“เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ”
เสียงแหบพร่าเอ่ยถาม ลมหายใจผ่าวร้อนรินรดแก้มที่แดงเรื่อ หญิงสาวกัดริมฝีปากแล้วสบตากับชายหนุ่มตรงหน้าก่อนเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“ไม่..ไม่เปลี่ยนใจค่ะ..อะ..อ๊า..”
เพียงได้ยินคำตอบรับ ลำเอ็นร้อนแข็งขันก็ทิ่มพรวดเข้าไปในร่องรักที่เปียกชุ่ม ความคับแน่นที่ได้รับทำเอาชายหนุ่มขมวดคิ้วหลุดครางเสียงต่ำในลำคอ เขาก้มมองคนตัวเล็กที่ถูกเขาตรึงไว้บนที่นอนหนานุ่มของห้องพักสุดหรูในโรงแรมห้าดาว
“ครั้งแรก?” เขาถาม
หญิงสาวพูดไม่ออก ดวงตากลมสวยมีหยาดน้ำใสๆ เอ่อคลอ คนตัวโตโน้มหน้าลงตวัดลิ้นที่หางตาของหญิงสาวพร้อมกับโยกเอวบดคลึงเพิ่มความเสียวซ่าน
“โทษที ผมไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยน”
ดวงตากลมโตสบตากับดวงตาคมปลาบของเขา ขณะที่เขาถอนลำเอ็นออกจนเกือบสุดแล้วกระแทกกลับเข้ามาใหม่จนร่างกายเธอสั่นไหว ท่อนเอ็นอวบใหญ่กระแทกไปถึงผนังอ่อนนุ่มด้านในสุด มือใหญ่เคล้นคลึงหน้าอกคู่สวย ความเสียวซ่านแทนที่ความเจ็บแปลบที่ได้รับ ร่างอวบอิ่มบิดเร่าด้วยความทรมานและสุขสม
“อึก อึก...บอส..บอสค่ะ...”
“เรียกชื่อผม” เสียงเขาสั่นพร่าแล้วอ้าปากดูดดึงยอดอกสีหวาน ขบเม้มจนหญิงสาวใต้ร่างร้องครวญครางด้วยความเสียวกระสัน
“คุณ..คุณ..อ๊า ...”
“เรียกสิ”
เหมือนจะลงโทษที่คนปากหนักไม่ยอมเรียกชื่อ เอวสอบขยับโยกไม่ปรานีกดขย่มจนคนใต้ร่างแทบจมที่นอน
“แน่นชะมัด” เขาเริ่มสบถหยาบคายหลายคำ คนใต้ร่างนุ่มนวลและร้อนแรงทำเอาเขาแทบคลั่ง “คนสวย ผมจะทำให้คุณจำคืนนี้ไปทั้งชีวิตของคุณ”
กฤติกาหลับตาลงซึมซับความสุขที่เขามอบให้ และแน่นอน เธอรู้ว่าเธอไม่มีวันลืมผู้ชายคนแรกของเธอได้แน่นอน แต่ความเผ็ดร้อนที่เขามอบให้ก็ทำเอาเธอแทบขาดใจตายอยู่แล้ว
“คุณ...ไรอัน...อะ... อ๊า!”
