วร้ายไม่สามารถคงอยู่ในร่างมนุษย์ได้อีกต่อไป และถูกขับไล่ออกไปจากโลกนี้" "ท่านได้เสียสละพลังชีวิตทั้งหมดในการ ผนึกวิญญาณชั่วร้าย ที่แข็งแกร่งที่สุดไว้ในเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านสร้างขึ้น" คุณตาเน้นเสียงหนักแน่น "นั่นคือเหตุผลว่าทำไมตระกูลของเราถึงถูกเรียกว่าเป็น ผู้ร่ายรำแห่งแสง การที่ลูกมีพลังนี้อยู่ในตัว ถือเป็นภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่จะนำความสงบสุขกลับคืนมาสู่จิตวิญญาณของผู้คน" คุณยายกล่าวปิดท้ายด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความหวัง "นี่คือภาระหน้าที่ของตระกูลเรา ฮารุกะ... การเป็นผู้ร่ายรำพลัง การขับไล่วิญญาณชั่วร้าย และการนำความสงบมาสู่จิตใจ พลังที่ลูกมีอยู่ในตอนนี้... คือพลังอันอ่อนโยนแต่ทรงพลัง ที่จะใช้ในการปกป้องโลกจากการครอบงำของปีศาจ ลูกคือผู้ที่จะนำแสงสว่างกลับคืนมาสู่จิตวิญญาณที่มืดมิด" ฮารุกะฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความรู้สึกทึ่งและตระหนักถึงพลังอันสง่างามที่หลับใหลอยู่ในตัวเธอ เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงรู้สึกผ่อนคลายและมีสมาธิเมื่อได้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างอิสระ และทำไมเธอถึงรู้สึกไวต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้คน พลังแห่งการร่ายรำและการขับไล่วิญญาณกำลังจะถูกปลุกขึ้นในตัวเธออย่างเต็มที่ พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เบื้องหน้าในคืนวันพรุ่งนี้ บ้านของคิชิโระ: เรื่องเล่าแห่งผู้ถักทอโชคลาภและผู้ทำลายคำสาป ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านของ คิชิโระ บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความห่วงใยและจริงจังเช่นกัน คิชิโระกลับถึงบ้านพร้อมพ่อและแม่ คุณปู่ และ คุณย่า ของเขาซึ่งนอนไม่หลับรอพวกเขากลับมา ก็รีบเดินมารับที่หน้าประตูบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มด้วยความดีใจที่เห็นพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย "คิชิโระ! หลานรักของปู่! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม!? ย่ารอจนใจจะขาดแล้ว!" คุณปู่และคุณย่ากล่าวพร้อมกัน ท่านทั้งสองลูบไล้แขนขาของคิชิโระ ราวกับจะมั่นใจว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ คิชิโระรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ปู่ครับ... ย่าครับ... พ่อครับ... แม่ครับ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ผมอยากรู้เรื่องทั้งหมดครับ" คุณปู่ของคิชิโระถอนหายใจยาวๆ ท่านมองไปยังพ่อและแม่ของคิชิโระ ก่อนจะหันมามองหลานชายด้วยแววตาที่ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความรู้ "เอาล่ะ... ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องรู้เรื่องราวที่แท้จริงของตระกูลเรานะคิชิโระ" คุณปู่เริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มนุ่มแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง "เรื่องนี้ถูกเล่าสืบทอดกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของปู่เลยล่ะ" คุณปู่เริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างบ้าคลั่งนั้น พวกมันไม่ได้เพียงแค่โจมตีโดยตรง แต่ยังสามารถ สาปแช่ง ผู้คนและสถานที่ ทำให้เกิดโชคร้าย ความเจ็บป่วย และความอับโชคไปทั่วแผ่นดิน ผู้คนตกอยู่ในความสิ้นหวังเพราะโชคชะตาที่ถูกบิดเบือน" คุณย่าของคิชิโระเสริม "ตระกูลของเราไม่ได้เป็นนักรบแนวหน้า