INTRO
ณ สถานบันเทิงย่านใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยามราตรียอดฮิตของเหล่านักท่องราตรีและเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิตของเหล่าบรรดานักศึกษามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในแถบนี้
แสงไฟหลากสีสันสลับไปมาสาดส่องไปทั่วผับ สร้างบรรยากาศครึกครื้นและดึงดูดให้เหล่าบรรดานักท่องราตรีขยับโยกตัวไปมาตามจังหวะดนตรีอันเร้าใจ เสียงบีทหนักหน่วงกระหึ่มดังสลับแทรกด้วยเสียงของดีเจที่กำลังบิ้วอารมณ์อย่างสนุกสนานไปตามเพลง ส่งผลให้หนุ่มสาวต่างพากันโยกย้ายอย่างเมามัน ยิ่งค่ำคืนดำเนินไปนานเท่าไหร่ ความสนุกสนานก็เพิ่มขึ้นไปตามปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดของพวกเขา
ณ โซนวีไอพี ชั้นสองของผับ
พายุ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาราวกับดาราในซีรีส์จีน ผมสีน้ำตาลถูกเสยขึ้นเล็กน้อยแต่แฝงความเซ็กซี่ กรามคมชัดเด่น ดวงตาคมกริบน่าค้นหา ดูรับกับคิ้วเข้มคมที่พาดเฉียง เขาเป็นคนมีเสน่ห์ ยิ่งบวกกับรอยยิ้มมุมปากที่ประดับบนใบหน้าหล่อ ส่งผลให้บรรดาสาว ๆ ต่างพากันจ้องมองเขาอย่างเคลิบเคลิ้ม
เขากำลังยกแก้วเครื่องดื่มน้ำสีอำพันขึ้นมาดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าอย่างสบายอารมณ์ ท่ามกลางสายตาบรรดาหญิงสาวที่กำลังส่งสายตาให้เขาอย่างยั่วเย้า
และไม่เพียงแต่บรรดาสาวสวยรอบกายจากโต๊ะข้าง ๆ ที่พยายามส่งสายตามาให้ ทว่าในตอนนี้สมาร์ตโฟนเครื่องหรูของเขายังคงมีข้อความแจ้งเตือนจากบรรดาหญิงสาวที่เข้ามาขอไลน์เขาก่อนหน้าเข้ามาเป็นระยะ ดวงตาคมก้มมองข้อความตรงหน้าก่อนจะยิ้มมุมปากคล้ายกับจะพึงใจ แต่เขากลับเลือกที่จะโยนสมาร์ตโฟนลงบนตรงโต๊ะตรงหน้าอย่างไม่ได้ใส่ใจที่จะเปิดอ่านข้อความนับสิบที่เด้งเข้ามาแม้แต่น้อย
เพราะ...สำหรับคนที่ได้ขึ้นชื่อว่า “เสือผู้หญิงอย่างพายุ” ถ้าเขาคิดอยากจะเปิดอ่านก็ต่อเมื่อเขาอยากอ่าน แต่ถ้าเขาไม่อยากใส่ใจเขาก็อย่าหวังว่าจะเขาจะให้ความสนใจกับมัน
คนอย่างเขาพร้อมที่จะเลือกเล่นกับใครก็ได้ที่อยากเล่น สำคัญแต่ว่าคนอย่างเขาอยากจะเล่นด้วยหรือเปล่า
...
