คิระตัดสินใจลงไปขอความช่วยเหลือจากภัทร เพราะอย่างน้อยภัทรในฐานะพี่ชายถึงจะต่างแม่ แต่ก็น่าจะเป็นห่วงภามม์อยู่บ้าง น่าจะพอให้ความช่วยเหลือได้ แต่คิระก็คิดหนักเพราะภามม์ไม่ยอมไปหาหมอและร้านขายยาก็อยู่ค่อนข้างไกลจากคอนโดพอสมควร “ไปหาคุณภัทรแบบนี้จะดีไหมนะ เกิดเขาไม่พอใจจะทำยังไง ฮึ้ย! ช่างเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดล่ะน่า”คิระบ่นพลางเดินวนไปมารออยู่ แต่ลิฟต์ก็ขึ้นช้ากว่าใจที่มันร้อนรน จึงตัดสินใจจะวิ่งลงไปทางบันไดหนีไฟแต่เสียงสัญญาณลิฟต์ดังเสียก่อน คิระจึงชะงักแล้วกลับมาที่ลิฟต์จึงพบว่าเป็นภัทรที่ขึ้นมาพอดี“คุณภัทร!”“จะไปไหนเหรอคิว” ภัทรถามเสียงเรียบๆ เหมือนสีหน้าที่เรียบเฉยเป็นนิจคิระยิ้มออกก่อนจะรีบบอก “คุณภามม์ฮะ! คุณช่วยคุณภามม์ด้วยนะฮะ”“เขาเป็นอะไร” ภัทรถามร้อนรนก่อนจะเดินตามคิระมาติดๆ“เขาผื่นขึ้นเต็มตัวเลยฮะ เร็วๆ เถอะฮะ” คิระตอบพลางแตะคีย์การ์ดห้องด้วยมือสั่นระริก “เอ๊ะ ทำไมประตูเปิดไม่ได้อะ”เด็กหนุ่มร้อนใจไม่พอยังเสียงตื่นๆ ภัทรเห็นดังนั้นจึงหยิบการ์ดจากมือคิระมาเสียบแทนเท่านั้นประตูก็เปิดออก“เมื่อกี้นายแตะผิดด้าน”“อ่อ ผมก็ว่า..” คิระเกาหัวแกรกๆ แก้เก้อ “เร็วเถ
คิระชะงักเพราะถูกนิ้วมือของภามม์แตะที่แก้มแล้วถูอย่างเบามือก่อนจะเอานิ้วที่แตะเข้าปากตัวเอง คิระถึงกับพูดไม่ออก“ทีนี้รู้แล้วยังว่าฉันรู้ได้ไง”“รู้แล้ว... แต่... เฮ้ย! งั้นก็แสดงว่าแป้งเค้กติดหน้าผมตั้งนานแล้วสิ ทำไมคุณไม่บอกผมอะ”คิระโวยวายเพราะอายที่สารพัดจะทำทั้งที่หน้ามอมเป็นแมวขนาดนี้หมอนี่ก็ช่างกระไรซิ ยังมีหน้ามาขำทำหน้าเป็น... ชิ!ภามม์ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่เพราะสีหน้าคิระตอนนี้ดูตลกมากจนทำให้เขาอดหัวเราะไม่ได้ อันที่จริงก็ไม่แปลกหรอกเพียงแต่คิระไม่ค่อยเห็นเท่านั้นเอง“คุณหัวเราะผมทำไมอะ”“นายไปส่องกระจกดูไป”“ยังมีอีกเหรอ!”คราวนี้คิระหน้าถอดสี รีบเดินแกมวิ่งอย่างไวไปที่หน้ากระจกในห้องน้ำแล้วก็ต้องกรีดร้องสนั่น“ทำไมคุณไม่บอกผมอ้ะ!”ภามม์ถึงกับหลุดขำที่คิระโวยวายมาจากห้องน้ำ ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูที่เช็ดหน้าสะอาดหมดจดจนได้“คุณโรคจิตรึไง ถึงชอบแกล้งผมเรื่อย”“ก็ฉันบอกแล้วว่านายน่าสนุก ทำให้ฉันยิ้มได้”“แต่ผมไม่ใช่ของเล่นซะหน่อยจะได้มาสนุก ชิ” คิระบ่นพลางเดินเลี่ยงไปที่ครัวเพราะอายสายตาภามม์ขึ้นมาซะเฉยๆ“ฉันไม่ได้บอกว่านายเป็นของเล่น แต่นายเป็นสวนสนุกของฉันต่างหาก”
