เจ้าเหม่ยอิงอดีตคุณหนูคหบดีใหญ่ที่ครอบครัวถูกเนรเทศเหลือเพียงนางที่ถูกขายให้กับหอคณิกา แต่โชคร้ายหรือดีก็ไม่รู้ได้ หอคณิกาแห่งนั้นเจ้าของคือคุณชายหยางตงเหวินที่เคยเป็นอดีตคู่หมั้นที่ถูกเหม่ยอิงปฏิเสธการแต่งงานเพราะครอบครัวของเขาตกอับ บิดาที่เป็นแม่ทัพพ่ายศึกจึงถูกริบทรัพย์สินและจวนทั้งหมดให้เป็นของทางการ ส่วนบริวารคนรับใช้ถูกขายออกไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงมารดาของเขาและตัวเขาเองที่ถูกยกเว้นโทษ แต่ก็มิเหลืออะไรเลย บิดาก็ตายในสนามรบ เมื่อมารดาบากหน้าไปทวงถามเรื่องการหมั้นหมายกับสหายของบิดาที่เป็นคหบดี แต่เขากลับได้ยินกับหูว่าบุตรสาวของคหบดีที่เป็นคู่หมั้นของเขามาตั้งแต่เด็กปฏิเสธการแต่งงานเพราะครอบครัวของเขาตกยาก ไร้สิ้นทรัพย์สมบัติและอำนาจใดๆ นางมิอาจแต่งงานกับชายที่มิมีอนาคตเช่นเขาได้ เมื่อได้ยินคำพูดนี้กับหูตนเอง เขาจึงได้รีบพามารดาเดินออกมาจากจวนคหบดีกู้เผยอี้ที่เป็นอดีตสหายของบิดา หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปีคุณชายหยางตงเหวินก็กอบกู้ฐานะของตนขึ้นมาได้ด้วยการค้านอกกฏหมายหลายอย่างเขามีแรงผลักดันจากถ้อยคำของอดีตคู่หมั้นผู้งดงามที่เขาเองก็แอบหลงรักนางและแอบเฝ้ามองนางข้างเดียวมาหลายปี และก็ถึงเวลาสำหรับการแก้แค้นที่หอมอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรัก
ดูเพิ่มเติม“ นายท่านเจ้าคะ หญิงที่ให้ไปซื้อตัวมาตอนนี้มาถึงเจ้าค่ะ จะให้นางพักที่เรือนแถวด้านหลังร้านเลยหรือไม่เจ้าคะ ” เสียงแม่เล้าที่ดูแลกิจการหอคณิกาแห่งนี้ให้เขาเอ่ยถามขึ้น บุรุษในชุดสีเทารูปร่างงามสูงใหญ่ ท่านทางผึ่งผายองอาจยิ่งนัก เขายืนอยู่ตรงริมหน้าต่างบานกว้างที่มองลงไปเห็นด้านหน้าของหอคณิกาแห่งนี้ชัดเจน เขายืนอยู่ตรงนี้ได้พักใหญ่แล้วเพื่อเฝ้ามองมาอย่างที่เขารอคอยมานานหลายปี
เมื่อเห็นหญิงสาวผู้นั้นถูกมัดมือไว้ทั้งสองเสื้อผ้าที่เคยงดงามยามสวมใส่ในร่างอวบอิ่มของนางนั้นมันขะมุกขะมอมยิ่งนัก แต่ให้นางอยู่ในสภาพโทรมแค่ไหนเขาก็จดจำนางได้ จ้าวเหม่ยอิง หญิงที่เป็นทั้งอดีตหญิงที่เขาเคยหลงรักหัวปักหัวปำกับหญิงที่เขาแค้นเคืองนางจนแทบกระอักคือหญิงผู้เดียวกันนี้ เขายืนเฝ้ามองตั้งแต่นางก้าวลงมาจากรถม้าและลงมายืนหน้าอาคารของหอคณิกาและถูกคนของเขาฉุดลากเข้าไปในอาคารจนลับสายตาของเขา