ภายใตัแสงไฟสลัวภายในผับ พายุ หันมาสนใจกับเครื่องดื่มสีอำพันในมือพลางหมุนแก้วไปมา ก่อนจะทอดสายตามองไปตรงหน้าท่ามกลางผู้คนที่พากันสนุกสนาน
“ไอ้ไฟยังไม่มา?” เสียงจาก เพลิง เพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกับเขาเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยถามถึงเพื่อนชายอีกคนที่ชื่อไฟ
ใบหน้าหล่อเหลาละสายตาจากแก้วเครื่องดื่มในมือแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเพลิง เพื่อนชายที่เพิ่งเดินเข้ามาหา
“แล้วมึงเห็นมันเปล่าล่ะ”
“สัส อย่ากวนตีน กูถามดี ๆ” เพลิงว่า พลางหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ
“เอ้ากูกวนตรงไหนก่อน ก็มึงถามหามันทั้งที่มึงไม่เห็นมันนั่งอยู่ตรงนี้”
“ดี ๆ ดิไอ้สัส เดี๋ยวโบก”
โดนเพลิงด่ารอบสอง พายุถึงกับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจที่ได้กวนตีนเพื่อนสนิทอย่างเพลิงที่มีนิสัยเย็นชาราวน้ำแข็งขั้วโลก
“แล้วไอ้ไฟมันจะมาทำเหี้ยไร มันมีเมียก็อยู่กับเมียมันดิ” พายุไหวไหล่ พลางยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“หึ สภาพ” เพลิงส่ายหัว พร้อมกับหัวเราะในลำคอให้กับเพื่อนชายอีกคนที่กำลังพูดถึงกัน
ทั้งสามคนที่เอ่ยถึงพวกเขาคือ ไฟ เพลิง และ พายุ แก๊งหนุ่มฮอตวิศวะจากมหาวิทยาลัยKing ที่ใคร ๆ ในย่านมหาวิทยาลัยแถบนี้ต่างก็รู้จัก
ไฟ เป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของสนามแข่งรถ Fire Speed Racetrack คนที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นคนหยิ่งและเย็นชาที่สำคัญไม่เคยง้อผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่ตอนนี้กลับหมดสภาพจากหนุ่มฮอตที่สาว ๆ ต่างคลั่งไคล้ กลายเป็นไอ้หมาโบ้ที่คอยวิ่งตามตูดผู้หญิงคนเดียวอย่างแฟนสาวที่ชื่อ “มีอา”
แต่ครั้นตอนนี้จะเรียกมีอาว่าเป็นแฟนสาวของไฟเต็มปากเลยทีเดียวก็ไม่ใช่ เพราะตอนนี้ไฟยังอยู่ในสถานะกำลังตามง้อเธอ สืบเนื่องจากวีรกรรมที่ไฟทำเอาไว้สาหัสสากรรจ์พอสมควร เลยใช่ว่ามีอาจะยอมใจอ่อนยกโทษให้กับไฟง่าย ๆ
“มึงก็ไม่ต่างกับมันไอ้เพลิง พอกับกันกับไอ้ไฟ”
“พูดมากฉิบ มึงนี่”
“ว่าแต่ทำไมวันนี้ไม่เห็นมึงมากับเฟียร์?”
