LOGINเป็นทั้งความซวยและความโชคดีในเวลาเดียวกัน นักศึกษาคณะเภสัชถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง ทว่าหนนี้หาใช่การดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อรักษาโรคไม่ หากแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงอวัยวะบางส่วนเพื่อช่วยมวลมนุษยชาติ มือทั้งสองข้างของเขากำลังจะกลายเป็นโรบอท
.
“ผมจะช่วยคนอื่นได้ใช่ไหม?”
เปรมพูดระหว่างที่ครอบแก้วยาสลบยื่นลงมาประกบเข้าที่ปาก ดวงตาค่อย ๆ สะลึมสะลือลง ระหว่างนั้นเตียงก็ถูกเข็นเข้าสู่ห้องเชือด เปรมมองเห็นหน้าหมอไม่เป็นหน้าหมอ มันกลายเป็นหน้าของพ่อแม่แล้วก็คนรักอย่างมิวท์แล้วก็แพรวแทน
.
หลายวันผ่านไป
.
เวลาแห่งการรอคอยของเหล่าคณะแพทย์ก็มาถึง การผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะดำเนินไปได้ด้วยดี ร่างของเปรมถูกเข็นออกมาพร้อมกับแคปซูลทรงวงรีขนาดเท่ามนุษย์ ตัวของเขาถูกจับยัดไว้ในนั้น มีสายยางระโยงระยางเสียบติดตรงนั้นตรงนี้เต็มไปหมด เปรมหลับตาพริ้มราวกับเด็ก ๆ ด้วยความสัตย์จริงว่าเขาดูแข็งแรงขึ้นมาก แม้จะเห็นเพียงใบหน้ากับนัยน์ตาผ่านช่องกระจกเล็ก ๆ บนแคปซูล แต่แค่นั้นก็มากพอแล้วที่จะทำให้พวกคุณหมอตื่นเต้นกระวนกระวาย
.
“จะได้ผลไหมครับหมอ การผ่าตัดฝังเครื่องจักรลงอวัยวะของพวกเรา?”
หมอหนุ่มคนหนึ่งหันไปถามอาจารย์แพทย์เจ้าของโปรเจค
.
“ต้องได้สิ เราไม่ได้ทำทั้งตัวเราดัดแปลงใช้แค่บริเวณฝ่ามือ คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก”
อาจารย์ตอบ
.
“ผมก็ว่างั้นครับ งั้นเรากดปุ่มเปิดแคปซูลกันเลยนะครับ”
.
“อืม..เอาเลย!”
.
แววตาเต็มไปด้วยความหวังเช่นเดียวกับกลุ่มหมอในทีมคนอื่น ๆ พวกเขายืนล้อมกันเป็นวงเต็มห้องผ่าตัด โดยมีแคปซูลของเปรมนอนนิ่งอยู่ตรงกลาง หากการทดลองนี้สำเร็จไวรัสหน้าไหนก็ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว เปรมจะกลายเป็นคนกึ่งเครื่องจักรเขาจะเป็นกองกำลังหลักที่จะออกไปปกป้องทุกคนบนโลกใบนี้
.
“ครืดดดดด!”
.
“ฟู่!!!!!”
.
ประตูแคปซูลสไลด์เปิดลงด้านล่าง ระหว่างนั้นฐานที่ค้ำยันก็ชันตั้งขึ้นด้วยชุดขับดันไฮดรอลิก สายน้ำเกลือสายไฟระโยงระยางทยอยหลุดออกทีละเส้นสองเส้น ควันโขมงโฉงเฉง สอดคล้องกันกับร่างเปลือยไซต์หนาของเปรม ที่ก้าวเท้าออกมาราวกับกัปตันอเมริกาจากหนัง The avenger
.
“สวัสดีครับทุกคน ผมดูเป็นไงบ้าง~?”
.
