เป็นทั้งความซวยและความโชคดีในเวลาเดียวกัน นักศึกษาคณะเภสัชถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง ทว่าหนนี้หาใช่การดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อรักษาโรคไม่ หากแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงอวัยวะบางส่วนเพื่อช่วยมวลมนุษยชาติ มือทั้งสองข้างของเขากำลังจะกลายเป็นโรบอท
.
“ผมจะช่วยคนอื่นได้ใช่ไหม?”
เปรมพูดระหว่างที่ครอบแก้วยาสลบยื่นลงมาประกบเข้าที่ปาก ดวงตาค่อย ๆ สะลึมสะลือลง ระหว่างนั้นเตียงก็ถูกเข็นเข้าสู่ห้องเชือด เปรมมองเห็นหน้าหมอไม่เป็นหน้าหมอ มันกลายเป็นหน้าของพ่อแม่แล้วก็คนรักอย่างมิวท์แล้วก็แพรวแทน
.
หลายวันผ่านไป
.
เวลาแห่งการรอคอยของเหล่าคณะแพทย์ก็มาถึง การผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะดำเนินไปได้ด้วยดี ร่างของเปรมถูกเข็นออกมาพร้อมกับแคปซูลทรงวงรีขนาดเท่ามนุษย์ ตัวของเขาถูกจับยัดไว้ในนั้น มีสายยางระโยงระยางเสียบติดตรงนั้นตรงนี้เต็มไปหมด เปรมหลับตาพริ้มราวกับเด็ก ๆ ด้วยความสัตย์จริงว่าเขาดูแข็งแรงขึ้นมาก แม้จะเห็นเพียงใบหน้ากับนัยน์ตาผ่านช่องกระจกเล็ก ๆ บนแคปซูล แต่แค่นั้นก็มากพอแล้วที่จะทำให้พวกคุณหมอตื่นเต้นกระวนกระวาย
.
“จะได้ผลไหมครับหมอ การผ่าตัดฝังเครื่องจักรลงอวัยวะของพวกเรา?”
หมอหนุ่มคนหนึ่งหันไปถามอาจารย์แพทย์เจ้าของโปรเจค
.
“ต้องได้สิ เราไม่ได้ทำทั้งตัวเราดัดแปลงใช้แค่บริเวณฝ่ามือ คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก”
อาจารย์ตอบ
.
“ผมก็ว่างั้นครับ งั้นเรากดปุ่มเปิดแคปซูลกันเลยนะครับ”
.
“อืม..เอาเลย!”
.
แววตาเต็มไปด้วยความหวังเช่นเดียวกับกลุ่มหมอในทีมคนอื่น ๆ พวกเขายืนล้อมกันเป็นวงเต็มห้องผ่าตัด โดยมีแคปซูลของเปรมนอนนิ่งอยู่ตรงกลาง หากการทดลองนี้สำเร็จไวรัสหน้าไหนก็ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว เปรมจะกลายเป็นคนกึ่งเครื่องจักรเขาจะเป็นกองกำลังหลักที่จะออกไปปกป้องทุกคนบนโลกใบนี้
.
“ครืดดดดด!”
.
“ฟู่!!!!!”
.
ประตูแคปซูลสไลด์เปิดลงด้านล่าง ระหว่างนั้นฐานที่ค้ำยันก็ชันตั้งขึ้นด้วยชุดขับดันไฮดรอลิก สายน้ำเกลือสายไฟระโยงระยางทยอยหลุดออกทีละเส้นสองเส้น ควันโขมงโฉงเฉง สอดคล้องกันกับร่างเปลือยไซต์หนาของเปรม ที่ก้าวเท้าออกมาราวกับกัปตันอเมริกาจากหนัง The avenger
.
“สวัสดีครับทุกคน ผมดูเป็นไงบ้าง~?”
.
