"เค้าถึงบ้านแล้วนะ" ฉันเอ่ยกับปลายสายที่คุยด้วย ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงฉันก็มาถึงบ้านในที่สุด ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ฉันเลยถือโอกาสกลับบ้านมาหาพ่อหาแม่ และคนที่กำลังคุยด้วย ใช่...บอสนั้นแหละ หลังจากที่เขาไม่ได้ง้อจึงเป็นฉันที่ต้องหายเอง งอนเองหายเอง...แมนจริง ๆ เลยชะเอม
(โอเค ไว้เจอกันนะเอม) แล้วปลายสายก็ตัดไป พรุ่งนี้ฉันนัดบอสไว้ที่ร้านคาเฟ่ ต้องคิดถึงมากแค่ไหนถึงบ้านแล้วก็นัดเจอกันเลย...
"แม่เอมกลับมาแล้ว" ฉันตะโกนโวยวายเสียงลั่นบ้าน ก่อนที่จะรีบวิ่งไปกอดคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
"พี่เอม!" เสียงใสอีกคนวิ่งมากอดฉันบ้าง ใบพลูน้องสาวแท้ ๆ ที่คลานตามกันมา วิ่งมากอดด้วยความคิดถึง
"ไงช่วยแม่ทำงานไหมเนี่ย?" ฉันขยี้หัวเล็กด้วยความคิดถึง ฉันกับใบพลูต่างกันห้าปี แต่ก็เป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก
"ช่วยทุกวันเลย~" ฉันและครอบครัวคุยกันอย่างออกรส นาน ๆ ได้เจอกันทีก็มีเรื่องให้เล่าเยอะแยะมากมายโดยเฉพาะฉัน
@เช้าวันต่อมา
"โทษทีนะเอม รอนานหรือเปล่า" เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นหลังจากที่ฉันนั่งรอเป็นชั่วโมง เป็นบอสเอง...เรานัดกันเก้าโมงทว่าตอนนี้เวลาล่วงเลยถึงสิบครึ่ง
"ไม่นานเลย" ฉันยิ้มแหย่ ๆ เป็นคำตอบ ไม่อยากทำให้การกลับมาเจอหน้ากันในรอบหลายเดือนต้องกร่อย จึงต้องตอบออกไปแบบนั้นทั้งที่นั่งรอจนก้นชาแล้ว
"เราสั่งอะไรกันดี เค้กส้มที่บอสชอบไหม?" ฉันยกยิ้มแล้วรีบเปิดเมนูร้านประจำของเราสองคน ทว่าสิ่งที่ได้มาคือความเงียบ บอสไม่ตอบอะไรเลยจนฉันต้องเงยหน้าขึ้นมอง
"ขอโทษนะเอม แต่วันนี้บอสออกมาเจอเอมได้แป๊ปเดียว บอสมีธุระต่อน่ะ" กลับมาหาถึงที่ก็ไม่ว่างอีกเหรอ...
"มหา'ลัยบอสปิดเทอมแล้วไม่ใช่เหรอ?"
"บอสนัดเพื่อนเตะบอลไว้ ไม่ไปก็คงไม่ได้"
"อ้าวเหรอ...งั้นบอสไปเถอะ" คราวนี้ฉันฝืนยิ้มต่อไม่ออก ปิดเมนูลงแล้วเอ่ยกับบอสเสียงเรียบ
"เอมโกรธหรือเปล่า..."
"บอสนัดเพื่อนไว้แล้วหนิ รีบไปเถอะ"
"งั้นบอสไปแล้วนะ"
"อืม" ความอดทนรอหนึ่งชั่วโมงครึ่งฉันสูญเปล่า ทั้งที่เราไม่เจอกันหลายเดือนแต่ก็ไม่ได้รับความพิเศษอะไรกลับมาเลยสักนิด ฉันได้แต่มองตามแผ่นที่เดินออกไป หรือว่าฉันควรหยุดไว้แค่นี้...