หรือผู้เยียวยาโดยตรง แต่พวกเราคือ ผู้ถักทอโชคลาภ และ ผู้ทำลายคำสาป" "ทวดของทวดของปู่" คุณปู่เล่าต่อ "ท่านเป็นนักเวทย์ที่มีพลังพิเศษในการ มองเห็นเส้นใยแห่งโชคชะตา และ ถักทอโชคลาภ ให้กับผู้อื่น ท่านสามารถสัมผัสได้ถึงคำสาปที่เกาะกินผู้คน และใช้พลังเวทย์ในการ ปัดเป่าโชคร้าย และ เปลี่ยนแปลงคำสาปให้กลายเป็นพร ได้" "ท่านไม่ได้แค่ทำลายคำสาปนะลูก แต่ท่านยังสามารถ สร้างโชคลาภ หรือ เสริมดวงชะตา ให้กับเหล่านักเวทย์สายขาวในการต่อสู้ ทำให้พวกเขาได้รับโอกาสที่ไม่คาดฝัน หรือรอดพ้นจากอันตรายได้อย่างปาฏิหาริย์" คุณแม่กล่าวเสริม "ทวดของทวดของปู่ ท่านเป็นเหมือนผู้ที่คอยบิดเบือนโชคชะตาให้เข้าข้างฝ่ายเรา เพื่อให้เราได้รับชัยชนะในที่สุด" คุณปู่พยักหน้า "ในสงครามครั้งสุดท้าย... เมื่อปีศาจเงาได้ใช้คำสาปอันร้ายกาจ เพื่อทำให้เหล่านักเวทย์สายขาวประสบแต่ความโชคร้าย และต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้" คุณพ่อเล่าต่อ "ทวดของทวดของปู่ ท่านได้ใช้พลังทั้งหมดในการ ถักทอเส้นใยแห่งโชคชะตา ขึ้นมาใหม่ ท่านได้สร้าง อาณาเขตแห่งโชคลาภ ที่มองไม่เห็น ครอบคลุมเหล่านักเวทย์สายขาว ทำให้คำสาปของปีศาจไม่สามารถส่งผลกระทบต่อพวกเขาได้อีกต่อไป" "ท่านยังเป็นผู้ที่คอย ทำลายคำสาป ที่แข็งแกร่งที่สุดของปีศาจ ทำให้พลังของพวกมันอ่อนแอลง และยัง มอบโชค ให้กับเหล่านักรบในจังหวะที่สำคัญที่สุด ทำให้พวกเขาได้เปรียบในการต่อสู้" คุณย่ากล่าวปิดท้าย "นี่คือภาระหน้าที่ของตระกูลเรา คิชิโระ... การเป็นผู้ถักทอโชคลาภ การทำลายคำสาป และการนำพาความหวังมาสู่ผู้คน พลังที่ลูกมีอยู่ในตอนนี้... คือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาและทำลายคำสาป ลูกคือผู้ที่จะนำพาความโชคดีมาสู่สงครามครั้งต่อไป" คิชิโระฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความรู้สึกทึ่งและเข้าใจในบทบาทของตัวเอง เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงมักจะโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อในบางสถานการณ์ และทำไมเขาถึงสามารถแก้ปัญหาที่ดูเหมือนไร้ทางออกได้เสมอ พลังแห่งการถักทอโชคลาภและทำลายคำสาปกำลังจะถูกปลุกขึ้นในตัวเขาอย่างเต็มที่ พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เบื้องหน้าในคืนวันพรุ่งนี้เสียงร้องโหยหวนของปีศาจที่พ่ายแพ้ในทิศทั้งสี่ไม่ได้นำมาซึ่งความสงบสุขอย่างที่คาดหวัง ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม วิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดไปต่างมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองอย่างมีเจตนา เพื่อรวมตัวและก่อกำเนิดเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการต่อสู้กับปีศาจเงาต่างรับรู้ถึงสัญญาณอันตราย และรีบมุ่งหน้ากลับไปยังที่มั่นสุดท้าย ณ โรงเรียนริโอะเอน[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรีลึก]ลมหายใจหอบถี่ของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองดังขึ้นระงมขณะที่พวกเขาวิ่งกลับมายังโรงเรียน แสงสีเงินของม่านพลังคุ้มกันที่ลุงภารโรงและผู้ปกครองคนอื่นๆ สร้างขึ้นยังคงส่องสว่าง แต่บัดนี้มันกลับถูกบดบังด้วยเงาทะมึนขนาดมหึมาที่กำลังก่อตัวขึ้นเหนือท้องฟ้าใจกลางเมือง"นั่นมันอะไรน่ะ!?" โกฮัน อุทานด้วยความตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้างมองไปยังเงาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เหนือโรงเรียนเมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ขึ้น ภาพที่ปรากฏยิ่งน่าขนลุก ปีศาจเงาขนาดมหึมา ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของวิญญาณปีศาจทั้งสี่ดวงที่หลุดรอดมา กำลังก่อตัว
