ไม่นานเธอก็ลงมาด้านล่าง มีลูกสาวกำลังนั่งรอทานข้าวอยู่ด้วยริสาโตขึ้นมากแล้วแต่ก็อดที่จะเป็นห่วงลูกไม่ได้อายุป่านนี้เเล้วแต่ไม่มีแฟนสักทีเธอกลัวว่าลูกสาวจะขึ้นคาน อย่างน้อยดูเธอเป็นตัวอย่างบั้นปลายชีวิตเธอยังมีลูกสาว หากริสาทำตัวแบบนี้เธอเกรงว่าลูกจะขึ้นคานแน่นอน
“มากินข้าวกันค่ะแม่”
“หนูสา แม่ถามอะไรหน่อยได้ไหมลูก”
“ได้ค่ะ”
“หนูไม่มีแฟนเลยเหรอ ปีนี้ก็ 29 แล้วนะ แม่ว่า....”
บทสนทนายังไม่ทันจบเธอก็รีบตัดบทผู้เป็นแม่ในทันที เพราะเธอยังไม่อยากที่จะมีใครในตอนนี้เธอเองยังอยากที่จะอยู่กับแม่อยู่ หากชีวิตของแม่เธอยังไม่สบายเธอก็จะไม่มีใครทั้งนั้น
“หนูยังไม่พร้อมค่ะแม่ หนูยังอยากที่จะอยู่กับแม่ก่อน”
“แต่แม่ว่าเราก็อายุเยอะละนะ ลอง ๆ คุยกับคนอื่นบ้างก็ได้ลูก”
“แม่ไม่อยากอยู่กับหนูเหรอคะ...” หญิงสาวเริ่มมีอาการน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเล็กน้อย ทำไมแม่เธอถึงต้องให้เธอรีบหาแฟนขนาดนั้น
“อะ ๆ ไม่ใช่แบบนั้นนะลูก แม่เป็นห่วงหนูมากกว่า อายุเริ่มเยอะขึ้นมันควรที่จะมีคนมาดูแลได้แล้ว ดูแม่สิมีหนูพอแม่อายุเยอะก็มีคนมาดูแลแม่เห็นไหม”
“มันไม่เหมือนกันค่ะแม่ ถึงหนูจะไม่มีใครหนูก็สามารถดูแลตัวเองได้ และหนูก็จะอยู่กับแม่ไปตลอดชีวิตเลย”
หญิงสาวทำท่าทางดุดันเพราะเธอไม่คิดที่จะมีใครในตอนนี้เพราะอยากให้แม่สบายที่สุด และอยากให้ชีวิตเธอพร้อมกว่านี้ก่อน
“ไม่เถียงแล้วลูกคนนี้ มา ๆ กินข้าวจะได้รีบเข้านอน”
ทั้งสองคนใช้เวลาไม่นานก็ทำกิจวัตรประจำวันเสร็จสิ้น
“พรุ่งนี้เริ่มงานใช่ไหมลูก เตรียมเอกสารอะไรหรือยังหึ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ สอนเด็กมหาลัยน่าจะไม่ดื้อเท่าไหร่”
“ตัวดีเลยนะเด็กมหาลัยอะ มันไม่ค่อยฟังเราเท่าไหร่หรอก ก็ระวัง ๆ ตัวด้วยนะลูก”
เธอจำทุกคำพูดของคนเป็นแม่ นี่ก็ใกล้เวลาที่จะต้องนอนแล้วเพราะพรุ่งนี้เช้าเธอมีธุระที่จะต้องไปเคลียร์จากที่ทำงานเก่าแล้วรีบกลับมาให้ทันไปเริ่มงานใหม่ในวันพรุ่งนี้ ส่วนแม่เธอตอนนี้น่าจะหลับไปแล้วเพราะห้องปิดไฟมืดสนิท เธอรู้ว่าตอนนี้เธอควรโฟกัสที่อะไรก่อนเป็นอันดับแรก เธอจึงไม่อยากคิดเรื่องอื่น ๆ ในตอนนี้
“แม่สวัสดีครับ”
เสียงเอ่ยทักทายยามเย็นของลูกชายคนโปรดดังขึ้น
“พึ่งจะถึงบ้าน ลูกชายฉันนี่มันสุดยอดจริง ๆ”