ฉันนอนกลิ้งบนที่นอนโดยไม่มีอะไรทำ พยายามเล่นเกมอ่านหนังสือเพื่อให้หายฟุ้งซ่านเรื่องบอสแต่ก็ทำไม่ได้สักอย่าง ไม่มีสมาธิจะทำอะไรทั้งนั้นจนไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
จีน่า : อีจ๋ากับอีปายชวนไปที่เดิมมึงจะไปไหม?
จีน่ามาได้ทันเวลาพอดีราวกับรู้ใจ ซึ่งฉันเองก็ไม่มีทางพลาดโอกาสนี้เด็ดขาด
@PUB J&J
"มาสายไม่เปลี่ยนเลยนะชะเอม" ทันทีที่ก้าวลงจากรถก็โดนยัยจ๋าเพื่อนสนิทสมัยมัธยมบ่นในทันที ฉันแปลกใจมาก...ทำไมทุกคนดูไม่ชินกับการมาสายของฉันเสียที
"ขอโทษค่าคุณเพื่อน คิดถึงจังมากอดหน่อย" วินาทีนี้ต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่งั้นคงโดนสวดยาวกว่านี้
"เออคิดถึงเหมือนกัน ไป ๆ เข้าร้าน" จ๋ากับปายเป็นเพื่อนสมัยมัธยมที่สนิทกัน นั้นก็รวมไปถึงจีน่ากลุ่มของเรามีกันสี่คน
"ผับพ่อมึงสวยกว่าเดิมเยอะเลยวะ" จีน่าเมื่อนั่งที่โต๊ะได้ก็เอ่ยขึ้น พวกเราเลือกโต๊ะที่หลบมุมไฟสลัว ถ้าไม่สังเกตก็จะมองไม่เห็น เพราะวันนี้ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาใคร มาเพื่อคุยกับเพื่อนมากกว่าตรงนี้จึงเหมาะที่สุด
"กูก็ไม่ค่อยมาเท่าไหร่หรอก กลับนาน ๆ ทีแบบพวกมึงแหละ" จ๋ากับปายเรียนหมออยู่ที่ภาคเหนือ เราแยกกันฝั่งละสองคนจึงพอดีกัน
"มาเพื่อนชน ๆ มัวแต่คุยอยู่นั่นแหละ" ปายพูดขึ้นพร้อมยกแก้วขึ้น ถึงเวลาจะผ่านไปนานแต่ความเป็นเพื่อนของเราก็ยังเหมือนเดิม การออกมาแฮงค์เอ้าท์ทำให้ฉันลืมเรื่องบอสเสียสนิท แต่ก็ลืมได้แค่แวบเดียวแล้วก็กลับมาใหม่ เพราะเหมือนจะเห็นหลังคุ้น ๆ ไกล ๆ เหมือนใครสักคนที่ฉันรู้จักดี จึงพยายามเพ่งมองแล้วไม่วายที่จะสะกิดยัยจีน่าเพื่อช่วยดูด้วย
"อะไรวะ" จีน่าเอ่ยถาม
"มึงว่าใช่ไหม?" ฉันกลัวตัวเองจะเริ่มกรึ่มจนคิดไปเอง แต่สิ่งที่จีน่าตอบทำให้ฉันกระจ่างว่าไม่ใช่เพราะความเมา แต่มันเป็นเรื่องจริง
"กูว่าใช่ มันมากับใครวะ มากันแค่สองคน?" จีน่าหันมามองตามฉันแล้วเอ่ยถาม ในขณะที่ฉันส่ายหัวเป็นประวิง และขอร้องในใจอย่าให้เป็นอย่างที่ฉันคิด...