ลมกระโชกแรงยามค่ำคืนพัดพาเสียงหวีดหวิว ราวกับเสียงร้องของวิญญาณที่ถูกรบกวน สงครามที่ปะทุขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองต่างเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กระหายวิญญาณ ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนยังคงเรืองรองในความมืด เป็นประภาคารแห่งความหวังเดียวท่ามกลางความโกลาหลสมรภูมิตะวันออก: การต่อสู้ในสวนสาธารณะโบราณทีมทิศตะวันออก นำโดย คาชิมิ (ผู้ปกป้องธรรมชาติและผู้ชำระล้างจิตวิญญาณ), เคนตะ (ผู้สยบพลังงานและผู้พิทักษ์มิติ), บาระ (ผู้รักษากฎและผู้พิพากษา), เร็น (ผู้ชี้ชะตาและผู้ควบคุมโชคชะตา) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกที่เข็มนาฬิกาอาคมของเคนตะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แสงสีเงินวาวบนหน้าปัดเต้นระริกบ่งบอกถึงการบิดเบือนพลังงานที่รุนแรง จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า สวนสาธารณะโบราณ ที่เงียบสงัด ต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปีทอดเงาปริศนาปกคลุมทั่วบริเวณ เสียงโหยหวนของวิญญาณต้นไม้และสัตว์ต่างๆ ดังแว่วออกมาจากความมืดมิด"ปีศาจมันกัดกินธรรมชาติแถวนี้!" คาชิมิกล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความเจ็บปวด เธอสัมผัสได้
ราตรีนี้ไม่ได้นำมาซึ่งความเงียบสงบ แต่กลับเป็นพยานแห่งสงครามที่อุบัติขึ้นในสี่ทิศทางทั่วเมืองริโอะเอน เหล่าทายาทนักเวทย์สายขาวและผู้ปกครองของพวกเขาต่างแยกย้ายกันไปเผชิญหน้ากับปีศาจเงาที่กำลังพยายามกลืนกินวิญญาณสิ่งมีชีวิตเพื่อเพิ่มพูนพลัง ม่านพลังคุ้มกันที่โรงเรียนริโอะเอนส่องสว่างเรืองรองในความมืดมิด เป็นเพียงสัญญาณแห่งความหวังเดียวท่ามกลางสมรภูมิที่กำลังปะทุขึ้นสมรภูมิเหนือ: การเผชิญหน้าในโรงพยาบาลร้างทีมทิศเหนือ นำโดย ฮานา (ผู้เชื่อมโยงและทำนาย), โกฮัน (ผู้นำทัพและผู้ทำลายล้าง), มายู (ผู้บันทึกและถ่ายทอด), โอกิ (ผู้โจมตีระยะไกล) และผู้ปกครองของพวกเขา ต่างมุ่งหน้าสู่ทิศเหนือที่เข็มนาฬิกาอาคมของฮานาชี้ไปอย่างไม่หยุดยั้ง แสงสีเขียวมรกตบนหน้าปัดเต้นระริก บอกถึงกระแสพลังงานปีศาจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้า โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องโหยหวนของวิญญาณที่ถูกรบกวนดังแว่วออกมาจากภายใน"ที่นี่แหละ..." ฮานากล่าวเสียงแผ่ว ใบหน้าซีดเผือด "พลังงานมันเข้มข้นมาก... ปีศาจเงาอยู่ข้างในนี้เยอะแยะเลย""เตรียมพร้อม!" โกฮันสั่งเสี
ความมืดของราตรีทอดยาวปกคลุมเมือง บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ ชวนให้ใจหวั่น ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอนที่เคยเป็นศูนย์รวมของความวุ่นวายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเงียบงันและกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังร่วมกันร่ายคาถาเพื่อสร้างม่านพลังคุ้มกันขนาดใหญ่ที่เรืองรองอยู่รอบรั้วโรงเรียน พวกเขามุ่งมั่นที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้เป็นที่มั่นสุดท้ายเมื่อม่านพลังก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ แสงเรืองรองสีเงินอ่อนๆ ก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ทว่า... ความปลอดภัยนั้นกลับแฝงด้วยความผิดปกติ[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามราตรี]เสียงบทสวดมนต์ของเหล่าผู้ปกครองค่อยๆ แผ่วลง เมื่อม่านพลังคุ้มกันปรากฏขึ้นเป็นรูปทรงโดมขนาดใหญ่ ครอบคลุมโรงเรียนเอาไว้ แสงสีเงินวูบไหวราวกับเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น ผู้ปกครองหลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนกลับรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไป"ฉันว่ามันแปลกๆ แล้วนะครับ..." ผู้ปกครองคนหนึ่ง (พ่อของโอกิ) เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ "ไร้วี่แววของปีศาจเงาเลย... ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกมันอาละวาดหน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อยๆ เลือนหายไปจากขอบฟ้า เหลือเพียงความมืดมิดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมเมือง ความหวาดหวั่นปะปนกับความมุ่งมั่นในใจของเหล่านักเรียนที่เพิ่งรับรู้ถึงพลังและภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตระกูลตนเอง เรื่องเล่าจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งต่อมาหลายชั่วอายุคนได้ปลุกจิตวิญญาณแห่งนักเวทย์สายขาวให้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ พวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึงกับความสามารถที่ซ่อนเร้น แต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่รออยู่เมื่อความมืดของราตรีเริ่มปกคลุม ทุกครอบครัวต่างเดินทางมารวมตัวกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน อันเป็นจุดนัดหมายและเป็นที่ตั้งของม่านพลังคุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุด[ลานกว้างหน้าโรงเรียนริโอะเอน ยามสนธยา]ลมเย็นยามค่ำพัดเอื่อยๆ พากลิ่นดอกไม้ป่าผสมกับความชื้นของดินชวนให้ใจสงบ แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟหน้าโรงเรียนส่องกระทบใบหน้าของเหล่านักเรียนและผู้ปกครองที่ยืนรอคอยกันอย่างเงียบงันลุงภารโรง ยืนอยู่ตรงกลางลาน สายตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังสำรวจสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในเงามืด เขาดูสุขุมกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในช
บ้านของฮารุกะ: ตำนานแห่งผู้ร่ายรำพลังและผู้ขับไล่วิญญาณฮารุกะ ก้าวเข้ามาในบ้านด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ ทันทีที่ประตูเปิดออก คุณตา และ คุณยาย ของเธอก็รีบเข้ามาสวมกอดหลานสาวด้วยความโล่งใจและน้ำตาคลอเบ้า"ฮารุกะ! หลานรักของตา! ไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก?" คุณตาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของฮารุกะเบาๆคุณยายพยักหน้าเห็นด้วย "ยายเป็นห่วงแทบแย่เลยลูก! เมื่อคืนได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด! ใจจะขาด!"ฮารุกะรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของท่านทั้งสอง เธอผละออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม "ตาคะ... ยายคะ... พ่อคะ... แม่คะ... เรื่องเมื่อคืนนี้... ปีศาจเงา... แล้วก็พลังที่เรามีกัน... มันคืออะไรกันแน่คะ? หนูอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะ"คุณตาของฮารุกะถอนหายใจช้าๆ ท่านพาฮารุกะไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แกะสลักตัวเก่าแก่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยพลังแห่งความเชื่อมั่นในอดีต"เรื่องนี้มันถูกเล่าสืบต่อกันมาในตระกูลของเรา ตั้งแต่สมัยทวดของทวดของตาเลยนะฮารุกะ" คุณตาเริ่มต้น "ในสมัยที่ปีศาจเงาออกอาละวาดอย่างหนักนั้น พวกมันไม่ได้เพียง