“ธรรมดาครับแม่ แล้วแม่ทานไรยังครับ”
“เรียบร้อยแล้ว เราอะไปหาไรกินได้แล้วมืดดึกดื่นแล้ว”
“แล้วทำไมคุณแม่ไม่ขึ้นไปนอนอีกล่ะค้าบ”
“รอแกอยู่นี่แหละ พรุ่งนี้จะมีครูสอนพิเศษมาสอนแกนะ ห้ามถึงบ้านช้าเลิกเรียนแล้วต้องกลับบ้าน”
“อะไรกันครับคุณแม่ เรียนพิเศษอะไรกันครับ ผมไม่เรียน”
เสียงชายหนุ่มวัยยี่สิบหน่อย ๆ เอ่ยขึ้นก่อนที่จะทำหน้าตาหัวเสีย นี่มันอะไรกันจะให้มาเรียนพิเศษอะไรกันผมโตละครับไม่เรียน
“ต้องเรียน แม่จ้างเขามาแล้ว แล้วพรุ่งนี้เขาก็จะมาสอนแกวันแรก”
เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นอย่างดุดันเพราะเขารู้นิสัยลูกชายคนนี้ดี ครามเป็นเด็กดื้อ เอาแต่ใจ ไม่ค่อยฟังใครเท่าไรนัก การเรียนก็แย่ลงเรื่อย ๆ เลยต้องจ้างครูมาสอนพิเศษที่บ้าน
“คุณแม่ครับ ทำไมคุณแม่ไม่บอกผมก่อนเลย”
ลูกชายหัวเสียชัดเจนเพราะเวลาเลิกเรียนชายหนุ่มจะไม่ค่อยกลับบ้านเท่าไรโน่นไปผับไปบาร์กว่าจะเสด็จกลับบ้านได้ก็ครึ่งคืนโน่น เลยอยากที่จะดัดนิสัยสักหน่อย
“บอกแกแกก็ไม่เอาอีก ฉันรู้ว่าแกเป็นคนอย่างไรคราม ตามนี้นะลูก”
“คุณแม่อะ....เฮ้อ”
ผู้เป็นแม่เอ่ยเสร็จก็รีบลุกขึ้น ขึ้นห้องนอนทันทีเพราะกว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจะกลับก็ปาไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว
ครามก็รีบขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเองทันที ชายหนุ่มวัยยี่สิบสามที่ตอนนี้ก็ยังเรียนไม่จบเพราะติดเล่นติดเที่ยวจนเพื่อน ๆ เขาในรุ่นเดียวกันของพวกเขาจบกันไปแล้วส่วนครามยังต้องเรียนที่นี่อีกหนึ่งปีเพราะผลการเรียนต่ำมากไม่ผ่านเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยที่กำหนดไว้
“แม่ทำอะไรไม่เคยปรึกษากูเลย และนี่ก็ให้ใครไม่รู้มาสอนกู กูจะบ้า”
ชายหนุ่มโทรสายตรงไปยังเพื่อนสนิททันที หลังจากที่ขึ้นมาที่ห้องนอนส่วนตัว
“ (อะไรของมึงไอ้โล แค่เรียนพิเศษแค่นี้ไม่ตายหลอก) “
“แต่กูไม่อยากเรียน ขนาดไปมหาลัยกูยังไม่อยากไปเลยมึงก็รู้”
“ (มึงควรที่จะสนใจเรียนก่อนในเวลานี้เพราะว่ามึงเกรดไม่ถึงที่จะจบ) “
“จะตอกย้ำอะไรกูขนาดนี้ กูรู้อยู่แล้ว”
“ (เอาน่ามึง เรียนแค่วันละสามชั่วโมงเอง มึงเลิกเรียนเสร็จค่อยออกไปเที่ยวก็ได้) “
“เฮ้อกูละเบื่อจริง ๆ รู้งี้ไม่กลับบ้านดีกว่า...”