ภามม์ก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารพลางจ้องมองคิระที่กำลังง่วนอยู่กับการลำเลียงอาหารที่ทำไว้จนเย็นเข้าอุ่นในเตาไมโครเวฟอย่างใจเย็น เขาไม่เคยคิดว่าการมีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อนในยามที่รู้สึกแย่กับคนที่แคร์จะสร้างพลังใจให้อย่างมหาศาลได้ขนาดนี้ ไม่เคยมีใครทำอาหารให้เขากินอย่างตั้งใจแบบนี้ไม่เคยเลย...ภามม์นั่งมองเพลินจนกระทั่งอาหารถูกลำเลียงมาวางตรงหน้า คิระสวมผ้ากันเปื้อนลายจุดสีฟ้าชมพู ดูน่ารักแปลกตาจนเขามองเพลิน จนคิระกระแอม เขาถึงรู้ตัว“คุณลองชิมราดหน้าฝีมือผมดูนะฮะ ผมทำสุดฝีมือเลย ไม่รู้จะถูกใจคุณรึเปล่า”“ทำไมถึงเป็นราดหน้าล่ะ”“ก็เพราะผมชอบ” คิระตอบหน้าตาย มันอาจจะดูเป็นอาหารหน้าตาบ้านๆ สักหน่อย แต่ความอร่อยไม่เป็นสองรองใครแน่นอนคิระเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง...“อืม... ก็ดูน่ากินดี”ภามม์จ้องจานราดหน้าเส้นใหญ่ที่อุดมไปด้วยเครื่องที่จัดเต็มจนแทบล้นชามแล้วเงยหน้ามองคิระที่ยืนรอข้างๆ จดจ่อรอดูปฏิกิริยาของเขาอยู่ “ทำไมไม่นั่งล่ะ” คิระส่ายหน้าก่อนตอบ “ผมยังไม่หิว” “กินอะไรมาถึงไม่หิว” คิระส่ายหน้าอีก “ผมทำไปชิมไปก็เลยอิ่มอยู่ฮะ” “งั้นฉันกินนะ”
คิระง่วนอยู่กับการทำอาหารพร้อมทั้งอบเค้กช็อกโกแลตไปพร้อมๆ กัน เขาไม่แน่ใจหรอกว่าภามม์ชอบกินอะไรไม่ชอบอะไร ก็เลยเลือกแต่ของโปรดที่ตัวเองชอบ ก็มันง่ายดีนี่นา...เหอะๆคิระไม่วายนึกหน้าภามม์ตอนเห็นอาหารกับขนมเค้ก เขาจะว่ายังไงมั่งนะถ้าได้เห็นมัน นี่เขาทำสุดฝีมือเลยนะ!ไม่นานอาหารก็เสร็จสรรพเรียบร้อยถูกจัดมาวางบนโต๊ะแต่โดยดี คิระถูมือไปมาก่อนจะนำฝามาครอบไว้ระหว่างรอภามม์เดินทางมาไม่เจอกันตั้งสองวัน เขาจะเป็นไงบ้างนะ...เดินไปมาครู่หนึ่งตาก็ดูนาฬิกาข้างฝาผนังไปพลางจึงกลับมานั่งลงบนโซฟา หยิบรีโมตเปิดโทรทัศน์ดูแก้เซ็งไปพลางๆ จนกระทั่งเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อโดนสะกิดเข้าให้“คิระ... คิระ...”อืมมมม...คิระพลิกตะแคงกอดหมอนอิงหลับสบายโดยไม่รู้ตัวว่าภามม์ยืนกอดอกมองอย่างปลงๆ แค่ครู่เดียวเด็กหนุ่มก็สะดุ้งตื่นเมื่อจู่ก็รู้สึกเหมือนตัวลอยแบบแปลกๆ พอลืมตาจึงเห็นว่าภามม์กำลังอุ้มเขาพาดบ่าพาเข้าห้องนอน“เฮ้ย! คุณ! ปล่อยผม!”คิระดิ้นรนแต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะถูกภามม์โยนลงบนที่นอนหน้าตาเฉย“คุณ! เบาได้เบา” คิระว่าพลางหน้างอลุกพรวดขึ้นนั่งแต่ก็ถูกภามม์ผลักหงายหลังผึ่งกลางเตียงอีก “จ