คนที่พายุเอ่ยถึงคือ เฟียร์ สาวสวยและเป็นเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงคนเดียวของกลุ่ม ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างเฟียร์กับเพลิง กำลังอยู่ในสถานะ FWB โดยปกติสองคนนี้แทบจะไปมาไหนมาไหนด้วยกันตลอด แทบจะไม่เคยห่างกันเลยสักครั้ง เว้นแต่เฉพาะวันนี้
“มันไปงานวันเกิดเพื่อน” เพลิงไหวไหล่ตอบด้วยท่าทีคล้ายกับไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักทั้งที่แอบห่วงเธออยู่ลึก ๆ แต่ปากหนักและไม่ค่อยชอบแสดงออก ก่อนที่เขากระดกแก้วเหล้าเข้าปากอย่างไม่สนใจในสายตาของพายุที่มองเขาอยู่
“อ่อ เลยแยกกันได้สักทีเนาะ”
พายุไม่หยุดแซวเพื่อนซี้ ก่อนจะละสายตาจากเพลิง แล้วกวาดสายตามองไปยังด้านล่างของผับ ทันใดนั้นมุมปากหยักกลับยกยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก เมื่อสายตาของเขาไปสะดุดกับหญิงสาวที่เขาเพิ่งเอ่ยถึงพอดี
“ที่ไหน?” พายุเอ่ยถามก่อนจะทิ้งสายตาจ้องไปยังเฟียร์เพื่อนสาวของพวกเขา
“เสือกยิ่งกว่ากู” เพลิงเอ่ยพูดแกมเหน็บพร้อมกับยกแก้วน้ำเมากระดกดื่ม
“ที่กูถามเพราะว่าโน้น ข้างล่างโน้น” พายุพยักพเยิดส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้เพลิงมองตามลงไปยังด้านล่างของผับ และทันทีที่เพลิงหันมองลงไปยังด้านล่างตามสายตาของพายุ เรียวคิ้วเข้มถึงกับขมวดเข้ากันด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“ไม่เห็นมันบอกกูว่ามาผับที่นี่” สายตาคู่คมหรี่ลง เมื่อมองเห็นเพื่อนสาวคนสนิทอย่างเฟียร์กำลังสนุกสนานอยู่กับเพื่อนอีกสามคนของเธอ
“แม่ง!” เขาสบถออกมา ทว่าเมื่อหันกลับมาสบสายตาพายุ เพลิงกลับไหวไหล่เหมือนไม่ได้คิดอะไรมากมาย ทั้งที่ภายในใจกำลังรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“เออช่างมันเถอะ เฟียร์มันบอกกูแล้วว่ามาวันเกิดเพื่อน ปล่อยมันจอยกับเพื่อนมันสักวัน”
“หึ ช่างมัน? แต่สีหน้ามึงไม่เหมือนคนที่บอกว่าช่างมันว่ะ” พายุพูดติดตลกปนขำเล็ก ๆ เพราะเห็นสีหน้าของคนปากไม่ตรงกับใจ ที่คิ้วเข้มของมันแทบจะผูกเป็นโบว์ได้อยู่รอมร่อ
“เรื่องของกูไหม” เพลิงเหล่สายตามองเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะถอนหายใจแล้วมองไปทางอื่น แต่ทว่าสุดท้ายสายตาก็ถูกดึงกลับมามองไปยังเฟียร์กับกลุ่มเพื่อนของเธออยู่ดี
…
