Masuk
“นี่ยัยเม…สรุปแกได้เล่นแอปหาคู่ปะเนี่ย” ไลลาเพื่อนสาวคนสนิทถามทั้งๆ ที่เพิ่งตักเค้กครีมสดเข้าปากไปคำโต
“ก็โหลดตั้งแต่วันนั้นที่แกบอกละ”
“แล้วเป็นไงบ้าง? ทำไมทำหน้างั้นไม่มีหนุ่มไหนเข้าตาเลยหรอ” สาวใบหน้าหวานกว่ามองเพื่อนสาวฝั่งตรงข้ามที่กำลังละเมียดละไมกินเค้กในจานด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“อืม…ก็ไม่เชิง แต่มีอยู่คนนึงชื่อวินดูน่าสนใจดี” เสียงหวานเอ่ยตอบพร้อมกับนึกใบหน้าที่เห็นจากรูปที่เขาตั้งในแอปหาคู่เพียงแค่สามรูปแล้วตักเค้กเข้าปากไปอีกคำ
ฉันเข้าใจเจตนาของยัยไลลานะเพราะคราวก่อนที่นัดเจอกันยัยนั่นเป็นฝ่ายคะยั้นคะยอให้ฉันโหลดแอปหาคู่มาเล่น อาจจะเพราะเห็นโสดมาได้สักพักเลยอยากหาเรื่องปวดหัวมาให้ล่ะมั้ง…ก็จะไม่ให้ใช้คำว่าปวดหัวได้ยังไงล่ะ! ตั้งแต่วันนั้นที่โหลดมาแล้วลองคุยกับคนนั้นทีคนนี้ทีที่ดูน่าใจสุดท้ายทุกคนล้วนมีจุดประสงค์เดียวคือจะเข้ามาแค่หวังเจาะไข่แดงเธอน่ะสิ ไม่เห็นจะเจอใครที่อยากจะมีความสัมพันธ์จริงจังสักคนเจอแต่เหล่าบรรดาอาหวังทั้งนั้น บางคนทรงเหมือนจะดีคุยไปคุยมา สืบไปสืบมา อ้าววววว มีเมีย!! จะบ้าตายรายวัน
โชคยังเข้าข้างที่เธอไม่ยอมออกไปเจอใครเลยเพราะต้องการใช้เวลาคุยให้มั่นใจก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่ก็นั่นอีกน่ะแหละพอเป็นแบบนี้ผู้ชายที่ไหนเขาจะมาเสียเวลาคุยกับเธอเพราะส่วนใหญ่แค่วันสองวันก็จะเอ่ยหาเรื่องนัดเจอแล้วฉันเลยมักจะโดนผู้ชายเทไปดื้อๆ จนเหลือแค่พี่วินหนุ่มใส่แว่นหน้าตาดีที่มีเรื่องมาพูดคุยหยอกล้อกับเธอทุกวันและเขาก็เป็นคนเดียวที่ไม่เร่งเร้าในการที่จะนัดเจอหรือมีพฤติกรรมที่ทำให้เธอเผ่นไปซะก่อน…
ติ๊ง! ร่างแบบบางกำลังนอนคว่ำตัวอ่านหนังสือนิยายอยู่รีบวางสิ่งที่ถือในมือลงแทบจะทันทีแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ที่นอนแอ้งแม้งข้างลำตัวขึ้นมาหลังจากที่มันส่งเสียงดังบอกว่ามีข้อความเข้า
พี่วิน : ว่างไหม? เราโทรคุยกันบ้างดีไหมครับ
ใบหน้าสวยที่ตอนแรกรีบทิ้งหนังสือเพราะจะได้ตอบกลับข้อความของเขาก็ยิ่งตื่นเต้นไปกันใหญ่ที่เห็นอีกฝ่ายบอกจะโทรมาเพราะตั้งแต่คุยกันมาร่วมสองเดือนยังไม่เคยได้ยินเสียงกันเลยน่ะสิมีแต่ส่งข้อความหากันไปหากันมาอยู่แบบนี้…
เมจิ : ว่างค่ะ โทรได้ค่ะ :)
ครืดดดดด ~ ว้ายยยย ฉันจะทำยังไงดีพอบอกว่าได้ปุ๊บก็โทรปั๊บไม่ให้เวลาเตรียมใจหน่อยเลยหรอเนี่ย ฮืออออ ตื่นเต้นนะจะคุยกับผู้ชาย ติ๊ด!