เสียงหล่อเป็นห่อหมกยังไม่สู้เสียงปรบมือของพวกคุณหมอที่กระโดดโลดเต้นดีใจ การทดลองนี้สำเร็จอย่างสง่างาม พวกเขาสามารถทำให้ร่างทดลองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แค่พริบตาแรกที่ตื่นขึ้นมาเปรมก็มีปฏิกิริยา มีความทรงจำ และมีการตั้งคำถามเพื่อแสวงหาคำตอบ นี่คือคนเหนือมนุษย์เป็นกึ่งคนกึ่งโรบอทที่ทรงประสิทธิผล
.
“เพอร์เฟคมาก ล้ำค่าที่สุด”
หมอเจ้าของโปรเจคพูด ในใจแกคิดไปไกลแสนไกลว่าตั้งแต่ทำงานมาเคสนี้น่าจะเป็นเคสที่ภูมิใจที่สุดแล้วในชีวิต
.
สวมเสื้อผ้าปิดบังความโป๊กันอยู่ครู่ใหญ่ และจังหวะนั้นเองที่ทำให้เปรมรู้สึกประหลาดใจ เขาชำเลืองสายตาไปทางหมอพลันโพล่งคำถามออกไปโดยไม่มีความเกรงใจใด ๆ ทั้งสิ้น
.
“เยี่ยมจริง ๆ เหรอครับหมอ?”
“ใช่เหรอครับ? ทำไมผมถึงรู้สึกขัด ๆ ตรงฝ่ามือจัง”
.
พูดไปพลางพลิกฝ่ามือตัวเองขึ้นมาดูด้วย รอจนกระทั่งกลุ่มควันเริ่มจาง ทัศนียภาพในห้องกลับมาเป็นปกติ
.
“เนี่ยะ!?”
“ไอ้จุกกลม ๆ เท่าฝาโค้กนี่คืออะไรกัน?”
.
เงียบกริบไร้สัญญาณตอบรับจากคณะแพทย์ท่านใด ยกเว้นอาจารย์หมอเจ้าของโปรเจคที่จู่ ๆ ก็พาตัวเปรมออกไปนอกโรงพยาบาล เจตนาของแกคือการพาตัวทดลองออกไปทดสอบสมมติฐานสุดท้าย แล้วก็ต้องการพาเปรมออกไปให้เห็นกับตาตัวเอง ว่าระหว่างที่เขารับการผ่าตัดอยู่นั้น หลายวันที่ไร้ซึ่งเลือดของเขาในการช่วยเหลือผู้คน วิกฤตการณ์ข้างนอกเลวร้ายบรรลัยขนาดไหน
.
ร้างเป็นป่าช้าคือนิยามที่เปรมเห็น ต้นไม้ใบหญ้าแห้งสนิทแม้แต่ลมที่พัดเข้ามาโดนร่างก็ยังแสบซ่านไปทั้งตัว ตึกระฟ้าเต็มไปด้วยรอยร้าวแตกระแหง ซีเมนต์ที่ว่าแกร่งร่วงหลุดเป็นขุยปลิวเป็นเศษขี้กาก Covid-19 กัดกินทุกสรรพสิ่ง มันฆ่าไม่เลือกไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ยิ่งเป็นช่วงที่เปรมถูกนำตัวไปผ่าตัดด้วยแล้ว อานุภาพการทำลายล้างของมันยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
.
“ฟับ!”
เสียงกดสวิทซ์เรียกใช้งานหน้ากากครอบแก้ว และเพียงเสี้ยวอึดใจเดียววัสดุโปร่งใสก็ตวัดออกมาคลุมทั้งศีรษะของคุณหมอเอาไว้
.
“เราจะไปกันแค่สองคนนะคุณเปรม เพราะชุด PPE ของหมอท่านอื่นป้องกันเชื้อไวรัสสุดเข้มข้นจากภายนอกไม่ได้ หวังว่าคุณคงเข้าใจ”
.
“เข้าใจอะไรครับหมอ? นี่หมอคิดจะทำอะไรกันแน่? ให้ผมรู้อะไรบ้างสิ!"
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโมโห เปรมดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
.
ตอกย้ำว่าการทดสอบขั้นที่หนึ่งสัมฤทธิ์ผล หมอใหญ่จัดแจงจดบันทึกว่าร่างทดลองสามารถต้านทานต่อเชื้อไวรัสได้โดยไม่ต้องใส่หน้ากากครอบแก้ว เชื้อไวรัสที่อยู่ในอากาศไม่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจของโรบอทเปรม
.
