LOGINชานระเบียงหน้าบ้านยังคงเปิดรับ แม้จะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวแต่บ้านของพีหลังนี้ก็มีพื้นที่สำหรับรับแขกที่มากในระดับที่น่าพอใจ มันไม่กว้างหรือแคบเกินไปแต่ก็มีข้อดีตรงที่โควิดยังกัดกินเข้ามาไม่ถึงตรงนี้ ฝนที่เริ่มตกหนักบวกกับลมที่พัดรุนแรงถูกหลังคาเสริมเหล็กด้านบนขวางกั้นเอาไว้หมด ด้วยความบริสุทธิ์ใจจากมุมมองภายนอก แพรวเห็นหยดน้ำเป็นสายธารหลากลงมาตามร่องกระเบื้องมุงหลังคา ก่อนจะหยดลงมาเป็นสายตกกระทบชิ่งลงดินเกิดเป็นควันฟดฟู่
.
“ฟู่~~~~!”
.
“อ๊ายยย! ถ้าโดนเข้าไปผิวเราเป็นรอยแน่!”
นักศึกษาสาวคิดในใจ พลันเบี่ยงตัวตะแคงข้างกระโจนขึ้นไปเหยียบบนชานระเบียงที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยที่สุด
.
โดยลืมไปซะสนิทว่าพื้นดังกล่าวเป็นไม้ ลำพังแค่ก้าวขึ้นไปเหยียบเบา ๆ เหมือนตอนแรก ไม้ระแนงที่รับน้ำหนักตัวก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเลือนลั่นแล้ว แต่นี่เล่นกระโดดขึ้นไปแบบโครม ๆ โถมน้ำหนักตัว คิดเหรอว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบเดียวกัน
.
“แอ๊ดดดดดด!!! , เอี๊ยดดดดดดด! , แอ๊ดดดดดดด!!!”
.
“ชิบหายแล้ว!”
ดวงหน้าสะบัดปอยผมเปียก ๆ กระพรือสลวยก่อนจะมองไปในทิศเบื้องขวา ณ ตำแหน่งที่ห่างจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ราว 2 - 3 เมตร แน่นอนว่ามันคือจุดที่พ่อของพีเคยนอนขวางอยู่ล่าสุด เป็นวงกบประตูที่เปรียบเสมือนทางเข้าออกทางเดียวของบ้านไม้หลังนี้
.
และตอนนี้พ่อของพีก็ยังคงนอนขวางอยู่แบบนั้น ต่างกันแค่ดวงตาของแกที่สว่างโพลงขึ้นมา เพราะเสียงฝีเท้าอันก้องดังเมื่อครู่
.
“หืม..ม..ม..เสียงอะไรเอะอะ?”
.
เปลือกตาเผยอขึ้นสะลึมสะลือ ภาพที่เบลอเริ่มชัดเจนขึ้นจนเห็นเป็นเรือนร่างของผู้หญิงที่แสนจะคุ้นเคย ทรวดทรงองเอวเว้าได้รูป หน้าอกนูนเด่นเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล บวกกับฝนที่ทำให้เสื้อผ้าอาภรณ์เปียกชุ่มจนกลายเป็นชุดแนบเนื้อสุดเซ็กซี่ มีหรือที่พ่อจะทนนอนต่อไปไหว แกประกบฝ่ามือสองข้างแนบเข้ากับวงกบ พลางพยุงตัวเองลุงขึ้นนั่งขัดสมาธิ ต่อด้วยการขยี้ตาถี่ยิบเพื่อพิสูจน์ทราบและพิจารณา
.
“เฮ้!”
“เธอไม่ใช่แม่หนู Grab food คนเดิมแล้วนี่?”
“ตอนนั้นผมไม่ได้ยาวแบบนี้.. แล้วใบหน้าก็..”
“แบบ.. บ.. ?”
.
ป้องสายตาจ้องเขม็งเพ่งอีกที พ่อเหมือนจะคลับคล้ายคลับคลากึ่งคาใจ กระทั่งมีฟ้าผ่าฉาดใหญ่แฉลบฟาดลงมาอีกเปรี๊ยง!
.
“โครมมมมมมมม!!!!”
.
“ว๊ายยยยย!!! , กรี๊ดดดดดดดด!!!”
.
ดันกลายเป็นแพรวที่แผดเสียงกรี๊ดออกมาแบบลืมตัว กรี๊ดไม่กรี๊ดเปล่ายังหลับหูหลับตากระโดดพรวด ๆ เข้ามาด้านหน้า โดยไม่ทันคิดว่าตอนนี้มีลุงขี้เมากำลังวางแผนจะปล้ำตัวเองอยู่ ซึ่งพอมารู้ตัวอีกทีก็ไม่ทันซะแล้วหลังทั้งสองเผชิญหน้ากัน!
.
“อะ.. เอิ่ม.. พ่อคะคือ.. หนูขอหลบฝนหน่อยนะคะ”
ประนมมือจรดหน้าผากพยายามก้มตัวให้ต่ำ ปิดบังนวลนมที่เปียกจนเกือบโป๊ แถมยังตีหน้ายิ้มเฝื่อนให้เหมือนกับเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีภาพความเซ็กซี่ใด ๆ
.
ทว่าคนเป็นพ่อนี่สิที่เปลี่ยนท่าทีไปเลย ไม่หรอก! แกไม่ได้หื่นอย่างที่แพรวคิดสักนิด กลับกันเพราะจู่ ๆ บุคลิกแกก็สุภาพขึ้นมาซะเฉย ๆ หลังจากที่ได้จ้องมองใบหน้ากับทรงผมของเธอคนงามอยู่นานสองนาน ก่อนจะอุทานขึ้นว่า
.
“นุช?!”
“นี่นุชนี่? นุชใช่ไหม?”
.
“หืม.. เปล่าค่ะหนูแพรวเพื่อนของพีค่ะพ่อ”
.
“ไม่จริง! เธอคือนุชเมียรักของฉัน กลับมาหาฉันแล้วใช่ไหมที่รัก ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน~!”
.
“ไม่ใช่ค่ะ.. หนูแค่จะมาขอหลบฝนเฉย ๆ ลุงจำคนผิดแล้ววว!”
.
แพรวเริ่มสืบเท้าหนีสุภาพห่าเหวอะไรล่ะ คิดไว้แล้วเชียวว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์คงทำให้ไว้ใจใครไม่ได้ ลุงก็ยังเป็นลุงแกคงยังเมาอยู่สติสตังค์เลยเลอะเลือนจนจำคนนั้นคนนี้สลับกันไปทั่ว มิหนำซ้ำยังเร่งฝีเท้าตาเหลือกตาลานเข้ามาหา
.
“มา ๆ ๆ เข้ามาในบ้านก่อน เดี๋ยวฉันหาน้ำหาท่าให้กินเปลี่ยนชุดเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ในที่สุดเธอก็กลับมาหาฉันจนได้ ฉันไม่โกรธไม่เคืองอะไรเธอแล้วล่ะนุช”
ร่ายยาวเป็นฉาก ๆ พูดเองเออเองแบบไม่แคร์คนฟัง แถมยังเดินไปคว้าแขนแพรวให้เดินเข้ามาในบ้านแบบไม่มีทีท่าว่าจะบังคับขู่เข็ญเหมือนตอนแรกที่ได้พบกันเลย
.
บางทีพ่อของพีอาจจะคิดว่าแพรวเป็นคนอื่นไปแล้ว แพรวได้ยินเต็มสองหูว่าเธอถูกเรียกว่า “นุช” ซึ่งเป็นชื่อของคุณแม่ของพี ที่ทิ้งพีไปตั้งแต่ตอนที่เขายังอายุเพียงแค่ 5 ขวบ
.
“เอ่อ.. อ.. อ.. อ.. ลุงคะ.. คือหนูไม่ใช่?”
.
“ไม่ใช่อะไรเล่า! เข้ามาก่อนเถอะฝนตกน่ะข้างนอกมันอันตราย พีโตเป็นหนุ่มแล้วด้วยนะ เป็นเด็กที่เรียนเก่งมากเลย ถ้าเธอได้เห็นเขาล่ะก็เธอต้องภูมิใจในตัวเขาแน่ ๆ ฉันน่ะเล่าเรื่องเธอให้เขาฟังทุกวันเลย..”