ริมฝีปากหนายกขึ้นน้อย จนกระทั่งได้ยินเสียงของฟางเซียนแม่เล้าที่เขาไว้วางใจให้ดูแลหอคณิกาแห่งนี้ เขาช่วยนางไว้จากซ่องนางโลมแห่งหนึ่งเพราะนางถูกทรมานและกดขี่ แต่เมื่อเขาได้ช่วยซื้อตัวนางมาและให้นางมาดูแลกิจการหอคณิกาเริงสำราญแห่งนี้ของเขา กิจการก็นับวันจะเติบโตยิ่งขึ้น
คุณชายตงหยางเหวินอดีตบุตรชายแม่ทัพใหญ่ที่ครอบครัวล่มสลายไปจนหมดสิ้น บัดนี้เหลือเพียงมารดาที่เขาดูแลให้มีความเป็นอยู่ที่สุขสบายจากเมื่อก่อนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาซื้อจวนใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมและให้มารดาพักอาศัยโดยมีคนดูแลและบ่าวไพร่มากมายที่หาซื้อหามาใหม่ กลายเป็นจวนใหญ่ระดับจวนของคหบดีใหญ่่ของเมืองด้วยซ้ำไป แต่เขานั้นก็ไปๆมาๆมิได้พักอยู่ที่จวนของเขา เพราะต้องไปดูแลกิจการทั้งบ่อนการพนัน การค้าของเถื่อนและดูแลหอคณิกาที่เขาจะมาตรวจบัญชีอาทิตย์ละครั้ง และปล่อยให้ฟางเซียนดูแลให้
แต่บัดนี้เขาคงจะต้องมาที่หอคณิกานี่บ่อยๆขึ้นแล้ว เพราะต้องมาทวงหนี้ของคนที่เขาเฝ้ารอนางมาหลายปีแล้ว บัดนี้นางก็มาอยู่ในกำมือของเขา จะบีบก็ตายจะคลายก็รอดชีวิตของนางที่บัดนี้สิ้นไร้ไม้ตอก มิเหลือใครเลยสักคน นอกจากเขาที่เป็นเจ้าชีวิตของนางเพียงเท่านั้น จ้าวเหม่ยอิง ชื่อนี้สลักอยู่ในใจของเขามาหลายปี มันคือเครื่องปลอบประโลมยามยากลำบากที่เขาต้องดิ้นรนต่อสู้ในทุกรูปแบบ เพื่อจะมีวันนี้ วันที่จะได้แก้แค้นให้สาสม
“ จ้าวเหม่ยอิง นายท่านให้เจ้าไปพักที่เรือนแถวนั่น มันมีห้องว่างอยู่ รีบๆเดินไปเร็วๆ เข้าชักช้าสนิมสร้อยจริงๆเลย เจ้ายังนึกว่าตัวเองเป็นคุณหนูในห้องหออยู่หรือ ” แม่เล้าฟางเซียนเอ่ยขึ้น นางเดินตามหลังอดีตคุณหนูเจ้าเหม่ยอิงที่มีสาวใช้ในหอคณิกาสองคนรุนหลังนางให้รีบเดินไป เมื่อคืนทั้งสี่เดินมาถึงเรือนแถวที่จะให้จ้าวเหม่ยอิงคุณหนูตกอับได้มาพัก สาวใช้คนหนึ่งเดินขึ้นนำหน้าไป แล้วตรงไปที่ห้องพักสุดทางเดินที่อยู่ห้องสุดท้ายของเรือนแถวแห่งนั้น “ เหลือห้องว่างนี่แหละ นี่ก็ดีที่สุดสำหรับทาสอย่างเจ้าแล้ว ” สาวใช้ผู้นั้นเปิดประตูห้องออกกว้าง แล้วผลักร่างอ่อนระโหยของเหม่ยอิงเข้าไปทันที
