ภายในห้องทำงานที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีน้ำตาลอ่อนบ่งบอกรสนิยมชั้นเลิศของท่านประธานบริษัทยาและเวชภัณฑ์ระดับประเทศ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสนิทแม้เครื่องปรับอากาศราคาแพงจะยังคงทำงานจนเย็นฉ่ำต่างจากบรรยากาศร้อนแรงจากแดดที่แผดเผาในช่วงฤดูร้อนที่กินเวลายาวนานกว่าฤดูใด
ความเงียบและความเย็นเยียบของบรรยากาศ รวมถึงใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยแสนเย็นชาราวเจ้าชายน้ำแข็งขัดกับดวงตาคมดุของเจ้าของห้อง ที่จ้องมายังสาวน้อยร่างบางผู้ซึ่งยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวโตของเขา มันกดดันจนทำให้เธอได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำของตัวเองอย่างชัดเจน
เอก เอกอนันต์ เรืองกิจโชติอนันต์ CEO หนุ่มรูปหล่อ ลูกชายเพียงคนเดียวผู้เป็นทายาทของบริษัทผลิตยาและเวชภัณฑ์ระดับประเทศที่เพิ่งจะรับช่วงบริหารในตำแหน่งประธานบริษัทต่อจากคนเป็นพ่อไม่กี่ปี กวาดตามองสาวน้อยร่างบางแต่อวบอิ่มด้วยวัยสาวในชุดนักศึกษารัดรูปกระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเป็นคืบ ก่อนพิจารณาใบหน้าเรียวรูปไข่เข้ากับผมยาวดัดเป็นเกลียว คิ้วเข้มถูกกันแต่งเป็นทรงสวยรับกับดวงตากลมโตหวานฉ่ำนัยน์ตาโศก จมูกโด่งจัดปลายเชิดรั้น ริมฝีปากอวบอิ่มจิ้มลิ้มสีชมพูอ่อน การแต่งหน้าเพียงบางเบาเน้นขับความงามตามธรรมชาติยิ่งชวนมอง ไหนจะหน้าอกอวบอิ่มดูใหญ่โตเกินตัว เอวบางคอดกิ่ว รับกับสะโพกผายและท่อนขาเรียวยาวไร้ไขมันส่วนเกิน ผิวพรรณของเธอขาวสว่างสะท้อนแสง ทำให้เธอคนนี้งดงามไปทั้งตัวไร้ที่ติ
“เธอเหรอ นับดาว ลูกสาวคนเดียวของผู้จัดการฝ่ายการเงิน”
“ค่ะ”
“นั่งลงก่อนสิ”
“คุณมีธุระอะไรกับฉันคะ ถึงให้คนไปลากฉันมาจากที่มหาวิทยาลัย”
คนตัวบางไม่ได้นั่งตามคำเชิญของเจ้าของห้อง แต่กลับยิงคำถามคืนไป แม้ในใจจะเต้นรัวด้วยความกลัว เพราะภาพลักษณ์ที่ดูหล่อเหลากร้าวใจของเขามันแผ่รังสีความเย็นชาอำมหิตแปลกๆ
“มีแน่ ฉันว่าเธอนั่งลงก่อนดีกว่า คงต้องคุยกันอีกยาว และที่สำคัญ ฉันไม่ได้ส่งคนไปลากเธอมา แค่ให้ลูกน้องไปเชิญเธอมาพบก็แค่นั้น”
เชิญมาพบเหรอ ถ้าการที่ลูกน้องของเขาที่ใส่สูทสีดำ ตัวใหญ่โต พกปืน เปิดประตูลงมาจากรถตู้สีดำมันปลาบราคาแพง แล้วตรงเข้าประกบเธอทั้งหน้าหลัง แล้วลากแขนเธอเข้าไปในรถทันทีโดยที่ไม่ได้ถามอะไรเธอสักคำ มันเรียกว่าการเชิญมาพบ ถ้าอย่างนั้นการส่งคนไปลากเธอมา คงจะเป็นการอุ้มไปฆ่าเลยสินะ
คนตัวบางคิดค่อนขอดในใจ มองเขาด้วยแววตาวาววับเอาเรื่อง แต่ก็ยอมนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของเขาแต่โดยดี เพราะอย่างไรเสีย เขาก็คือเจ้านายของแม่เธอ
“คุณมีอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ หรือว่าแม่เป็นอะไร”
คนตัวบางเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจ เพราะแม่ของเธอเพิ่งจะขนกระเป๋าเสื้อผ้าใบโตออกจากบ้านไปเมื่อคืน พร้อมให้เหตุผลว่าเจ้านายสั่งให้ไปช่วยงานที่บริษัทในเครือที่ต่างจังหวัดอย่างเร่งด่วน เนื่องจากขาดแคลนพนักงานการเงิน
“ตอนนี้แม่ของเธอยังไม่เป็นอะไรหรอก แต่ถ้าเธอไม่ตอบคำถามของฉันตามความเป็นจริง ก็ไม่แน่”
“หมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ”
ท่านประธานหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิททั้งตัว ทิ้งกายพิงพนักเก้าอี้ ยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้าง แล้วมองจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยนั้น
“ตอบฉันมาตามความจริง ว่าตอนนี้ แม่ของเธออยู่ที่ไหน”
“จะอยู่ที่ไหนได้ล่ะคะ ก็คุณสั่งแม่ฉันให้ไปช่วยงานบริษัทในเครือที่ต่างจังหวัดนี่ แล้วจะมาถามหาแม่จากฉันทำไม”
“แม่เธอบอกว่าอย่างนั้นเหรอ”
คิ้วเข้มยกขึ้นข้างหนึ่ง ดวงตาคมกริบวาบขึ้นเล็กน้อย มองพิจารณาสาวน้อยตรงหน้าอย่างจับพิรุธ แต่ก็ไม่เห็นถึงความผิดปกติ
“ก็ใช่น่ะสิคะ ทำไมคะ หรือว่าคุณจำไม่ได้ ว่าคุณสั่งพนักงานของคุณให้ไปทำงานที่ไหนบ้าง”
“ฉันต้องจำได้อยู่แล้ว ถ้าฉันเป็นคนสั่งให้ไปจริงๆ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ก็หมายความว่า แม่ของเธอหนีไปพร้อมกับเงินก้อนโตของบริษัท ที่ยักยอกไปอย่างไรล่ะ นับดาว”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ปากจิ้มลิ้มเผยอค้าง ก่อนดวงตาคู่นั้นจะวาบขึ้นแล้วจ้องมองเขาอย่างเอาเรื่อง
“ไม่จริง แม่ไม่มีวันทำแบบนั้น คุณจะมากล่าวหาแม่ของฉันลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานแบบนี้ไม่ได้ ฉันไม่มีวันเชื่อ”
“หึ เธอคิดว่าคนอย่างฉันจะกล่าวหาแม่ของเธอโดยไม่มีหลักฐานงั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นก็แหกตาดูในแฟ้มนั่น”
คนตัวโตเสือกแฟ้มที่วางตรงหน้าตัวเองไปยังผู้หญิงที่นั่งฝั่งตรงข้าม เธอจึงรีบเปิดแฟ้มแล้วพิจารณาอย่างละเอียดทีละหน้า อ่านทุกอย่างด้วยความเข้าใจ เพราะเธอเองก็กำลังจะเรียนจบด้านบริหารธุรกิจในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว
ยิ่งเห็นข้อมูลในแฟ้ม มือเล็กก็ยิ่งสั่นมากขึ้นทุกที เพราะข้อมูลในนั้นเป็นหลักฐาน ระบุว่าแม่ของเธอปลอมแปลงเอกสารการเบิกเงิน ปลอมแปลงบัญชี และยักยอกเงินจำนวนมากมายไปจากบริษัทจริงๆ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร แม่ผู้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์มายาวนานจนได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการ จะมาทำอะไรผิดๆ แบบนี้เพื่อทุบหม้อข้าวตัวเองทำไม ในเมื่อบ้านเธอก็ไม่ได้มีหนี้สิน และไม่ได้เดือดร้อนเรื่องการเงินแม้แต่น้อย
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ หลักฐานพวกนี้ใครๆ ก็ปลอมได้ แม่ฉันจะยักยอกเงินมากมายพวกนี้ไปทำอะไร บ้านเราถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวย แต่เราก็ไม่ได้มีหนี้ อีกอย่างแม่ก็ทำงานที่นี่ด้วยความซื่อสัตย์มาโดยตลอด ยังไงฉันก็ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าแม่จะทำอะไรแบบนี้”
