อีฟจับมือแซมก้าวเท้ายาวให้ถึงร้านสะดวกซื้อที่ตั้งห่างไปประมาณ 500เมตรรีบเร่งไปให้ทันเพราะท้องฟ้าที่ได้ส่งสัญญาณเตือนแล้วเมื่อครู่ว่าจะเทฝนลงมา
ตี๊.. ตูด.. ประตูอัตโนมัติเลื่อนออก มือเล็กคว้าตะกร้าหยิบเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์สองสามกระป๋องแค่พอได้ล้างปากจากอาหารเย็น.. เพียงแป๊บเดียวฟ้าที่คำรามก็กระหน่ำสายฝนลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทั้งสองเอียงหน้ามองกันในใจที่คิดตรงกัน ว่า “สายไปแล้ว เราได้ติดฝนอยู่ตรงนี้ ต้องทำใจยืนรอให้ฝนเบาลง”พลางจิบเบียร์ไปเรื่อยๆ จนเกือบหมดกระป๋อง อีฟเงยหน้า พูดกับแซม “Sam, I think this time is it.” (แซม ฉันคิดว่า เวลานี้แหละ) “Let's go"(เราไปกันเลยนะ) " Okay" แซมพยักหน้ารับแล้วกระดกเบียร์ที่เหลือให้หมด สองมือประสานแน่นแล้ววิ่งฝ่าสายฝนกลับ ….. “เจ๊แตงและแนนซี่ละพี่แมน” อีฟเอ่ยถามแฟนของเจ๊แตงที่กำลังยุ่งกับการเก็บร้าน ทันทีเมื่อมาถึงโต๊ะทานข้าวเห็นแต่จานอาหารช้อนซ้อมวางไว้ “แนนซี่กลับขึ้นห้องบอกว่า ปวดท้องจะขึ้นไปเข้าห้องน้ำและไปเก็บผ้าที่ตากไว้ด้วย” “แตง ไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน” “ อ่อ..ค่ะ” “นั่งก่อนได้นะ อีฟ” พี่แมนเอ่ยชวนพลางเก็บโต๊ะและเก้าอี้ที่เหลือเข้าที่ “ไม่เป็นไร ค่ะพี่แมน” อีฟมองด้วยความเกรงใจเพราะพี่แมนเก็บของเตรียมปิดร้านและทุกคนก็กลับไปทำธุระส่วนตัว อีฟคว้ากระเป๋าบนโต๊ะเอียงหน้ามองแซมในเสื้อผ้าที่ชื้นเพราะโดนฝน ใบหน้าใสมีน้ำเกาะ ผมเผ้าเปียกเพราะเราทั้งสองพี่งลุยเม็ดฝนกลับมาแต่เป็นเพียงสัญญาณเตือนเท่านั้นเพราะห่าฝนกลับเทลงมาหนักกว่าเดิม “ You can wait in my room. Wait for the rain to stop and then go back.” (คุณไปนั่งรอที่ห้องฉันได้นะ รอฝนหยุดค่อยกลับ) แซมมองเธอด้วยสายระยิบระยับพยักหน้ารับยกยิ้มด้วยความยินดี ห้องไซซ์กลางที่สะอาดตกแต่งไว้อย่างมีศิลป์ตามแบบสาวนักประวัติศาสตร์ หนังสือเรียงวางซ้อนบนโต๊ะ ภาพวาด ติดผนัง ลงชื่อ “EVE” เขามองภาพที่เธอวาดไว้ “Sam” (แซม) น้ำเสียงใสเรียกเขาหันหน้ามารับ “Thank you” (ขอบคุณครับ) เธอส่งผ้าขนหนูสีขาวให้ แซมเช็ดหน้าและซับผมที่เปียก นัยน์ตาสีดำใส มองหนุ่มตาน้ำข้าวราวกับถูกสะกดด้วยใบหน้าหล่อเหลาราวกับฟ้าประทาน กำลังขยี้ผมแต่แล้วต้องหยุดเลื่อนสายตามองสาวร่างเล็กในเสื้อเชิ้ตขาวที่ชุ่มไปด้วยน้ำจนผ้าแนบติดร่างเพรียว สายตาใสวาวราวกระจกของทั้งสองประสานกัน มือหนาเลื่อนลูบไล้แขนเรียว โน้มริมปากหนาชิดริมปากเรียวอย่างนิ่มนวล บรรยากาศเป็นใจ เสียงอ่อนโยนเอ่ยออกอย่างแผ่วเบา “Are you Ok?” (คุณโอเคไหม) ด้วยดวงตามันเยิ้ม “ Yes" (ค่ะ) อีฟตอบด้วยนัยน์ตาเป็นประกายด้วยความรักใคร่พลางนิ้วเรียวแกะกระดุมเผยบราลูกไม้ขาวนวล