ฟางเซียนเดินตามเข้าไปแล้วเอ่ยว่า “ วันนี้เจ้ายังมิต้องทำงานใด รอให้นายท่านมีคำสั่งก่อนว่าจะให้เจ้ามาทำงานหน้าที่อะไร ที่หอคณิกาแห่งนี้ ถ้าเจ้าโชคดีก็คงได้เป็นหญิงคณิกา ถ้าไม่ขายเรือนร่างที่งดงามของเจ้านี้ ก็คงต้องขายศิลปะที่เจ้าพอจะมีติดตัวมาบ้าง ขึ้นอยู่กับนายท่านว่าจะให้เจ้าทำงานอะไร วันนี้ก็พักผ่อนในห้องนี้ก่อนก็แล้วกัน ถึงเวลาอาหารจะมีคนนำมาให้ แต่ต่อไปก็คงต้องไปกินเองที่โรงครัวนะ ทาสเช่นเจ้าคงไม่หวังหรอกกระมังว่าจะมีคนรับใช้ ” ฟางเซียนเหยียดยิ้ม " พวกเจ้าเอาของใช้ส่วนตัวของนางมาไว้ในห้องนี้แล้วใช่หรือไม่ น้ำท่าก็นำมาไว้ให้นางแล้วหรือยัง “ สาวใช้หนึ่งในสองคนที่เดินมาด้วยเอ่ยตอบว่า ” ข้าเอาของที่จำเป็นต้องใช้มาวางไว้ให้นางในห้องแล้วเจ้าค่ะ ทั้งอาภรณ์ใหม่ที่นางต้องเปลี่ยนด้วย ชุดนางสกปรกเหลือเกิน “
ฟางเซียนพยักหน้ารับ แล้วหันไปเอ่ยกับเจ้าเหม่ยอิงว่า ” ห้องอาบน้ำอยู่ไม่ไกลเพียงเดินไปเล็กน้อย เจ้าต้องไปอาบน้ำที่นั่น แต่อย่าคิดว่าจะหนีไปจากที่นี่ได้ง่ายๆนะ เพราะกำแพงที่นี่มันสูงไม่มีช่องเล็กช่องน้อยให้เจ้าหนีไปได้ และคนเฝ้ายามที่นี่ก็มีมากมาย นายท่านสั่งให้จับตาดูเจ้าเป็นพิเศษ ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าหนีไปง่าย ๆ หรอกอย่าคิดฝันไปล่ะ " ฟางเซียนเอ่ยขึ้น แล้วก็เดินออกไปจากห้องเล็กแคบแห่งนั้นทันที สาวใช้ทั้งสองคนปิดประตูตามหลัง แล้วเดินตามฟางเซียนไป
เหม่ยอิงที่เมื่อคนทั้งสามเดินจากไปแล้ว นางก็เดินไปหย่อนกายนั่งลงบนเตียงเล็กๆ มันเป็นเตียงไม้ราคาถูกต่อหยาบๆ ในห้องแคบ ๆแห่งนี้ ความกว้างของห้องใหญ่กว่าเตียงไปเล็กน้อย มีโต๊ะตัวเล็กและเก้าอี้หนึ่งตัว มีชั้นไม้เล็กๆคงจะใช้วางพวกเครื่องแต่งกายและของจุกจิก มีหน้าต่างบานเล็กๆที่พอจะเปิดออกไปให้อากาศมันถ่ายเทได้บ้าง นางหันไปมองรอบๆห้องเล็กนี้แล้วก็ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ชะตากรรมที่เผชิญอยู่นี้ มันสิ้นไร้หนทาง มันสูญสิ้นทุกอย่างที่นางเคยมี หันหน้าไปทางไหนก็มิสามารถจะบากหน้าไปพึ่งพึงใครได้เลย สหายที่เคยมีล้วนเบือนหน้าหนีไปจนสิ้นมิมีผู้ใดยินดีต้อนรับหากนางจะบากหน้าไปขอความช่วยเหลือ