ครามสบถคำพูดออกมาด้วยความที่ตอนนี้ชายหนุ่มโตมากแล้วไม่ชอบให้ใครมาบังคับจิตใจตัวเองเท่าไรนักและดูแม่เขาทำสิให้มาเรียนพิเศษเหมือนเด็กอนุบาลสามขวบอย่างนี้ เขายี่สิบสามแล้วนะใครจะเรียนก็เรียนเขาไม่เรียนใครจะทำไม
“ฮัลโหลไอ้เลโอ พรุ่งนี้เจอกันที่เดิม”
“ (อะไรของมึงวะเมื่อกี้มึงบอกพรุ่งนี้มีเรียนพิเศษไม่ใช่เหรอ) “
“กูไม่เรียนใครอยากเรียนก็เรียนไป กูไม่เรียน”
“ (กูจะพลอยโดนแม่มึงด่าไปด้วยไหมเนี่ย) “
“ไม่หรอก กูไม่ทำให้มึงเดือดร้อนหรอกไอ้เลโอเจอกันนะที่เดิม”“ (เค ๆ นอนได้แล้วมึงอะ จะตี 1 แล้ว) ““เคฝันดีมึง”ครามนั่งคิดทบทวนก่อนที่จะลุกขึ้นไปอาบน้ำในห้องน้ำ อย่างไรเขาก็ไม่เรียนและใช่ครับผมนัดเพื่อนไว้แล้วด้วยถือเป็นข้ออ้างที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้แม่จ้างมาสอนแม่ก็มานั่งเรียนเองสิครับ ชายหนุ่มคิดในใจก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องน้ำ และล้มตัวลงนอนบนที่นอนขนาดใหญ่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ......เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้องของชายหนุ่ม ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงแล้ว วันนี้เขามีคลาสช่วงสายเลยต้องตื่นเช้ากว่าปกติหน่อย เทอมนี้จำเป็นต้องเข้าเรียนทุกคาบเพราะอยากที่จะจบหมดแล้ว เข้าเรียนพร้อมเพื่อนจบพร้อมเพื่อนไม่เกินจริงครามหยิบผ้าขนหนูพาดบ่าเดินเข้าไปในห้องน้ำภายให้องนอนส่วนตัว เวลาราว ๆ สามสิบนาทีชายหนุ่มก็เดินออกมาพร้อมกับพันผ้าขนหนูสีขาวยาวถึงต้นขาอ่อนเดินออกภายในห้องนอนที่ไม่มีใครอยู่ ชายลูกครึ่งสูงยาวเข่าดี ดีกรีนักกีฬาว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย กล้ามท้องมีลูกคลื่นเป็นมัด ๆ มันช่างน่าสัมผัสจริง ๆชายหนุ่มสวมชุดนักศึกษาเต็มยศ ผูกเนกไท สวมแว่นตาสีใส พร้อมกับฉีดน้ำหอมราคาแพงตามร่างกาย ฟุ้งห้องนอน และเดินออกมาจากห้
ไม่นานเธอก็ลงมาด้านล่าง มีลูกสาวกำลังนั่งรอทานข้าวอยู่ด้วยริสาโตขึ้นมากแล้วแต่ก็อดที่จะเป็นห่วงลูกไม่ได้อายุป่านนี้เเล้วแต่ไม่มีแฟนสักทีเธอกลัวว่าลูกสาวจะขึ้นคาน อย่างน้อยดูเธอเป็นตัวอย่างบั้นปลายชีวิตเธอยังมีลูกสาว หากริสาทำตัวแบบนี้เธอเกรงว่าลูกจะขึ้นคานแน่นอน“มากินข้าวกันค่ะแม่”“หนูสา แม่ถามอะไรหน่อยได้ไหมลูก”“ได้ค่ะ”“หนูไม่มีแฟนเลยเหรอ ปีนี้ก็ 29 แล้วนะ แม่ว่า....”