(สวัสดีครับ…น้องเมจิ)
“…” ว้ายยยยยยยยย ทำไมเสียงหล่อขนาดนี้!!!! ฉันจะเก็บอาการอยู่ไหมเนี่ย ทำยังไงดีล่ะยัยเม ทำไมเสียงเขามันช่างนุ่มทุ้ม ดูแมน ดูหล่อ โอ๊ย ใจเจ็บ!!
(เอ่อ ได้ยินพี่ไหม)
“อะ…อ๋อ ได้ยินค่ะๆ สวัสดีค่ะพี่วิน” ฟู่วววว! โอเค ดีมากเก็บอาการได้ดีสุดๆ
ปากเล็กเอื้อนเอ่ยเสียงหวานออกไปก่อนจะแอบพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างแนบเนียน แต่เสียงคนมันจะหล่อได้ขนาดนี้จริงๆ หรอเนี่ย ใจฉัน…
(ทำอะไรอยู่ อะ อื้ม) ชายหนุ่มกระแอมเบาๆ แต่เสียงก็เล็ดลอดผ่านมาให้เธอได้ยิน
“เมนอนอ่านนิยายอยู่ค่ะ พี่ล่ะ” เสียงกระแอมยังหล่อเลยแกเอ้ย ><
(อืม พี่เพิ่งอาบน้ำมา ว่าแต่ทำไมเราไม่เห็นพูดเก่งเหมือนเวลาพิมพ์เลยล่ะ หึ…) น้ำเสียงติดแซวอย่างเห็นได้ชัด
“ก็…ก็ มันยังไม่ชินนี่ อาจจะเขินอยู่ 5555” เธอตอบเขาอึกอัก ดีนะที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้าไม่งั้นเธอต้องอายแน่ๆ เพราะตอนนี้ทั้งหน้าแล้วก็หูของเธอแดงไปหมดแล้ว
(5555 เก่งแต่ในคีย์บอร์ดนี่เองสาวน้อย)
พอโดนแซวบ่อยๆ เข้าเธอก็เริ่มชินเลยเขินน้อยลง มั้ง >///< หลังจากนั้นก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยเหมือนหนุ่มสาวจีบกันที่ถึงแม้จะเอาเรื่องฝ้า เพดาน ทีวี โต๊ะ ตู้ เตียงมาพูดก็ยังขำแล้วกว่าจะวางสายกันได้ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนครึ่งถึงได้แยกย้ายกันไปนอน…
“อ๊า พะ พี่วิน เมเสียว อื้มมม…” ปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเพราะช่วงล่างของเธอกำลังถูกท่อนเอ็นหนาตอกอัดเข้ามาจนรูรักแทบจะผลิตน้ำหวานชโลมใส่เขาไม่ทัน
“อ่า พี่ก็เสียว…รูแน่นจังครับ” แววตาคมถูกคลุมไว้ด้วยสายตาอันเร่าร้อนที่กำลังจ้องมองร่างกายเปลือยเปล่าของเธออย่างเปิดเผย
ปึก ปึก ปึก!! เอวสอบเสยกระแทกกระทั้นเข้าหาร่างเล็กใต้ร่างอย่างหนักหน่วงจนสาวน้อยดิ้นเร่าไปมากับความเสียวที่เกินจะรับมือไหว
“ซี้ดดด มะ เมจะแตก” เสียงหวานพยายามรวบรวมสติเอ่ยบอกกายแกร่งด้านบนเพราะต้องการให้เขาทำกับเธอลึกและแรงกว่านี้
แม้ช่วงล่างกำลังถูกคนตัวสูงซอยเอวของเขาระรัวเข้าใส่อย่างไม่เว้นช่วงแต่ตาสวยก็จ้องมองใบหน้าหล่อไม่ห่างด้วยแววตาออดอ้อนไม่แพ้กัน…
“อื้อ พะ พี่วิน…”
เฮือก! ตาเรียวสวยลืมขึ้นแบบคนสะดุ้งก่อนจะรีบหยัดกายลุกขึ้นนั่งเอาแผ่นหลังพิงไปกับหัวเตียงนุ่ม…นี่ฉันฝันหรอ? ฝันว่ามีอะไรกับพี่วินเนี่ยนะ!? เฮ้อ เป็นเอามากเหมือนกันนะยัยเมแค่ได้ยินเสียงผู้ชายหล่อเข้าหน่อยสมองก็พาลจะใจง่ายขึ้นมาเลย
มือเล็กยกขึ้นยีหัวตัวเองก่อนจะยันตัวลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ เมจิจับกางเกงนอนตัวจิ๋วและแพนตี้รูดลงก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งพลันสายตาก็มองไปที่เป้าของแพนตี้ตัวสีฟ้าอ่อนที่อยู่ตรงหว่างขา…ปะ เปียกงั้นหรอ??