ตระกูลจ้าวอดีตตระกูลคหบดีใหญ่ของเมืองเฉินตูแห่งนี้ บัดนี้จบสิ้นแล้ว ไม่เหลืออะไรเลย จวนที่เคยอยู่มาตั้งแต่เล็กๆบัดนี้ถูกปิดตาย มีป้ายประกาศของทางการที่ประกาศยึดทรัพย์สินและห้ามผู้ใดเข้าไปเด็ดขาด บริวารและคนรับใช้เก่าแก่ถูกขายทอดตลาดไปจนหมด บิดามารดาพี่น้องถูกเนรเทศจนสิ้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเหลือนางเพียงผู้เดียวที่อยู่ในเมืองเฉินตูนี้ เพราะเหตุใดก็ไม่รู้ได้ แต่นี่มันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพราะนางถูกขายให้กับหอคณิกาประจำเมืองที่มีชื่อเสียงขึ้นมาในไม่กี่ปีนี้ และนางก็ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นเจ้าของ เคยแต่ได้ยินบิดาพูดถึงเศรษฐีใหม่ผู้นี้ที่ดูลึกลับยิ่งนัก มิค่อยมีผู้ใดเคยได้เห็นใบหน้าของเขาเลย
ขณะครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตของอดีตคุณหนูในห้องหอที่มิเคยลำบากมาก่อน เกิดมาก็มีคนรับใช้คอยทำทุกๆสิ่งให้มิต้องอนาทรร้อนใจใด เงินทองก็มีจับจ่ายใช้สอยไม่อั้น อยากจะได้สิ่งใดก็ได้มาอย่างง่ายดาย ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่สิ้นเนื้อประดาตัว มิเหลือเงินติดตัวแม้แต่อิแปะเดียว ทรัพย์สินที่มีถูกทางการยึดไปจนหมด เครื่องประดับที่นางซื้อหาไว้หรือได้รับมาจากบิดาหรือมารดาเมื่อครั้งอดีตก็ถูกริบไปจนสิ้น นางมิเหลือเครื่องประดับใดๆติดตัวเลย มีเพียงปิ่นไม้เก่าๆของอดีตสาวใช้เก่าแก่ทีี่ยื่นให้นางเมื่อวันที่พวกเขาถูกจับตัวออกไปเพื่อขายเป็นทอดตลาด นางได้แต่มองตามพวกเขาที่ถูกทหารต้อนออกไป น้ำตาของเหม่ยอิงไหลจนไม่มีจะไหลออกมา ครอบครัวก็ถูกทหารจับตัวออกไปก่อนพวกบ่าวไพร่เสียอีก ทุกคนถูกกวาดต้อนออกไปอย่างรวดเร็วยิ่งนัก เหลือเพียงนางผู้เดียวที่ถูกจับแยกตัวออกมา เหม่ยอิงร้องเรียกบิดาและมารดาจนเสียงแหบแห้ง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถกลับมาหานางได้
คืนนั้นทั้งคืนเหม่ยอิงก็ร้องครวญครางใต้ร่างสามี เขาร้อนแรงยิ่งนัก มิได้ปล่อยให้นางได้พักร่างเลย แม้นางจะประท้วงว่านางกำลังตั้งครรภ์ แต่เขาก็ยังเคี่ยวกรำนางทั้งคืน แต่แล้วเหม่ยอิงก็เอาแต่ส่งเสียงร้องครวญครางและเคลิบเคลิ้มไปกับรสรักของสามีที่หลอกล่อจนนางหลงลืืมไปหมดจนได้ ทั้งสองเริงรักกันที่จวนนอกเมืองแห่งนี้จนหลายวันผ่านไป นายท่านถึงจะออกไปตรวจงานนอกจวนสักครั้ง กิจการใดที่เขาไว้วางใจคนดูแลเขาก็มักจะให้ส่งเพียงรายงานและบัญชีมาให้เขาตรวจสอบ เหม่ยอิงก็ช่วยงานสามีบ้างเท่าที่นางจะช่วยได้แต่เขามิอยากให้นางเคร่งเครียดเพราะนางกำลังตั้งครรภ์จึงให้ทำแต่งานเบาๆ ชีวิตของเหม่ยอิงตอนนี้ดียิ่งกว่าอดีตคุณหนูจ้าวเสียอีก นางอยากจะได้สิ่งใดปรารถนาสิ่งใด สามีของนางก็บันดาลให้ทุกอย่างเขาขอเพียงนางคลอดลูกให้เขาหลายๆคนเพียงเท่านั้น นางได้ข่าวคราวของบิดามารดาเพราะสามีให้คนไปสืบมาและได้ทำการช่วยเหลือไปแล้วจนครอบครัวของนางมีจวนขนาดกลางอยู่อาศัยและมีเงินทุนจำนวนมากเพื่อทำกิจการค้าต่อไป ทุกคนสบายดี และฝากความคิดถึงมาให้นางและอวยพรขอให้นางและสามีครองรักกันอย่างมีความสุข หากมีโอกาสขอให้พาหลานๆไปเที่ยวที่แคว้นสู่
ด้านเหม่ยอิงเมื่อรถม้าที่นางโดยสารมาหยุดนิ่งหลังจากที่วิ่งห้อตะบึงมานานนับชั่วยาม มันเกิดอะไรขึ้นกัน แต่นางก็นั่งฟังเสียงด้านนอกที่เงียบอยู่จากนั้นประตูรถม้าก็เปิดผางออก“ นายหญิงขอรับ นายท่านให้มารับกลับจวนขอรับ นายท่านไม่อนุญาติให้นายหญิงเดินทางไปไหนหากไม่มีนายท่านไปด้วย โปรดกลับไปกับข้าเถิดขอรับ ” แล้วชายในชุดดำนั้นก็ได้รอคำตอบ เขาเดินเข้ามาในรถม้าคล้ายจะกดดันนางให้ลุกขึ้น แต่มิได้แตะต้องตัวของนาง เหม่ยอิงจึงได้ลุกขึ้นช้าๆหอห่อผ้าที่มีเงินซุกซ่อนไว้ในนั้นโดยทิ้งของกินเอาไว้เพราะนางหอบหิ้วไปไม่ไหว แล้วยอมเดินออกไปจากรถม้านั้นแต่โดยดีเมื่อเดินลงมาจากรถม้าคันเดิม ก็มีอีกคันหนึ่งจอดรอรับนาง ชายชุดดำผายมือให้นางเดินไปขึ้นรถม้าคันนั้น เหม่ยอิงยอมเดินขึ้นไปอย่างว่าง่ายเพราะนางมิอาจขัดขืนชายชุดดำสามสี่คนที่ยืนขนาบข้างรถม้า และนางคิดว่าคนเหล่านี้คงจะเป็นคนของสามีของนางนั่นเอง เขาหูตาไวมากสมกับที่สร้างเนื้อสร้างตัวจนร่ำรวยเป็นคหบดีใหญ่ด้วยตนเองโดยใช้เวลาไม่กี่ปีเท่านั้น นางจึงยอมขึ้นรถม้าคันใหม่นั้นแต่โดยดี ในรถม้าก็มีห่อของกินและน้ำดื่มเช่นกัน สองคนนี้สมกับเป็นแม่ลูกกันจริงๆ แม้สิ่งของที่จ
หลายวันต่อมามีคนของฮูหยินหยางมาส่งข่าวโดยฝากจดหมายน้อยมาให้เหม่ยอิง นางเปิดออกอ่านแล้วพบว่ารถม้าจะมารอรับนางที่หน้าหอคณิกาในอีกสองวัน แต่วันนั้นจะมาคนช่วยนางเบี่ยงเบนความสนใจของคนดูแลหอคณิกาและยามรักษาการณ์ของที่นี่ให้นาง และมิต้องขนข้าวของสิ่งใดติดตัวไป ฮูหยินหยางจะให้คนเตรียมของจำเป็นใส่ไว้ให้นางในรถม้า