เสียงหล่อเป็นห่อหมกยังไม่สู้เสียงปรบมือของพวกคุณหมอที่กระโดดโลดเต้นดีใจ การทดลองนี้สำเร็จอย่างสง่างาม พวกเขาสามารถทำให้ร่างทดลองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แค่พริบตาแรกที่ตื่นขึ้นมาเปรมก็มีปฏิกิริยา มีความทรงจำ และมีการตั้งคำถามเพื่อแสวงหาคำตอบ นี่คือคนเหนือมนุษย์เป็นกึ่งคนกึ่งโรบอทที่ทรงประสิทธิผล
.
“เพอร์เฟคมาก ล้ำค่าที่สุด”
หมอเจ้าของโปรเจคพูด ในใจแกคิดไปไกลแสนไกลว่าตั้งแต่ทำงานมาเคสนี้น่าจะเป็นเคสที่ภูมิใจที่สุดแล้วในชีวิต
.
สวมเสื้อผ้าปิดบังความโป๊กันอยู่ครู่ใหญ่ และจังหวะนั้นเองที่ทำให้เปรมรู้สึกประหลาดใจ เขาชำเลืองสายตาไปทางหมอพลันโพล่งคำถามออกไปโดยไม่มีความเกรงใจใด ๆ ทั้งสิ้น
.
“เยี่ยมจริง ๆ เหรอครับหมอ?”
“ใช่เหรอครับ? ทำไมผมถึงรู้สึกขัด ๆ ตรงฝ่ามือจัง”
.
พูดไปพลางพลิกฝ่ามือตัวเองขึ้นมาดูด้วย รอจนกระทั่งกลุ่มควันเริ่มจาง ทัศนียภาพในห้องกลับมาเป็นปกติ
.
“เนี่ยะ!?”
“ไอ้จุกกลม ๆ เท่าฝาโค้กนี่คืออะไรกัน?”
.
เงียบกริบไร้สัญญาณตอบรับจากคณะแพทย์ท่านใด ยกเว้นอาจารย์หมอเจ้าของโปรเจคที่จู่ ๆ ก็พาตัวเปรมออกไปนอกโรงพยาบาล เจตนาของแกคือการพาตัวทดลองออกไปทดสอบสมมติฐานสุดท้าย แล้วก็ต้องการพาเปรมออกไปให้เห็นกับตาตัวเอง ว่าระหว่างที่เขารับการผ่าตัดอยู่นั้น หลายวันที่ไร้ซึ่งเลือดของเขาในการช่วยเหลือผู้คน วิกฤตการณ์ข้างนอกเลวร้ายบรรลัยขนาดไหน
.
ร้างเป็นป่าช้าคือนิยามที่เปรมเห็น ต้นไม้ใบหญ้าแห้งสนิทแม้แต่ลมที่พัดเข้ามาโดนร่างก็ยังแสบซ่านไปทั้งตัว ตึกระฟ้าเต็มไปด้วยรอยร้าวแตกระแหง ซีเมนต์ที่ว่าแกร่งร่วงหลุดเป็นขุยปลิวเป็นเศษขี้กาก Covid-19 กัดกินทุกสรรพสิ่ง มันฆ่าไม่เลือกไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ยิ่งเป็นช่วงที่เปรมถูกนำตัวไปผ่าตัดด้วยแล้ว อานุภาพการทำลายล้างของมันยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
.
“ฟับ!”
เสียงกดสวิทซ์เรียกใช้งานหน้ากากครอบแก้ว และเพียงเสี้ยวอึดใจเดียววัสดุโปร่งใสก็ตวัดออกมาคลุมทั้งศีรษะของคุณหมอเอาไว้
.
“เราจะไปกันแค่สองคนนะคุณเปรม เพราะชุด PPE ของหมอท่านอื่นป้องกันเชื้อไวรัสสุดเข้มข้นจากภายนอกไม่ได้ หวังว่าคุณคงเข้าใจ”
.
“เข้าใจอะไรครับหมอ? นี่หมอคิดจะทำอะไรกันแน่? ให้ผมรู้อะไรบ้างสิ!"
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโมโห เปรมดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
.
ตอกย้ำว่าการทดสอบขั้นที่หนึ่งสัมฤทธิ์ผล หมอใหญ่จัดแจงจดบันทึกว่าร่างทดลองสามารถต้านทานต่อเชื้อไวรัสได้โดยไม่ต้องใส่หน้ากากครอบแก้ว เชื้อไวรัสที่อยู่ในอากาศไม่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจของโรบอทเปรม
.