หญิงสาวหลุดเสียงหวีดร้องร่างเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานออกมาจนอาบลำเอ็นแข็งขันที่ไม่ยอมหยุดแม้รู้ว่าอีกฝ่ายไปถึงฝั่ง เขายังเร่งซอยเอวถี่รัวอย่างไม่ผ่อนปรน แรงตอดรัดโอบรัดลำเอ็นทำเอาชายหนุ่มต้องครางออกมา แต่มันยังไม่พอสำหรับผู้ชายที่ชื่อไรอัน โจนส์ เขาช้อนแผ่นหลังเธอขึ้นให้หญิงสาวนั่งหันหน้าเข้าหา จับเอวบางไว้มั่นแล้วยกเอวขึ้นกระแทกตออย่างดุเดือด หน้าอกสั่นไหวขึ้นลงตามกระทุ้ง เขาไม่สนใจว่านี่เป็นครั้งแรกของหญิงสาว ไม่สนใจว่าร่างขาวเนียนจะเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อและบางจุดเป็นรอยช้ำเล็กๆ โดยเฉพาะที่หน้าอก เขาขบกัดอย่างมันเขี้ยวทำเอาหญิงสาวได้แต่ครวญครางลืมอาย เส้นผมยาวสลวยนุ่มมือแผ่สยายเต็มแผ่นหลัง ริมฝีปากอิ่มบวมเจ่อขึ้นเล็กน้อยแต่เผยอปากส่งเสียงครางไม่หยุด
ร่างอรชรเกร็งกระตุกไปอีกครั้ง ความสุขสมที่ชวนให้ตาพร่าทำให้เธอผวากอดเขาแน่น รับรู้เพียงร่างของเขาเองก็กระตุกตามเธอไปเช่นกัน เธอหูอื้อตาลายไปหมดไม่ได้ยินว่าเขาสบถหรือพูดว่าอะไร บางที...เขาอาจไม่ได้ชอบเซ็กส์ครั้งนี้เท่าไหร่นัก
ก็ช่วยไม่ได้นี่น่า เขามันมือเก๋าช่ำชองแต่เธอมันมือใหม่อ่อนหัด ถ้าเขาจะไม่ชอบก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว
ช่วยเป็นของขวัญของฉันได้ไหม
กฤติกา คือชื่อของหญิงสาวร่างเล็กสูง156 เซนติเมตร พ่อของเธอชอบดูดาวเลยตั้งชื่อตามกลุ่มดาวลูกไก่ แต่จะตั้งชื่อเล่นลูกสาวคนเดียวว่าดาวลูกไก่ก็จะยาวไป ไปๆมาๆกลายมาเป็น ‘ดาว’ ได้ไงก็ไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ เธอเหลือเวลาทำงานในบริษัทนี้อีกแค่สองอาทิตย์เท่านั้น เธอยื่นใบลาออกแล้ว หัวหน้าเองก็ได้แต่ถอนหายใจ และขอให้เธอทำงานให้ถึงสิ้นเดือน ซึ่งกฤติกาก็ไม่ปฏิเสธ เธอก็ไม่ได้อยากลาออก แต่เพราะคำสั่งของพ่อ เธอเองก็ผลัดมานานถึงสามปีแล้ว ได้เวลาต้องกลับบ้านนอกแล้ว
เธออยากใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ นั้นเป็นความคิดตั้งแต่อยู่มัธยม ทำให้เธอแอบสมัครเรียนและสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ทั้งที่พ่อแม่และพี่ชายทั้งสามต่างต้องการให้เธอใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด แต่ในเมื่อเธอสอบได้พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ชีวิตที่อยู่ไกลบ้านก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเธอมากนัก หลังเรียนจบเธอก็รีบสมัครงานซึ่งก็นับว่าโชคดีที่เธอได้ทำงานที่บริษัทแห่งนี้ทันทีที่เรียนจบ คราวแรกพ่อให้เวลาเธอแค่สองปี ถ้ามันไม่ดีอย่างที่คิด พวกเขาก็จะมารับเธอกลับบ้าน แต่เธอก็ยื้อไว้จนปีที่สาม ดูเหมือนเธอก็ยังคงเป็นแค่พนักงานเล็กๆ เท่านั้น