หัวใจของชายหนุ่มเต้นรัวมองเธอด้วยความคลั่งไคล้สองมือยกชายเสื้อของตัวเองพ้นศีรษะเผยหน้าอกหนุ่มแน่น โน้มร่างเพรียวมาแนบเลื่อนริมปากประกบจูบดูดดื่ม ค่อยเคลื่อนร่างบางลงบนเตียงร่วมบรรเลงรักด้วยความเสน่ห์หา …มีเพียงเสียงครางกระสันแผ่วเบาของเธอบ่งบอกว่าพอใจในความใคร่ที่ชายหนุ่มปรนเปรอนัยน์ตาสะท้อนใบหน้าของกันและกันเป็นมนต์สะกดให้สำเร็จถึงสวรรค์ทั้งสองคน แสงโคมไฟบนหัวเตียงโทนส้มส่องสองร่างเอนพิงชิดบนเตียงนุ่มมือหนาประสานนิ้วเรียวแล้วยกขึ้นมามองนิ้วเล็กด้วยความหลงใหลพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงละมุน “What size ring do you wear?” (คุณใส่แหวนไซซ์อะไร) “I am not sure” (ฉันไม่แน่ใจ) อีฟเอียงหน้ายิ้มตอบแซม “Will you travel with me?” (คุณจะไปเที่ยวกับผมไหม) “Yes” (ค่ะ) “Are you sure” (คุณแน่ใจไหม) “Of course I promise” (แน่นอนค่ะ สัญญา) ใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มของทั้งสองพูดคุยสานสัมพันธ์รักที่พึ่งจะเริ่ม..จนเผลอหลับไปจนเช้า แซมลืมตาตื่นด้วยสมองส่วนหน้าที่บันทึกไว้นึกได้ว่าเขามีนัดเรื่องงานของสายวันนี้ต้องกลับไปจัดการ กระซิบข้างหูอีฟแผ่วเบา เพื่อจะไม่รบกวนเธอ “miss you baby,see you around” (ผมคิดถึงคุณที่รัก แล้วเจอกันนะ) เลื่อนริมปากจูบลงบนหน้าผากของเธอแล้วค่อยขยับออกจากเตียง หยิบเสื้อผ้าที่พาดไว้บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แสงยามเช้าส่องกระดาษสีขาวสะท้อนให้เห็นรายละเอียดได้ชัดเจน แซมเพ่งอ่านก็พอเข้าใจเพราะใบนี้คล้ายกับบิลที่เขาจ่ายอยู่ทุกเดือน หันหน้ามองอีฟดวงตาเธอยังปิดสนิท พลางหยิบกระดาษใบนี้ลงในกระเป๋ากางเกง เวลา 7.30 Am หน้าห้องที่เปิดไฟเตรียมทำการ แซมอ่านคำว่า" Office” มองไปข้างในเห็นคุณป้าขาวท้วมสวมเสื้อยืดสีดำข้อความบนเสื้อ “MAID”กำลังปัดกวาดอยู่ในห้อง เขาเดินเข้าไปเคาะกระจกหน้าต่างบานเล็กที่เลื่อนออกได้ พลางยื่นบิลให้เธอดู “Can I pay this bill at this time? (ฉันจ่ายบิลนี้เวลานี้ได้ไหม) ป้าแม่บ้านฟังแล้วไม่ค่อยมั่นใจว่าตัวเองเข้าใจถูกต้องไหม " wait .รอ นะคะ” แต่ป้าก็พูดได้เป็นบางคำ แล้วหันหน้าตะโกนไปด้านหลังของสำนักงาน “ เฮีย หนุ่มฝรั่งมาถามอะไรไม่รู้ มาตอบหน่อยค่ะ” เฮียชัยเจ้าของอะพาร์ตเมนต์กำลังนั่งทานข้าวอยู่หลังห้องได้ยินรีบขานรับลุกไปล้างมือก่อนออกไป “เดี๋ยว แป๊บหนึ่ง” เดินออกมาด้วยใบหน้าเป็นมิตรพูดอังกฤษไฟแลบเพราะอะพาร์ตเมนต์ของแกก็มีต่างชาติรายวันรายเดือนนักศึกษาเข้าๆ ออกๆ ลุงชัยพูดคุยอัธยาศัยดีตามแบบนักธุรกิจผู้ชำนาญที่ปลดเกษียณแล้ว “Can I pay in advance for about 2 months? (ฉันจ่ายล่วงหน้าไว้สัก2 เดือนได้ไหม) All right, handsome man. (ได้สิ หนุ่มหล่อ) แล้วยื่นบาร์โค้ดให้แซมสแกนจ่ายค่าเช่าตามบิลและล่วงหน้าที่เขาเต็มใจให้อีฟไว้สองเดือน แม้เขามีไม่มากก็ตามแต่เขาก็สามารถวางแผนจัดการให้อยู่รอดได้ แล้วคุณลุงชัยก็บริการจัดการโทรเรียกวินมอไซค์มารับชายหนุ่มรูปหล่อที่เขาเรียกแทนชื่อของแซมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของแซมอาจเพราะด้วยความกดดันของทั้งสองที่ต้องการเพียงระยะห่างเท่านั้นและอีฟก็แค่ตั้งใจจะไปปรึกษาเรื่องงานของเธอกับแซม ยังไม่ทันได้ปริปากพูดถึงมันเลยกลับต้องจบลงแบบนี้จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างแต่บทสุดท้ายคือตอนนี้เธอเศร้าใจนัก และคำปลอบใจที่พูดกับตัวเองก็มีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องมูฟออน เมื่อถึงห้องเธอก็ไม่รอช้าคว้าโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิดแล้วตอบกลับอีเมลงานที่รอคำตอบจากเธอมาหลายวันแล้วด้วยใจที่แน่วแน่มั่นใจและพร้อมเดินทางในวันถัดไปโดยไม่จำเป็นต้องรีรอ วันต่อมา… บางครั้งโชคชะตาก็พลิกผันรวดเร็วเกินตั้งตัวให้เราเดินตามทางที่ถูกกำหนดมาตามเวลาที่เหมาะสม ตอนนี้เธอได้เก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆแพ็กลงกล่องเพื่อจัดการส่งให้กับบริษัทขนส่งที่กำลังจะมารับ หนังสือที่ตั้งวางอยู่ด้านหน้ามือหยิบลงใส่กล่องกระดาษสี่เหลี่ยมที่เตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับหนังสือเล่มโปรดของเธอแต่แล้วดวงตาต้องสะดุดกับสมุดบันทึกรักที่เคยจดบันทึกไว้เธอหยิบขึ้นมาแล้วเพ่งมองชวนให้นึกถึงและคิดว่าจะเปิดดูและอ่านอีกรอบแต่แล้วทันใดนั้นเสียงประตูหน้าห้องก็ดังแทรก ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ใครคะ?” “แม่บ้านจ้า” เธอตั
ที่ร้านอาหารตามสั่งของเจ๊แตงอีฟและแนนซี่ได้ทยอยขนของลงมาไว้บ้างแล้วเพื่อรอครอบครัวของแนนซี่จะมารับในไม่ช้า บนโต๊ะอาหารทุกคนนั่งรับประทานอาหารพร้อมสนทนากันไปพลางๆพลันสายตาหลายคู่ต้องหันมองไปทางเดียวกันเพราะรถเบนซ์คันหรูที่ดูคุ้นตาและนานๆจะมีเข้ามาที่อะพาร์ตเมนต์ราคาประหยัดเช่นนี้ซึ่งดูคลับคล้ายคลับคลาว่าเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นน่าจะเป็นคันเดียวกันที่เคลื่อนเข้าเมื่ออีฟและแนนซี่จ้องมองไปยังแผ่นป้ายทะเบียนนั้นแล้วก็ตรงเป๊ะและคิดว่า “ต้องใช่!หล่อนแน่ๆ”แต่วันนี้กลับมีสาวสวยสวมแว่นดำเดินออกมาจากรถมันเงาเพียงลำพังไร้เงาชายหนุ่มข้างกาย ลิซซี่ยืนบนรองรองเท้าส้นแหลม คอหันซ้ายหันขวาแล้วสายตาสะดุดเห็นอีฟและแนนซี่นั่งอยู่ที่ร้านอาหารข้างๆหอหล่อนจึงรีบเดินดุ่มๆมาแล้วเอ่ยถาม “อีฟเจอไอวาไหมฉันตามหาเขาอยู่เขาพยายามหลบหน้าหลบตาฉัน”เธอพูดด้วยเสียงที่กระซิกๆคล้ายกับจะร้องไห้ใต้แว่นดำแต่ไร้ซึ่งหยดน้ำตาต่อให้ลิซซี่จะสวยเพอร์เฟกต์แค่ไหนแต่หล่อนก็เป็นคนเอาแต่ใจให้ได้มาซึ่งทุกอย่างตามประสาลูกคนรวยที่ถูกสปอยล์แต่ตอนนี้เสียงของหล่อนที่พูดกับอีฟได้อ่อนปวกเปียกต่างจากเมื่อก่อนเพียงเพื่อต้องการให้ได้สิ่งที่หล่อนต
