ผมอยากรักคุณตรีแบบไม่มีอะไรมากั้น ไม่ว่าจะเป็นกรอบศีลธรรมอันดีงามทั้งหลายแหล่หรือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ผมขอวางกองมันไว้นอกบ้าน ผมจะเข้าไปด้านในอย่างกล้าหาญ เผชิญโลกกว้างด้วยกันกับเขา “เป็นอะไรรึเปล่าคี” ผมสะดุ้งหลังตกภวังค์ความคิดอยู่นาน คุณตรียิ้มเจ้าเล่ห์ยืนอยู่หน้าประตูห้องที่เปิดอ้าจนผมเริ่มจะเสียวสันหลัง ไม่รู้ว่าคิดถูกคิดผิด “ดูสิว่านายชอบไหม” เขาถาม มือข้างหนึ่งลูบท้ายทอยตัวเองไปมา คุณตรีดูเขินๆ ไงก็ไม่รู้สิ ผมเยี่ยมหน้าเข้ามากล้าๆ กลัวๆ แล้วถึงกับมือไม้อ่อนเพราะสิ่งที่เขาเตรียมไว้รอท่า “นี่มันอะไรฮะเนี่ย” คุณตรีก้าวเข้ามาด้านหลัง สอดมือโอบรอบเอวผมไว้แล้วรวบเข้าหา แผ่นหลังของผมชนกับหน้าอกของเขาอย่างจัง “อ๊ะ! คุณตรี”ผมเบี่ยงตัวออกแต่คุณตรีกระชับกอดแน่นเข้าไม่พอยังเอาคางเกยไหล่จนผมตัวอ่อนไปหมดด้วยความตื่นเต้น “แฮปปี้เบิร์ดเดย์...keyofheart ของฉัน” “คุณแซวนิคเนมของผมอีกแล้วนะ”“ก็ฉันชอบนี่” เขาบอกเท่านั้นก็ผายมือให้ผมดูด้านในห้อง “ชอบไหม”“ชอบฮะ ว่าแต่คุณรู้ไ
ผมตัดสินใจพูดออกไปให้เขารู้ว่าผมรักเขาเข้าแล้ว ทั้งรัก ทั้งหวงแหน ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้เขาและไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้ใคร มันเป็นความรู้สึกรุ่มร้อนทรมานเสียยิ่งกว่าสิ่งใด เมื่อคิดว่าเขาอาจจะมีใครที่ดีกว่าและให้ความรักกับเขามากกว่าเช่นนายจุลคนนั้น...ผมดึงคีตาเข้ามากอด เขาขัดขืนแต่ก็ต้องโอนอ่อนให้ผมกอดเพราะคงรู้ว่าถึงยังไงก็หนีไม่พ้น เปรียบเขาเป็นแมวดื้อ ผมก็คงเป็นช้างดื้อกว่านั่นแหละคีตาตัวสั่นไม่นานผมก็ได้ยินเสียงเขาสะอื้นจนตัวโยน ผมกระชับอ้อมกอดแน่นเข้าแล้วปลอบเขาด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุดแล้ว“อย่าร้องนะคี อย่าร้อง”“ก็ผมอยากร้องนี่ฮะ”“งั้นร้องให้พอ ฉันจะกอดคีแน่นๆ เอง” ผมปลอบแต่ก็รู้สึกดีที่เขากอดตอบผมแน่น ไออุ่นของคีตาทำให้ใจผมพองโต “ทำไมอยากร้องล่ะ”“เพราะผมก็รักคุณทั้งที่ใจอยากเกลียดคุณ ทำไมคุณต้องเกิดเป็นน้าผมด้วย ทำไมคุณต้องทำให้ผมรักคุณแบบนี้ ฮืออออ”เขาทุบแผ่นหลังผมดังปึกๆ หมัดของคีตายังคงหนักเสมอสังเกตได้จากตาผมที่มันเริ่มจะม่วงแล้วแต่ผมไม่เจ็บสักนิดเพราะใจกำลังพองอย่างบอกไม่ถูก “ฟังฉันให้ดีนะคี”“ผมฟังอยู่ คุณแก้ตัวมาสิฮะ”ผมดันตัวเขาออกห่างนึกอยากจูบริมฝีปากตัดพ้