"มีอะไรกันวะ" ปายถามขึ้นเมื่อเห็นเราสองคนมองทางนั้นนานแล้ว ก่อนที่จะพูดต่อเพราะกำลังเห็นภาพเดียวกับที่ฉันเห็น
"นั้นไอบอสหนิ มึงเลิกกับมันแล้วเหรอ ทำไมกูไม่รู้วะ" ที่ปายพูดแบบนั้นเพราะทันทีที่มันพูดจบหญิงสาวข้างกายบอสก็ลุกขึ้นมานั่งตัก แล้วทุกอย่างก็เริ่มชัดเจนว่าทุกอย่างที่เห็นเป็นเหมือนที่ฉันคิด
"กูยังไม่ได้เลิกกัน" ฉันเอ่ยเสียงสั่นเครือ จดจ้องภาพนั้นไม่นานก็ผละออกมานั่งในท่าเดิม ก่อนที่เงยหน้าขึ้นแล้วพยายามทำตาโตเพราะไม่อยากให้น้ำตามันไหลออกมา
"ยังไม่เลิก ถ้างั้นแสดงว่า...." จ๋าลากเสียงยาวไม่กล้าพูดประโยคถัดมา มันมองหน้าฉันแล้วเม้มปากแน่นในขณะที่ฉันพยักหน้าตอบ
"อืม แบบที่มึงคิดนั้นแหละ" ทันทีที่พูดจบฉันก็หลับตาลงแล้วน้ำตาที่กรอกกลิ้งเต็มนัยน์ตาก็ไหลลงมาจนได้
นี่เหรอการตอบแทนของคนที่ฉันไว้ใจมาตลอด ผลการตอบแทนของความพยายามกับรักทางไกลของฉันที่เหมือนว่าจะเป็นฉันที่ทนอยู่ฝ่ายเดียว
ฉันมันน่าสมเพชจริง ๆ
ฉันหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า พร้อมกับโทรออกเบอร์ล่าสุดที่เจ้าตัวบอกว่าจะไปเตะบอลกับเพื่อน
สายตาฉันมองที่ทั้งสองอยู่ตลอด ทันทีที่โทรติดบอสก็รีบเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขามองโทรศัพท์แวบเดียวก็เก็บกลับเข้าที่เดิม
"มึงโอเคไหมเอม กลับเลยไหม?" เพื่อนสนิทถามจบก็เอื้อมมือมากอดคอไว้ ในขณะที่ฉันปาดน้ำตาที่เปื้อนหน้าแล้วเอ่ยออกมาเสียงเรียบ
"กูอยากกลับแล้ว"
"แล้วมึงจะปล่อยมันไปแบบนี้เหรอเอม ให้กูจัดการไหม?" ปายถามด้วยความไม่สบอารมณ์ ฉันจึงรีบส่ายหน้าตอบเพื่อน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของเราสองคน แล้วฉันก็อยากจัดการด้วยตัวเอง
"ไม่ต้องหรอกปาย กลับกันเถอะ" ฉันพูดจบก็เดินนำเพื่อนออกมาจากร้าน ก่อนที่จะหันไปพูดกับเพื่อนด้วยความรู้สึกผิด
"กูขอโทษนะพวกมึง วันนี้ยังไม่ทันสนุกเลยอะ" นาน ๆ ทีจะได้ออกมาเจอเพื่อนที่อยู่ไกลกันแต่ฉันกลับทำเสียบรรยากาศรู้สึกผิดเหมือนกัน แต่จะให้ฉันทนนั่งต่อไป ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
"ไม่เป็นไรหรอกเอม ไว้วันหลังก็ได้ ว่าแต่มึงโอเคใช่ไหม?"