แล้วแกก็พูดเสริมขึ้นอีกว่า
.
“ดี! ถือว่าคุณพร้อมแล้ว”
“งั้นผมจะพาคุณไปพิสูจน์สมมติฐานสุดท้าย ไปเช็คกันหน่อยว่าจุกบนฝ่ามือคุณใช้งานได้รึเปล่า?”
.
“อ่ะ.. เอิ่ม.. ครับ เชิญนำไปเลย~!”
.
เดินย่ำเท้าฝ่าดงความเสี่ยงกันต่ออีกร่วม 5 นาที หมอผู้ใส่หน้ากากครอบแก้วจาก AP ก็หยุดฝีเท้าลงตรงบริเวณทางเท้าแห่งหนึ่ง ติดกันเป็นถนนคอนกรีตที่ไม่มีรถวิ่ง สองข้างทางมีแต่รถผุ ๆ พัง ๆ เพราะแม้แต่สนิมก็ยังขึ้นไม่ทันความเร็วของไวรัสมรณะ ทว่าครานั้นก็ยังอุตส่าห์มีลุงแก่ ๆ ที่เป็นขอทานคนหนึ่งนั่งพิงถังขยะอยู่
.
แกคือสิ่งหายากในเมืองหลวงแห่งนี้ เพราะผู้คนล้วนต้องซ่อนตัวหลบอยู่แต่ในบ้าน คุณหมอก็เลยกระซิบกับเปรมขึ้นมาเบา ๆ
.
“ขอทานคนนี้ติดเชื้อ Covid-19 ร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาตายแน่ถ้าคุณไม่ช่วย”
.
“บ้า?!”
“แล้วจะให้ผมช่วยยังไง ก็สกัดเลือดผมไปใช้อีกซะสิ”
.
“ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องทำแบบนั้นแล้วคุณเปรม ก็จุกก๊อกบนฝ่ามือคุณนั่นไงเปิดมันออกซะสิผมจะได้บันทึกข้อมูลเก็บไว้ ถ้าการทดสอบสกิลการรักษาหนนี้ผ่านล่ะก็ พรุ่งนี้คุณออกทำงานภาคสนามกับทีมผมได้เลย”
คุณหมอยังคงกระซิบพลางกระเถิบตัวไปยืนด้านหลัง แล้วก็ควักโทรศัพท์ออกมาบันทึกภาพเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเอาไว้
.
เช่นกันกับเปรม เขาสูดลมหายใจที่มีแต่เชื้อไวรัสร้ายเข้าไปจนเต็มปอด ก่อนจะหงายฝ่ามือขึ้นพลางหมุนหมุดเกรียวออกจากรูสกรู โดยที่แววตายังคงจับจ้องเป้าหมายที่เป็นขอทานเอาไว้
.
“พลาดก็แค่ตาย แต่ถ้าเราไม่ทำแกก็ตายอยู่ดี งั้นขอผมลองหน่อยนะลุงอโหสิกรรมให้ผมด้วยนะ”
.
.
“แกร๊กกก!”