ครืด กึก กึก ครืด ~ เสียงล้อกระเป๋าเดินทางครูดไปกับพื้นตามแรงดึงของแขนเรียวที่กำลังเดินมุ่งหน้าตรงไปยังลิฟต์ก่อนที่จะเดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อเช็กเอาต์ออกจากที่พัก“เรียบร้อยค่ะคุณผู้หญิง ขอบพระคุณนะคะ”“ขอบคุณค่ะ”เสียงพนักงานสาวเอ่ยขึ้นก่อนที่เมจิจะเอ่ยขอบคุณตอบกลับแล้วเดินลากกระเป๋าออกมาตรงไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ภายในอาคารจอดรถของโรงแรม“ฮึบ! โอเคเรียบร้อย…ออกเดินทางกันดีกว่า”ร่างบางพูดขึ้นหลังจากยกกระเป๋าเดินทางและสัมภาระของตัวเองขึ้นท้ายรถเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะก้าวขาเข้าไปนั่งบนรถโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกที่บ้าน ยัยไลลา และพี่วินว่าเธอกำลังออกเดินทางรถคันสีขาวคู่ใจขับเคลื่อนออกไปจากตัวอาคารมุ่งหน้าไปยังบ้านอันแสนอบอุ่นของเธอ…14:40 น.ณ บ้านสวนเคียงดาวรถคันสีขาวที่คุ้นเคยขับเข้ามาจอดยังที่จอดรถประจำ ไม่นานนักคนตัวเล็กก็ลงมาจากรถก่อนจะยืดแขนบิดตัวไปมาพร้อมกับสูดลมหายใจเอาอากาศสดชื่นเข้าไปเต็มปอด…อากาศบริสุทธิ์แบบนี้หาในเมืองไม่ได้จริงๆ“เฮ้อออ ต้องแบบนี้สิ” เมจิหลับตาพริ้ม ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากได้ยืดเส้นยืดสายเพราะโดยปกติถ้าเธอเดินทางคนเดียวจะชอบขับรถยิ
ปี๊นนๆๆ เฟี้ยว! แง้นนน ~ เสียงจากการจราจรที่คับคั่งด้านนอกไม่ว่าจะรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือรถโดยสารสาธารณะดังเล็ดลอดเข้ามาภายในรถญี่ปุ่นที่กำลังมีสองหนุ่มสาวนั่งติดแหง็กอยู่กับไฟแดงบนแยกนี้มาได้ไม่ต่ำกว่าสามสิบนาทีแล้ว“นั่นไฟเขียวแล้วหรอ…ตดยังไม่ทันหายเหม็นเลยหมดละ” เสียงทุ้มพูดขึ้นหลังจากรถเคลื่อนตัวไปได้เพียงนิดและดูทรงแล้วว่าน่าจะต้องติดอีกรอบ“5555 พี่ตดหรอ…” เมจิขำกับการเปรียบเปรยของคนข้างๆ“งืมมม…เมว่าจะถามพี่อยู่” เสียงหวานเอ่ยต่อนัยน์ตาคมเลยหันมามองอย่างรอฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด“พี่เจอเมแล้วพี่โอเคไหมหรือมีอะไรที่ไม่ชอบบอกได้เลยนะ”เธอถามออกไปตามตรงก่อนจะสบสายตากับเขาที่ก็กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน“ไม่มี…ไม่มีอะไรที่ไม่ชอบ” เสียงทุ้มตอบกลับแล้วจ้องมองเข้ามาในตาของเธอนิ่ง“อ่อ…พี่ไฟเขียวแล้ว!”เมจิที่กำลังจะตอบกลับแต่ตาดันเหลือบไปเห็นไฟที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีเขียวก่อนเลยรีบสะกิดบอกพี่วินว่าถึงนาทีทองแล้ว!ทำให้รถที่จอดนิ่งอยู่เคลื่อนตัวออกไปและแน่นอนว่าเราสองคนผ่านไฟแดงมาได้แบบหวุดหวิดชนิดที่ว่าลุ้นจนแทบลืมหายใจก็ไม่เกินจริงเพราะขนาดตอนดูหนังก็ยังไม่ตื่นเต้นเท่านี้เลย…แต๊ก แต๊ก แต๊ก