ตกดึก“สลบกันไปหมดแล้วสงสัยจะเหนื่อย” ยูกิเดินเข้ามาในห้องหลังจากที่กล่อมลูกน้อยทั้งสามหลับไปอย่างที่ทำเป็นประจำทุกคืน“มายุนวดให้ครับ” พายุก็ทำเช่นเดิมเขานั่งอยู่ที่ขอบเตียงก่อนจะดึงแขนภรรยาให้เธอนั่งลงที่ตักแกร่งของเขาก่อนจะนวดไหล่นวดตัวให้ภรรยา“อื้อ” ยูกิเอียงคอให้สามีนวดไหล่ให้อย่างสะดวก“ขอบคุณนะ ที่เสียสละขนาดนี้ เป็นทั้งแม่ที่ดีทั้งเมียที่น่ารัก” แขนแกร่งแปลเปลี่ยนเป็นโอบกอดรอบเอวคอดของเธอ ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหู ก็ไม่วายที่จะใช้จมูกคลอเคลียที่พวงแก้มนิ่มและเลื่อนลงที่ซอกคอหอม“คืนนี้งดเหนื่อยมากไม่ไหว” ยูกิหลับตาเอ่ยพูดพร้อมกับเอนหลังพิงกับอกแกร่งของสามีอย่างทิ้งตัวเพราะเธอเหนื่อยมากจริง ๆ“พายุรักยูกินะ วันแรกรักยังไงวันนี้รักมากกว่าเดิมหลายเท่า ขอบคุณนะครับ พายุยังให้สัญญาเหมือนเดิมว่ายุจะรักเธอไปจนกว่ายุจะตายจากเธอไป” แขนแกร่งกอดภรรยาแน่น“พูดอะไรแบบนั้น ถ้ามีคนต้องตายก่อน ยูกิขอเป็นคนตายก่อน” ยุกิเหวใส่ที่จู่ ๆ เขาก็พูดแบบนั้นออกมา“ไม่ ยุขอตายก่อนยุอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีบี๋” พายุส่ายหน้าไปมาที่ซอกคอของภรรยาสาวอย่างไม่ยอม“ไม่ ยูกิอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีบี๋ บี๋อยากเห็นเมียเศร้า
หลายวันต่อมา...@สนามฟุตบอลเด็ก“คิรินลูกมาหาแม่ลูก” ยูกิเอ่ยเรียกลูกสาวตัวน้อยที่กำลังวิ่งเล่นในสนามกับพี่ ๆ ที่กำลังวิ่งแตะบอลกันกับคุณครูอย่างสนใจ“ทำไมลูกเราเดินตามพี่สกายขนาดนั้น” พายุเอ่ยกับภรรยาสาวสายตาจ้องมองไปยังคิรินที่เอาแต่วิ่งตามสกายไม่ห่าง“พี่ชายหนูก็มีนะลูก ตั้งสองคน” คนเป็นพ่ออดที่จะส่ายหัวรับไม่ได้กับท่าทีของลูกสาววัยสองขวบตัดมาที่อีกฝั่ง“อ๊ะ แง” สมายล้มลงพื้นหญ้าก่อนจะเบะปากร้องไห้ครามที่เตะบอลอยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งเข้าไปหาน้องในทันที“ไม่ร้องนะครับ เพี้ยงพี่เป่าให้” เด็กน้อยวัยสีขวบก้มลงเป่าที่เข่าของน้องอย่างอ่อนโยน ก่อนที่มีอาจะเดินเข้ามาอุ้มลูกสาวตัวน้อยของเธอเดินออกนอกสนามโดยไม่ลืมให้สมายขอบคุณพี่ครามที่เขาเข้าไปช่วยเป่าและปลอบ“ดูครามสิช่างเป็นผู้ชายที่อบอุ่นเหลือเกินลูกแม่” ยูกิที่อุ้มคิรินเดินเข้ามาพูดคุยกับพายุเมื่อเห็นเหตุการ์เมื่อครู่ก็รู้สึกภูมิใจในตัวลูกชายเป็นที่สุด“นั่นสิ ทำไมแตกต่างจากพ่อมันลิบลับ” ไฟเอ่ยขึ้น“กูก็อบอุ่นเว้ย แต่เฉพาะตอนอยู่กับเมียสองคน” พายุเดินเข้าไปหอมแก้มภรรยาที่กำลังอุ้มคิรินอยู่“มะมี๊ของคิริน” และเช่นเดิมลูกสาวยังคงหวงแม่ก
