ชานระเบียงหน้าบ้านยังคงเปิดรับ แม้จะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวแต่บ้านของพีหลังนี้ก็มีพื้นที่สำหรับรับแขกที่มากในระดับที่น่าพอใจ มันไม่กว้างหรือแคบเกินไปแต่ก็มีข้อดีตรงที่โควิดยังกัดกินเข้ามาไม่ถึงตรงนี้ ฝนที่เริ่มตกหนักบวกกับลมที่พัดรุนแรงถูกหลังคาเสริมเหล็กด้านบนขวางกั้นเอาไว้หมด ด้วยความบริสุทธิ์ใจจากมุมมองภายนอก แพรวเห็นหยดน้ำเป็นสายธารหลากลงมาตามร่องกระเบื้องมุงหลังคา ก่อนจะหยดลงมาเป็นสายตกกระทบชิ่งลงดินเกิดเป็นควันฟดฟู่
.
“ฟู่~~~~!”
.
“อ๊ายยย! ถ้าโดนเข้าไปผิวเราเป็นรอยแน่!”
นักศึกษาสาวคิดในใจ พลันเบี่ยงตัวตะแคงข้างกระโจนขึ้นไปเหยียบบนชานระเบียงที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยที่สุด
.
โดยลืมไปซะสนิทว่าพื้นดังกล่าวเป็นไม้ ลำพังแค่ก้าวขึ้นไปเหยียบเบา ๆ เหมือนตอนแรก ไม้ระแนงที่รับน้ำหนักตัวก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเลือนลั่นแล้ว แต่นี่เล่นกระโดดขึ้นไปแบบโครม ๆ โถมน้ำหนักตัว คิดเหรอว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบเดียวกัน
.
“แอ๊ดดดดดด!!! , เอี๊ยดดดดดดด! , แอ๊ดดดดดดด!!!”
.
“ชิบหายแล้ว!”
ดวงหน้าสะบัดปอยผมเปียก ๆ กระพรือสลวยก่อนจะมองไปในทิศเบื้องขวา ณ ตำแหน่งที่ห่างจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ราว 2 - 3 เมตร แน่นอนว่ามันคือจุดที่พ่อของพีเคยนอนขวางอยู่ล่าสุด เป็นวงกบประตูที่เปรียบเสมือนทางเข้าออกทางเดียวของบ้านไม้หลังนี้
.
และตอนนี้พ่อของพีก็ยังคงนอนขวางอยู่แบบนั้น ต่างกันแค่ดวงตาของแกที่สว่างโพลงขึ้นมา เพราะเสียงฝีเท้าอันก้องดังเมื่อครู่
.
“หืม..ม..ม..เสียงอะไรเอะอะ?”
.
เปลือกตาเผยอขึ้นสะลึมสะลือ ภาพที่เบลอเริ่มชัดเจนขึ้นจนเห็นเป็นเรือนร่างของผู้หญิงที่แสนจะคุ้นเคย ทรวดทรงองเอวเว้าได้รูป หน้าอกนูนเด่นเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล บวกกับฝนที่ทำให้เสื้อผ้าอาภรณ์เปียกชุ่มจนกลายเป็นชุดแนบเนื้อสุดเซ็กซี่ มีหรือที่พ่อจะทนนอนต่อไปไหว แกประกบฝ่ามือสองข้างแนบเข้ากับวงกบ พลางพยุงตัวเองลุงขึ้นนั่งขัดสมาธิ ต่อด้วยการขยี้ตาถี่ยิบเพื่อพิสูจน์ทราบและพิจารณา
.
“เฮ้!”
“เธอไม่ใช่แม่หนู Grab food คนเดิมแล้วนี่?”
“ตอนนั้นผมไม่ได้ยาวแบบนี้.. แล้วใบหน้าก็..”
“แบบ.. บ.. ?”
.
ป้องสายตาจ้องเขม็งเพ่งอีกที พ่อเหมือนจะคลับคล้ายคลับคลากึ่งคาใจ กระทั่งมีฟ้าผ่าฉาดใหญ่แฉลบฟาดลงมาอีกเปรี๊ยง!
.
“โครมมมมมมมม!!!!”
.
“ว๊ายยยยย!!! , กรี๊ดดดดดดดด!!!”
.
ดันกลายเป็นแพรวที่แผดเสียงกรี๊ดออกมาแบบลืมตัว กรี๊ดไม่กรี๊ดเปล่ายังหลับหูหลับตากระโดดพรวด ๆ เข้ามาด้านหน้า โดยไม่ทันคิดว่าตอนนี้มีลุงขี้เมากำลังวางแผนจะปล้ำตัวเองอยู่ ซึ่งพอมารู้ตัวอีกทีก็ไม่ทันซะแล้วหลังทั้งสองเผชิญหน้ากัน!
.
“อะ.. เอิ่ม.. พ่อคะคือ.. หนูขอหลบฝนหน่อยนะคะ”
ประนมมือจรดหน้าผากพยายามก้มตัวให้ต่ำ ปิดบังนวลนมที่เปียกจนเกือบโป๊ แถมยังตีหน้ายิ้มเฝื่อนให้เหมือนกับเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีภาพความเซ็กซี่ใด ๆ
.
ทว่าคนเป็นพ่อนี่สิที่เปลี่ยนท่าทีไปเลย ไม่หรอก! แกไม่ได้หื่นอย่างที่แพรวคิดสักนิด กลับกันเพราะจู่ ๆ บุคลิกแกก็สุภาพขึ้นมาซะเฉย ๆ หลังจากที่ได้จ้องมองใบหน้ากับทรงผมของเธอคนงามอยู่นานสองนาน ก่อนจะอุทานขึ้นว่า
.
“นุช?!”
“นี่นุชนี่? นุชใช่ไหม?”
.
“หืม.. เปล่าค่ะหนูแพรวเพื่อนของพีค่ะพ่อ”
.
“ไม่จริง! เธอคือนุชเมียรักของฉัน กลับมาหาฉันแล้วใช่ไหมที่รัก ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน~!”
.
“ไม่ใช่ค่ะ.. หนูแค่จะมาขอหลบฝนเฉย ๆ ลุงจำคนผิดแล้ววว!”
.
แพรวเริ่มสืบเท้าหนีสุภาพห่าเหวอะไรล่ะ คิดไว้แล้วเชียวว่าฤทธิ์แอลกอฮอล์คงทำให้ไว้ใจใครไม่ได้ ลุงก็ยังเป็นลุงแกคงยังเมาอยู่สติสตังค์เลยเลอะเลือนจนจำคนนั้นคนนี้สลับกันไปทั่ว มิหนำซ้ำยังเร่งฝีเท้าตาเหลือกตาลานเข้ามาหา
.
“มา ๆ ๆ เข้ามาในบ้านก่อน เดี๋ยวฉันหาน้ำหาท่าให้กินเปลี่ยนชุดเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ในที่สุดเธอก็กลับมาหาฉันจนได้ ฉันไม่โกรธไม่เคืองอะไรเธอแล้วล่ะนุช”
ร่ายยาวเป็นฉาก ๆ พูดเองเออเองแบบไม่แคร์คนฟัง แถมยังเดินไปคว้าแขนแพรวให้เดินเข้ามาในบ้านแบบไม่มีทีท่าว่าจะบังคับขู่เข็ญเหมือนตอนแรกที่ได้พบกันเลย
.
บางทีพ่อของพีอาจจะคิดว่าแพรวเป็นคนอื่นไปแล้ว แพรวได้ยินเต็มสองหูว่าเธอถูกเรียกว่า “นุช” ซึ่งเป็นชื่อของคุณแม่ของพี ที่ทิ้งพีไปตั้งแต่ตอนที่เขายังอายุเพียงแค่ 5 ขวบ
.
“เอ่อ.. อ.. อ.. อ.. ลุงคะ.. คือหนูไม่ใช่?”
.
“ไม่ใช่อะไรเล่า! เข้ามาก่อนเถอะฝนตกน่ะข้างนอกมันอันตราย พีโตเป็นหนุ่มแล้วด้วยนะ เป็นเด็กที่เรียนเก่งมากเลย ถ้าเธอได้เห็นเขาล่ะก็เธอต้องภูมิใจในตัวเขาแน่ ๆ ฉันน่ะเล่าเรื่องเธอให้เขาฟังทุกวันเลย..”
.