“หึ เวลาเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน จริงอยู่ว่าแม่เธอเคยเป็นพนักงานที่ทำงานอย่างซื่อสัตย์และเก่งที่สุดจนพ่อฉันไว้ใจ ไต่เต้าจากพนักงานการเงินธรรมดาๆ จนได้เป็นผู้จัดการแผนกบัญชี และจริงอยู่ที่บ้านเธออาจไม่มีหนี้ แต่ผู้ชายของแม่เธอมันมีหนี้สินล้นพ้นตัวจากการพนัน และแม่เธอกับมันก็ช่วยกันยักยอกเงินของบริษัทฉันไปจ่ายหนี้พนันให้มัน”
“คุณพูดอะไร ผู้ชายของแม่ฉัน ใคร แม่ฉันไม่ได้มีใครทั้งนั้น ตั้งแต่พ่อตาย แม่ก็ไม่มีใครอีก คุณอย่ามาใส่ร้ายแม่ฉันนะ คิดจะให้แม่ฉันเป็นแพะรับบาปหรือไง ฉันไม่มีวันยอมเด็ดขาด ฉันจะเอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุดเลย”
“หึ คิดจะเล่นกับคนอย่างฉัน มันไม่ง่ายหรอกนะ นับดาว แล้วก็อย่ามาแก้ตัวแทนแม่เธอดีกว่า ถ้ายังไม่รู้อะไรดีๆ ฉันจะสงเคราะห์ให้แล้วกัน เอานี่ไปดู”
เขากดเข้าไลน์ ค้นหาบัญชีของเธอด้วยเบอร์โทรศัพท์ที่เขาจำได้ขึ้นใจ ก่อนจะกดเพิ่มเพื่อนแล้วส่งคลิปหลักฐานต่างๆ ให้เธอทั้งหมด
เมื่อภาพและเสียงจากกล้องวงจรปิดที่เขาสั่งให้ติดตั้งและซ่อนเอาไว้ จับภาพได้ว่าแม่ของเธอกับผู้ชายรูปหล่อที่น่าจะเป็นรุ่นน้องในที่ทำงาน กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันในห้องทำงาน ก่อนที่จะมีอะไรกันบนโต๊ะทำงานของแม่เธอ
มือเล็กยกขึ้นมาปิดปาก ดวงตากลมโตเบิกกว้างสั่นระริก เมื่อทนดูต่อไปไม่ไหวจึงกดปิดคลิปนั้น แล้วเปิดดูคลิปอื่นๆ ก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก ผู้ชายคนนั้นมักจะลอบมาหาแม่เธอตอนที่ทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว เธอไม่กล้าดูต่อเพราะรู้ว่าหลังจากนั้น แม่ของเธอจะทำอะไรน่าอายกับผู้ชายคนนั้นบ้างจึงกดปิด
แต่ผู้ชายทรงอำนาจตรงหน้าเธอกลับสั่งให้เปิดไปดูตอนจบ ก็เห็นว่าแม่ของเธอส่งซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่ให้ผู้ชายคนนั้น แล้วบ่นกับเขาว่าจะไม่ทำแบบนี้ให้อีกแล้ว ให้เลิกเล่นการพนันเสียที จึงคาดเดาว่าภายในนั้นคงใส่เงินที่ยักยอกออกมาจากบริษัท ซึ่งแม่ของเธอน่าจะทำมาหลายครั้งจนเจ้าของบริษัทสงสัยถึงขนาดต้องแอบติดกล้องวงจรปิดที่บันทึกเสียงได้ในห้องของแม่เธอเพื่อหาหลักฐานมาเอาผิด
คลิปต่อไปคือแม่ของเธอทะเลาะกับผู้ชายคนนั้น เรื่องที่เขาติดหนี้การพนันนับสิบล้าน จนแม่ของเธอทุ่มแฟ้มใส่เขา แล้วใช้มือกุมขมับด้วยความเครียด ก่อนที่ชายหนุ่มคนนั้นจะเข้ามากอดเพื่องอนง้อและขอให้แม่เธอช่วยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ทั้งคู่จะอยู่ทำงานด้วยกันจนดึกดื่นด้วยท่าทางเคร่งเครียด