แล้วแกก็พูดเสริมขึ้นอีกว่า
.
“ดี! ถือว่าคุณพร้อมแล้ว”
“งั้นผมจะพาคุณไปพิสูจน์สมมติฐานสุดท้าย ไปเช็คกันหน่อยว่าจุกบนฝ่ามือคุณใช้งานได้รึเปล่า?”
.
“อ่ะ.. เอิ่ม.. ครับ เชิญนำไปเลย~!”
.
เดินย่ำเท้าฝ่าดงความเสี่ยงกันต่ออีกร่วม 5 นาที หมอผู้ใส่หน้ากากครอบแก้วจาก AP ก็หยุดฝีเท้าลงตรงบริเวณทางเท้าแห่งหนึ่ง ติดกันเป็นถนนคอนกรีตที่ไม่มีรถวิ่ง สองข้างทางมีแต่รถผุ ๆ พัง ๆ เพราะแม้แต่สนิมก็ยังขึ้นไม่ทันความเร็วของไวรัสมรณะ ทว่าครานั้นก็ยังอุตส่าห์มีลุงแก่ ๆ ที่เป็นขอทานคนหนึ่งนั่งพิงถังขยะอยู่
.
แกคือสิ่งหายากในเมืองหลวงแห่งนี้ เพราะผู้คนล้วนต้องซ่อนตัวหลบอยู่แต่ในบ้าน คุณหมอก็เลยกระซิบกับเปรมขึ้นมาเบา ๆ
.
“ขอทานคนนี้ติดเชื้อ Covid-19 ร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาตายแน่ถ้าคุณไม่ช่วย”
.
“บ้า?!”
“แล้วจะให้ผมช่วยยังไง ก็สกัดเลือดผมไปใช้อีกซะสิ”
.
“ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องทำแบบนั้นแล้วคุณเปรม ก็จุกก๊อกบนฝ่ามือคุณนั่นไงเปิดมันออกซะสิผมจะได้บันทึกข้อมูลเก็บไว้ ถ้าการทดสอบสกิลการรักษาหนนี้ผ่านล่ะก็ พรุ่งนี้คุณออกทำงานภาคสนามกับทีมผมได้เลย”
คุณหมอยังคงกระซิบพลางกระเถิบตัวไปยืนด้านหลัง แล้วก็ควักโทรศัพท์ออกมาบันทึกภาพเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเอาไว้
.
เช่นกันกับเปรม เขาสูดลมหายใจที่มีแต่เชื้อไวรัสร้ายเข้าไปจนเต็มปอด ก่อนจะหงายฝ่ามือขึ้นพลางหมุนหมุดเกรียวออกจากรูสกรู โดยที่แววตายังคงจับจ้องเป้าหมายที่เป็นขอทานเอาไว้
.
“พลาดก็แค่ตาย แต่ถ้าเราไม่ทำแกก็ตายอยู่ดี งั้นขอผมลองหน่อยนะลุงอโหสิกรรมให้ผมด้วยนะ”
.
.
“แกร๊กกก!”