ในห้องสี่เหลี่ยมที่บรรยากาศอึมครึมเพราะชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นและจริงจังตอนนี้เขาได้เก็บตัวปิดประตูสังคมนั่งหน้าดำคร่ำเครียดปล่อยหนวดเครายาวสมองหมกมุ่นหนักกับงานที่ไม่ลงตัว แม้แต่อีฟคนที่กำลังคบหาเขาก็ไม่ได้สนใจตอบข้อความของเธออย่างเช่นเคยเพราะตอนนี้เขาแทบจะถวายชีวิตให้กับงานเลยก็ว่าได้ สามารถยอมแลกได้ทุกอย่างให้ได้มาซึ่งความสำเร็จแต่เขาอยากระบายออกมาบ้างในบางครั้งแล้วเสียงของชายหนุ่มได้ตะโกนลั่นปลดปล่อยอารมณ์ความเครียดจากสมองพลางมือขยำกระดาษเป็นก้อนแล้วปามันติดกำแพงผนัง..ที่อะพาร์ตเมนต์ในที่พักอาศัยของอีฟและแนนซี่ ตอนนี้ทั้งสองกำลังยุ่งกับการเก็บข้าวของ แนนซี่มองดูรูปถ่ายที่ถืออยู่ในมือเป็นภาพของเธอกับอีฟในชุดนักศึกษาสมัยปีหนึ่งที่ถ่ายคู่กันด้วยความสนิทสนมด้วยความปลาบปลื้มที่มีเพื่อนดีๆเช่น อีฟ แล้วเก็บใส่กล่องสี่เหลี่ยมส่วนตัวของเธอ ข้าวของเครื่องใช้ที่แพ็กไว้เรียบร้อยพร้อมขนย้ายเพื่อเตรียมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอย่างถาวร ในขณะที่อีฟมือแพ็กกล่องสลับหยิบมือถือขึ้นมาดูเป็นระยะๆเพื่อเช็กข้อความแซมที่จะตอบกลับเธอ“มีอะไรหรือเปล่าอีฟ เช็กมือถือตลอดเลย”แนนซี่เอ่ยถามเมื่อสังเกตว่าอีฟพะวงดูมื
หนึ่งเดือนผ่านไปเช้าของวันที่อากาศสดใสปลอดโปร่งในรั้วมหาวิทยาลัยที่ สองสาวใช้เวลาหลายปีในการร่ำเรียนและมีความผูกพันกับสถานที่เรียนแห่งนี้ก็มาถึงช่วงท้ายสุดของชีวิตนักศึกษา นักศึกษามากมายหลายคนต่างยื่นหน้าจ้องบนกระดาษที่แปะไว้ที่บอร์ดของคณะพลางนิ้วไล่เช็กรหัสของตัวเอง “อีฟฉันผ่านแล้ว”แนนซี่กระโดดกอดอีฟด้วยความดีใจเมื่อเห็นรหัสประจำตัวและชื่อของตัวเองติดอยู่ว่าสอบได้และอีฟยิ้มอย่างภูมิใจที่ทำสำเร็จเมื่อเห็นชื่อของเธอว่าสอบผ่านด้วยเช่นกันและตัวเธอเองจะไม่โอเคแน่ๆถ้าต้องเสียเวลาสอบใหม่อีกรอบเพราะฐานะการเงินที่ฝืดเคืองไม่สามารถประคองชีวิตต่อไปได้อีกหลายเดือนหากยังไม่มีงานประจำทำแล้ววันนี้เธอก็ทำสำเร็จซึ่งเธอก็ภูมิใจกับตัวเองอยู่ไม่น้อย สองสาวที่แพลนเอาไว้เป็นเดือนแล้วว่าจะรวบรวมเงินกันจัดงานฉลองเล็กๆกันที่ร้านข้างหอถ้าสอบผ่านและสำเร็จทั้งสองคน “แนนซี่ เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเจ๊แตงนะเราต้องเฉลิมฉลองกันตามที่เราได้สัญญากันไว้แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบไปก่อนนะเพื่อนมีนัดกับแซมไว้เจอกันเย็นนี้นะ ” อีฟพูดพลางก้าวถอยหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าที่แจ่มใสและเธอก็ยิ้มไม่หุบระหว่างการเดินทางไปหาชายหนุ่มที่คบแล