และคลิปสุดท้าย ที่ยืนยันทุกอย่างได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อเขาเข้ามาถึงในห้อง แม่ของเธอก็ส่งเงินสดให้เขากระเป๋าใหญ่ ก่อนจะบอกว่าทุกคนเริ่มระแคะระคายเรื่องที่จำนวนเงินมันไม่ตรงกันกับฝ่ายบัญชีแล้วจนท่านประธานสั่งตรวจสอบ ทั้งสองคนจึงตัดสินใจหนีกันในคืนนั้น และวันต่อมาทั้งสองคนก็ไม่เข้าบริษัทมาทำงานอีกเลย
คนตัวบางกำโทรศัพท์มือถือที่มีคลิปหลักฐานเอาผิดแม่ตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา เธอก้มหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม เสียใจที่แม่หลงผิดแอบไปคบกับผู้ชายเลวทรามคนนั้น จนเลือกทรยศบริษัทที่ให้ทุกอย่างกับตัวเอง
“เป็นไง หลักฐานแค่นี้ พอจะมัดตัวแม่เธอเข้าคุกได้ไหม ทีนี้ก็บอกมาเสียที ว่าแม่เธอไปอยู่ที่ไหน และติดต่อเธอมาบ้างหรือเปล่า”
หนุ่มสาวร้องครางในลำคอพร้อมกัน ต่างกันตรงความรู้สึก เมื่อสาวน้อยผู้ยังไม่เคยถูกชายใดสัมผัสหน้าอกมาก่อน ตื่นเตลิดเสียวซ่านจนหัวใจวูบไหว ส่วนชายหนุ่มผู้สัมผัสส่วนนี้ของผู้หญิงมานับไม่ถ้วน กลับรู้สึกถูกใจที่สุดที่ความนุ่มหยุ่นของเธอเด้งสู้มือจนต้องร้องครางออกมาเพื่อลดความตื่นเต้นเขาถอดถอนริมฝีปากออกมา แล้วไถลความร้อนรุ่มเข้ากดจูบซุกไซ้ซอกคอจนทั่ว สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหอมราคาแพงและกลิ่นกายของเธอที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวราวกับฟีโรโมนชั้นดีก็ไม่ปานหญิงสาวเอียงหน้าเปิดเปลือยลำคอให้เขาตักตวงความหอมจากเธอไม่หยุด มือเล็กยกขึ้นมาปิดปากเพื่อกลั้นเสียงแปลกประหลาดน่าอับอายที่เธอไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตความหอมหวานของเนื้อกายสาว ทำเอาเขาสติแทบหลุด ควบคุมตัวเองไม่ได้ ซุกไซ้จมูกและปากสูดดมขบเม้มซอกคอเธออย่างไม่ลืมหูลืมตา มือทั้งสองข้างบีบขยำดอกบัวตูมแรงขึ้นทุกทีตามความกระสันซ่านที่กำลังตีวนอยู่ในร่างกายของเขามือใหญ่สั่นเทาคลำหาซิปแล้วถอดชุดเดรสตัวสวยของเธอลงไปทิ้งกองที่พื้น ตามมาด้วยเสื้อชั้นในผ้าลูกไม้สีชมพูหวานทันทีที่ปราศจากสิ่งปกปิด หน้าอกใหญ่โตเกินตัวก็ปรากฏต่อสายตา ดวงตาคมกริบเบิกขึ้นแล้วกวาด
“เป็นยังไง ยอมรับสัญญาของฉันได้ไหม ถ้าไม่ได้ ก็เลือกทางเลือกแรกของเธอก็ได้นะ กลับไปง้อขอคืนดีกับแฟนเธอซะ แล้วฉันจะแจ้งความเอาแม่เธอเข้าคุกทันที”“มะ ไม่ค่ะ ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไร”“อืม ไม่มีปัญหา ก็เซ็นซะสิ”เธอมองหน้าเขาแล้วจับปากกาด้วยมืออันสั่นเทา จรดปลายปากกาค้างอยู่ที่ช่องที่มีชื่อของเธอกำกับไว้ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเซ็นชื่อลงไปในสัญญาฉบับนั้นอย่างไม่คิดลังเลอีกเมื่อเธอเซ็นชื่อเสร็จ เขาก็เซ็นชื่อของตัวเองลงไปบ้าง และให้คนสนิทของเขาทั้งสองคนลงชื่อเป็นพยาน“นายสองคนกลับไปพักผ่อนได้แล้ว ขอบใจมาก ค่อยมารับฉันอีกทีเช้าวันจันทร์แล้วกัน”“แล้วเสาร์อาทิตย์นี้คุณเอกไม่ไปไหนหรือครับ”พวกเขาหมายถึงนัดเดตกับดาราสาวแสนสวยที่ลงคิวเอาไว้แล้ว คนนี้กว่าเจ้านายของเขาจะทำให้เธอใจอ่อนยอมรับนัดได้ก็เล่นตัวอยู่นาน เวลาว่างของเธอก็แทบไม่มี ถ้าเจ้านายของเขาพลาดนัดครั้งนี้ ไม่รู้อีกนานแค่ไหนเธอถึงจะมีคิวให้“ไปไหนล่ะ ก็อยู่ห้องสิ”“แต่คุณเอกมีเดตกับคุณพระแพงนี่ครับ ผมจองโรงแรมพร้อมโต๊ะดินเนอร์ไว้ให้แล้ว สั่งโรงแรมจัดห้องนอนแบบที่คุณเอกชอบเอาไว้แล้วด้วย คุณเอกลืมหรือครับ”คนตัวบางเหลือบตามองเขา ก็พ