"โอเคก็บ้าแล้วอีจ๋า เป็นกูแม่งได้ตบกันตรงนั้นแน่!" ปายพูดด้วยสีหน้าหงุดหงิด แวบแรกในความคิดฉันก็อยากทำไม่ต่างจากที่เพื่อนเอ่ยเลยสักนิด แต่เมื่อไตร่ตรองดูอีกทีฉันไม่เห็นว่าการอาละวาดกลางร้านแบบนั้นจะส่งผลดี ฉันไม่ควรต้องมาร้องไห้ให้ใครมาสมเพชเพราะถูกแย่งแฟน คนเลว ๆ แบบนั้นต่างหากล่ะที่ควรอายไม่ใช่ฉัน
"ขอบใจนะพวกมึงที่เข้าใจกู" ฉันพยายามฝืนยิ้มให้เพื่อนแล้วเราทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านโดยที่ฉันกลับบ้านของจีน่าแทนเพราะไม่อยากเผลอร้องไห้ออกมาให้พ่อแม่เห็น
"มึงไม่ไหวก็ร้องไห้ออกมา จะอั้นไว้ทำไม?" จีน่ามองฉันสีหน้าเรียบ มันคงดูออกว่าฉันกลั้นน้ำตามาตลอดทาง นั่งเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ
"กูไม่เป็นไร" ฉันว่าจบก็หลบสายตาของเพื่อน ฉันไม่อยากร้องไห้ให้คนเลว ๆ แบบนั้น มันไม่มีคุณค่าให้ฉันเสียน้ำตาเลยสักนิด
"อยู่กับกูมึงไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งหรอกเอม ร้องไห้บ้างก็ได้ กูจะปลอบมึงเอง" ว่าจบร่างบางก็เดินเข้ามากอดฉันไว้ แล้วน้ำตาที่ฉันพยายามฮึบไว้ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
ฉันกอดร่างของเพื่อนสนิทแน่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเป็นสาย ความรักสี่ปีของฉันเดินทางมาถึงตอนจบแล้ว ฉันน่าจะเชื่อเพื่อนตั้งแต่แรกที่บอกให้เลิกกับเขา ฉันรู้ดีว่าเป็นตัวเองที่กำลังฝืนประคับประคองมาตลอดเพียงแค่คิดว่าวันหนึ่งมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่แล้วทางตันมันก็ยังเป็นทางตันเหมือนเดิม ฝืนดันทุรังเข้าไปสุดท้ายมันก็ตันจนเดินต่อไม่ได้ หนทางที่ต้องทำคือเดินกลับมาทางเดิมที่เคยพลาดเข้าไป
"มึงไม่ผิดเลยนะเอม มึงแค่ดันมาเจอคนเฮี้ย ๆ แค่นั้น"
"ใช่...กูแค่เจอคนเฮี้ย" ฉันผละจากกอดของจีน่า ปาดน้ำตาที่อาบแก้มเมื่อคิดได้ว่าฉันไม่ควรเสียใจเพราะคนมักมากคนหนึ่ง
คิดได้ดังนั้นฉันก็เลิกฟูมฟายแล้วเข้าไปอาบน้ำ ก่อนที่จะลงมานอนข้างจีน่าที่มองฉันด้วยความเป็นห่วงไม่หาย
"มึงจะเอายังไงต่อเอม"
"กูจะนัดมันออกมาเคลียร์ให้รู้เรื่อง แล้วจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด"
"กูดีใจนะที่มึงเข้มแข็งแบบนี้ มึงเก่งมากเอม"
"ส่วนหนึ่งก็เพราะมันเฮี้ย กูเลยเก่งขึ้น" ฉันพูดจบจีน่าก็หัวเราะออกมา ฉันคิดว่าการทำใจกับรักสี่ปีมันจะนานกว่านี้เสียอีก ทว่าฉันกลับรู้สึกดีชะมัดเลย เหมือนชีวิตได้สลัดสิ่งอัปมงคลออกจากชีวิตยังไงอย่างนั้น
@เช้าวันต่อมา
"ให้กูไปเป็นเพื่อนไหม วันนี้กูว่างทั้งวันเลย" ในขณะที่ฉันกำลังแต่งตัวจีน่าก็พูดสีหน้าเป็นห่วง ซึ่งต่างจากฉันที่ยกยิ้มบาง ๆ มันก็มีบ้างในจังหวะที่ดึงเศร้า สี่ปีมันไม่น้อยเลย แต่แค่นึกถึงสิ่งที่เขาทำฉันก็กลับเข้ามาสู่โหมดปกติเหมือนเดิม
"ไม่เป็นไรมึง แค่นี้กูไปเอง"
"โอเค ถ้ามึงมีอะไรมึงรีบบอกกูนะ" จีน่าพูดพลางจับฉันมากอดอีกครั้ง มันกำลังทำเหมือนฉันจะไปสู้รบกับใคร ทั้งที่ฉันกำลังจะไปปลดปล่อยอิสระภาพเพื่อความสุขของตัวเองแค่นั้น
"ฮัลโหลบอส วันนี้ว่างไหม ออกมาคุยกับเค้าหน่อยสิ" ฉันกดโทรหาบอสทันทีที่มาถึงร้านแล้วพูดจุดประสงค์ในทันทีพยายามทำตัวเป็นปกติที่สุด
(ได้ดิเอม เค้าขอโทษนะที่เมื่อคืนไม่ได้รับสาย เค้าทำรายงานกับเพื่อนถึงเช้าเลย) ทำรายงานถึงเช้า ทุกครั้งที่บอกฉันว่าทำงาน ทำงานกลุ่มกับเพื่อน ก็คงเป็นแบบนี้ทุกครั้งสินะ
ตอแหลสิ้นดี...