รังสีความอำมหื่นหายไปหมดสิ้น แม้จะได้กลิ่นแอลกอฮอล์อยู่คละคลุ้งแต่แพรวก็สัมผัสได้ว่า ชายแก่ผมสีดอกเลารายนี้ไม่มีทีท่าที่จะข่มขืนเธอเหมือนตอนที่เห็นเธอเป็น Grab อีกต่อไป ท่าทางของเขากลายเป็นคนแก่ใจดีที่พร้อมจะเทคแคร์คนที่ชื่อนุชแบบหมดหัวใจ แล้วก็น่าจะดีกว่าไหม? ถ้าเธอจะสวมรอยปล่อยเลยตามเลยไปสักพัก เพื่อประวิงเวลาให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยหาทางหนีทางอื่น
.
"สัก 10 นาที นานประมาณนี้อย่างน้อยพีก็น่าจะมาถึง หรือไม่ก็ต้องเป็นพวกเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ถึงตอนนั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องห่วง”
แพรวคิดในใจแล้วก็ไม่ขัดขวางอะไรอีกต่อไปด้วย กลับกลายเป็นตัวเธอซะอีกที่เดินตามคุณลุงเข้าไปในบ้านต้อย ๆ ประหนึ่งนักศึกษาสาวที่เต็มใจขึ้นโรงแรมไปนอนกับอาเสี่ย ก่อนที่ต่อมาประตูหน้าบ้านจะปิดงับลง
.
“ตรึมมมม!!!”
.
มืดอย่างกับหลับตา สาบานได้ว่าพ้นระยะหนึ่งฝ่ามือตรงหน้าแพรวก็มองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว มือถูกจูงไปช้า ๆ ระหว่างนั้นก็สัมผัสได้ว่าพื้นที่เหยียบอยู่มันเริ่มกลายเป็นสโลปที่เฉียงองศาลงไปเรื่อย ๆ จนคล้ายกับเดินจมลงไปในดิน ผนังแคบจนผิดวิสัย บางจังหวะที่เดินอยู่ไหล่ยังครูดเข้ากับผนังจนต้องเผลอตกใจสะดุ้ง
.
นี่มันบ้านอะไรกันเนี่ยะ! มันลึกลับซะจนไม่เหมือนกับบ้านคนที่มองเข้ามาจากภายนอก พีไม่เคยบอกเรื่องนี้กับแพรวมาก่อนและบางทีนี่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่เขาพยายามร้องเตือนเธออยู่ตลอดว่า “อย่าเข้าไปในนั้น” , “อย่าเข้าไปเจอกับพ่อ” สสารสองสิ่งนี้เต็มไปด้วยเครื่องหมายปริศนา มันเร้นลับจนทำให้ผู้หญิงตัวบาง ๆ จวนจะเป็นบ้าตายอยู่รำไร แพรวกลัวจริงเธอไม่ได้แสดง อากาศเริ่มเย็นลงทุกที มิหนำซ้ำเสียงฝนตกกับเสียงฟ้าร้องที่ดังแสนดังก็กลับเบาลงกลายเป็นเงียบเชียบ
.
“พ่อคะ.. พ่อ.. อ.. อ..”
หญิงสาวกระซิบ
.
“อะไรรึ?”
.
“ฮือ.. หนูกลัว..ว..ว..ว..”
.
“ชู่ววว~! กลัวทำไม นี่คือบ้านที่เราลงมือสร้างด้วยกันไงนุชจำไม่ได้เหรอ?”
.