เสียงทุ้มตวาดก้อง จนคนทั้งสองตกใจผละออกจากกัน ชายหนุ่มในชุดสูทสากลสีดำพอดีตัวแบรนด์ดัง ดึงแขนผู้หญิงตัวบางมากอดแนบอก ดวงตาคมกริบกร้าวดุจ้องไปยังเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาที่เบิกตากว้างมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ“นี่มันหมายความว่ายังไงดาว ผู้ชายคนนี้เป็นใคร”แม้จะรู้สึกคุ้นตา แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็นผู้ชายหล่อเหลาคนนี้ที่ไหนมาก่อน“เขา เขาเป็น..”“ฉันเป็นแฟนใหม่ของนับดาว”“ไม่จริง ดาวไม่มีวันทรยศผม คุณเป็นใครกันแน่”“ฉัน เอกอนันต์ ประธานบริษัทที่แม่ของนับดาวทำงานอยู่ ตอนนี้นับดาวเป็นของฉัน นายอย่ามายุ่งกับผู้หญิงของฉันอีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”รัฐภูมิมองคนรักสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เธออยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่หล่อเหลา ร่ำรวย โปรไฟล์ดี และเหนือเขาในทุกอย่างไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงที่เขารัก ก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงหิวเงินทั่วไป ที่ต่อให้รักกันขนาดไหนก็แพ้กลิ่นหอมหวานของเงินอยู่ดี“ดาว..บอกกับภูมิที ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง ดาวไม่ได้ทรยศหักหลังภูมิ”“ดาวขอโทษ ดาวขอโทษนะภูมิ”คนตัวบางปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้ม คนรักที่กำลังจะกลายเป็นอดีตมองมาที่เธอด้วยแววตาผิดหวัง ยิ่งทำให้หัวใจของ
“เย้ ในที่สุด เราก็เรียนจบกันแล้ว”หยาดทิพย์ เพื่อนรักของนับดาวและรัฐภูมิ กระโดดกอดคอเพื่อนรักทั้งสองทันทีที่ออกมาจากห้องสอบวิชาสุดท้ายของชีวิตนักศึกษา“เย็นนี้เราไปฉลองกันไหม”รัฐภูมิถามสองสาว วันนี้เขาโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะชีวิตต่อจากนี้จะถือว่าตัวเองและคนรักเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว สามารถตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้เสียที“ไม่ได้น่ะสิ ฉันต้องรีบกลับบ้าน คุณหญิงแม่จองคิวเลี้ยงฉลองที่บ้านแล้ว”หยาดทิพย์ที่มักจะชอบเรียกมารดาของตัวเองแบบนั้น เพราะแม่ของเธอเป็นคนเรื่องมากและจุกจิกจู้จี้ ทุกอย่างต้องเป็นระเบียบ แถมยังสอนให้เธอเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ แต่ลูกสาวคนเล็กอย่างเธอที่มีแต่พี่ชายกลับกระโดกกระเดกราวกับม้าดีดกะโหลกจนคนเป็นแม่ปวดหัวทุกวัน“งั้นวันหลังก็ได้หยาด แกกลับบ้านก่อนเถอะ เดี๋ยวรถติด เราค่อยโทรนัดกันนะ”นับดาวกอดกับเพื่อนรักอีกครั้ง พร้อมโบกมือลาจนคนตัวบางวิ่งหายไปกับฝูงชนที่เร่งเดินออกจากอาคารสอบเพื่อรีบกลับบ้านหนีรถติด“วันนี้ดาวยังต้องไปทำธุระอีกไหมครับ”“ไม่แล้วค่ะ แต่ดาวมีอะไรอยากคุยกับภูมิ”“ที่ไหนดีครับ”“ที่บ้านดาวก็ได้ค่ะ”“โอเคครับ งั้นเราไปกันเถอะ รถผมจอดอยู่ข้างตึ