คีตานั่งเงียบไปตลอดทาง...เขาไม่สนใจผมเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะชวนคุยหรือพูดอะไรเขาก็นิ่งเงียบจนผมรู้สึกอึดอัดต้องเป็นฝ่ายชวนคุยแทน“ทำไมไม่พูดไม่จาอะไรเลยล่ะคี”ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่คีตาก็ยังคงนิ่ง“คี ฉันถาม”“ก็ผมไม่รู้จะพูดอะไรนี่ฮะ”“ก็พูดอะไรก็ได้ เช่นตอนนี้ทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร เรียนหรือทำงานอะไรแบบนี้” ผมถามหยั่งเชิง จริงๆ ก็อยากรู้ทกอย่างแต่ต้องค่อยๆ หว่านล้อม“คุณจะรู้ไปทำไมฮะ”“ลืมแล้วเหรอว่าฉันเป็นผู้ปกครองนาย”“ไม่ลืม แต่ชีวิตเป็นของผมไม่ใช่เรื่องของคุณคงไม่ต้องรายงานทุกเรื่องมั้งฮะ”เขาตอบผมแต่ตามองไปข้างหน้า ไม่แม้แต่จะปรายหางตามอง ผมเหยียบคันเร่งความเร็วขึ้นหมุนพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายซึ่งเป็นคนละทางกับโรงพยาบาลเป้าหมาย คราวนี้ได้ผล คีตาหันมาทันที“จะไปไหนฮะ ทางนี้ไม่ใช่ทางไปโรงบาลนะฮะ”ผมนิ่งไม่ตอบบ้าง คีตาหันซ้ายหันขวานั่งไม่ติดแล้วทีนี้ทำให้ผมชอบใจแต่ก็ไม่หยุดตามคำปรามของเขา“คุณตรี! ผมถาม”ได้ผลล่ะ คีตาหงุดหงิดเหมือนที่ผมเป็นเมื่อครู่ ผมก็เลยยิ้มเยาะก่อนตอบ “เสียงดังไปได้น่าคี”“ก็คุณจะพาผมไปไหนล่ะฮะ”“ฉันก็คงไม่ต้องตอบนายทุกเรื่องเหมือนกัน”“
เสียงรถจอดหน้าบ้าน ผมชะเง้อดูก็เห็นเป็นรถของผมเอง ดีที่มาทัน ผมรีบลุกขึ้นไปหาพวกเขา จิ๋วเห็นผมก็รีบหิ้วของพะรุงพะรังเดินแกมวิ่งเข้ามา“ขอโทษที่มาช้าค่ะคุณตรี” “ดีนะมาทันเวลา” ผมตอบเสียงเรียบไม่ได้แสดงอาการร้อนรนเหมือนใจที่ร้อนยิ่งกว่า“เกือบไม่ทันค่ะ ดีที่แฟนจิ๋วลางานไม่ได้ ไม่งั้นก็คงพาลูกกลับไปเยี่ยมปู่ย่าที่บ้านต่างจังหวัดกันแล้ว”ผมพยักหน้า กำชับพี่เลี้ยงนาราอีกที “ดีเลย ฉันอยากให้จิ๋วช่วยดูนาราให้สักวันสองวัน ฉันมีธุระด่วนน่ะ”“จิ๋วจะดูแลน้องให้เต็มที่เลยค่ะนาย”“ขอบใจ แล้วถ้าใครมาถามหาฉันหรือครูสอนดนตรีของนารา จิ๋วก็บอกไปว่าไม่รู้นะ”“ครูสอนดนตรีเหรอคะ” จิ๋วถามกลับทำหน้างงๆ แต่สนธยากระแอมแล้วส่งสายตาดุ จิ๋วจึงหดคอหงอตอบ “ค่ะ”“ดีมาก อ้อ แล้วถ้านาราถามบอกว่าฉันมีธุระด่วนต้องกลับไปเคลียร์งาน เข้าใจนะ”“ค่ะนาย” จิ๋วรับคำสีหน้าเธอดูงงๆ แต่สนธยาคงจัดการให้ผมได้ ผมจึงเบาใจได้พอควร ผมโล่งอกที่ทุกอย่างเป็นใจ เพราะจิ๋วเป็นพี่เลี้ยงนารามาตั้งแต่เล็ก นาราสนิทสนมและให้ความไว้วางใจจิ๋วเหมือนญาติสนิทคนหนึ่ง คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก...ผมเฝ้ารอการมาถึงของคีตาอย่างใจเย็น แล้วก็เห็นร่างผอมเพรียวข