“ผมทุบกระป๋องก๊าซได้รึยังพี่แพรว!”หนูน้อยป้องปากตะโกนถาม ภายใต้กระแสลมต้านที่พุ่งอัดเข้ามาอย่างรุนแรง .ณ ตอนนี้หัวเรือกำลังเชิดทำมุมราว 30 องศา มันแล่นแหวกอากาศและโดนน้ำทะเลน้อยมาก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร เพราะทุกครั้งที่แรงพุ่งจากก๊าซด้านหลังเริ่มซาลง ส่วนหน้าที่โบ๊ทรับผิดชอบอยู่ก็จะเป็นที่แรกที่โดน Covid-19 เล่นงานก่อนส่วนอื่น แพรวจึงรีบตะโกนตอบน้องกลับไปในเสี้ยวอึดใจ.“รอจังหวะให้เรือช้ากว่านี้อีกนิดแล้วจัดการเลยโบ๊ท! เราต้องทำงานให้สัมพันธ์กันนะ งั้นจะใช้ประโยชน์จากก๊าซได้ไม่เต็มที่!”“เราอาจจะหนีไปไม่พ้นเมืองหลวงก็ได้ ถ้าก๊าซในสต็อกเราหมดก่อน!”.“ครับพี่.. ผมเข้าใจแล้ว!”.ร่างเล็กของเด็กประถมก้มต่ำลงจนลำตัวแทบจะครูดกับพื้นเรือ โบ๊ทเจตนาจะทำให้ตัวเองสัมผัสโดนลมให้น้อยที่สุด พลันกระเถิบตัวขึ้นหน้ากระดืบ ๆ ไปราวกับตัวหนอน กระทั่งมาถึงจุดที่เป็นมุมสามเหลี่ยมตรงหัวเรือได้สำเร็จ ที่นี่เขาก้มลงไปมองผืนน้ำด้านล่างได้อย่างสบาย อ่านค่าความเร็วจากการกะด้วยสายตา แล้วทันทีที่เห็นว่าเรือเริ่มช้า เขาก็ได้ทุบก๊าซกระป๋องหนึ่งแล้วก็ปามันลงไป.“ตูมมมมม!!!!”.“ฟู่~~~!!!!!!!
“ซ่าาาา~!”เสียงโครงเรือยอร์ชที่ยังต่อไม่เสร็จกระทบผิวน้ำกระซ่านเซ็น พอดีกันกับโดรนอารักขาที่ใช้งานได้โคตรจะคุ้ม มันตัดสายเคเบิลที่ยึดโยงออกไปหมดสิ้น พลันลอยขึ้นไปบนฟ้าเพื่อทำหน้าที่ฉายไฟส่องสว่างลงมา ราวกับสปอร์ตไลท์ตามสนามกีฬากลางแจ้ง.“แชะ! , แชะ!”.ราตรีกาลเข้าครอบครองท้องฟ้า ส่วนท้องธาราก็เป็นไปตามการคำนวณ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจริงเฉกเช่นที่แพรวฟันธงเอาไว้ ต่างคนต่างรีบกระโจนลงเรือ และแม้ตัวบอดี้จะโคลงเคลงหนักมาก แต่ก็นับว่าดีอย่างที่ยังพอจะแบกรับน้ำหนักของทุกคนไหว ในส่วนนี้ต้องยกเครดิตให้กับทักษะของช่างต่อเรือ หรือไม่ก็เศรษฐีเจ้าของทุนทรัพย์ เพราะลำพังก้าวแรกที่ย่ำลงมา แพรวก็เห็นแล้วว่าทุกส่วนของโครงสร้างล้วนทำขึ้นจากวัสดุชั้นเยี่ยมเกรดพรีเมี่ยมทั้งสิ้น .เธอสั่งให้สองเด็กสาวเพื่อนเจนิสเอาเศษไม้แผ่นแบน ที่วางกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปมาทำเป็นที่คัดท้าย มีความโชคดีอย่างที่ของเหล่านี้ไม่ใช่ของหายากอะไรนัก ถ้าอยู่บนเรือที่ยังต่อไม่เสร็จ หลังจากนั้นก็สั่งให้พวกเธอ Stand by รอคัดท้ายตามคำสั่งอีกที ก็เลยเหลือแต่เจนิสกับโบ๊ทที่ยังว่างงานและยังไม่ได้รับมอบหมายให้ทำอะไร.เรือค่อย ๆ แล่นออ