คนที่ทำให้เธอกระตือรือร้นอยากมาทำงานทุกวันก็คือบอสสุดหล่อ ‘ไรอัน โจนส์’ เจ้าของความสูง185 เซนติเมต รเรียกได้ว่าเป็นนายแบบได้สบายๆ รวมทั้งหน้าตาหล่อเหลา หากไม่เพราะได้ยินเขาพูดภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำก็คงไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกครึ่ง บิดาเป็นชาวอังกฤษส่วนมารดาเป็นคนไทย ส่วนเธอเป็นพนักงานตำแหน่งเล็กๆ ที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขา แน่นอน เพราะเขามักคบกับคนระดับเดียวกันเสมอ ผู้หญิงที่เขาควงแต่ละคน ถ้าไม่ใช่ดารานางแบบชื่อดังก็เป็นคนในแวดวงไฮโซ เธอเคยเห็นข่าวของเขาบ่อยๆ
อันที่จริง ความรู้สึกของเธอที่มีต่อBossสุดหล่อ อาจเรียกได้ว่าเป็นความชื่นชม หลงใหลคลั่งไคล้ตามประสาสาวโสดก็ว่าได้ และเพราะคืนนั้นความเมาจากเครื่องดื่มสีสวยที่ไม่คิดว่าน้ำหวานๆจะเมาได้ ทำให้เธอกล้าหรือบ้าบิ่นก็ไม่รู้ คืนนั้น เธอดื่มเข้าไปหลายแก้วและหมายมั่นปั้นมือจะต้องมีอะไรกับบอสสุดหล่อก่อนที่เธอจะกลับบ้านเกิด เธอดื่มไปหลายแก้วและรู้สึกมึนขึ้นมานิดๆ แต่กระนั้นสายตาของเธอยังคงอยู่ที่ผู้ชายในชุดสูทสีเข้ม แม้ว่าเวลานี้เนคไทคลายลงจากปกเสื้อเล็กน้อย ในมือของเขาก็ถือแก้วเครื่องดื่มยืนคุยกับหัวหน้าของเธออยู่
คืนนั้นเป็นงานเลี้ยงของบริษัท หลังจากที่ไม่มีงานเลี้ยงให้ลูกน้องได้สังสรรค์มาสองปีเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ของโรงแรมหรูระดับห้าดาวต้อนรับพนักงานทุกแผนกของบริษัท กฤติกาเป็นแค่พนักงานที่แทบไม่มีตัวตน ทำงานมาเกือบสามปีแต่แทบไม่มีใครรู้จักเธอเลย เรื่องนั้นก็ช่างมันเถอะ เพราะแรงบันดาลใจในการตื่นเช้ามาทำงานของเธอก็คือได้เห็นหน้าหล่อเข้มของบอส แม้ว่าจะได้เห็นแค่ไม่กี่นาทีก็ตาม แต่ต่อไปนี้ เธอก็คงจะไม่ได้มองเขาอีกแล้ว
หญิงสาวก้มมองแก้วเครื่องดื่มที่พร่องไปเยอะแล้ว นี่ก็คงเป็น...แก้วสุดท้ายของเธอเหมือนกัน เหมือนกับชีวิตในการทำงานของบริษัทแห่งนี้ เธอรอจนเขายืนคนเดียวแล้วจะเข้าไปทัก
“บอสค่ะ”
“ครับ?”
กฤติกาจำสายตาที่เขาแค่ปรายตามองเธอที่สวมชุดเดรสสีม่วงเปลือกมังคุดกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อย สายตาของเขาทำให้เธอทั้งน้อยใจและโกรธขึ้นมาในเวลาเดียวกัน อาศัยว่าเขายืนอยู่คนเดียวและเสียงเพลงที่ค่อนข้างดัง ทำให้เธอต้องขยับเท้าเข้าไปใกล้ ส่งเสียงพูดออกไป และเขาก็ได้ยินไม่ชัดจึงเป็นฝ่ายโน้มหน้าลงมาใกล้เธอ
“คือ...วันนี้วันเกิดฉันค่ะ”
“อ่อ...”