เขาเปิดแฟ้มดูก็เห็นว่าเป็นข้อมูลที่ดุจนภายักยอกเงินบริษัทไป ทั้งที่เขาสั่งพนักงานทุกคนแล้วว่าอย่าให้เรื่องนี้ถึงหูพ่อของเขาเด็ดขาด แต่ก็ยังมีคนกล้าขัดคำสั่ง“พ่อเอาเรื่องนี้มาจากไหนครับ”“จากไหนก็ช่าง ตอบพ่อมา ว่านี่มันอะไร ทำไมแกไม่บอกพ่อ”“เอ่อ ผู้จัดการฝ่ายการเงิน กับพนักงานขายร่วมมือกันยักยอกเงินบริษัทเราไปสิบห้าล้านบาทครับ แต่ตอนนี้ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับพ่อ”“จัดการโดยการโอนเงินส่วนตัวเข้าบริษัทสิบห้าล้าน แล้วปล่อยให้สองคนนั้นลอยนวลโดยที่ไม่ยอมไปแจ้งความงั้นเหรอ”เอกอนันต์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ไม่มีอะไรหลุดรอดหูตาของพ่อเขาไปได้เลย แม้ท่านจะเกษียณตัวเองออกมาใช้ชีวิตท่องเที่ยวยามบั้นปลายกับแม่เลี้ยงของเขาแล้วก็ตาม“เอ่อ พ่อครับ ผมแค่เอาเงินส่วนตัวจ่ายให้บริษัทไปก่อน แล้วให้ลูกหนี้มาทำสัญญาชดใช้หนี้ที่ผมแทนครับ ไม่อย่างนั้นกว่าจะใช้หนี้กันจบ เงินในบัญชีมันก็ไม่เท่ากันเสียที จะวุ่นวายเปล่าๆ”“หึ ลูกหนี หรือลูกสาวของลูกหนี้”“พ่อ..”“แกอย่าคิดว่าพ่อไม่รู้ทันแกนะ แกกำลังจะทำอะไร บอกพ่อมาเดี๋ยวนี้”“พ่อครับ เรื่องมันก็ไม่ได้มีอะไรเลย ผมแค่ให้ลูกสาวดุจนภามาเป็นเลขาผ
เมื่อเธอวางสายแล้วก็ลุกขึ้นมานั่ง ใช้หลังมือปาดน้ำตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตั้งสติ ก่อนนี้เธอเสียใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย จึงคิดอะไรไม่ทัน แค่คำนวณเงินเดือนแล้วได้รับรู้ว่าต้องอยู่บำเรอกามให้กับเขาหลายสิบปี สมองของเธอก็ตื้อตันจนลืมเลือนไปทุกเรื่องเธอตรงดิ่งไปเปิดตู้เซฟตู้เล็กที่แม่ของเธอติดตั้งให้ในตู้เสื้อผ้า กดรหัสที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ แล้วนำกล่องเครื่องประดับขนาดเล็กสองสามกล่องและกล่องไม้ที่อยู่ในนั้นออกมาเปิดบนที่นอนสร้อยและแหวนเพชรเส้นเล็กๆ แต่น้ำงามที่แม่ของเธอซื้อให้เป็นของขวัญวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้สะท้อนแสงล้อไฟระยิบระยับ ไม่รู้ว่าจะขายได้กี่บาท แต่มันเป็นของแทนใจที่แม่ซื้อให้ เธอไม่อยากจะขายมันเลยจึงมาเปิดกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดกลาง ที่ภายในบรรจุทองคำแท่งน้ำหนักหนึ่งบาท จำนวนเท่าอายุตัวเอง เพราะแม่จะซื้อให้เธอเป็นของขวัญวันเกิดแบบนี้ทุกปี“ทอง อืม อันนี้ขายได้”เธอปิดกล่องแล้ววางแยกเอาไว้ พรุ่งนี้หลังสอบเสร็จ เธอจะให้คนของเขาพาแวะร้านทอง เพื่อเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ให้เป็นเงินสมุดบัญชีเงินฝากสองเล่มที่วางอยู่ข้างในกล่องไม้ ถูกเปิดออก เล่มหนึ่งไม่ได้มีการเคลื่อน