และในตอนนั้นเองก็มีรถตู้หรูก็ขับเข้ามาจอดภายในบ้าน“ครามครับน้องเมฆน้องหมอกมาแล้ว ไปต้อนรับน้องกัน” ยูกิที่รู้ว่าเป็นรถของบ้านเพลิงและเฟียร์ก็เอ่ยบอกกับลูกชายที่กำลังงอแงอยู่ ให้ละความสนใจจากป๊าของเขา และพาเดินไปต้อนรับ“น้องสกายกับน้องสมายก็มาพร้อมกันเลย” ยูกิเอ่ยบอกกับลูกชายตัวน้อยอีกครั้งเมื่อรถตู้ของบ้านไฟและมีอาก็ขับเข้ามาไล่เลี่ยกัน“สวัสดีครับ อาเพลิงน้าเฟียร์” ครามเดินดุ่มเข้ามาไหว้สวัสดีอาทั้งสองของเขาอย่างที่ไม่ต้องบอก“สุขสันต์วันเกิดนะครับเด็กดีของน้า น้อง ๆ มีของขวัญมาให้ด้วยนะ” เฟียร์เดินเข้ามาลูบหัวครามด้วยความเอ็นดู พร้อมกับเอ่ยบอกถึงลูกชายของเธอสองคนคนแรกชื่อเมฆอายุน้อยกว่าครามหนึ่งปี และคนที่สองชื่อหมอกอายุน้อยกว่าสองปี“ของขวัญครับพี่คราม” เด็กน้อยอายุสามขวบและสองขวบเดินเข้ามายื่นของขวัญให้กับพี่ชายที่วิ่งเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ“ขอบคุณครับ” ครามก็เอ่ยขอบคุณน้อง ๆ ทั้งสองพร้อมกับรับของขวัญมาถืออย่างดีใจ“สวัสดีครับอาไฟน้ามีอา” ก่อนจะหันเป็นมาสวัสดีไฟและมีอาที่เดินพร้อมกับสกายและสมายลูกทั้งสองคนของพวกเขาที่คนโตและคนเล็กก็มีอายุเท่ากับลูกของเพลิงและเฟียร์“สุขสันต์วันเ
เช้าวันต่อมา…“ไอ้แสบนั่นมันของพ่อนะ” พายุนอนเล่นหยอกล้อกับลูกชายที่กำลังดูดนมจากเต้าของยูกิวันนี้แม่บ้านออกไปซื้อของกับม๊า ส่วนพี่เลี้ยงลากลับต่างจังหวัดทั้งบ้านก็เพียงสามคนพ่อแม่ลูก“แหนะของพ่อนะ พ่อดูดมาก่อนเอ็งอีก” พายุก็เอ่ยแหย่ลูกชายที่กำลังมองเขาตาแป๋วแต่ปากก็คอยดูดนมจากเต้า มือเล็กก็วางทาบอกอวบอย่างน่าอิจฉา จนคนเป็นพ่อที่นั่งเล่นอยู่ด้วยคิดอิจฉาลูกตัวเองส่วนลูกน้อยที่ได้ยินดังนั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของคนเป็นพ่อหรือเปล่าจู่ ๆ ก็เบะปากทำท่าจะร้อง“พายุ” ยูกิดุคนตรงหน้าที่แหย่จนลูกร้อง“หึ” พายุขำขันหัวเราะในลำคออย่างชอบใจเขามองแม่ของลูกโอ๋ลูกน้อยด้วยการป้อนนมใส่ปากอีกครั้ง ภาพตรงหน้าทำเขามีความสุขกับชีวิตในตอนนี้เหลือเกินฟอด คิดอย่างนั้นเขาก็เข้าไปกอดแม่ของลูกและหอมเข้าที่แก้มซ้ายและขวาอย่างรักใคร่“อะไรนี่เมียพ่อ” แต่ก็ไม่วายที่จะโดนเจ้าลูกชายเงยมองเขาตาแป๋วฟอด และหอมแก้มยูกิอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างต้องการจะอวดเจ้าลูกน้อยซึ่ง เจ้าเด็กก็เบะปากร้องไห้ลั่น“พอได้แล้ว โอ๋ ไม่ร้องนะครับ พ่อแค่แกล้ง” ยูกิอุ้มลูกซบอกเพื่อปลอบ เธอไม่รู้จะเหนื่อยกับลูกหรือกับพ่อดีในตอนนี้และไม่