เขาเพียงรับคำในลำคอ แต่สายตายังจ้องมองเธออยู่ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่เธอเคยได้กลิ่นตอนที่เขาเดินผ่านในที่ทำงานทำให้เธอปั่นป่วนและหัวใจเต้นรัว แต่ถ้าพลาดคืนนี้ไป จะไม่ได้ใกล้ชิดเขาอีกแล้ว
“ฉันอยากได้ของขวัญวันเกิด”
“คุณอยากได้อะไรล่ะ” เขาทำหน้าเหมือนเข้าใจมากขึ้นอีกนิดหนึ่ง
“บอสช่วยเป็นของขวัญวันเกิดให้ฉันได้ไหมคะ”
คราวนี้ดวงตาของเขาหรี่ลงเหมือนจับผิด ช่างเถอะ ถ้าเขาไม่พอใจขนาดจะไล่เธอออกก็ไม่มีผลกับเธอแล้วล่ะ เพราะอย่างไร เธอก็จะไปจากบริษัทนี้อยู่แล้ว เขาเองก็คงไม่เอาเธอไปพูดกับคนอื่นหรอก ที่มั่นใจเพราะเขาไม่รู้จักเธออยู่แล้ว
วินัยตวาดแล้วกระชากกระเป๋าของนิรณาไป หญิงสาวไม่ทันตั้งตัวจึงพลาดให้กระเป๋าหลุดมือ วินัยเทข้าวของออกจากกระเป๋า ของใช้ข้างในหล่นเกลือนพื้นห้อง คนเสี้ยนยารีบคว้ากระเป๋าสตางค์ แต่พอเปิดออกดูพบว่ามีเงินติดกระเป๋าไม่กี่ร้อยบาทก็หยิบเงินออกมาแล้วปากระเป๋าเงินใส่หน้าหลานสาวอย่างแรง“ทำไมมีเงินแค่นี้!” วินัยตวาด “อ้อ! เลี้ยงผู้ชายหมดสินะ! อีนี่! กูบอกแล้ว ถ้าอยากมากก็อ้าขาให้กูเอาไม่ต้องไปให้คนอื่นกินฟรี”“ลุงนัย!” นิรณาลุกขึ้นยืนใช้ตัวเองบังร่างบอบช้ำของป้าอำพร “ได้เงินแล้วก็รีบออกไป ถ้ายังปากดีอยู่ หนูโทรแจ้งตำรวจข้อหาทำร้ายร่างกายแน่”“กล้าเรอะ!” วินัยหัวเราะเหมือนคนเสียสติ แล้วชี้นิ้วไปยังเมียของตนที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงเก่าๆ “น้ำหน้าอย่างพวกมึงจะทำอะไรกูได้” สายตาของวินัยย้ายมาที่ร่างอิ่มเอิบของหลานสาว รู้สึกว่าหลานสาวหน้าตาสวยสดขึ้น ผิวพรรณก็ดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจที่เหมือนว่าจะใหญ่ขึ้นด้วย เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก แล้วยื่นมือไปกระชากแขนของนิรณาอย่างแรง“ว้าย!” นิรณาร้องอย่างตกใจ จู่ๆ ลุงวินัยก็เปลี่ยนเป้าหมายมาทำร้ายเธอ เพราะไม่ทันตั้งตัวจึงเสียหลักถูกเหวี่
นิรณายังคงใช้ชีวิตเช่นที่ผ่านมา เพิ่มเติมคือมีผู้ชายตัวโตมานอนค้างด้วย งานของเธอเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยดูแลเสื้อผ้าของใช้ของเขา ชั้นบนมีสองห้องนอน ข้าวของทั้งสองคนแยกกัน แต่เวลานอน นิรณาไม่ต้องวิดิโอคอลคุยกับเขาเพื่อ(กล่อม)ให้เขาหลับอีกแล้ว แค่เขากอดเธอไว้ก็ทำให้เขาหลับได้อย่างง่ายดายหญิงสาวยังคงทำแซนด์วิชขาย และไลฟ์สดขายสินค้าจากแบรนด์ของไออุ่น-น้องสาวของจิรายุ ‘สนใจรับทักได้ค่ะ’ เป็นประโยคที่คุ้นเคยดียามเธอไลฟ์สดขายสินค้า เธออยากหางานประจำทำแต่ไม่กล้าพูดออกไป เพราะกลัวเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอต้องการให้เขาหาตำแหน่งงานในบริษัท หญิงสาวจึงสมัครงานบริษัทอื่นด้วยตัวเอง การเป็นเด็กจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ทำให้เธอไปสัมภาษณ์งานหลายที่แต่ก็ยังเงียบอยู่ แต่เธอก็ไม่เคยท้อ เหมือนเช่นวันนี้ มีบริษัทติดต่อให้เธอมาสัมภาษณ์งาน และเหมือนทุกครั้ง หลังจบการสัมภาษณ์ด้วยประโยคคุ้นเคย‘ทางเราจะติดต่อกลับไปนะครับ/ค่ะ’เธอก็เดินออกมาจากห้องสัมภาษณ์แล้ว เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เบอร์ที่คุ้นเคยแต่เธอก็กดรับสาย“สวัสดีค่ะ”“หนูนานาหรือเปล่าลูก”“ค่ะ” เธอรับคำอย่างงงๆ“นี่ป้าไก่นะ จำได้ไหมที่อยู่ข้างบ้านเรานะ
นิรณาพูดเบาๆ แล้วอุ้มแมวที่ทำหน้าไม่ค่อยพอใจออกไปนอนในกรงของตัวเอง เดินกลับมาอีกครั้งตั้งใจจะเรียกให้เขาลุกไปนอนพักที่ห้องของตัวเองสักงีบก่อนค่อยกลับบ้านของเขา แต่เธอกลับตัดใจเรียกเขาไม่ลง ท่าทางเหนื่อยล้าทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้ ร่างบอบบางค่อยๆ นั่งลงบนพื้นข้างโซฟาที่คนร่างใหญ่นอนหลับตาอยู่ ริมฝีปากของเขาหยักสวยเผยอขึ้นเล็กน้อย กลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นเหงื่อจางๆ กลายเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของเขาหลายต่อหลายคืนที่เธอมองเขาหลับผ่านจอมือถือ แค่เห็นเขาหลับเธอก็มีความสุข แต่คราวนี้เธอเห็นเขาหลับอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกอยากสัมผัสตัวเขาผุดขึ้นกลางอก เขาอยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ ปลายนิ้วยื่นไปแตะหัวคิ้วของเขาเบาๆ หวังให้รอยยับย่นที่เคร่งเครียดนี้จางลงบ้าง เสียงลมหายใจผ่อนคลายทำให้เธอรู้ว่าเขายังหลับอยู่ ความอยากใกล้ชิดทำให้เธอยื่นริมฝีปากไปกดับริมฝีปากของเขาเบาๆ เธอรู้ว่ามันเบามากแต่ไม่คิดว่าเพียงริมฝีปากแตะกัน ดวงตาที่คิดว่าปิดสนิทอยู่ก็เปิดเปลือกตาขึ้น นิรณาตกใจผงะถอยหลังแต่มือข้างหนึ่งของเขากลับยื่นมาดึงแขนเธอไว้ก่อน เขาออกแรงเพียงนิดเดียว ร่างเล็กก็กลับมาใกล้เขาอีกครั้งและมืออีกข้างประคองท้ายทอยของเธ
