พ่ายรัก - 1
แสงไฟสลัวสีทอง แผ่เป็นวงกว้างเด่นมาจากชั้นที่มีขวดแอลกอฮอล์ดีไซน์หรูหราหลากยี่ห้อตั้งอยู่ดาษดื่น วางเรียงกันเป็นระเบียบไม่ต่ำกว่าสิบชั้น…
ดนตรีสมูตแจ๊สถูกเปิดคลอกังวานทั่วร้าน เสียงทุ้มของ เพอร์รี โคมอ ทำนองไพเราะน่าฟังผสานกับเสียงแซ็กโซโฟน
หญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเริ่มเมามายนั่งฟุบหน้าลงกับเคาน์เตอร์บาร์ในเลาจ์หรูแห่งนี้ ก่อนเจ้าของร่างระหงส์จะเงยหน้าเอนตัวขึ้นพิงพนักเก้าอี้
ที่เธอก้มๆเงยๆเพราะต้องแอบซ่อนความเศร้าโศกและคอยปาดน้ำตาทิ้งลวกๆ แม้จะเสียใจ แต่ก็ไม่ได้อยากให้ใครมาว่าเอาได้ว่าโตจนป่านนี้ยังร้องไห้งอแงเหมือนเด็ก
มือหนึ่งถือแก้วค็อกเทลผสมจินที่ไม่ได้จิบมานานจนมันเจือจาง กระทั่งเสียรสชาติเพราะน้ำแข็งในแก้วเริ่มละลายลง
นัยน์ตาคู่สวยเหม่อมองน้ำแข็งในแก้วละลายช้า ๆ ราวกับสะท้อนถึงหัวใจที่มันกำลังแตกสลายเพราะใครบางคน ไม่นานก็ต้องคอยนั่งมาปั้นหน้ายิ้มแห้งๆเพื่อปฏิเสธชายหนุ่มหลายต่อหลายคนที่เข้ามาทักทายเพื่อขายขนมจีบ
บ้างก็ชายวัย 20 ปลาย ๆ ดูภูมิฐาน
บ้างก็หนุ่มลูกครึ่ง หน้าตาดูดีอย่างพวกลูกคนมีชาติตระกูล
ทว่าหลังจากที่เธอเพิ่งปฏิเสธชายหนุ่มดีกรีนักบินไปหมาด ๆ หญิงสาวลูกครึ่งใบหน้าสวยหยาดเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนในเดรสรัดรูปอย่าง ‘มีอา’ ที่เพิ่งมาถึงร้านก็เดินมานั่งที่ว่างข้างๆ
“ชวนพวกฉันออกมาเที่ยวกลางคืนทั้งที นัดมาในที่ที่เงียบเหงาและจืดชืดแบบนี้เนี่ยนะ มาหยา?”
หลังจากที่ได้รับเมสเสจในกลุ่มจากมาหยา เพื่อนสนิทที่เป็นคุณหนูผู้เอาแต่ขลุกตัวอยู่แต่บ้าน เธอส่งมาแค่ว่า อกหัก แล้วชวนพวกเธออีกสองคนท่องราตรีทั้งที มีอา ก็รีบขับรถบึ่งมาตามจีพีเอส นึกว่าจะเป็นไนต์คลับหรูหราที่เปิดเพลงเร้าใจชวนให้ดิ้นตามจนร่างแหลก ทว่ากลับเป็นสถานที่วังเวงชวนให้เปลือกตาปิดไปเสียอย่างนั้น
ภายใต้ชุดเดรสเกาะอกสีหวานเผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดที่ผ่านการบำรุงเป็นนิจ คือ มาหยา ซึ่งกำลังนั่งฟุบหน้ากับเคาน์เตอร์ เธอเงยใบหน้าที่เปรอะเปรื้อนไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมามองเพื่อนสาว ก่อนจะต้องเบะปากอีกระลอก
“เธอไหวมั้ยเนี่ย?”ตั้งท่าเตรียมบ่นเต็มที่แต่ก็ต้องปิดฉับลงแล้วเปลี่ยนอิริยามาเป็นยกมือขึ้นลูบหลังปลอบประโลม
สภาพเธอมันแย่เกินกว่าจะจินตนาการ เพราะมีความเศร้าปนอยู่เต็มประดา ส่วนเหล้าก็ยังรสขมปร่า ถึงอย่างนั้นก็ยังคงกระดกเอาๆแก้วแล้วแก้วเล่า
หญิงสาวไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตนจะต้องมาตกอยู่ในสภาพน่าอเน็จอนาถเช่นนี้