และเงินจะมีผู้นำมาให้นางระหว่างเดินทางเองมิต้องเป็นห่วงอะไรเพียงเตรียมตัวเดินทางเพียงเท่านั้นเมื่อรู้เวลาที่แน่นอนที่จะต้องจากสามีของนางแล้ว นางคอยปรนนิบัติเขาและเริงรักกันอย่างเร่าร้อน นางอยากจะดูแลเขาไปจนถึงวันสุดท้าย เขาไปที่ไหนนางมักจะอ้อนขอติดตามเขาไปในทุกที่ แม้เขาไปตรวจงานที่นอกเมือง นางก็จะติดตามไปด้วย เพราะเวลาของนางเหลืออีกไม่มากแล้ว วันที่จะต้องออกเดินทางไปจากแคว้นหนิงโจวมาถึงแล้ว นางขึ้นไปบนหอคณิกาและตรงไปพบชุ่ยหลินที่ห้องแต่งตัวของนางรำและมอบปิ่นเล็กๆที่มีพลอยหลากสีประดับไว้พร้อมกับเครื่องประทินโฉมหนึ่งตลับให้นาง “ นายหญิง ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะที่มอบของมีค่าเช่นนี้ให้กับข้า ตั้งแต่ท่านไม่ได้ทำการแสดงอีกแล้ว ข้าเหงามากเลยเจ้าค่ะ ไม่มีคนคุยด้วยเลย เพราะนางรำผู้อื่นรับงานก
เหม่ยอิงอึ้งงันไปทันที แม้ในใจของนางนั้นรักสามีเหลือเกิน แต่ในเมื่อแม่สามียื่นคำขาดต่อนางว่ามิอาจจะรับนางเป็นลูกสะใภ้มิว่าตำแหน่งใดๆและมิอยากจะให้หลานของนางกำเนิดมาจากสะใภ้เช่นเหม่ยอิง เมื่อแม่สามีพูดถึงขนาดนี้แสดงว่ามิให้อภัยอย่างเด็ดขาด เหม่ยอิงจึงคิดว่าแม้นางจะรักพี่ตงเหวินมาก แต่นางและครอบครัวก็ทำผิดต่อครอบครัวของพี่ตงเหวินไว้มากจนท่านป้าหยางมิอาจจะให้อภัยและยอมรับนางได้ จึงได้เอ่ยว่า“ หากท่านป้าต้องการเช่นนั้นข้าก็พร้อมจะทำตามเพื่อให้ท่านป้ากับพี่ตงเหวินมีความสุขและยอมให้อภัยข้าและท่านพ่อ หากท่านป้าจะให้รถม้าไปส่งข้าวันไหนก็ขอได้โปรดส่งคนไปบอกข้า ข้าจะรีบออกไปจากชีวิตของพี่ตงเหวินทันทีเจ้าค่ะ ” นางตัดสินใจเอ่ยด้วยมองไม่เห็นทางที่นางกับสามีจะครองรักกันได้ สามีของนางเป็นบุรุษที่หล่อเหลา เขาย่อมจะมีหญิงมาพึงใจมากมาย และยิ่งเขามีฐานะร่ำรวยแล้ว หากนางหนีไป เพียงไม่นานเขาคงจะลืมนางได้ ยิ่งมีสตรีที่งดงามน่ารักที่ท่านป้าเต็มใจอยากจะได้เป็นสะใภ้อยู่ใกล้ชิดเขา อีกไม่นานเขาก็คงจะลืมนางไปเอง เส้นทางชีวิตของนางกับพี่ตงเหวินเป็นเส้นขนานที่มิอาจจะมาบรรจบกันได้ แม้จะเพียงผ่านพบกันแค่ช่วงระยะเว