หลายเดือนต่อมา...“บี๋ รู้สึกเจ็บปวดท้องบ้างหรือยัง” พายุเดินเข้ามาในห้องที่คนตัวเล็กกำลังนั่งอ่านนิทานให้ลูกน้อยในท้องฟัง“ยังไม่มีวี่แววเลย” เพราะนี่เธอก็ตั้งครรภ์มาได้สามเก้าวีแล้วแต่ยังไม่มีอาการใด ๆ“ลองทำตามที่อาหมอบอกไหม” พายุเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มร่าอย่างเจ้าเล่ห์“ยังไงเหรอ?”“ก็คือ…พ่อต้องเข้าไปตามลูก” ไม่ว่าเปล่าเข้ายังขึ้นมาบนเตียงพร้อมกับกอดรัดคุณแม่คนสวย“บี๋” ยูกิยิ้มให้กับใบหน้าหล่อที่กำลังแสดงความหื่นออกมาทางสายตาอย่างเปิดเผย“ครับ” ตาคมกะพริบตาปริบ ๆ เพื่อออดอ้อนยูกิก็ยิ้มให้กับว่าที่คุณพ่อที่ตลอดมาเขามาเคยพักเรื่องนี้เลยพายุค่อย ๆ โน้มริมฝีปากประกบจูบอย่างดื่มและจัดการตามลูกชายคนแรกของเขาและเธอและได้ผลอย่างที่คิด ภายในเช้าวันรุ่งขึ้นยูกิก็ปวดท้องคลอดลูกและได้คลอดลูกชายคนแรกของทั้งคู่ในระหว่างที่ต้องดูแลยูกิทั้งที่โรงพยาบาลและเมื่อกลับมาที่บ้านได้แล้วพายุก็พักงานจากบริษัทโดยที่ป๊าของเขาจะเข้าไปดูแลแทนก่อนช่วงที่ยูกิต้องการกำลังใจจากเขาการที่เป็นพ่อแม่มือใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่เรื่องยาก ยุกิเองที่เมื่อได้เห็นพ่อของลุกดูแลเธอและช่วยเลี้ยงลูกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
“มานี่” พายุดึงมือฉันออกมาจากห้องน้ำก่อนจะพาเดินมานั่งที่เตียงนอน “เรามาคุยเรื่องอนาคตของเราและเจ้าตัวเล็กในท้องกันดีกว่า” พายุปรับโหมดสีหน้าจริงจัง พูดถึงเรื่องเจ้าก้อนในท้องฉันก็กลับมากังวลอีกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าจะบอกที่บ้านยังไงดีเหมือนกัน “เดี๋ยวยุจะเข้าไปบอกป๊ากับม๊าวันนี้เลย แล้วยุจะเป็นคนบอกพี่บากิเอง” “ที่บ้านคงผิดหวังมากแน่ ๆ” ฉันก้มหน้าลงเมื่อนึกถึงหน้าใครไปไม่ได้นอกจากพ่อกับแม่ ที่น่าจะผิดหวังกับฉันเอามาก ๆ พายุที่เห็นก็เข้าสวมกอดฉันทันที “ยูกิ เราขอโทษถ้าทำให้ยูกิเสียใจและเครียด บางทีเราคงจะคิดน้อยไปยุขอโทษแต่เรื่องจะเอาเด็กออกไม่มีอยู่ในหัวเราเลยนะ” เขาเอ่ยออกมา ฉันในตอนนี้ไม่รู้จะตัดสินไปทางไหนดี ฉันไม่โทษเขาหรอกที่คิดทำอะไรแบบนี้เพราะส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะฉันเองที่ลืมซื้อยามาทาน และอีกอย่างถ้าเขาไม่ทำแบบนี้ฉันก็อาจจะต้องไปอยู่กับพ่อและแม่ที่ญี่ปุ่นจริง ๆ ซึ่งคิดแล้วฉันรักคนตรงหน้าขนาดนี้ถ้าไปจริง ๆ ฉันก็คงจะเสียใจที่ไม่ได้อยู่กับเขา "อืม ไม่เป็นไรหรอก เพราะเราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน” ฉันจับมือของเขา เราสองคนได้แต่สบตากันอย่างให้กำลังใจกันและกัน “ขอเรียกพี่บากิม