.
รังสีความอำมหื่นหายไปหมดสิ้น แม้จะได้กลิ่นแอลกอฮอล์อยู่คละคลุ้งแต่แพรวก็สัมผัสได้ว่า ชายแก่ผมสีดอกเลารายนี้ไม่มีทีท่าที่จะข่มขืนเธอเหมือนตอนที่เห็นเธอเป็น Grab อีกต่อไป ท่าทางของเขากลายเป็นคนแก่ใจดีที่พร้อมจะเทคแคร์คนที่ชื่อนุชแบบหมดหัวใจ แล้วก็น่าจะดีกว่าไหม? ถ้าเธอจะสวมรอยปล่อยเลยตามเลยไปสักพัก เพื่อประวิงเวลาให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยหาทางหนีทางอื่น
.
"สัก 10 นาที นานประมาณนี้อย่างน้อยพีก็น่าจะมาถึง หรือไม่ก็ต้องเป็นพวกเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ถึงตอนนั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องห่วง”
แพรวคิดในใจแล้วก็ไม่ขัดขวางอะไรอีกต่อไปด้วย กลับกลายเป็นตัวเธอซะอีกที่เดินตามคุณลุงเข้าไปในบ้านต้อย ๆ ประหนึ่งนักศึกษาสาวที่เต็มใจขึ้นโรงแรมไปนอนกับอาเสี่ย ก่อนที่ต่อมาประตูหน้าบ้านจะปิดงับลง
.
“ตรึมมมม!!!”
.
มืดอย่างกับหลับตา สาบานได้ว่าพ้นระยะหนึ่งฝ่ามือตรงหน้าแพรวก็มองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว มือถูกจูงไปช้า ๆ ระหว่างนั้นก็สัมผัสได้ว่าพื้นที่เหยียบอยู่มันเริ่มกลายเป็นสโลปที่เฉียงองศาลงไปเรื่อย ๆ จนคล้ายกับเดินจมลงไปในดิน ผนังแคบจนผิดวิสัย บางจังหวะที่เดินอยู่ไหล่ยังครูดเข้ากับผนังจนต้องเผลอตกใจสะดุ้ง
.
นี่มันบ้านอะไรกันเนี่ยะ! มันลึกลับซะจนไม่เหมือนกับบ้านคนที่มองเข้ามาจากภายนอก พีไม่เคยบอกเรื่องนี้กับแพรวมาก่อนและบางทีนี่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่เขาพยายามร้องเตือนเธออยู่ตลอดว่า “อย่าเข้าไปในนั้น” , “อย่าเข้าไปเจอกับพ่อ” สสารสองสิ่งนี้เต็มไปด้วยเครื่องหมายปริศนา มันเร้นลับจนทำให้ผู้หญิงตัวบาง ๆ จวนจะเป็นบ้าตายอยู่รำไร แพรวกลัวจริงเธอไม่ได้แสดง อากาศเริ่มเย็นลงทุกที มิหนำซ้ำเสียงฝนตกกับเสียงฟ้าร้องที่ดังแสนดังก็กลับเบาลงกลายเป็นเงียบเชียบ
.
“พ่อคะ.. พ่อ.. อ.. อ..”
หญิงสาวกระซิบ
.
“อะไรรึ?”
.
“ฮือ.. หนูกลัว..ว..ว..ว..”
.
“ชู่ววว~! กลัวทำไม นี่คือบ้านที่เราลงมือสร้างด้วยกันไงนุชจำไม่ได้เหรอ?”
.
เสียงพ่อเย็นเฉียบจนน่าขนลุก แพรวแทบไม่ปริปากอะไรเลยหลังจากนั้นได้แต่เฝ้าภาวนาว่าอย่าให้ตัวเองคิดผิด ทั้งที่ถ้านับกันจริง ๆ แล้วเธอเองก็คิดผิดมาไม่ต่ำกว่า 3 - 4 หน มือเธอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใจเต้นเร็วเหลือเชื่อ อันเป็นผลมาจากการเดินที่ยาวนาน และจนป่านนี้ก็ยังมองไม่เห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์แม้แต่นิดเดียว
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