“นาราลูก”ผมปรามเพราะคำพูดห้วนๆ ของนาราทำให้เพื่อนผมถึงกับหน้าเสีย แต่ธีทัศน์ก็ยังอารมณ์ดีหยอกกลับ“เอ่อ... ลูกสาวมึงเอ่อ นาย นี่ดูดุเนอะ”“เออ นี่แหละ หมอถึงแนะนำให้ฉันพาลูกมาเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”“ก็ดีนะ”“คุณพ่อขา นาราขอไปเล่นตรงนั้นได้ไหมคะ”ผมมองตามนิ้วป้อมๆ ของนาราที่ชี้ไปยังเครื่องเล่นกระดานลื่นมีลูกบอลใหญ่น้อยหลากสีสันก็พยักหน้าให้ อย่างน้อยก็จะได้มีเวลาถามไถ่เรื่องที่ไหว้วานให้ธีทัศน์หาให้ผมมองนาราเข้าไปในเครื่องเล่นตาข่ายล้อมรอบก็เบาใจ บางทีนาราควรได้ผ่อนคลาย ผมจึงหันมาหาธีทัศน์“แล้วที่ขอให้ช่วยล่ะ”“เออ รอเดี๋ยว” ธีทัศน์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดๆ ครู่หนึ่งจึงบอก “เรียบร้อย กูส่งรายละเอียดให้ละ มึงเลือกเอาได้เลยว่าอยากได้คนไหน จะได้ประสานให้”“ขอบใจ ว่าแต่ที่เลือกมาดี ไว้ใจได้ใช่ไหม” ผมถามธีทัศน์พยักหน้ามั่นใจ “ดีทุกคน ประวัติการสอนดีมาก การศึกษาก็ดี แต่ว่ามีอยู่คนนึงไม่ผ่านมาตรฐานที่มึงกำหนดไว้แต่ว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ เด็กๆ ชอบกันมาก มึงลองดูก็แล้วกัน”ผมเลื่อนหน้าจอดูประวัติครูจากโรงเรียนสอนศิลปะและการดนตรีที่มีรับสอนคอร์สตามบ้านด้วย หลายคนประวัติการเรียนการสอนเป็นเลิศสมก
คีตาเก็บข้าวของออกจากหอพักไปตั้งแต่วันที่เรามีเรื่องกัน ไม่ว่าจะให้สนธยาสืบหายังไงก็ไม่พบแม้เงา เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าความเป็นมาระหว่างผมกับเขามีอะไรที่มากกว่านั้นถ้าวันนั้นไม่ติดที่ต้องพานารากลับบ้าน ผมก็คงตามเขาไปไม่คลาดกันและคีตาคงจะรู้ว่าเขาไม่ใช่หลานแท้ๆ ของผม...ไม่ใช่เลย...เราสองคนไม่มีสายเลือดเดียวกันแม้แต่หยดเดียว...เพราะมัวแต่ตามหาคีตาทำให้ผมละเลยนาราจนกระทั่งมีจดหมายเชิญผู้ปกครองไปพบ ผมจึงได้รู้ว่าเธอมีปัญหาทะเลาะกับเพื่อนร่วมชั้นถึงขั้นลงไม้ลงมือจนเพื่อนเธอถึงกับแขนหักเลือดตกยางออกเปรียบไปเส้นทางชีวิตของคีตากับนาราคล้ายกันมากเพราะพี่เอกกับพี่แก้วต่างก็ถูกพ่อกีดกันความรักด้วยกันทั้งคู่ การตายของพี่แก้วทำให้พ่อเข้มงวดกับความรักของพี่เอกจนทำให้เขาอึดอัดที่ต้องรับภาระต่างๆ ของศิริกรุ๊ปและถูกพ่อบังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไมได้รักพี่เอกรับไม่ได้ สุดท้ายก็ฆ่าตัวตายเพราะความกดดันจึงทิ้งลูกน้อยที่เกิดกับภรรยาชาวต่างชาติที่หนีกลับประเทศไปเพราะพ่อไม่ยอมรับนาราเห็นกับตาจึงได้รับผลกระทบรุนแรงจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ส่วนตัวผมเองเป็นคนที่พ่อผ่อนปรนมากที่สุดเพร