ถึงรสชาติจากของเหลวสีอำพันจะไม่ถูกปาก แต่ตัวเธอที่ไม่อาจยอมรับความจริง ก็ปรารถนาจะเมาให้ลืมทุกสิ่ง มือเรียวจึงฝืนกระดกซ้ำแล้วซ้ำเล่ารอบที่เท่าไหร่ไม่รู้
“ฮัลโหล โมนา เธออยู่ไหนแล้ว… นี่สรุปจะไม่มาปลอบเพื่อนที่กำลังอกหักหน่อยเหรอ” น้ำเสียงของมีอาติดกระซิบกระซาบเพราะต้องเอามือป้องปาก ปกปิดบทสนทนาจากคนเมาข้างกาย เพื่อถามว่าเพื่อนอีกคนถึงไหนแล้ว ป่านนี้ยังมาไม่ถึงอีก
(ฉันไม่ไป….ถ้ามีเรื่องคอขาดบาดตายกว่านี้ อาจจะเปลี่ยนความคิดอีกที) เสียงจากปลายสายตอบอย่างไม่ยี่หระ พลางหาวใส่ไปทีด้วยความเบื่อหน่าย
มีอาส่ายหน้า ถอนหายใจให้กับเพื่อนทั้งสอง สภาพคนหนึ่งก็รับมือยาก อีกคนก็นึกอยากจะทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจ แถมยังไม่คิดจะพูดจาให้มันดี ๆ บ้างเสียเลย
(นี่มีอา เปิดลำโพงให้ยัยนั่นฟังหน่อยสิ)
“เอางั้นเหรอ” มีอาถามเพื่อน และได้รับคำตอบเป็นคำว่า อือ สั้น ๆ เช่นนั้นจึงล้มเลิกการประคองสถานการณ์ แล้วนำโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด ไปใกล้ ๆ มาหยา พลางสะกิดไหล่นวลสองสามที
เธอที่กำลังจะกระดกมาร์ตินีแก้วสอง ที่เพิ่งสั่งไปหยุดชะงัก ก่อนหันมามองตามแรงสะกิด มีอาชี้นิ้วใส่หน้าจอให้มาหยาดูว่าตนกำลังถือสายอยู่กับโมนา ยายตัวดีที่เบี้ยวนัดของพวกเธอในค่ำคืนนี้
(จะบอกอะไรให้ ตั้งใจฟังดีๆนะ…มาหยาเพื่อนรัก เธออย่าโง่ไปหน่อยเลย ไอ้สวะที่เธอกำลังหลงรักนั่นน่ะ ไม่มีอะไรคู่ควรกับเธอเลยสักนิด เลิกฟูมฟายได้แล้วยัยบ๊อง…)
ครั้นปลายสายพูดจบ มีอาก็ตัดสายทันทีก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย จนมาหยาซึ่งตั้งใจฟังอยู่ชั่วครู่เผยยิ้มบางเบาออกมา เธอขำคำที่เพื่อนว่าตน จนพานทำให้มีอางง
โมนาก็ยังเป็นโมนา เย็นชา ไร้หัวใจดั่งแม่มดไม่มีผิดเพี้ยน หนำซ้ำยังเป็นนางมารร้ายเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจาก เขา คนนั้นเลยสักนิด
ครั้นเมื่อจู่ๆนึกถึงคนใจร้ายขึ้นมา จิตใจก็ย่ำแย่ลง ร่างบางในชุดที่โชว์แผ่นหลัง ก็พลันทิ้งศีรษะซบลงกับแขนทั้งบนโต๊ะ ก่อนหยดน้ำตาจะพรั่งพรูเปรอะอวัยวะที่ถูกมันสัมผัส ตัวสั่นระริกจนมีอาทำตัวไม่ถูก จึงต้องขยับเข้าใกล้อีกหน่อย ก่อนจะเอ่ยประโยคปลอบประโลม วันนี้เธอคงไม่ได้สนุกแล้วล่ะ คิดแล้วก็อดเศร้าตามไม่ได้
“ไหนเล่ามาซิ เรื่องราวมันเป็นยังไง”
เธอโอบไหล่มาหยา หัวตะแคงซบใกล้เพราะไม่อยากปล่อยให้เพื่อนสาวรู้สึกเปล่าเปลี่ยว
“ฉันรักบอดี้การ์ดของตัวเอง…รักมาหลายปี” คนที่กำลังตั้งใจฟังก็ไม่ได้รู้สึกตกใจเท่าไหร่ ทั้งเธอและโมนาต่างก็รู้มานานนมแล้วว่าเพื่อนสาวน่าจะมีใจให้บอดี้การ์ดคนนั้นของตัวเอง ต่อให้มองจากดาวอังคารลงมายังรู้เลย….