"อืม ไม่เป็นไร รายงานบอสคงเยอะจริง ๆ แหละ ออกมาเจอเค้าตอนนี้เลยนะ เค้ารอที่ร้านเดิม" ว่าจบฉันก็รีบกดตัดสายโดยไม่รอให้เขาพูดประโยคปลอม ๆ ทิ้งท้ายเช่นทุกครั้ง ฉันเคยมีความสุขและรอคอยคำพูดคำนั้นอยู่ตลอด แต่วันนี้น่ะเหรอ...แค่ได้ยินเสียงเขาก็แทบอยากจะอ้วกออกมาแล้ว
รอไม่นานคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟนก็มาถึงพอดี คราวนี้เขามาด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม ถ้าเป็นแต่ก่อนฉันคงดีใจเป็นบ้าเป็นหลั่งที่ได้เห็นอะไรแบบนี้
แต่ขอโทษที วันนี้ฉันฉลาดขึ้นแล้ว
"วันนี้แฟนเค้ามาก่อนเค้า ไม่สายด้วย ฝนจะตกไหมเนี่ย..." เขายังคงปั้นหน้ายิ้มแย้มเหมือนเดิม ผู้ชายคนนี้เก่งจริง ๆ
"สั่งอะไรก่อนไหม" ฉันตัดบทเขาแล้วรีบเปลี่ยนคำถาม ในขณะที่บอสมองฉันใบหน้างุนงงเล็กน้อย เพราะปกติเราจะหยอกกันอย่างสนุกสนานทว่าวันนี้ฉันกลับไม่เหมือนเดิม...
ในที่สุดน้องอันนาก็มาตามที่คุณพ่อเขาหวัง ห้าปีผ่านไปตอนนี้ฉันได้ลูกสองคนแล้ว และเป็นผู้หญิงตามที่ใจคุณพ่อเขาหวังไว้ อันนาอายุได้สี่ขวบในขณะที่อาร์มย่างเข้าเก้าขวบ พี่ชายสุดขรึมที่หวงน้องสาวมากถึงขั้นมากที่สุด แม้กระทั่งเพื่อนอย่างริวลูกจีน่ากับพี่รอนก็ห้ามเข้าใกล้ ทั้งที่สนิทกันมาก ทว่าอาร์มเคยบอกว่าริวสนิทกับเขาไม่ใช่กับน้องเพราะฉะนั้นอย่าคิดที่จะเข้าใกล้น้องของเขา หากตรงนั้นไม่มีเขาคอยอยู่ด้วยแน่นอนว่าความคิดพวกนี้ได้มาจากพี่เอิร์ธที่ถ่ายทอดให้อาร์มเต็ม ๆ เพราะอาร์มจะตัวติดกับน้องสาวมากกว่า คุณพ่อขี้หวงจึงฝากฝั่งลูกสาวไว้กับพี่ชายที่ทำหน้าที่แทนคนเป็นพ่อแบบเขาไปเสียแล้ว"หม่ามี้ขา พี่อาร์มไม่ยอมให้หนูเล่นด้วย" อันนาลูกสาวฉันวิ่งมาฟ้องพร้อมกับเบะปากน้อย ๆ ขณะที่ฉันกำลังคุยกับจีน่าจึงหยุดการกระทำแล้วหันไปมอง"ทำไมล่ะคะ หนูไปกวนพี่เขาหรือเปล่า""เปล่าค่ะ แต่พี่อาร์มบอกว่าผู้ชายเขาเล่นกัน" คงไม่พ้นหวงน้องสาวเหมือนเคยเพราะเจ้าตัวกำลังเล่นกับริวอยู่"งั้นหนูไปอาบน้ำแต่งตัวรอปาป๊ากลับมาดีไหมคะ" แต่ลำพังจะให้บอกให้อาร์มชวนน้องเล่นด้วยก็ไม่ได้ รายนี้ไม่ยอมอยู่แล้วฉันรู้นิสัยลูกทั้งสองดี จึง
