สองขาแกร่งสาวเท้าเร็วๆเดินตามน้องมายังสวนหลังบ้าน กระบอกตาคมกวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณสวนที่มีต้นไม้ ดอกไม้ปลูกเอาไว้สวยงาม
“ ฉันก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอหรอกนะ เธอควรไปบอกพ่อแม่ของเธอให้ฉีกไอ้สัญญาบ้าๆนั้นทิ้งไปซะ “ เสียงคมเข้มเอ่ยบอกน้องที่นั่งไหล่เล็กสั่นไหวอยู่ ไม่ต้องเห็นหน้าเขาก็รู้ว่าคนที่เอาแต่ยิ้มแววตาสดใสเมื่อกี้กำลังร้องไห้อยู่ “…..” เงียบ น้องเอาแต่นั่งเงียบไม่เอ่ยพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว “ เงียบทำไม ? หรือว่าเธอเองก็อยากจะแต่งงานกับฉันจนตัวสั่น ” ดินแดนเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นน้องเอาแต่นั่งเงียบ เขาไม่ชอบเอามากๆเวลาที่สนทนากับใครแล้วอีกฝ่ายเงียบใส่มีแค่ตัวเขาเองเท่านั้นที่สามารถทำแบบนี้กับคนอื่นได้ “ เอาอะไรมาอยากแต่งค่ะกับคนที่ทำตัวราวกับเป็นศาลพระภูมิแบบพี่ดินแดนนะเหรอที่น้ำมนต์จะอยากแต่งงานด้วย ” แม้จะโกรธในประโยคนั้นของเขาเอามากๆแต่น้องก็ยังไม่ละทิ้งมารยาทที่มีต่อคนอื่นเสมอ “ เธอกล้าดียังไงมาว่าฉันเป็นศาลพระภูมิ ไอ้ผู้หญิงจืดชืด ติ๋มๆแบบเธอแค่คิดว่าจะต้องแต่งงานด้วยฉันก็สะอิดสะเอียนจะแย่ ” ขวับ! ใบหน้านวลสวยหันขวับไปมองยังคนพี่ทางด้านหลังทันที ร่างบางยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินมาประจันหน้ากับคนตัวสูง “ พี่ดินแดนก็ไปบอกคุณลุงคุณป้าสิค่ะ ว่าไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงจืดชืดแบบน้ำมนต์ไปบอกให้เขายกเลิกไอ้สัญญาบ้าๆนั่นซะ เพราะน้ำมนต์เองก็อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง ฟังน้ำมนต์ให้ชัดๆนะคะ น้ำมนต์ก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ให้เกียรติคนอื่นแบบพี่ดินแดนเหมือนกัน “ ร่างบางเอ่ยเสียงหนักแน่นใส่คนตัวสูงแล้วสาวเท้าเดินออกไปอีกทางทันทีโดยไม่คิดที่จะรอฟังอะไรอีก กระบอกตาคมเอาแต่มองตามแผ่นหลังเล็กที่เดินไปจนสุดสายตา “ คนอย่างมึงไม่เหมาะกับน้องกูเลยสักนิด น้ำมนต์ดีเกินกว่าจะต้องมาแต่งงานกับคนเลวๆแบบมึง ” กรเอ่ยขึ้นเขารู้สึกเป็นห่วงน้องสาวเลยเดินตามออกมาดูทันได้ยินบทสนทนาก่อนหน้าของทั้งสอง ขวับ! กระบอกตาคมหันไปมองตามเสียงทันที “ หึ ! มึงคิดว่ากูอยากแต่งกับน้องมึงมากแต่ก็ดีในเมื่อประเคนมาให้กูๆ กูเนี่ยแหละจะยัดเยียดสถานะผัวให้น้องมึงเอง อีกอย่างหน้าที่ของน้องมึงคือเรื่องบนเตียงอย่างเดียวแต่อย่าคิดว่ากูจะพาออกหน้าออกตาทางสังคม “ ดินแดนเอ่ยขึ้นมันเป็นประโยคที่เหยียดหยามกรได้เป็นอย่างดีเพราะเขารักน้องสาวคนเดียวของเขามาก ” ไอ้เหี้ยดิน มึงมันเหี้ย “ กรเอ่ยด่าเพื่อน กรามหนาบดเข้าหากันแน่นจนสันกรามนูนชัดขึ้น ” เออ! กูมันเหี้ยแต่ไอ้เหี้ยตัวนี้แหละที่กำลังจะเป็นผัวน้องมึง “ “ ถ้ามึงขมเหง รังแกน้องกูเมื่อไหร่กูเอามึงตายแน่ ” นิ้วแกร่งชี้หน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่องก่อนจะเอ่ยบอกออกไป “ กว่ากูจะตายน้องมึงคงได้ขึ้นสวรรค์ไปกับกูก่อน ” ดินแดนเอ่ยพูดพลางสาวเท้าเดินกลับไปทางเดิมทันที ร่างหนาของกรยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมมือหนาสองข้างกำเข้าหากันแน่น ดินแดนสาวเท้าเดินกลับเข้าไปในบ้านหลังใหญ่อีกครั้งด้วยอารมณ์หงุดหงิดนอกจากน้องจะทำให้เขาหงุดหงิดแล้วยังมีกรเพื่อนที่ไม่ลงรอยกับเขาเข้ามาสุมไฟโทสะในใจของเขาให้ลุกโชนขึ้นไปกว่าเดิม “ อ้าว! ดินแล้วน้องละ ” คุณหญิงกาญจนาเอ่ยถามลูกชายออกไปเมื่อไม่เห็นว่าที่ลูกสะใภ้เดินกลับมาด้วย พรึบ! “ ไม่ทราบครับ ” ดินแดนเอ่ยตอบผู้เป็นแม่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างผู้ที่มีอารมณ์ครุกรุ่นอยู่ รังสีความหงุดหงิด ไม่พอใจแผ่ซ่านออกมาจากร่างหนาจนผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆรับรู้ได้ “ ไปทะเลาะกับน้องมาใช่ไหม “ คุณหญิงกาญจนาเอ่ยถามลูกชายเบาๆแค่เพียงให้ได้ยินกันสองคน ”……“ ไอ้ลูกชายตัวดีก็เอาแต่นั่งเงียบไม่เอ่ยพูดอะไรออกมา ” งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับไว้เราค่อยนัดวันเวลาไปหาฤกษ์แต่งกัน “ ท่านมาเฟียธีระเอ่ยบอกเจ้าของบ้านของทั้งสองเมื่อก้มมองเวลาพบว่าตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว “ ครับ ขอบคุณที่มาร่วมทานมื้อค่ำด้วยกันครับ ” ท่านธงชัยเอ่ยขอบคุณอย่างมีมารยาทก่อนจะเดินนำแขกมาส่งยังรถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน สองขาแกร่งเดินตามผู้ใหญ่ออกมาเงียบๆ “ อ้าว! หนูน้ำมนต์ ” คุณหญิงกาญจนาเอ่ยเรียกว่าที่ลูกสะใภ้เมื่อเห็นร่างบางเดินกลับเข้ามาพร้อมกับพี่ชาย ใบหน้านวลสวยคลี่ยิ้มให้ผู้ใหญ่อย่างมีมารยาทแต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นมันมีทั้งความทุกข์ ความเศร้ามากๆมายซ่อนอยู่ “ คุณป้าจะกลับแล้วเหรอคะ ” “ ใช่จ๊ะ ขอป้ากอดหนูหน่อยสิ ” แขนเรียวของคุณหญิงกาญจนาว่าที่แม่สามีอ้าแขนออกกว้างสองขาเรียวสาวเท้าเดินเข้าไปหาอ้อมกอดของผู้ใหญ่ด้วยความเต็มใจ “ แม่ดีใจนะที่จะได้หนูน้ำมนต์มาเป็นลูกสะใภ้ ” คุณหญิงกาญจนาแทนตัวเองด้วยคำว่า แม่ กับคนในอ้อมกอดทันทีมันทำให้น้ำมนต์รู้ว่า การจะยกเลิกงานแต่งที่ไม่เต็มใจในครั้งนี้คงไม่ง่าย กระบอกตาสวยทอดสายตามองไปยังดินแดนที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้เป็นแม่แค่เพียงครู่เดียวเธอก็ชักสายตากลับทันที คนพี่เอาแต่ยืนมองดวงตาคู่สวยที่บวมแดงเพราะผ่านการร้องไห้มานิ่ง เขาไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้นไม่สงสาร ไม่เห็นใจ ไม่เอ็นดูในความน่ารักสดใสและก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอด้วย “ ต่อไปนี้ไม่เรียกป้าแล้วนะลูกให้เรียกแม่เหมือนพี่เขานะ “ คุณหญิงกาญจนาเอ่ยบอกฝ่ามือที่เริ่มเหี่ยวย่นลูบไปที่เรียนผมสวยราวกับเส้นไหมอย่างเบามือ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าไอ้ลูกชายตัวดีของเธอคงไปหาเรื่องทะเลาะกับว่าที่ลูกสะใภ้จนอีกคนร้องไห้กลับมา ร่างบางผละกอดออกจากคุณหญิงแขกทั้ง 3 ก็พากันขึ้นรถกลับทันทีเหลือเพียงน้ำมนต์กับครอบครัวที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ” ฮือ! แม่คะ น้ำมนต์ไม่แต่งงานได้ไหมคะ” น้ำมนต์ปล่อยโฮออกมาทันทีเมื่อรถของผู้มาเยือนเคลื่อนตัวออกไป ใบหน้านวลสวยที่เคยสดใสอาบไปด้วยหยาดน้ำตา “ ยกเลิกสัญญาไม่ได้เหรอคะ ” น้ำมนต์เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “ น้ำมนต์ฟังแม่นะลูกยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับพี่ดินแดนตามสัญญาที่คุณปู่ของทั้งสองบ้านตกลงกันเอาไว้ ” “ สัญญาอะไรละคะ ทำไมต้องเป็นน้ำมนต์กับพี่เขาคนไม่รักกันจะแต่งงานกันได้ยังไงคะแล้วความรู้สึกของน้ำมนต์ อนาคตของน้ำมนต์อยู่ตรงไหนทุกคนเคยคิดถึงใจของน้ำมนต์กันบ้างไหมคะ ฮือ! ” น้ำมนต์เอ่ยพูดออกไปยาวเหยียดและปล่อยโฮออกมาอีกครั้งจนพ่อแม่และพี่ชายอึ้งไปทันทีนี่คงเป็นครั้งแรกที่น้ำมนต์ดูสิ้นหวังในตัวเองได้มากขนาดนี้ อนาคตที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้เรียนจบ ทำงานที่ตัวเองรัก ใช้ชีวิตให้ความสุขและเรียบง่ายวันนี้เหมือนทุกคนกำลังดับฝันเธอด้วยสัญญาการแต่งงานที่เธอไม่เต็มใจและเขาก็ไม่เต็มใจ พรึบ! “ น้ำมนต์ร้องไห้ออกมา น้ำมนต์ปล่อยมันออกมาให้หมดร้องให้กับพี่ตรงนี้ “ มือหนาของพี่ชายดึงน้องสาวเข้ามากอดแน่นก่อนจะบอกน้องออกไป ใบหน้าหล่อเหลาของพี่ได้แต่เงยหน้าเพื่อให้น้ำสีใสที่มันกำลังจะไหลออกย้อนกลับเข้าไปอยู่ที่เดิม น้องสาวที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาควรจะต้องมีความสุขมากที่สุดในวันเกิดครบ 25 ปีของเธอแต่สำหรับน้องวันนี้มันคงเป็นวันที่ทุกข์ที่สุด น้องควรจะได้ยิ้ม