ทุกอย่างถูกพรั่งพรูพร้อมหยาดน้ำตา มาหยาที่กำลัง เป็นผู้บรรยายแต่ฝ่ายเดียว
“เข้าไปนอนซะ ดึกแล้ว พรุ่งนี้พ่อของเธอจะกลับมาแต่เช้า ฉันจะเรียกเมดเข้าไปให้” “เดี๋ยวก่อนสิคะ…อย่าเพิ่งไป!“เธอเอ่ยรั้งไว้ด้วยความหวาดหวั่นแต่ก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มหยุดเดินหนีไปแม้แต่ก้าวเดียวเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของเขาดังก้องราวกับเสียงเคาะโลงในหัว ตึก ตึก ใจเธอเจียนจะขาดอยู่รอมร่อเมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างกำลังเคลื่อนห่างมาหยาแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองวิ่งตามลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แม้จะโซเซ เจ็บเท้า หัวหมุน แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้เขาหายไปจากสายตาได้อีกมือบางคว้าเข้าที่ต้นแขนเขาไว้แน่น“อย่าไปนะคะ… ได้โปรด…” น้ำเสียงสั่นเครือ ก้อนสะอื้นจุกอยู่ในลำคอแต่เขากลับสะบัดออกอย่างไร้เยื่อใย และมันก็รุนแรงพอจะส่งผลให้ร่างบางเซถลา ปลายเท้าเหยียบพลาดกับขอบขั้นบันได“อ๊ะ!...”ร่างเอนเอียง ไถลล้มลงอย่างไร้หลัก มือไม้ควานคว้าหาอะไรสักอย่างจะยึดเหนี่ยว แต่ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นเลย…เว้นเสียแต่…แขนแกร่งของอิงกริด ที่พุ่งมาคว้าเอวเธอไว้ทันก่อนที่ร่างจะร่วงหล่นแรงกระชากกระแทกให้เขาเซถอยมาสองก้าว อกกว้างแนบกับแผ่นหลังบางโดยไม่ตั้งใจเขาก้มมองเธอ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือด ดวงตากลมเบิกโพลง… ริมฝีปากสั่นระริก…“อย
แม้วาจาจะสุภาพอ่อนนุ่ม แต่สุ้มเสียงกลับไม่มีการโอนอ่อน แถมยังแฝงแววประชดในที แต่มีหรือคำปฏิเสธพรรค์นั้นจะทำให้ชายหนุ่มรับฟัง กลับยิ่งผลักดันให้เขาโมโหกว่าเดิมเนื่องจากการดูแลคุ้มครองเธอมันถือเป็นสิทธิ์ของเขา ต่อให้หญิงสาวจะไม่เต็มใจ ก็จำเป็นต้องออกแรง ด้วยการคว้าแขนเธอแล้วลากออกมาโดยไม่สนใจเสียงหวีดร้องและแรงต่อต้านอันน้อยนิดผู้คนต่างหันเหความสนใจมาทางเขาเป็นตาเดียว อย่างไม่มีใครกล้าเข้ามากระตุกหนวดเสือเพียงเพราะชายหนุ่มดูน่าสะพรึงกลัวกว่าสิ่งอื่นใด กลับเป็นทางมีอาที่เอ่ยร้องห้าม“นี่! ปล่อยเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้!!” ทางด้านมีอาที่ทนเห็นการกระทำอันป่าเถื่อนนั้นไม่ได้ ชายร่างกายใหญ่โตที่สูงเฉียด 190 กำลัง ลากถูเพื่อนเธอที่สูงแค่ราวอกของเขาเพียงเท่านั้น กว่าจะถึงคฤหาสน์ ยัยนั่นได้ตัวขาดครึ่งแน่กึก.. “โอ๊ย!ปล่อยนะ…ฉันเจ็บ! บอกให้ปล่อยฉันไงคะ!”พลั่ก! “มาหยา!” ในที่สุดร่างอ้อนแอ้นอรชรก็สะดุดล้มลงตะครุบพรมจนได้ร่างเพรียวบางทรุดลง จนเกิดเสียงรองเท้าส้นสูงราคาแพงหลุดออกจากฝ่าเท้าอมชมพูของมาหยา อันสมกับคำว่าลูกผู้ดีตีนแดงไม่ผิดเพี้ยน เสียงของมีอาร้องขึ้นด้วยความตกใจก่อนจะรีบลงไปรุดดูเพื