นั่นจึงเท่ากับว่าน้ำในทะเลอาจจะไม่ปลอดภัย บางทีแม่น้ำสาขาทุกสายก็อาจจะปนเปื้อนไปด้วยเชื้อแล้วก็ได้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงโบ๊ทจึงได้ขยับนิ้วมือกับแหวนทั้ง 5 ของเขาอีกที .“ฟิ้ว~!”โดรนอารักขาลำเก่งโฉบปักหัวลงมาจากเบื้องบน ราวกับพญาอินทรีย์พร้อมเข้าประจำที่.มันยื่นท่อนเหล็กสีเงินลักษณะคล้ายก้านปรอทวัดไข้ออกมาจากลำตัวส่วนล่าง ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่กระสุน .35 มม. จำนวนมหาศาลร่วงกราวลงมาเมื่อตอนก่อน ความยาวของอุปกรณ์ชนิดนี้น่าจะราว 2 ไม้บรรทัดเห็นจะได้ และโบ๊ทเรียกมันว่า “โคโรน่ามิเตอร์” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีไว้สำหรับตรวจหาเชื้อโควิดโดยเฉพาะ.เขาสั่งการให้โดรนอารักขาหย่อนมันลงไปในน้ำทะเล แกว่งส่ายวนคนไปมาราว 20 - 30 ทีโดรนก็ยกตัวเองขึ้นจากน้ำ ปรากฏว่าไฟสถานะบนลำโดรนถึงกับแดงโล่! การลิงค์สัญญาณเกิดขึ้นทันที ก่อนจะฉายค่าสถานะและชุดข้อมูลพร้อมกับผลแล็บไปยังกระจกครอบแก้วที่โบ๊ทสวมใส่อยู่ พลันเปลี่ยนใบหน้าบ่องแบ้วของเขาให้กลายเป็นจอแสดงผลไปในบัดดล.“มันก็เหมือนการ “swab”(สว็อป) ตอนเราไปให้หมอแหย่จมูกนั่นแหละครับพี่ ๆ แค่เปลี่ยนจากรูจมูกคนเป็นน้ำทะเล ว่าแต่ผลเป็นไงบ้างครับ? ”โบ๊
ห้าชีวิตกับอีกหนึ่งลำโดรนย่างกรายเข้ามายังโซนลับแลแห่งนี้ด้วยความมุ่งมั่น ย้อนกลับไปไม่ได้คือเหตุผลข้อที่หนึ่ง ส่วนการไปต่อไม่ได้เพราะข้างหน้ามีแต่ทะเลคือเหตุผลข้อที่สอง แพรวก็เลยเดินนำหน้าแบกกระเป๋าเป้อาด ๆ พลางควัก Glock 18 อาวุธประจำกายขึ้นมาประทับเล็งเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรียนตามตรงว่าท่าเรือเป็นแอเรียที่เธอมีข้อมูลน้อยมากเมื่อเทียบกับที่อื่น ที่นี่แทบจะไม่ได้ถูกเขียนรายละเอียดใด ๆ ไว้ในแผนที่เลย ฉะนั้นหน้าที่ของมันจึงจบลงเพียงเท่านี้.“พรึบ!”แพรวพับแผนที่เก็บเข้าไปในกระเป๋า สื่อให้ทุกคนเห็นว่าแต่นี้ต่อไปคือการด้นสดล้วน ๆ พลาดก็คือตายและถ้าไม่อยากตายก็จงอย่าพลาด.“ระวังตัวด้วยทุกคน เราจะเข้าไปในโกดังนั่นดู คิดว่าน่าจะเป็นคลังเก็บสินค้าและบันไดลงสู่ท่าเรือก็น่าจะอยู่ในนั้น”แพรวกระซิบบอก.เช่นกันกับเจนิสกับเพื่อน ๆ ที่ต่างก็ระวังหน้าระวังหลังให้กันเป็นอย่างดี เธอจับมือโบ๊ทเอาไว้แทบจะตลอดเวลา โดยหารู้ไม่ว่าโดรนอารักขาที่ลอยอยู่บนฟ้า นั้นมีขีดความสามารถที่สูงกว่าคนจริง ๆ อย่างพวกเธอสามคนรวมกันซะอีก.“ไม่เป็นไรครับพี่เจนิสไม่ต้องดูแลผมดีนักหรอก ทางที่ดีผมว่าพ