ได้หัวเราะในวันนี้ไม่ใช่มายืนร้องให้หมดหวังอยู่แบบนี้ ^^@บริษัท Star Group เอี๊ยด! รถสปอร์ตหรูขับเข้ามาจอดยังช่องจอดรถของผู้บริหาร ร่างหนาลงจากรถมาเงียบๆคนที่โดยสารมาด้วยก็รีบลงตามมาเงียบๆด้วยเช่นกัน ในช่วงเช้าของวันภายในตึกมีพนักงานที่กำลังเดินทางมาทำงานค่อนข้างเยอะร่างหนาเดินสาวเท้าเร็วๆเข้าไปในตึกท่ามกลางสายตาพนักงานมากมาย น้ำมนต์ที่เห็นอีกคนรีบก็คิดไปว่าเขาคงไม่อยากให้เธอเดินใกล้เลยเดินเลี่ยงไปยังร้านคาเฟ่ชื่อดังที่อยู่ในตึกหวังจะรอให้เขาขึ้นไปก่อนเธอค่อยเดินตามเขาขึ้นไป “ ลูกค้ารับอะไรดีครับ ” เจ้าของคาเฟ่ที่วันนี้มีพนักงานลาหาคนแทนไม่ได้ก็เลยต้องมาช่วยขายเองเอ่ยถามลูกค้าที่เปิดประตูเข้ามาอย่างมีมารยาท ชานนท์นิ่งไปทันทีเมื่อเห็นใบหน้าแสนน่ารักของลูกค้า “ เอาชาเขียวหวานน้อย 1 ค่ะ ” น้ำมนต์เอ่ยบอกออกไป ชานนท์ก็ยังยืนมองใบหน้าสวยใสนิ่งราวกับโดนมนต์สะกดไม่ได้ยินในสิ่งที่ลูกค้าสั่ง “ พี่ค่ะ เป็นอะไรรึเปล่าคะ ” น้ำมนต์เอ่ยเรียกเมื่อเห็นอีกคนนิ่งไป “ คุณนนท์คะ คุณนนท์ ” พนักงานอีกคนที่กำลังล้างอุปกรณ์อยู่ที่ซิ้งค์เอ่ยเรียกเจ้านายเบาๆ “ อะ อ๋อ…ครับ รับอะไรนะครับ ” ชานนท์เอ่ยถามออกไปอีกครั้ง “ ชาเขียวหวานน้อย 1 ค่ะ ”
~ เช้าวันใหม่ ภายในบ้านพักของดินแดน ~ คนที่เพิ่งตื่นนอนอาบน้ำแต่งตัวสาวเท้าลงมาจากชั้น 2 ของบ้านเพื่อเตรียมตัวไปทำงานอย่างเช่นทุกวัน “ นายครับทำไม… ” ภูมิเอ่ยถามเมื่อเห็นสภาพนายเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน “ กูนอนไม่หลับ ไอ้เหี้ยปวดหัวชิบหาย ” มือหนายกขึ้นมาคลึงๆนวดๆที่ขมับตัวเองกว่าเขาจะได้ขึ้นไปนอนก็เกือบเช้าของอีกวันในสมองมันมีแต่ภาพน้ำมนต์จนทำให้เขานอนไม่หลับ “ นายเครียดเรื่องที่จะต้องแต่งงานเหรอครับ” ภูมิเอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วง “ ไม่ แม่ให้แต่งกูก็จะแต่ง ” ดินแดนเอ่ยบอกภูมิ เพราะเขารู้ดีว่ายังไงพ่อกับแม่ก็ต้องไม่ยอม “ ก็ดีงั้นวันนี้ลูกไปรับหนูน้ำมนต์พาน้องไปบริษัทด้วย ” ดินแดนรีบหันไปมองตามเสียงก็เห็นผู้เป็นแม่เดินเข้ามาในบ้าน ” ทำไมต้องพาไป ? “ ดินแดนเอ่ยถามด้วยความสงสัยแค่ให้แต่งงานด้วยก็แย่พอทนนี่ให้พาไปบริษัทด้วย คืออะไร ” พาน้องไปทุกคนในบริษัทจะได้รู้จักน้อง “ ” จะต้องรู้จักทำไมครับ พาไปทำอะไรก็ไม่เป็นพาไปก็เป็นภาระเกะกะ “ ดวงตาที่เริ่มเหี่ยวย่นจ้องมองลูกชายอย่างเอาเรื่องทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น “ ครับ ครับ ครับ เดี๋ยวผมไปรับเล