มองที่ด้านหลังเห็นปลั๊กไฟเสียบใส่เต้ารับไว้แน่นหนา เอามืออังแถวด้านข้างยังสัมผัสได้ถึงความเย็นที่แทรกซึมออกมาจากตัวตู้ได้เล็กน้อย ไม่ผิดแน่แพรวค่อนข้างมั่นใจ ว่าในตู้ใบนี้จะต้องมีเบียร์แช่ไว้เป็นลัง ๆ เธอพยายามมองภาพหลาย ๆ มุม พยายามคิดแทนคุณพ่ออีพีว่าในชั่วยามแบบนี้ ยังอยากจะแดกแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสโลหิตอยู่อีกเหรอ คิดไปก็ปวดหัวสู้โพร่งถามออกไปตรง ๆ เลยดีกว่า ว่าแล้วสาวผมส้มก็ผละตัวเองออกมาเพื่อเปิดทางให้เฟิงฉินเข้ามาช่วย เธอสะกิดหลังด็อกเตอร์ไปสองสามที."ด็อกเตอร์คะ? , ด็อกเตอร์คะ? , คือ!"."อุ๊ย!".ตกใจสะดุ้งโหยงยังไม่ทันถามได้ศัพท์ดี ทั้งมิวท์และแพรวต่างก็สะบัดตัวหนีออกมาจากระยะ ด้วยความสัตย์จริงว่าเป็นอะไรที่ประหลาดตามาก เพราะทันทีที่เฟิงฉินขูดสติกเกอร์โลโก้ยี่ห้อที่ติดอยู่ตรงกลางออกจนหมด ตัวตู้เย็นที่สูงราว 4 ฟุตครึ่งอันนี้ก็ขยับเขยื้อน มันสะบัดตัวเองราวกับมีชีวิต แถมยังพ่นไอเย็นออกมาจากด้านล่างวูบหนึ่ง."ฟู่~!"."เหอะ.. ฉันอยู่กับไอเย็นมาทั้งชีวิตเถอะ แค่นี้คงไม่ทำให้ต้องกลัว"เฟิงฉินคิดในใจ ตามติดมาด้วยการเอ่ยเสียงถามด็อกเตอร์ว่าจะให้ทำไงต่อ."ตรงนี้เหมือนมีรูให้เสียบอะไ
ปุ่มสวิตซ์ถูกกดไปตั้งแต่อยู่บนรถ ปล่อยเวลาผ่านเลยไปเล็กน้อยบ้านทั้งหลังก็จมหายยุบลงไปใต้ดิน! นี่คือระบบป้องกันตัวเองที่ด็อกเตอร์ออกแบบไว้นานแล้ว เพื่อใช้ป้องกันตัวบ้านไม่ให้โดนไวรัสกัดกร่อน แกมีนวัตกรรมเจ๋ง ๆ แบบนี้หลายอย่างเพียงแต่เป็นพวกเราเองที่ไม่ได้โฟกัสมาที่แกตั้งแต่แรก กลับมัวแต่ตามติดชีวิตของแพรวกับความมะรุมมะตุ้มเละเทะของเนื้อเรื่อง จนหวิดจะออกทะเลอยู่หลายรอบ.ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วเพราะนี่คือศึกสุดท้าย มีแผ่นเหล็กขนาดเท่าบานประตูสองบานวางแผ่หลาอยู่บนสนาม ตรงตำแหน่งที่เคยเป็นตัวบ้านมาก่อน ลักษณะของมันคล้ายกับประตูบานพับที่แข็งแรงแต่กลับวางนอนอยู่บนพื้น ไม่ได้ตั้งขนานกับพื้นโลกอย่างที่ควรจะเป็น แพรวที่อยู่ใกล้กับด็อกเตอร์เลือกที่จะทอดสายตาต่ำลง พลางเพ่งมองไปยังฝ่ามืออันหยาบกร้านของชายสูงอายุ พอดีกันกับมิวท์และเฟิงฉินที่เร่งเดินตามมาติด ๆ."อะไรอ่ะแพรว.. ไม่เห็นจะมี! , อุ๊บ!".โดนจ่อนิ้วเข้ากับริมฝีปาก ยินเสียงจี่จากแพรวทำให้เฟิงฉินกับมิวท์ต้องเงียบลงในทันใด ทุกคนต่างจ้องมองไปยังกระบวนการในการเปิดประตูอันพิลึกพิลั่นนั่น."เงียบก่อนอย่าเพิ่งพูดอะไร ประตูทางลงอุโมงค์มีเซ็นเ