“อันที่จริงก็มีปัญหานิดหน่อย” เขาสังเกตสีหน้าอีกฝ่าย “ผมมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ นอนหลับไม่สนิทอะไรแบบนั้น”“ค่ะ” นิรณาพยักหน้ารับ“แล้ว...ปกติผมฟังไลฟ์สดของน้องนานาตอนนอนเสมอ ฟังแล้วก็ผล็อยหลับไปตลอด...”“คะ?” ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย“คือช่วงนี้น้องนานาไม่ได้ไลฟ์สด ผมก็เลยไม่ได้ฟังเสียงน้องนานา แล้วก็เลย...นอนไม่ค่อยหลับ...”มีเรื่องประหลาดแบบนี้ด้วยเหรอ...นิรณาคิดในใจแต่ก็ยิ้มน้อยๆให้เขา“ก็เพิ่งย้ายบ้านใหม่ แล้วก็ไม่อยากให้คนที่บ้านจับได้ว่านานาอยู่ที่ไหนเลยว่าจะให้อะไรลงตัวก่อนค่อยกลับมาไลฟ์สดขายของค่ะ” “ครับ” เขายิ้มเขิน “นอกจากแม่ละน้องสาวแล้ว ก็มีเลขาคนเก่าคนแก่ที่ทำงานตั้งแต่รุ่นพ่อผมที่เป็นผู้หญิงที่ผมสนิทด้วย ชีวิตที่ผ่านมาผมก็ยุ่งเรื่องเรียนจนจบปริญญาโท มารับช่วงต่อบริษัทของพ่อก็ไม่มีเวลาคบหาใครจริงจัง เวลาอยู่กับผู้หญิงก็ทำตัวไม่ค่อยถูกเหมือนกัน กลัวจะคิดว่าผมเป็นพวกโรคจิต” “ไม่หรอกค่ะ พี่พายุใจดี ถ้าพี่พายุไม่ยื่นมือช่วยเหลือ นานาคงลำบากกว่านี้แน่ๆ”ไม่ใช่แค่ที่ซุกหัวนอนเท่านั้น แต่เขายังให้คนมาช่วยจัดการเรื่องขนย้ายข้าวของ และจ่ายค่าเสียหายที่ลุงวินั
“คะ?” เธอเงยหน้าสบตากับผู้ชายตรงหน้า น้ำเสียงจริงจังของเขาทำให้เธอรู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น“คือผมมีทาวน์โฮมอยู่หลังหนึ่ง เพิ่งรีโนเวทเสร็จอาจจะยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่แต่สามารถเข้าอยู่ได้ทันที คุณนานาพาน้องกะทิไปอยู่ที่นั้นได้ครับ ผมไม่คิดค่าเช่า เอาแค่ค่าน้ำกับค่าไฟฟ้าก็พอ”‘ถ้าจะไม่คิดเงินเลย เธอคงปฏิเสธแน่ๆ’“เอ่อ...ผมไม่ใช่คนโรคจิตนะครับ” จิรายุรีบร้อนอธิบาย “คุณนานาอยู่ห้องนี้ต่อไปก็ต้องถูกคุณลุงตามมารังควานอีก และสภาพห้องแบบนี้คุณก็นอนไม่ได้อยู่ดี เก็บข้าวของที่จำเป็นไปอยู่กับผม เอ๊ย บ้านที่ผมซื้อไว้ดีกว่าครับ คุณนานาพาน้องกะทิไปดูก่อนก็ได้ ถ้าไม่โอเค.ก็ค่อยหาที่อยู่ใหม่”“ทำไมคุณถึงช่วยฉันละคะ”“เอ่อ...เพราะผม..ผมเป็นFCน้องกะทิครับ”‘ถ้าบอกว่าเป็นFC คุณนานา ต้องคิดว่าเขาเป็นผู้ชายหื่นกามแน่ๆ’“FCน้องกะทิ” นิรณาทำตาโต “คุณ...เป็นใครกันแน่...”จิรายุหยิบนามบัตรของตัวเองส่งให้นิรณา “ผมจิรายุครับ เจ้าของบริษัทธันเดอร์กรุ๊ฟครับ”“จิรายุ...”นิรณาอ้าปากค้าง เธอคิดว่าเขาเป็นไรเดอร์ขับรถรับของให้เธออยู่ตั้งนาน ก็ใครจะไปรู้ว่าเจ้าของบริษัทจะมารับแซนด์วิชด้วยตัวเองแบบนี้!ไม่น่าเชื่อเลยว่