เช้าวันต่อมาติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนจากมือถือของเมจิดังขึ้นพี่วิน : พี่ถึงแล้ว จอดรอด้านล่างนะเมจิ : ค่ะ เมกำลังลงไปตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของร่างบางที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์ก่อนจะเปิดประตูออกไปหน้าที่พักแล้วเดินเลี้ยวไปยังลานจอดรถของโรงแรม เมจิที่อยู่ในชุดเสื้อลายทางสีเข้มแขนยาวกับกระโปรงสีดำและรองเท้าผ้าใบคู่ใจเดินตรงไปยังรถญี่ปุ่นคันสีดำที่จอดอยู่ใกล้กับบันไดหนีไฟใบหน้าสวยก้มหัวลงมองนิดนึงเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าคนขับด้านในเป็นชายหนุ่มที่เธอนัดไว้ก่อนจะเปิดประตูรถและขึ้นไปนั่ง หลังจากเมื่อวานที่ทั้งคู่กลับมาถึงยังห้างสรรพสินค้าที่ต่างคนต่างจอดรถทิ้งไว้เลยได้มีการคุยกันว่าวันนี้จะไปทำอะไรบ้างจนได้ข้อสรุปว่าพี่วินจะมารับเธอที่โรงแรมจะได้ไม่ต้องนั่งรถสาธารณะไปกลับ… ประหยัดทั้งเวลาแล้วก็สะดวกกว่าด้วยไปคันเดียวจบแล้วก็หาสถานที่ที่คนไม่เยอะแทน“หวัดดีค่ะ :) ”คนตัวเล็กที่เพิ่งขึ้นรถมาหันไปกล่าวทักทายร่างหนาก่อนจะใช้สายตาลอบสังเกตการแต่งกายที่ดูธรรมดาเหมือนเดิม…แต่ก็ยังคงหล่อกระแทกตาไม่ต่างจากเดิม!กริ๊ก! เสียงล็อคประตูรถจากฝั่งคนขับดังขึ้น“คิดยังไงยอมขึ้นรถมากับผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก…หื้ม”“
ติ๊ด! แกร๊ก! ร่างบางที่ยังคงอยู่ในเสื้อสีแดงเปิดประตูเข้าห้องมาก่อนจะถอดรองเท้าและเดินเลยเอากระเป๋าสะพายไปวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวีโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกพี่วินและแม่ของเธอว่าถึงที่พักแล้วจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเมจิเดินไปที่หน้ากระจกมองภาพสะท้อนตรงหน้า ตาเรียวสวยมองตัวเองชัดๆ อีกทีแล้วก็ได้แต่คิดในใจเหมือนเดิมว่ามันเด่นน้อยลงกว่าเดิมตรงไหนก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วใช้มือจับชายเสื้อยกถอดออกจากตัว มือบางพลิกเสื้อที่ถอดออกมาดูเลยเห็นว่ามีป้ายแท็กห้อยอยู่ด้านในตรงคอปก…เสื้อใหม่นี่ถึงว่าล่ะตอนใส่ทำไมเหมือนมีอะไรขูดบนผิวจนรู้สึกคันยิบๆ“เดี๋ยวค่อยเอาไปซักพรุ่งนี้แล้วกัน” ปากเล็กพึมพำบอกกับตัวเองก่อนจะพับเสื้อให้เรียบร้อยและวางไว้บนโต๊ะใกล้ตัวครืดดด ครืดด ~“ว่าไงจ๊ะมัมหมี ~” เธอกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นแม่ของตนโทรมาพร้อมกับเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงกวนๆ อย่างต้องการหยอกล้อคนปลายสาย(อารมณ์ดีสินะลูกสาวฉัน)“55555 แค่อยากแกล้งแม่เฉยๆ …โทรมาคิดถึงหนูหรอ?”(งั้นแม่วางสายเลยนะ…)“โห่ๆๆ เดี๋ยวสิ…มีเรื่องจะบอกแม่อยู่พอดี”(แกไปทำอะไรไม่ดีมาหรือไง!)“แม่ใจเย็นนะ…เมจะบอกเฉยๆ ว่าจะลองหางานทำดูไหนๆ พี่โมก็กลับมา