อิงกริดในวัยเยาว์ แม้จะพูดจาหยาบกระด้างและทำตัวเหมือนคนเย็นชาแต่กลับคอยติดตามและดูแลไม่ห่างอย่างเต็มใจ เขายอมทำกิจกรรมหลายต่อหลายอย่างกับเธอ แม้บางครั้งจะแสดงความหงุดหงิด แต่กลับไม่เคยขัดคำขอของเธอเลยทว่าหลังจากวันที่เธอต้องไปเรียนต่อต่างประเทศเกือบ 10 ปี ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อมาหยากลับมาอีกทีในตอนที่อายุยี่สิบปีบริบูรณ์ ตัวเธอที่เฝ้ารอการกลับมาพบกับเขาอย่างใจจดใจจ่อกลับต้องผิดหวัง เมื่ออิงกริดเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม… เขาทำให้เธอหวั่นไหวเสมือนวันวาน แต่ก็เป็นเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก เขากลายเป็นคนพูดน้อย วางตัวสุภาพทว่ากลับห่างเหินจนเธอไม่อาจเอื้อมถึง ไม่ตอบรับคำชวนของเธอเหมือนเคย มาหยาทำทุกอย่างเพื่อดึงเขากลับมา อิงกริดคนเดิม เด็กหนุ่มที่เธอเคยตกหลุมรักและเป็นเพื่อนที่แสนดี เธอซื้อของขวัญมากมายให้เขา ตั้งแต่น้ำหอมราคาแพงไปจนถึงนาฬิกาหรู แต่ทุกชิ้นกลับถูกวางทิ้งไว้โดยไม่เคยถูกเปิดดู เขาหักหาญน้ำใจกัน ทำตัวเย็นชาจนเหมือนโรบอร์ท ทำให้เธอใจช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่ากระทั่งยอมทำอะไรโง่ๆเพื่อเรียกร้องความสนใจหลายต่อหลายครา เช่น แกล้งล้มเพื่อให้เขาอุ้ม ทำตัวเรียกร้องให้เขาสนใจ แต่สิ่งที
พ่ายรัก - 3 "ลงมาเดี๋ยวนี้!" เขาตะโกนขึ้น“ไม่ลง!มาหยาส่ายหัวแรงๆ พร้อมเบือนหน้าหนี เส้นผมสีน้ำตาลนุ่มสลวยยาวปลิวไหวตามสายลม เธอดื้อดึง เสียงสั่นเครือแต่พยายามทำให้ดูแข็งแกร่ง เธอรู้ดีว่าอิงกริดจะไม่ทิ้งไปไหน เขามักจะหาเธอเจอเสมอในท้ายที่สุด แต่ก็อยากเห็นปฏิกิริยาของเขา อยากเรียกร้องความสนใจที่เธอแทบไม่เคยได้รับให้ถึงที่สุดก่อน จนพานทำให้เด็กหนุ่มต้องถอนหายใจยาวเหยียดที่ต้องมาคอยมาตามคุณหนูผู้เอาแต่ใจต้อยๆประหนึ่งพี่เลี้ยงเด็ก“ถ้าลื่นตกลงมาคอหักตาย ฉันไม่รับผิดชอบนะ” เขากล่าวอย่างเหนื่อยอ่อน นึกอยากพักเต็มทีเพราะเพิ่งรามือจากงานที่ต้องสะสาง การฝึกที่ยังไม่เสร็จดี แต่ก็ต้องสละเวลามาตามหาคุณหนูหนึ่งเดียวในคฤหาสน์ ทว่านึกบ่นไปก็เท่านั้น อย่างไรบิดาของเด็กสาวก็เป็นผู้มีพระคุณอิงกริดจึงทำเพียงก้าวถอยหลังเพื่อเงยหน้ามองเธอให้ถนัด ในหัวพลางคิดว่าต้นไม้สูงขนาดนั้น ทำไมเจ้าตัวถึงสามารถปีนขึ้นไปได้ แม้จะใส่กระโปรงสีดำตัดชมพูทรงสุ่มไก่แสนระเกะระกะ สัตว์มีพิษร้ายซึ่งอาจจะหลบเร้นอยู่ภายใต้โพรงไม้ หรือแม้แต่แมลงที่เธอไม่ชอบนักหนา มาหยาก็ดูไม่หวาดหวั่นเลย แรงโทษะและเศร้าโศกที่ทุกอย่างไม่เป็น