“มาถึงก็เรียกหาแมวเลยนะมึง!” เสียงชายวัยกลางคนพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด“ลุงเข้ามาห้องหนูได้ยังไง”“กูเข้าได้ก็แล้วกัน” เพราะงัดแงะจนเป็นนิสัย ซ้ำยังเคยติดคุกข้อหาลักทรัพย์มาก่อน เรื่องแค่นี้ไม่คณามือคนอย่าง ‘วินัย’สามีของ ‘ป้าอำพร’ ตัวต้นเหตุหลักที่ทำให้นีรณาพยายามหาทางออกจากบ้านมาใช้ชีวิตคนเดียวอย่างนี้ “แต่ลุงนัยจะมางัดห้องหนูแบบนี้ไม่ได้นะ” เธอกลัวแต่พยายามฝืนข่มกลั้นไม่แสดงให้อีกฝ่ายรู้ “นึกว่ากูอยากมานักหรือไง” วินัยหันมาตะคอกใส่ “ถ้ามึงส่งเงินให้ป้ามึง กูก็ไม่ต้องลำบากมาถึงที่นี่หรอก” “หนูก็โอนให้ทุกเดือน จะเอาอะไรอีก” นิรณากวาดตามองหาเจ้าแมวกะทิ “ให้แค่สี่ห้าพันมันจะไปพออะไร มึงมันเนรคุณ ป้าเลี้ยงมึงมาแต่พอมึงปีกกล้าขาแข็งก็ทอดทิ้ง ไม่ไปดูดำดูดี อ้อ!หรือว่าติดผู้ชายมีผัวแล้วสิ คงหาเลี้ยงผัวจนไม่มีเงินให้ป้ามึงแล้วสินะ” “พูดอะไรให้มันระวังปากหน่อยนะลุง” นิรณาเหลืออด “หนูโอนเงินให้ใช้ก็ดีแค่ไหนแล้ว เลี้ยงดูอะไรกัน ให้หนูอยู่เป็นขี้ข้า ใช้งานอย่างกับคนรับใช้ ใครจะไปทนอยู่” “เดี๋ยวนี้มึงกล้าขึ้นเสียงใส่กูเรอ
พนักงานต่างแปลกใจที่ท่านประธานใจดีแจกแซนด์วิชพนักงานติดต่อกันหลายวัน บางวันก็แจกสบู่สมุนไพร บางวันก็เป็นยาสีฟัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแซนด์วิช ซึ่งก็อร่อยถูกปากพนักงานจึงไม่มีใครกล้าวิจารณ์พูดอะไร ที่สำคัญคือฟรีทุกคนจึงเต็มใจรับ “บอสค่ะ จะให้สั่งแซนด์วิชของคุณนานาอีกไหมคะ” เจนขวัญเป็นเลขาหน้าห้องเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มนิด เธออายุมากกว่าเจ้านาย เป็นเลขาหน้าห้องตั้งแต่รุ่นพ่อของท่านประธานคนปัจจุบัน ตอนนี้ก็ยังรับตำแหน่งเดิมอยู่เพิ่มเติมคือเงินเดือนที่มากขึ้นและอายุที่มากขึ้นเช่นกัน “ถ้าผมสั่งอีกพนักงานจะบ่นอะไรไหมครับ” จิรายุพูดไปตามที่คิด สำหรับเขา เจนขวัญเป็นมากกว่าเลขา เป็นเหมือนที่ปรึกษาของเขาด้วย “ของฟรีไม่มีคนบ่นหรอกค่ะ” เจนขวัญหัวเราะเบาๆ “แต่บอสจะจีบแม่ค้าขายแซนด์วิชแบบนี้เหรอคะ” “เอ่อ...ดูชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอครับ” คราวนี้จิรายุยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เขิน เขาเป็นพวกบ้างาน หากเป็นเรื่องงานเขาตัดสินใจได้รวดเร็ว แต่เป็นเรื่องผู้หญิง เขาเกรงจะทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจ กลายเป็นดูเป็นกังวลไปเสียหมด “ค่ะ” เลขาพยักหน้ารับ เพราะเธ