“อื้ม! ชุดนี้แหละ น่ารักมากยัยเม”คนตัวเล็กหมุนตัวไปมาหน้ากระจกผมที่ลอนคลายๆ ไว้ก็สยายไปมาตามทิศทางการหมุน พร้อมกับเอ่ยชมตัวเองไม่ขาดปาก ร่างบางที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อเกาะอกสีขาวคลุมด้วยเสื้อครอปแขนยาวพอดีตัวสีเขียวอ่อนกับท่อนล่างเป็นกระโปรงสั้นอัดกลีบสีเทา ยิ่งขับให้ผิวตัวและใบหน้าดูผ่องเข้าไปกันใหญ่ติ๊ง ติ๊ง! เสียงข้อความจากมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น“งืมมม…ใครส่งอะไรมาน้า”พี่วิน : พี่เพิ่งเลิกงานพี่วิน : นี่เราอยู่ไหนแล้ว?เมจิ : อยู่ที่พักค่ะ เพิ่งแต่งตัวเสร็จRrrrrrr ~ เมจิไม่ทันได้พิมพ์อะไรต่อพี่วินก็โทรเข้ามาก่อน(แต่งตัวเสร็จแล้วจะไปไหน)เสียงทุ้มคุ้นหูพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เธอกดรับสาย“เมว่าจะไปเดินตลาดนัดกลางคืนหน่อย ไม่ห่างจากที่พักเท่าไหร่ ของกินเยอะด้วยงะ”(ไปกับเพื่อนเราอะหรอ)“เปล่านะ เมไปคนเดียว เพื่อนกลับไปทำงานแล่ววว”(อืม…หิวพอดีเลยงั้นพี่ไปเจอเราที่นู่นนะ ยังไงแชร์โลเคชั่นมาให้ด้วย ติ๊ด!)มะ เมื่อกี้ คืออะไรนะ น่ะ นี่ อยู่ดีๆ ก็ต้องเจอกะทันหันแบบนี้เลยหรอ เรานัดกับไว้พรุ่งนี้ไม่ใช่หรือไงพี่วิน! โอ้ยตายแล้ว ฉันไม่มีเวลาเตรียมใจเลย…T-Tพอตั้งสติได้เมจิก็รีบเด
“แม่ชักไม่มั่นใจแล้วว่านี่แกจะไปแค่ 3-4 วัน หรือกะจะย้ายบ้านถาวรกันแน่”เสียงผู้เป็นแม่พูดขึ้นหลังจากเห็นลูกสาวตัวเองเดินหอบของมาพะรุงพะรัง ทั้งกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าผ้าใบใหญ่ และกระเป๋าสะพายที่บังมิดจนมองแทบไม่เห็นตัวเลยหันไปเรียกให้คนงานที่บ้านมาช่วยลูกสาวยกของใส่เข้ารถ เพราะเท่าที่ดูถ้าไม่ช่วยคงได้มีหวังล้มกลิ้งแน่ในอีกไม่กี่ก้าว“ขอบคุณค่ะ”เมจิหันไปขอบคุณคนงานที่มาช่วยเธอยกของก่อนจะเดินไปหาพ่อกับแม่ที่ยืนรอส่งแบบนี้เป็นประจำเวลาเธอจะออกจากบ้าน“งั้นเมไปแล้วน้า นัดยัยไลลาไว้เดี๋ยวไปช้ายัยนั่นบ่นหูชาแน่ๆ”คนตัวเล็กไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้าไปหอมแก้มพ่อกับแม่คนละฟอดพร้อมกับยกมือไหว้…ส่วนเธอก็ทำแบบนี้เป็นประจำเหมือนกันไม่ว่าจะไปไหน“เดินทางปลอดภัยขับรถดีๆ นะไอ้ดื้อ”“จ้าพ่อ”ดา ดี้ ดั๊ด ดา ~มือเรียวของเมจิจับที่พวงมาลัยอยู่แต่นิ้วขยับยุกยิกไปมาตามจังหวะเพลงพร้อมกับหัวที่โยกเบาๆ และปากบางที่คอยพึมพำร้องเพลงไปด้วยก่อนที่เท้าจะค่อยๆ แตะเบรกชะลอความเร็วรถลงเพราะมีไฟแดงอยู่ด้านหน้าครืด ~ตาสวยเหลือบมองโทรศัพท์คู่ใจที่สั่นเมื่อสักครู่ก่อนจะหยิบขึ้นมาเปิดการแจ้งเตือนดูพี่วิน : เดินทางปลอดภัย