เวลา10โมงเช้าบรรยากาศในห้องสอบที่เงียบทุกคนต่างเพ่งตาทำข้อสอบอีฟใบหน้าผ่อนคลายอย่างมีสมาธิเธอรู้สึกดีใจที่ถึงวันนี้เสียทีเพราะเท่ากับว่าเธอได้นับเวลาถอยหลังถึงเส้นชัยแม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาอันรวดเร็วเธอจะผ่านประสบการณ์ทำงานที่แปลกใหม่ในชีวิตจนได้พบกับใครบางคนที่ชะตาฟ้าลิขิตให้มาเจอ พอถึงช่วงเวลาบ่ายหลังจากสอบเสร็จอีฟกับแนนซี่กำลังนั่งเม้าท์กันตามประสาเพื่อนสนิทใต้ต้นไม้ใหญ่ในรั้วมหาวิทยาลัยแต่ทั้งสองต้องเหลียวมองตามเสียงผู้หญิงที่กำลังพูดไฟแลบด้วยท่าทางฟึดฟัดอย่างไม่พอใจและนั่นคือ ไอวาและลิซซี่กำลังทะเลาะกัน “สองคนนั้นเขาทะเลาะอะไรกัน” “ฉันว่าสงสัยเจอฤทธิ์หนุ่มแบดบอยเข้าให้ไอวาก็คงทำนิสัยเดิมๆ เจ้าชู้ไปทั่วแหงๆ แต่ว่าสองคนนั้นคบกันแป๊บเดียวเองนะไม่ทันไรก็เผยสันดานออกมาละ สมน้ำหน้า จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไรยัยลิซซี่ที่ขี้เหวี่ยงขึ้วีนขนาดนั้น กับคาสโนว่าตัวพ่อ”แนนซี่พูดรัวชุดใหญ่ แต่อีฟเมื่อได้ฟังก็รู้สึกเฉยๆเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแล้วอีฟก็มองดูเวลาเพราะเธอได้เวลาต้องไปเปลี่ยนกะที่ร้านขนมหวานกลางเมือง“แนนซี่ ฉันจะต้องไปทำงานต่อที่ร้านขนมเดี๋ยวเจอกันตอนเย็นที่ห้องนะ ” “ได้สิ แล้วเจอกัน” แน
หลังจากเจ๊แตงได้จัดการติดต่อหางานพาร์ตไทม์ช่วยอีฟให้ได้ทำงานแล้ว วันนี้ก็เป็นวันแรกของการทำงานพาร์ตไทม์ในร้านขนมหวานซึ่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน ผมยาวถักเปียเรียงซ้อนงามเป็นระเบียบ สาวหุ่นเพรียวในเสื้อยืดสีดำชายเสื้อเข้าในกระโปรงยีนสั้นบนรองเท้าผ้าใบสีขาวคลุมด้วยผ้ากันเปื้อนเดินจัดเสิร์ฟขนมหวานและเครื่องดื่มน้ำผลไม้ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการซึ่งทั้งร้านมีพนักงานสองสามคนสลับกันเข้าออกเป็นกะ เพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตรอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอและอีฟเองก็พึงพอใจกับงานที่ทำและในวันแรกเธอไม่ได้กดดันหรืออึดอัดอะไรเลยดูแล้วงานนี้ก็เหมาะกับเธอด้วยซ้ำแม้รายได้เพียงเป็นค่าอาหารและค่าเดินทางในแต่ละวันซึ่งก็เพียงพอสำหรับเธอในช่วงนี้และใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็เสร็จงานของเธอในวันนี้เย็นนี้เธอได้นัดกับแซมไว้ให้มาเจอกันที่หน้าร้านขนมหวานหลังจากเธอเสร็จงาน อีฟยืนก้มหน้าพิมพ์ข้อความบนมือถือถึงชายหนุ่มที่นัดแล้วเขาก็มาตรงเวลาเป๊ะ“Hi,sam” ทั้งสองสวมกอดทักทายด้วยความคิดถึง “Shall we go? ” (เราไปกันเลยไหม) แซมตั้งใจไว้ว่าจะแวะดูคอมพิวเตอร์เพื่อไว้ใช้สำหรับธุรกิจของเขาที่กำลังจะเปิดเร็วๆนี้แต่นั่น