แม่ส่ายหน้าไปมาแล้วเดินไปหาลูกชายที่ไม่ค่อยกลับบ้านนัก เดือนสองเดือนจะแวะมาบ้านสักหน แม้ว่าปกติจะคุยโทรศัพท์กันบ่อย แต่ก็ไม่เหมือนกับได้เจอกันจริงๆ ทว่าทั้งสามก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงกรนเบาๆ คนที่บ่นนอนไม่หลับเวลานนี้หลับสนิทอยู่บนโซฟาตัวยาวใหญ่ โดยมีโทรศัพท์มือถือที่ยังเปิดเสียงไลฟ์สดของแม่ค้าอยู่“ไหนบอกว่านอนไม่หลับ นั้นเสียงกรนไม่ใช่เรอะ”“ลูกคงเหนื่อยนะพ่อ ให้ลูกนอนไปก่อนเถอะ เดี๋ยวตื่นแล้วก็ขึ้นไปนอนที่ห้องเองนั้นแหละ” แม่พูดแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “ยัยอุ่นบอกแม่บ้านเอาผ้าห่มแพรมาให้ทีสิ หลับแบบนี้ไม่รู้จะตื่นตอนไหน เอาผ้าห่มให้พี่เราหน่อย”“ค่ะแม่” ไออุ่นรับคำสั่งจากแม่ พ่อที่ดูปากร้ายแต่ก็เป็นห่วงลูกชายอยู่ไม่น้อยจึงไม่คิดปลุกลูกชายให้มาคุยกัน พ่อกับแม่เดินกลับไปพักที่ห้องของตนเองไออุ่นมองดูพี่ชายที่หลับสบายจนไม่อยากปลุก เธอเรียกแม่บ้านให้ไปเอาผ้าห่มแพรมาให้พี่ชายที่ไม่รู้จะตื่นตอนไหน เมื่อได้ของที่สั่งแล้วเธอก็ค่อยๆ ห่มผ้าให้พี่ชาย มือเรียวเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เสียงไลฟ์สดขายสินค้ายังดังอยู่ เสียงหวานใสส่งเสียงด้วยประโยคที่คุ้นเคย‘สนใจรับทักได้ค่ะ’คนเ
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงงในคำพูดของเขา แต่ดวงตาเป็นประกายที่ก้มมองทำให้เธอร้อนผ่าวทั่วใบหน้า “ขอบคุณที่ให้เราเป็นคนแรกของเธอ” จันทร์เจ้าทำหน้าไม่ถูก ได้แต่แสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่ได้ยิน “เราอ่อนด้อยประสบการณ์จนนายก็ดูออกเหรอ” “ไม่ใช่อย่างนั้น” เขาหัวเราะเบาๆ พลิกตัวนอนตะแคงเพื่อจะได้เห็นใบหน้าของเธอชัดๆ “เราชอบเธอ” “ชอบเรา?” “อื้ม ชอบตั้งแต่ตอนเรียนม.ปลายแล้ว” เขายิ้มกริ่ม “อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้บอกรัก” “ล้อเล่นน่า” “จริงๆ” เขาถอนหายใจ ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวผมเส้นผมยาวสลวยของเธอเล่น “เธอเป็นรักแรกของเรา แต่ยังไม่ทันได้บอกรัก เธอก็ลาออกไปก่อน ไม่คิดว่าคืนนี้จะได้พบกันแบบนี้” ‘และก็จบลงบนเตียง’ จันทร์เจ้าไม่ได้พูดในสิ่งที่อยากพูด เธอไม่แน่ใจว่าเขาต้องการอะไร หรือแค่ติดค้างความรู้สึกในวันวานที่อยากทำให้มันเป็นจริงและจบลงไป เพื่อที่จะได้ไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน “จันทร์เจ้า” “หือ?” “เราจีบเธอนะ” “หา”