"ซ่าาาาา , ซ่าาาาา , ครืดดด.. ด.. ด.. ด , ครืดดด.. ด.. ด.. ด"ตามปกติถ้าเปิดวิทยุก็จะได้ยินเสียงประมาณนี้.แต่หนนี้กลับเป็นอะไรที่แตกต่างออกไป แพรวถึงกับกระชากตัวเครื่องออกมาจากช่องเสียบหน้าคอนโซลรถ แล้วเอามาแนบหูตัวเองให้ถนัดถนี่ โชคร้ายที่ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย! เพราะเสียงที่ดังกลับมาก็มีแต่เสียงสะท้อนจากปลายกระบอกปืน."ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง! , ปัง!"."อ๊ากกกก! , เอื๊อกกกก! , อ๊ากกกก.. ก.. ก.. , อ๊ากกกก!".ถ้อยสำเนียงผนวกรวมกับเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยอง บ่งบอกถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ทางฟากโน้น หัวหน้าหน่วยทั้งสองและลูกทีมหลักร้อยคงไม่มีใครรอด แม้แต่ลูกทีมของเฟิงฉินที่พูดแต่คำจีนใส่กันก็ไม่มีการวิทยุตอบกลับมาแต่อย่างใด พวกเขาน่าจะตายคาสมรภูมิเยี่ยงทหารดินเผาของจิ๋นซีฮ่องเต้ และตอนนี้ก็คงจะเหลือแต่เฟิงฉินผู้เป็นหัวหน้า กับมิวท์ , แพรว , แล้วก็ด็อกเตอร์ ที่เป็นดั่งความหวังสุดท้าย.แพรวลองจูนสัญญาณคลื่นวิทยุไปอีกหลายย่าน แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิมคือเงียบสนิท! ไม่ม่วี่แววว่าจะมีเสียงใดลอดเข้ามา เว้นก็แต่เสียงร้องคำรามของพวกผู้ติดเชื้อที่ดังไม่หยุดหย่
หนาวตัวสั่นทั้งยังควันออกปาก แทบไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะมาตกอยู่ในสภาพนี้ได้ เปรมมองไปด้านหลังเพื่อเช็คว่านี่คือหน้าตึก AP ไม่ใช่กระท่อมเอสกิโม ทว่าเช็คแล้วเช็คเล่าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าชานเมืองฝั่งโน้นนั้นเกิดอะไรขึ้น เขารู้แต่เพียงว่าคราวก่อนเป็นฝ่ายเขาเองที่เพลี่ยงพล้ำเสียท่า ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากกลศึกของศัตรู ความเย็นเฉียบเงียบขรึมที่เป็นอยู่จึงเปรียบได้กับสาส์นเตือนให้เขารับรู้ว่าต้องละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น."หึ๊ยยย!"กัดกรามกรอดก้มหน้าลงหงุดหงิด.เรียนตามตรงว่ากองทัพผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นตีบวกเป็นล้าน ๆ สู้กับคนจำนวนหลักร้อยนั้นโคตรจะไม่สูสี แต่ครานั้นเปรมก็ไม่อยากพลาดอีกแล้ว เขาเคยเสียหมามาแล้วหนหนึ่งจึงรีบหลับตาลงเร่งทำสมาธิอีกครั้ง ก่อนที่ต่อมาหน้าจอคอนโทรลในจิตใจจะสว่างโพลงขึ้นทีละดวงสองดวง! มันคือตัวแทนของลูกสมุนผู้ติดเชื้อแต่ละตน ซึ่งเปรมสามารถคอนโทรลได้ไกลถึง 30 กม.!."วิ้ง~!"."โคร่งงงงง~!"."โคร่งงงงงงงง~!"."โคร่งงงงงงงงงงงง~!".ตัดภาพไปฝั่งโน้นจะเห็นสัมภเวสีไวรัสจำนวน 10 ตัวที่ถมึงทึงดวงตาขึ้น! ดวงเนตรสีแดงก่ำร้อนฉ่าน่ากลัวสยดสยอง แต่ละตัวเดินง่อนแง่นเยื้อย่างอ