"อ้วกก" ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าตรู่เพราะได้ยินเสียงคนอ้วกที่ดังมาแต่ไกล เหลือบมองคนข้าง ๆ ไม่เจอร่างสูงที่นอนกอดมาทั้งคืนจึงแน่ใจว่าต้องเป็นเขา "พี่เอิร์ธเป็นยังไงบ้างคะ ไหวไหม เอมว่าไปหาหมอดีกว่าค่ะ" ฉันเดินไปรับร่างสูงที่ออกมาจากห้องน้ำด้วยความอ่อนเพลีย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของวันทว่าร่างสูงวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่ออ้วกหลายต่อหลายครั้ง หน้าแดงไปหมดฉันชักเป็นห่วงเขาเอามาก ๆ แล้ว"ไม่เป็นไรพี่ไหว ขอกอดหน่อย" ว่าจบเขาก็ซุกเข้ากอดฉันอย่างไม่รอคำตอบ จมูกโด่งสูดดมลำคอฉันทุกส่วนจนรู้สึกจั๊กจี้ไปหมด"คิคิ อะไรคะเนี่ย...""ทำไมเอมหอมจัง""หอมอะไรคะ เพิ่งตื่นยังไม่ได้อาบน้ำเลย แล้ววันนี้ไปทำงานไหวไหมคะ?" ฉันถามคนตรงหน้าที่ยังกอดไม่เลิก จนจะสายอยู่แล้ว แต่ก็ยังวอแวกับลำคอของฉัน"ไหวครับ ฟอดด" พี่เอิร์ธผละกอดออกก่อนที่จะหอมแก้มฉันฟอดใหญ่ แล้วรีบหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปอาบน้ำ ตั้งแต่แพ้ท้องก็กลายเป็นคนละมุนขึ้นเยอะเลย "แล้วจะรีบกลับมานะครับ เจ้าก้อนอย่าแกล้งแม่เยอะเข้าใจไหมหื้ม..." กว่าจะไปทำงานได้ก็ต้องอำลาทั้งคนและก้อนเนื้อในท้อง อายุครรภ์ย่างเข้าสามเดือนทว่าอีกคนก็คุยกันเป็นตุเป็นตะราวกับลูกรู้เ
อีกไม่กี่วันฉันกับพี่เอิร์ธก็จะแต่งงานกันแล้ว เราตกลงกันว่าช่วงเช้าแต่งตามประเพณี ส่วนช่วงบ่ายก็จะออกแนวปาร์ตี้ สังสรรค์กับเพื่อน ๆ ออกทางผ่อนคลายเพื่อไม่ให้กระทบกับลูกในท้องมาก ใช่...เป็นความคิดของพี่เอิร์ธทั้งหมด ฉันห้ามอะไรเขาไม่ได้เลย "เอาแบบเซฟที่สุดเลยนะครับ" เสียงพี่เอิร์ธบอกพนักงานร้านที่เรามาซื้อชุดแต่งงานกัน เขาจัดการทุกอย่างให้ทั้งเรื่องในงานและเรื่องชุด ไม่มีอะไรให้ฉันตัดสินใจให้เครียดเลยสักนิดเดียว"ได้เลยค่ะ" ว่าแล้วพนักงานก็เดินไปหลังร้านเพื่อหาชุด มาถึงตอนนี้สั่งตัดไม่ทันแล้ว เพราะเจ้าบ่าวเขารีบแต่งขอวันนี้เดือนต่อมาก็แต่งเลยบอกว่ากลัวยิ่งช้าแล้วท้องยิ่งใหญ่จะอันตราย"ว้าวว เจ้าสาวสวยมากเลยค่ะ" ตอนนี้ฉันเปลี่ยนชุดเสร็จโดยที่มีพี่พนักงานคอยช่วย"ขอบคุณค่ะ" ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องลองชุดเพื่อให้ว่าที่เจ้าบ่าวที่นั่งรออนุมัติ บอกแล้วว่าทุกอย่างต้องผ่านเขาก่อน"เป็นยังไงบ้างคะ เอมสวยไหม?" ฉันยิ้มหวานถามเจ้าบ่าวที่กำลังเงยหน้าขึ้น ทว่าอีกคนกลับนิ่งไม่พูดอะไร มีเพียงสายตาคู่คมที่จดจ้องฉันนิ่งจนพนักงานต้องเอ่ย"เจ้าบ่าวอึ้งไปเลยค่ะ" "พี่เอิร์ธ" ฉันสะกิดร่างสูงเบา ๆ เพื่อออ
วันนี้ผมให้ชะเอมนอนพักไม่ได้ปลุกให้ไปเรียน ผมกะว่าเรียนเสร็จแล้วจะเลยออกมาจัดการกับไอนัทที่ให้ลูกน้องจับตัวไว้"ไอเอิร์ธ มึงจัดการวันไหน" ไล่หลังอาจารย์ที่เดินออกไปในคาบเรียนช่วงเช้า พวกเพื่อนผมก็รีบสะกิดถามยกใหญ่ ราวกับอัดอั้นอยากจะถามมานาน"วันนี้ และตอนนี้" จัดของเสร็จผมก็ลุกจากที่นั่งเรียนในทันที เพราะไม่อยากให้ชะเอมอยู่ห้องคนเดียวนาน ๆ จึงต้องรีบจัดการให้แล้วเสร็จแต่ก็ไม่วายที่จะมีพวกเพื่อนผมวิ่งตามมาด้วย"พวกกูไปด้วย" ใช้เวลาไม่นานพวกผมก็เดินทางมาถึงผับของตัวเอง ก่อนที่จะเลาะไปห้องใต้ดินที่สร้างไว้โดยเฉพาะ ดวงตาคู่คมก็สังเกตเห็นไอนัทที่ถูกมัดมือห้อยขึ้นสูงขณะที่ดวงตาคมปิดอยู่และรอยฟกช้ำเข้มที่มุมปากจากฝีมือไอนิคผมไม่รอช้าที่จะปลุกคนที่หลับอย่างสบายใจให้รีบตื่นด้วยวิธีของผม น้ำที่ผสมเกลือทิ้งไว้ในถังถูกสาดใส่จนคนนอนหลับร้องครวญด้วยความเจ็บแสบ"อ้ากกก..." "แม่งได้ใจกูจริง ๆ" ไอรอนยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจ ในขณะที่ผมรอให้มันตื่นอย่างเต็มที่เพื่อจะจัดการต่อ"ไอเฮี้ย จับกูทำไม" ทันทีที่มันรู้สึกตัวมันก็มองหน้าพวกผมอย่างเต็มตาก็ปากดีออกมา "แล้วมึงไปทำเฮี้ยใส่ใครไว้ละ" เป็นไอดินพูดขึ้นพ
@PUB E&E"หนูลงไปหาเพื่อนก่อนนะคะ" ตอนนี้ฉันถึงที่ผับแล้ว แต่อยู่ในห้องทำงานพี่เอิร์ธนานถึงหนึ่งชั่วโมง เมื่อเห็นพี่เอิร์ธทำงานแล้วได้เวลานัดพอดีฉันเลยคิดว่าจะลงไปหาเพื่อนก่อน ปล่อยให้เขาเคลียร์งานเสร็จก็คงจะตามลงไปเอง"อืม เดี๋ยวพี่ตามลงไปครับ" พี่เอิร์ธเงยจากเอกสารกองโตแล้วตอบฉันเสียงเรียบ เขาพูดจบฉันก็ก้มไปหอมแก้มสากก่อนที่จะเดินลงมาจากห้องทำงานชั้นสามลงมาชั้นหนึ่งตามที่นัดกับเดอะแก็งเอาไว้แต่แล้ว...