พรรคพวกของโบ๊ทมีกันอยู่หลายคน แล้วก็ดำรงชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากการตามล่าของพวก AP เหมือนกับแคลนอื่น ๆ พวกเขามี LGBT รวมอยู่ในกลุ่มเยอะ ก่อนที่ความผิดพลาดจะมาเกิดขึ้นที่ท้องฟ้าจำลอง เมื่อหน่วยแพทย์ของ AP ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมเกิดย้อนกลับมาเช็คทรัพย์สิน มีการปะทะกันเกิดขึ้น! แคลนของโบ๊ทแตกเป็นเสี่ยงเนื่องจากไปถือวิสาสะยึดเอาแลนด์มาร์คตรงนี้เป็นจุดพักแรม ผู้คนก็เลยถูกกวาดต้อนไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วย .ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมโบ๊ทถึงรอดมาได้นั้น ก็อยู่ที่แหวนทั้ง 5 วงบนนิ้วมือของเขานั่นเอง อุปกรณ์ชิ้นนี้มีไว้ใช้บังคับโดรนมากกว่า 150 ลำ บางลำเป็น Riot โดรนติดอาวุธหนัก บางลำเป็นโดรนอารักขา ส่วนบางลำก็เป็นโดรนข่าวสาร โบ๊ทใช้พวกมันอย่างคล่องแคล่วในการต่อสู้กับพวก AP และขับไล่พวกทรราชเหล่านี้ออกไปจากอาคารท้องฟ้าจำลองได้เป็นผลสำเร็จ ทว่าก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการอยู่คนเดียวในอาคารหลังโตแบบโดดเดี่ยว พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เพื่อนฝูงพี่น้องก็โดนหางเลขไปด้วยหมด.ย้อนกลับไปหลายตอนก่อนหน้านี้ เราจึงได้เห็นโบ๊ทใช้กล้องโทรทัศน์ส่องหาแคลนที่ยังมีผู้รอดชีวิตไปทั่วเมือง จนกระทั่งมาพบกับกลุ่
เสมือนหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่กระเสือกกระสนหาทางรอด ตัวเป็นจักรกลทว่าข้างในคงมีจิตวิญญาณของปลาช่อนที่กำลังจะโดนทุบหัวบรรจุอยู่ Riot โดรนถึงได้แสดงพฤติกรรมเกรี้ยวกราดดังที่เห็น เปลวไฟพ่นออกมารอบทิศราวกับลูกข้างที่รวมร่างกับกระบองไฟ มันพ่นขู่คำรามแล้วก็ได้ผล เมื่อกลุ่มเรดี้ทั้ง 4 นางต่างก็ถอยกรูออกห่างไปทุกที พอเจนิสลองสืบเท้าเข้าไปใกล้มันก็พ่นไฟออกมาใส่อีก.“อ๊ายยย! ไม่ได้เลยพี่แพรวไฟร้อนมากค่ะ!”เธอรีบผินหน้ากลับมาบอก.สวนทางกับแพรวที่มีประสบการณ์มากกว่า หลังจับสัญญาณได้จากไฟสถานะบนตัวโดรนที่มีการกระพริบเปลี่ยนจังหวะไป พลางบอกให้น้อง ๆ ตระเตรียมอาวุธขึ้นมือเอาไว้.“ไม่เป็นไรเจนิส.. ไม่ต้องเข้าไปหรอก.. เราแค่ต้องตามเจ้านี่ไปก็พอ”.“ไปไหนอ่ะพี่?”.“เดี๋ยวก็รู้! เจ้าโดรนนี่ไม่มีทางทำแบบนี้ได้ถ้าไม่มีใครบังคับ.. เชื่อฉัน!”.แล้วก็จริงอย่างที่แพรวสันนิษฐาน ผ่านไปราว 3 นาทีกับอีกนิดหน่อยแก๊สในตัวก็หมดลง จากไฟพุ่ง ๆ ตอนนี้แค่ถ่มถุยออกมายังยากลำบาก ไหนจะท่วงท่าการบินที่กระท่อนกระแท่นเต็มทีนั่นอีก เพดานบินเริ่มลดระดับต่ำลง Riot โดรน เริ่มเบี่ยงเส้นทางบินหนีออกไปอีกฝั่งผ่านการร่อนที่เอียงกระเ