ภาพความยิ่งใหญ่อลังการประหนึ่งพระราชาออกว่าราชการที่หน้าบัลลังก์ มองจากมุมต่ำฝ่าความยั้วเยี้ยสะอิดสะเอียนเข้าไป จะเห็นเปรมยืนผายมืออยู่บนชั้น 3 ตัวเขาใหญ่เท่ากับมดแต่ท่วงท่าการผายมือออกทั้งสองข้างนี่สิ ที่ช่างทรงพลังและน่ายำเกรงยิ่งกว่าสิ่งใด เสียงแซ่ซ้องอื้ออึงจากสัมภเวสีไวรัสนับล้านดังระงม พวกมันต่างพากันหันหน้าขึ้นไปมองในทิศทางเดียวกัน แม้เนื้อตัวจะเบียดแน่นราวกับอัดกันอยู่ในงานคอนเสิร์ตก็ตามที."โคร่งงงงง~!"เปรมก้มหน้าลงไปคำรามใส่ เขาไม่จำเป็นต้องหลับตาอีกต่อไปแล้วเพราะเบื้องล่างคือสมาชิกผู้ติดเชื้อที่คอนโทรลได้ทุกอย่าง.สอดรับกับรูปปากของเจ้าตัวที่เริ่มจะงอกยาวออกมา คมเขี้ยวพับงุ้มหุบเข้าไปด้านหลัง โควิดกำลังโชว์วิวัฒนาการกล้ามเนื้อมุมปาก คิดเอาสิว่าขนาดถนนคอนกรีตทั้งเส้นเชื้อยังย่อยสลายได้ แล้วนับประสาอะไรกับช่องปากของร่างภาชนะอย่างเปรม แค่ขมิบนิดเดียวรูปปากที่เคยแข็งเป็นหิน ตอนนี้ก็พูดในสิ่งที่มันคิดออกมาได้แล้ว."โคร่งงงงง~!"คำรามเที่ยวนี้ข้างล่างนับล้านถึงกับร้องตาม."โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง! , โคร่งงงงง!"."เรียก..! , กู..! , ว่า..! , เปรม..!!
"แหวนเธอเป็นไงบ้างโบ๊ท ยังใช้งานได้อีกไหม!?"เสียงตะโกนจากเจนิสพุ่งแหวกอากาศ ทแยงสวนขึ้นไปบนแนวกำแพงวิลเลจ."ไม่ได้แล้วพี่.. ลำพังใช้ดึงดาวเทียมให้ตกลงมาสู่ชั้นบรรยากาศ นิ้วผมก็แทบจะขาดอยู่แล้ว!"โบ๊ทป้องปากตะโกนตอบลงมา จากนั้นจึงพาดฝ่ามือลงกับสันกำแพง เขามองเห็นลอยห้อเลือดปูดบวมและเส้นเลือดฝอยมากมายที่บ่งบอกได้ถึงอาฟเตอร์เอฟเฟ็คหลังการใช้แหวน.เย็นย่ำอาทิตย์อัสดงใกล้ค่ำ วันนี้ก็เหมือนวันวานเมื่อวานก็เหมือนวันก่อน ที่วิลเลจย่อมต้องถูกโจมตีเป็นเรื่องปกติ จะต่างจากเดิมหน่อยก็แค่หนนี้แทบจะไม่มีใครเหลืออยู่ที่นี่เลย แพรวไม่อยู่หัวหน้าหน่วยทั้งคู่ก็ไม่อยู่ กระทั่งเจนิสต้องลงไปไฟว้กับสัมภเวสีไวรัสข้างล่างด้วยตัวเอง เธอถึงกับต้องเกณฑ์คุณลุงคุณป้ากับทหารรับจ้างคลาสต่ำที่ถูกหัวหน้าหน่วยทิ้งไว้ให้มาเป็นสหายร่วมรบ.เด็ก 9 ขวบอย่างโบ๊ทกลายเป็นคนคุมสถานการณ์จากบนกำแพง แต่ก่อนข้างบนนี้จะมีทหารรับจ้างยืนสลับเวรยามคุ้มกันตลอด 24 ชั่วโมง แต่ปัจจุบันกลับเหลือแค่โบ๊ทเพียงคนเดียว อาญาสิทธิ์เด็ดขาดทั้งหมดจึงตกเป็นของเขา ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้โบ๊ทใช้แหวนเวอร์ชั่น 2 ที่สร้างขึ้นจากเศษเหล็ก ย้ายผีดิบผู้