พ่ายรัก - 2 ในตอนนั้นเธอยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าความรักของหนุ่มสาวมันเป็นแบบไหน เธอเล่าย้อนความไปจนถึงช่วงเวลายามที่พ่อของเธอ ได้พาเขาผู้นั้นเข้ามาที่บ้านของตน ชายวัยกลางคนแนะนำให้ลูกสาวรู้จักกับเด็กหนุ่มร่างสูงชะลูด ทว่าร่างกายกลับบางตามประสาวัยรุ่น หน้าตาของเขาเนียนใส พ่อเธอแนะนำว่าเขาชื่อ อิงกริด มาลิน มอนฟอร์ด อายุ17 และเน้นย้ำว่าหลังจากนี้ เขาจะเข้ามาทำงานกับพ่อและคอยช่วยดูแลเธอด้วยความใกล้ชิดทำให้สนิทสนม แม้เด็กหนุ่มจะพลัดถิ่นมาจากสลัมและยังกำพร้า มาหยาในวัยเพียงแค่ 11 ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเขาเลยสักนิด ถึงแม้ภูมิหลังของทั้งคู่จะต่างกันราวฟ้าดิน นอกจากพ่อที่แทบไม่มีเวลาให้ อิงกริดคือเด็กผู้ชายคนเดียวที่เธอใกล้ชิดด้วยมากที่สุด หนำซ้ำเขาก็เป็นคนที่เข้ามาเติมเต็มความอบอุ่นใจในช่วงเวลานั้น มิตรภาพอันดีงามจึงถูกหยั่งรากลึกและเติบโตภายในใจเธอ และกลับกลายมาเป็นความรักเพียงข้างเดียว…… คลือบภาพความทรงจำที่เธอไม่เคยลืม11 ปีก่อน ลมเย็นแห่งฤดูพัดผ่านสวนกว้างของคฤหาสน์ในเช้าวันหนึ่ง อากาศอบอวลด้วยกลิ่นดอกไม้ในสวนที่กำลังบานสะพรั่ง บ้างก็เฉาก่อนจะร่วงโรยไปตามกาลเวลา เพราะไม่มีสิ่งใดคงอ
พ่ายรัก - 1 แสงไฟสลัวสีทอง แผ่เป็นวงกว้างเด่นมาจากชั้นที่มีขวดแอลกอฮอล์ดีไซน์หรูหราหลากยี่ห้อตั้งอยู่ดาษดื่น วางเรียงกันเป็นระเบียบไม่ต่ำกว่าสิบชั้น… ดนตรีสมูตแจ๊สถูกเปิดคลอกังวานทั่วร้าน เสียงทุ้มของ เพอร์รี โคมอ ทำนองไพเราะน่าฟังผสานกับเสียงแซ็กโซโฟน หญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเริ่มเมามายนั่งฟุบหน้าลงกับเคาน์เตอร์บาร์ในเลาจ์หรูแห่งนี้ ก่อนเจ้าของร่างระหงส์จะเงยหน้าเอนตัวขึ้นพิงพนักเก้าอี้ที่เธอก้มๆเงยๆเพราะต้องแอบซ่อนความเศร้าโศกและคอยปาดน้ำตาทิ้งลวกๆ แม้จะเสียใจ แต่ก็ไม่ได้อยากให้ใครมาว่าเอาได้ว่าโตจนป่านนี้ยังร้องไห้งอแงเหมือนเด็กมือหนึ่งถือแก้วค็อกเทลผสมจินที่ไม่ได้จิบมานานจนมันเจือจาง กระทั่งเสียรสชาติเพราะน้ำแข็งในแก้วเริ่มละลายลงนัยน์ตาคู่สวยเหม่อมองน้ำแข็งในแก้วละลายช้า ๆ ราวกับสะท้อนถึงหัวใจที่มันกำลังแตกสลายเพราะใครบางคน ไม่นานก็ต้องคอยนั่งมาปั้นหน้ายิ้มแห้งๆเพื่อปฏิเสธชายหนุ่มหลายต่อหลายคนที่เข้ามาทักทายเพื่อขายขนมจีบ บ้างก็ชายวัย 20 ปลาย ๆ ดูภูมิฐาน บ้างก็หนุ่มลูกครึ่ง หน้าตาดูดีอย่างพวกลูกคนมีชาติตระกูล ทว่าหลังจากที่เธอเพิ่งปฏิเสธชายหนุ่มดีกรีนักบินไปหมาด ๆ หญิงสาวลูกค