บทสนทนายังไม่ทันจบเธอก็รีบตัดบทผู้เป็นแม่ในทันที เพราะเธอยังไม่อยากที่จะมีใครในตอนนี้เธอเองยังอยากที่จะอยู่กับแม่อยู่ หากชีวิตของแม่เธอยังไม่สบายเธอก็จะไม่มีใครทั้งนั้น“หนูยังไม่พร้อมค่ะแม่ หนูยังอยากที่จะอยู่กับแม่ก่อน”“แต่แม่ว่าเราก็อายุเยอะละนะ ลอง ๆ คุยกับคนอื่นบ้างก็ได้ลูก”“แม่ไม่อยากอยู่กับหนูเหรอคะ...” หญิงสาวเริ่มมีอาการน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเล็กน้อย ทำไมแม่เธอถึงต้องให้เธอรีบหาแฟนขนาดนั้น“อะ ๆ ไม่ใช่แบบนั้นนะลูก แม่เป็นห่วงหนูมากกว่า อายุเริ่มเยอะขึ้นมันควรที่จะมีคนมาดูแลได้แล้ว ดูแม่สิมีหนูพอแม่อายุเยอะก็มีคนมาดูแลแม่เห็นไหม”“มันไม่เหมือนกันค่ะแม่ ถึงหนูจะไม่มีใครหนูก็สามารถดูแลตัวเองได้ และหนูก็จะอยู่ก
แม่ของเธอตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นในเอกสารสาไว้ว่าค่าจ้างต่อเดือนห้าหมื่นบาท นี่มันงานสอนพิเศษจริง ๆ เหรอทำไมเขาให้มากมายขนาดนี้“เขาบอกว่าถ้าสอนดี ลูกเขาผลการเรียนดีขึ้น เขาสามารถให้มากกว่านี้อีกค่ะแม่”“แค่สอนพิเศษเองเหรอลูก เขาไม่ได้ให้ไปทำยังอื่นใช่ไหม แม่ว่ามันมากเกินไปนะ”ผู้เป็นแม่ก็ยังไม่ค่อยเชื่อใจเท่าไรแค่ไปสอนพิเศษวันละไม่กี่ชั่วโมงเองอะไรจะให้เยอะขนาดนี้ เขากลัวเหลือเกินว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับลูกสาวของเขาในอนาคต“ตอนแรกหนูก็ตกใจค่ะ แต่เห็นบ้านเขาคงจะรวยน่าดู หนูว่าเงินเท่านี้เขาคงไม่ได้เครียดอะไร”“แม่คะถ้าหนูอยากจะขออะไรแม่สักอย่างหนึ่งจะได้ไหมคะ”ริสาเริ่มทำหน้าตาจริงจังขึ้น และเปลี่ยนโทนเสียงทันที เพราะเธอเองตั้งใจจะขอให้แม่เธอลาออกจากงานที่ทำอยู่ตรงนี้ เงินในบัญชีตอนนี้ก็พอมีอยู่บ้างหากได้เงินเดือนก้อนแรกมาเธอก็จะแบ่งให้กับแม่ไว้ใช้จ่ายแต่ขอเพียงให้แม่ของเธอหยุดทำงานแล้วไปพักผ่อนที่บ้าน“ขออะไรเหรอลูก”“ถ้าหนูได้เงินเดือนจากงานนี้ก้อนแรก หนูอยากให้แม่ลาออกจากที่นี่ค่ะ”เธออยากที่จะพูดประโยคนี้มานานแล้ว และแล้ววันนี้ก็มาถึงสักที แม่เธออายุมากแล้วต้องมายืนขาแข็งเจ็ดแปดชั