วันต่อมาคุณชายหยางตงเหวินพาอนุเหม่ยอิงไปที่จวนหยางเพื่อยกน้ำชาให้มารดาของเขา เพราะเขาคิดว่าหากจะปิดบังมารดาไปก็คงได้ไม่นานเพราะข่าวของเขาต้องมีคนนำไปบอกมารดาอย่างแน่นอน จึงได้ตัดสินใจพาเหม่ยอิงไปพบมารดาของเขาเสียในวันนี้ เมื่อไปถึงจวนหยางก็พานางเข้าไปหามารดาที่เรือนหลักเมื่อเดินเข้าไปก็พบมารดากำลังนั่งขัดถูเครื่องประดับของนางอยู่ที่โต๊ะกลมกลางห้องนั้น โดยมีหญิงงามผู้หนึ่งที่ดูงดงามน่ารักนั่งอยู่ข้างๆมารดา “ ท่านแม่ขอรับ วันนี้ข้าพาลูกสะใภ้มายกน้ำชาขอรับ ” มารดาของเขาเงยหน้าขึ้นจากกองเครื่องประดับตรงหน้านาง แล้วหันมามองบุตรชายและสตรีที่ยืนอยู่ข้างกายเขาใบหน้าของนางเปลี่ยนสีไปทันทีเมื่อเพ่งพิศมองใบหน้าของเหม่ยอิง “ จ้าวเหม่ยอิง นั่นนางใช่หรือไม่ ตงเหวินเจ้าบ้าไปแล้วหรือไร ถึงได้คิดแต่งหญิงใจดำเช่นนี้มาเป็นภรรยา ข้ามิอาจยอมรับได้หรอกนะ หากเจ้าอยากจะได้นางนัก ก็รับนางเป็นนางบำเรอก็พอแล้ว หญิงเช่นนางที่มาจากบิดามารดาที่ใจดำและไม่มีความจริงใจ หากเรายังมีประโยชน์ให้พวกเขาก็จะมองเราเป็นสหายหากเราตกต่ำพวกเขาก็พร้อมจะสลัดเราทิ้งอย่างไม่ไยดี ไม่ได้มีความจริงใจให้ใคร ที่นางยอมเป็นเมียของเจ้าก็
เมื่อรถม้าแล่นมาจนถึงที่หน้าหอคณิกา คุณชายตงเหวินก้าวลงจากรถม้า แล้วรอรับภรรยาของเขา จากนั้นก็พากันเดินเข้าไปทางด้านข้างของหอคณิกาเพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการ จึงได้พากันเดินเข้าไปทางด้านข้างเพื่อกลับไปยังเรือนเล็ก ขณะนั้นพบมาม่าฟางเซียนยืนรอนายท่านหนุ่มอยู่จึงได้หยุดทักทาย“ นายท่านเจ้าคะ มีแต่คนมาขอพบเพื่อจะขอไถ่ถอนตัวของนายหญิง พวกเขายังไม่ทราบว่านางเป็นภรรยาของนายท่านและมิได้ทำการแสดงอีกแล้ว ” นายท่านฟังมาม่าฟางเซียนพูดจบก็เอ่ยบอกนางว่า “ บอกพวกเขาไปว่านางทำการแสดงแทนนางรำที่ไม่มาทำงาน แต่นางเป็นภรรยาของข้าที่ตอนนี้ไม่ให้นางทำการแสดงอีกแล้ว และข้ากำลังจะแต่งงานกับนางในอีกสองสามวันนี้ ” มาม่าฟางเซียนพยักหน้าอย่างยินดีและยิ้มกว้างให้กับทั้งสอง“ ยินดีกับนายท่านและนายหญิงจริงๆเจ้าค่ะ ข้าดูแลรับใช้นายท่านมาหลายปีแล้ว ต่อไปก็ขอฝากนายหญิงดูแลนายท่านให้ดีด้วยเจ้าคะ ข้ายินดีกับนายท่านจริงๆที่จะได้มีคนดูแลแล้วเช่นนี้ ” มาม่าฟางเซียนยิ้มกว้างอย่างยินดี นางติดหนี้บุญคุณนายท่านที่ช่วยชีวิตนางไว้และทำให้นางได้มีชีวิตที่ดีขึ้น พ้นความทุกข์ทรมานเมื่อครั้งอดีต และได้ช่วยเหลือครอบครัวของนางให
ความคิดเห็น