เกือบห้าโมงเย็นแล้ว... คิระก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์วินที่แล่นเข้ามาจอดหน้าสกายพาเลซด้วยความเร่งรีบพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังมากมาย เขามีเวลาไม่มากในการทำอาหารและเค้กให้ภามม์ อันที่จริงจะซื้อหาเค้กสำเร็จจากร้านเบเกอรี่เอาก็ได้ แต่มันไม่เหมือนกัน ไม่รู้ทำไมที่คิระอยากทำให้ภามม์ด้วยใจจริงที่ไม่ใช่ถูกบังคับแค่สงสารละมั้ง...ต้องใช่แน่ๆ คิระคิดอย่างนั้น เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองมีชีวิตชีวาและร่าเริงขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ มาหลายหนจนคิดว่าคงไม่มีเรื่องอะไรเลวร้ายไปกว่าที่เจอมาแล้วล่ะอย่างน้อยตอนนี้ก็ดี...คิระเดินแกมวิ่งไปที่ลิฟต์ แทรกตัวเข้าไปในขณะที่ลิฟต์กำลังจะปิดลงจนชนเข้ากับคนที่ยืนอยู่หน้าแผงปุ่ม เขาค้อมตัวขอโทษครู่หนึ่งจึงถอยไปชิดด้านในแล้วถอนหายใจโล่งอก เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วที่ภามม์จะมา เขาจะทำอาหารทันไหมนะคิระคิดหนักตกอยู่ในภวังค์จนคนที่ยืนอยู่ใกล้ประตูสะกิดนั่นล่ะ เขาจึงเงยหน้ามองแล้วก็ต้องตกใจที่พบว่าเป็นใครคนนั้นที่เคยเจอ “คุณ!” “ว่าไง เด็กน้อย...” ภัทรทักทาย“คุณคนใจดีที่ร้านอาหาร”“ใช่ ผมเอง หนูจำได้ด
ภามม์ตอบสั้นๆ ก่อนจะส่ายหน้าระอาแล้วบอก “เอาล่ะ เสียเวลามากแล้ว คืนนี้ทำกับข้าวให้ด้วยล่ะ ฉันจะมากินด้วย”“เฮ้ย! เดี๋ยวสิคุณ!”คิระยังพูดไม่จบ หน้าจอฝ่ายภามม์ก็ดับไป เด็กหนุ่มขัดใจโยนโทรศัพท์มือถือรุ่นน้องเยินลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่หรากลางที่นอน ลืมตามองเพดานห้องที่มีแซนเดอร์เลียราคาแพงลิบลิ่วแขวนโชว์ตัวอยู่เงียบๆ ในห้องนอนใหญ่ขนาดนี้ที่มีทุกสิ่งอำนวยความสะดวกก็จริงแต่...เฮ้อ! เหงาเป็นบ้า...เตียงนอนหลังใหญ่นี้ที่เจ้าของคงไม่ค่อยได้ใช้งาน อ่างจากุซชีที่สะอาดเสียจนเหมือนไม่มีใครมาใช้ ครัวขนาดย่อมที่มีทุกสิ่งครบครัน แต่ไร้คนใช้งาน ไม่รู้ว่าเครื่องครัวพวกนี้มันจะเหงาเหมือนเขาบ้างไหมนะ...คิระสุดแสนจะไม่เข้าใจภามม์ว่าทำไมถึงทำแบบนี้ แทนที่จะให้เขาทำงานใช้หนี้แต่นี่กลับให้มากินๆ นอนๆ รอเวลาไปเที่ยวสมุยซะนี่คนอะไร บ้าบออะ...คิระไม่เข้าใจเพราะแม้กระทั่งจะลงไปซื้อของที่มินิมาร์ทด้านล่างก็ยังไม่ได้เลย น่าเบื่อชะมัด...วันนี้ภามม์สั่งให้คนเอาอาหารสดมาให้ คิดว่าเขาจะทำไมได้สินะ ไม่มีทางซะหรอก ให้มันรู้ซะบ้างว่าสมญานามคิระกระทะร่อนที่ได้มาไม่ใช่เพราะโชคช่วย หลังจากหายป่วย เขาเคยเป็นผู้ช่