... เวลาเที่ยงตรง...“จะไปแล้วเหรอลูก”“ค่ะแม่ ไปถึงนู่นก็น่าจะเกือบบ่ายโมงพอดี”“เดินทางดี ๆ นะลูกขึ้นแท็กซี่คนเดียวอย่าลืมที่แม่บอกนะ”“รับทราบค่ะ”“จุ๊บ”“หืม ลูกสาวคนนี้นิ จริง ๆ เลย”“หนูไปก่อนนะคะ ถ้าสัมภาษณ์เสร็จเร็วหนูจะรีบไปหาแม่ที่บาร์นะคะ”“จ้ะ ขอให้หนูได้งานนะลูก”“แม่ก็เดินทางไปทำงานดี ๆ นะคะ เดี๋ยวหนูถึงที่แล้วจะโทรหาค่ะ”สองแม่ลูกล่ำลากันแบบนี้เป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะเธอมีแค่แม่เท่านั้นตั้งแต่เกิดจนอายุเกือบสามสิบปี เป็นทั้งแม่ ทั้งพ่อ ทั้งพี่ เพื่อน เธอมีแค่แม่จริง ๆริสารีบเรียกรถแท็กซี่และบอกปลายทางว่าต้องการไปที่ไหน ในระหว่างเดินทางเธอเองก็ภาวนาให้ได้งานนี้จริง ๆ ไม่รู้เพราะอะไรทำไมเธอถึงต้องการที่จะทำงานนี้ แม่เธอเคยบอกไว้ว่าให้เรานึกถึงสิ่งที่เราอยากได้ แล้วเราจะได้มันเองไม่นานรถแท็กซี่ก็มาจอดที่รั้วบ้านขนาดใหญ่โต นี่เขาไม่เรียกว่าบ้าน นี่เขาเรียกว่าวังหรือเปล่า คงรวยมากเลยใช่ไหมเนี่ย“นี่ค่ะลุงไม่ต้องทอนนะคะ” ริสายื่นแบงก์สีแดงให้คุณลุง“โห่นี้มันวังชัด ๆ แล้วดูเราแต่งตัวสิ เอาไงดีล่ะเนี่ย”“หื้ม สู้สิวะอีริสา เป็นไงเป็นกันละงานนี้”หญิงสาวสวมชุดด้วยเสื้อเชิ้ตค
“แม่ทำไม่เราต้องมาทำงานแบบนี้ด้วยคะ”ริสาสาวหน้าสวยที่ตอนนี้ประกอบอาชีพเป็นครูสอนพิเศษเพราะชีวิตเธอกับผู้เป็นแม่นั้นลำบาก แม่เธออายุจะเลขหกแล้วยังต้องทำงานที่บาร์แห่งนี้อยู่“เราจนไงลูก เราเลือกไม่ได้นะ อะไรที่ได้เงินดีเราจำเป็นต้องทำถึงแม้ว่ามันจะเป็นงานที่คนมองไม่ดี”แม่พูดตอบกลับลูกสาววัยเกือบสามสิบปี ถึงแม้ว่าเธอเองจะไม่อยากพาลูกมาลำบากแบบนี้ เพราะงานบาร์ก็รู้ ๆ กันอยู่ สายตาเหล่าชายที่มาเที่ยวก็แทะโลมลูกสาวตัวเองไม่หยุด แต่จะทำไงได้เพราะอาชีพนี้แหละถึงได้ส่งเสียจนริสาจบการศึกษา“เราต้องอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหนนะแม่ หนูอยากให้แม่พักผ่อนได้แล้ว”“แม่ยังไหวอยู่ เราอะกลับไปพักผ่อนได้แล้ว เดี๋ยวแม่ให้ป้าอีกคนไปส่ง”“หนูเป็นห่วงแม่นะคะ เดี๋ยวรอกลับพร้อมกันเลยอีกไม่กี่ชั่วโมงก็เลิกงานแล้ว”“ตามใจเราละกัน เข้าไปงีบในห้องได้นะลูก ทำงานมาเหนื่อย ๆ ยังต้องมานั่งรอแม่ทำงานอีก”หญิงสาวส่งยิ้มให้แม่ก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องพักพนักงาน ตั้งแต่จำความได้ แม่เธอก็ทำงานที่นี่มาโดยตลอดตั้งแต่สาวยังตอนนี้เกือบจะหกสิบแล้วเธอเติบโตมาในบาร์แห่งนี้ จนตอนนี้เธอเองก็จะสามสิบแล้ว ยังไม่สามารถที่จะทำให้ชีวิตแม่