“ ฉันขี้เกียจมานั่งอธิบายกับคนหัวดื้ออย่างแกอีกแล้ว อย่างเดียวที่แกต้องทำคือแต่งงานกับหนูน้ำมนต์แล้วอย่าลืมกลับไปคิดทบทวนทุกอย่างดูให้ดีๆแกรู้ทุกอย่างอยู่แก่ใจ “ ผู้เป็นพ่อเอ่ยบอกลูกชายของตัวเองออกไป นั่นยิ่งทำให้ดินแดนสงสัยหนักเข้าไปใหญ่ เพราะความดื้อรั้น เอาแต่ใจ และมีแนวคิดแบบฝรั่งมันเลยทำให้ดินแดนไม่ฟังใคร เขาอิสระทางความคิด การใช้ชีวิตมาโดยตลอดทำให้ผู้เป็นพ่อกับแม่เบื่อที่จะพูดคุยกับลูกชายตัวเองเต็มแก่ ~ ย้อนกลับไปหลังจากเกิดเหตุการณ์เลวร้ายกับปู่ภาคิน ~ @วัดแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง งานศพของปู่ภาคินถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติโดยมีท่านเตโชเป็นคนดำเนินการทุกอย่างให้เพื่อนเพียงคนเดียวของเขา ผู้คนหลังไหลกันมาร่วมแสดงความเสียใจอย่างหนาแน่นทุกคืน หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นภายในงานมีบอดี้การ์ดนับร้อยชีวิตคอยดูแลความปลอดภัยให้กับทายาทตระกูลมาเฟียนั่นคือ ดินแดน และมันก็เป็นช่วงเวลาเดี๋ยวกันกับที่ดินแดนจะต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเตรียมตัวเข้าศึกษาในชั้นอนุบาล “ ปู่คินครับ ดินจะต้องเดินทางแล้วดินโตดินจะกลับมาแต่งงานกับน้องนะครับ ” ร่างเล็กของเด็กชายในวัย 2 ขวบปลายๆ เดินไปนั่งหน้าหี
“ พี่กรทำไมทุกคนถึงทำแบบนี้กับน้ำมนต์คะ ไม่สงสารน้ำมนต์กันบ้างเหรอคะ ยุคสมัยนี้แล้วยังมีอีกเหรอที่ต้องแต่งงานกับคนที่ผู้ใหญ่เลือกไว้ให้ ฮือ! “ น้องสาวเอ่ยถามพี่ชายเสียงสั่นเครืออยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆ เธอไร้ซึ่งแสงสว่างในหัวใจแล้วตอนนี้ทุกอย่างมืดดับไปหมด ” น้ำมนต์อย่าคิดแบบนั้นสิ ทุกคนรักและหวังดีกับน้ำมนต์นะคุณปู่คิดทุกอย่างมาดีแล้ว พี่เชื่อว่าสักวันไอ้ดินมันต้องแพ้ให้กับความน่ารักของน้องสาวพี่แน่นอน “ มือหนาลูบไปที่เรือนผมสวยของน้องพลางเอ่ยบอกออกไป ” น้ำมนต์ไม่ได้ต้องการให้พี่เขามารักนะคะน้ำมนต์แค่ไม่อยากแต่งงาน “ น้ำมนต์เอ่ยบอกพี่ชายออกไป “ น้ำมนต์มากับพี่ ” กรที่เห็นน้องสาวเอาแต่ร้องไห้ มือหนาจูงมือเรียวเล็กของน้องเดินตรงไปห้องพระที่อยู่บนชั้น 2 ของบ้าน มือหนาเปิดประตูห้องพระเข้าไปภายในมีพระพุทธรูปและพระดังๆมากมาย รวมทั้งภาพของปู่ยา ตายายของทั้งสอง “ ฮือ… คุณปู่คะ สัญญาอะไรเหรอคะที่คุณปู่ถึงกับต้องให้น้ำมนต์แต่งงานกับพี่เขาคุณปู่บอกน้ำมนต์หน่อยได้ไหมคะ “ สองขาเรียวทรุดกายลงนั่งตรงหน้ารูปภาพของปู่ที่ล่วงลับไปแล้วทันที พลางเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ น้ำมนต์ คน