พรึ่บ!"น้องชะเอมมาเที่ยวที่นี่ด้วยเหรอครับ" มือบางถูกกระชากจากใครอีกคนทำเอาฉันชะงัก ท่ามกลางไฟสลัวมุมอับของร้านที่ที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านทำให้ฉันพยายามเพ่งมองว่าเขาเป็นใคร"พี่นัท..." ฉันเอ่ยเสียงเบา คือเขาอีกแล้ว ฟังจากน้ำเสียงก็รู้ว่าเขาเมาไม่น้อยเลย"พี่ถามทำไมไม่ตอบ""คะ ค่ะ" เขาเริ่มขึ้นเสียงไม่พอใจที่ฉันเอาแต่เงียบ ในขณะที่ฉันเริ่มกลัวเพราะแถวนี้ดันไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน แถมเขายังเปลี่ยนเป็นคนละคนอีก"อะ เอมขอตัวนะคะ" ว่าแล้วฉันตั้งท่าจะหนี ทว่าอีกคนที่เร็วกว่าคว้าฉันไว้อีกครั้ง"เดี๋ยวสิครับ คุยกับพี่ก่อน..." เขากระชากให้ฉันไปยืนในมุมอับของร้านที่อยู่ลึกกว่าเดิม ก่อนที่จะพยายามคร่
"ทำอะไรลูกสาวฉันหรือยัง?" อ่า...พ่อฉันถามอะไรเนี่ย...ฉันไม่รู้จะทำหน้ายังไงแล้ว นั่งไม่ติดเบาะได้แต่มองหน้าพ่อแม่แล้วก้มหน้าลงทันที"ครับ" นี่ก็ยอมรับเสียด้วย งานนี้ตายแน่..."ถ้าพ่อไม่สบายใจผมให้ป๊ากับม้ามาสู่ขอชะเอมก็ได้ครับ" ฉันเบิกตากว้างเมื่อพี่เอิร์ธพูดขึ้นมาต่อ "ดี ลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ" แต่คำตอบของพ่อทำเอาฉันชะงักยิ่งกว่า แปลว่าพ่อจะให้ฉันแต่งจริง ๆ เหรอ ไม่โกรธแถมยังเห็นดีเห็นงามด้วย"พะ พ่อหมายความว่ายังไงคะ?" ฉันเงยหน้าถามเสียงสั่นเครือ ยังคงไม่เข้าใจกับความกลับลำของพ่อ ทั้งที่ตอนแรกมาดเข้มดิบดี ทว่าตอนนี้ทำเหมือนจะยกฉันให้เขาเสียอย่างนั้น"ฉันชอบไอลูกเขยคนนี้""คะ คะ!?""ส่วนเรื่องสู่ขอก็ไปตกลงกันเอง ฉันไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้น" เรียวปากเล็กยังอ้าปากหวอไม่หาย แปลว่าพ่อยอมรับเรื่องของฉันกับเขาเหรอ แถมยังมีอะไรด้วยแล้วพ่อก็ไม่ว่าอะไรอีก เป็นไปได้ยังไง..."พ่อไม่โกรธเหรอคะ?""หรือลูกอยากให้พ่อโกรธ?""ไม่ ๆ ไม่ค่ะ" ฉันส่ายหัวเป็นประวิง ไม่โกรธก็ดีแล้ว ดีมากด้วย"อะไรขนาดนั้นคะลูกสาวแม่ พ่อเขาแค่ทดสอบลูกเขยเขาเท่านั้นแหละ ทำหน้าตกใจอะไรขนาดนั้น" แม่ที่จับมือฉันตลอดก็เอ่ยแ