สองขาแกร่งสาวเท้าเร็วๆเดินตามน้องมายังสวนหลังบ้าน กระบอกตาคมกวาดสายตามองไปรอบๆบริเวณสวนที่มีต้นไม้ ดอกไม้ปลูกเอาไว้สวยงาม “ ฉันก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอหรอกนะ เธอควรไปบอกพ่อแม่ของเธอให้ฉีกไอ้สัญญาบ้าๆนั้นทิ้งไปซะ “ เสียงคมเข้มเอ่ยบอกน้องที่นั่งไหล่เล็กสั่นไหวอยู่ ไม่ต้องเห็นหน้าเขาก็รู้ว่าคนที่เอาแต่ยิ้มแววตาสดใสเมื่อกี้กำลังร้องไห้อยู่ “…..” เงียบ น้องเอาแต่นั่งเงียบไม่เอ่ยพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว “ เงียบทำไม ? หรือว่าเธอเองก็อยากจะแต่งงานกับฉันจนตัวสั่น ” ดินแดนเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นน้องเอาแต่นั่งเงียบ เขาไม่ชอบเอามากๆเวลาที่สนทนากับใครแล้วอีกฝ่ายเงียบใส่มีแค่ตัวเขาเองเท่านั้นที่สามารถทำแบบนี้กับคนอื่นได้ “ เอาอะไรมาอยากแต่งค่ะกับคนที่ทำตัวราวกับเป็นศาลพระภูมิแบบพี่ดินแดนนะเหรอที่น้ำมนต์จะอยากแต่งงานด้วย ” แม้จะโกรธในประโยคนั้นของเขาเอามากๆแต่น้องก็ยังไม่ละทิ้งมารยาทที่มีต่อคนอื่นเสมอ “ เธอกล้าดียังไงมาว่าฉันเป็นศาลพระภูมิ ไอ้ผู้หญิงจืดชืด ติ๋มๆแบบเธอแค่คิดว่าจะต้องแต่งงานด้วยฉันก็สะอิดสะเอียนจะแย่ ” ขวับ! ใบหน้านวลสวยหันขวับไปมองยังคนพี่ทางด้านหลังทันที ร่างบ
น้ำมนต์แม้จะยิ้มรับคุณหญิงในใจได้แต่รู้สึกว่า ดวงตาสีนิลคู่นั้นมันเฉยชาแข็งกร้าวสิ้นดี ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยดุจผืนน้ำนิ่ง แถมยังนั่งนิ่งไม่ไหวติงราวกับรูปปั้น… “ คุณหญิงคะ โต๊ะอาหารพร้อมแล้วค่ะ ” ป้าศรีแม่บ้านเดินมาบอกเจ้านายทันทีที่เตรียมทุกอย่างเรียบร้อย “ ไปทานอาหารกันเถอะนะคะ ” คุณหญิงเดือนเอ่ยชวนแขกทั้ง 3 ทุกคนพากันเดินมายังห้องอาหารที่บนโต๊ะมีอาหารหน้าตาน่าทานวางอยู่เต็มโต๊ะทุกจานถูกจัดไว้อย่างสวยงามราวกับเชฟร้านอาหาร 5 ดาวมาจัดเตรียมเอาไว้ “ นี่ฝีมือหนูน้ำมนต์หมดเลยเหรอลูก ” คุณหญิงกาญจนาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ “ ใช่ค่ะ คุณป้าลองชิมก่อนนะคะว่าอาหารถูกปากรึป่าว ” น้ำมนต์เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ดินแดนเอาแต่ยืนมองแม่กับหญิงสาวคุยกันเงียบๆ “ เชิญครับ เชิญครับ ดินนั่งเลยลูก ” ท่านธงชัยเอ่ยบอกแขกคนสำคัญออกไป “ ครับ ” ดินแดนรับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆแม่ของตัวเอง ทุกคนนั่งประจำที่ของตัวเองด้วยเช่นกัน ทว่าในตาคมเอาแต่จ้องมองคนตรงข้ามอยู่บ่อยครั้งเขาแปลกใจมากว่า ทำไมเธอถึงดูเป็นคนสดใส อารมณ์ดี มีแต่รอยยิ้มอยู่ตลอด “ ดินทานเยอะๆนะล