เสียงพ่อเย็นเฉียบจนน่าขนลุก แพรวแทบไม่ปริปากอะไรเลยหลังจากนั้นได้แต่เฝ้าภาวนาว่าอย่าให้ตัวเองคิดผิด ทั้งที่ถ้านับกันจริง ๆ แล้วเธอเองก็คิดผิดมาไม่ต่ำกว่า 3 - 4 หน มือเธอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใจเต้นเร็วเหลือเชื่อ อันเป็นผลมาจากการเดินที่ยาวนาน และจนป่านนี้ก็ยังมองไม่เห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์แม้แต่นิดเดียว
“หายใจดิพี่.. ลองหายใจดู!”เสียงโบ๊ทตะคอกอัดหน้า เขาสะบัดมือพึบพับโบกอากาศอัดใส่หน้าตัวเองให้แพรวดู.สาวหัวหน้าแคลนถูกช่วยเป็นรายสุดท้าย ร่างบางของเธอถูกวางลงบนพื้นอย่างละมุนละม่อน โดยโดรนอารักขาที่ใช้งานได้ในหลายรูปแบบ ตลิ่งดินกลายเป็นที่แลนด์ดิ้งที่ปลอดภัย เจนิสกับเพื่อน ๆ ปลดหน้ากากครอบแก้วออกหมดแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ โบ็ทเองก็เช่นกัน จะมีก็แต่แพรวที่ยังคงใส่หน้ากากกันแก๊สเวอร์ชั่นเก่าแก่ที่ได้มาจากบ้านของพีอยู่.“หายใจได้แล้วพี่แพรว! ที่นี่มีอากาศบริสุทธิ์ สุดยอดไปเลยพี่ ๆ ต้องลองดูด้วยตัวเองนะ”โบ๊ทย้ำเจตนารมณ์เดิม เขาผละตัวออกจากแพรวพลันชูแขนกระโดดโลดเต้น วิ่งไปรวมกลุ่มกับพวกเจนิสราวกับเด็ก ๆ ที่เห่อของเล่นใหม่ ทิ้งแพรวให้อยู่กับโดรนเพียงลำพัง ในสภาพที่มอมแมมเต็มขั้นเนื้อตัวเต็มไปด้วยดินโคลน.ลมโชยโบยแก้มกลิ่นธรรมชาติพัดแสงแรกแย้ม ชโลมผิวหนังเบิกดวงตาพราวสดใส ความเขียวขจีของทุ่งหญ้าช่อผกาโบกไสวปลิวสลวย นานแค่ไหนแล้วที่แพรวไม่ได้เห็นของแบบนี้เลยในมหานคร บ้านเรือนไทยทรงวินเทจตั้งเรียงรายอยู่บนริมท่า ชวนให้นึกถึงขุนช้างขุนแผนกับเหล่านางสีดาในวรรณคดี .“กึก!”สุดท้ายก็ต้องลอง หน้
“ผมทุบกระป๋องก๊าซได้รึยังพี่แพรว!”หนูน้อยป้องปากตะโกนถาม ภายใต้กระแสลมต้านที่พุ่งอัดเข้ามาอย่างรุนแรง .ณ ตอนนี้หัวเรือกำลังเชิดทำมุมราว 30 องศา มันแล่นแหวกอากาศและโดนน้ำทะเลน้อยมาก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร เพราะทุกครั้งที่แรงพุ่งจากก๊าซด้านหลังเริ่มซาลง ส่วนหน้าที่โบ๊ทรับผิดชอบอยู่ก็จะเป็นที่แรกที่โดน Covid-19 เล่นงานก่อนส่วนอื่น แพรวจึงรีบตะโกนตอบน้องกลับไปในเสี้ยวอึดใจ.“รอจังหวะให้เรือช้ากว่านี้อีกนิดแล้วจัดการเลยโบ๊ท! เราต้องทำงานให้สัมพันธ์กันนะ งั้นจะใช้ประโยชน์จากก๊าซได้ไม่เต็มที่!”“เราอาจจะหนีไปไม่พ้นเมืองหลวงก็ได้ ถ้าก๊าซในสต็อกเราหมดก่อน!”.“ครับพี่.. ผมเข้าใจแล้ว!”.ร่างเล็กของเด็กประถมก้มต่ำลงจนลำตัวแทบจะครูดกับพื้นเรือ โบ๊ทเจตนาจะทำให้ตัวเองสัมผัสโดนลมให้น้อยที่สุด พลันกระเถิบตัวขึ้นหน้ากระดืบ ๆ ไปราวกับตัวหนอน กระทั่งมาถึงจุดที่เป็นมุมสามเหลี่ยมตรงหัวเรือได้สำเร็จ ที่นี่เขาก้มลงไปมองผืนน้ำด้านล่างได้อย่างสบาย อ่านค่าความเร็วจากการกะด้วยสายตา แล้วทันทีที่เห็นว่าเรือเริ่มช้า เขาก็ได้ทุบก๊าซกระป๋องหนึ่งแล้วก็ปามันลงไป.“ตูมมมมม!!!!”.“ฟู่~~~!!!!!!!
“ซ่าาาา~!”เสียงโครงเรือยอร์ชที่ยังต่อไม่เสร็จกระทบผิวน้ำกระซ่านเซ็น พอดีกันกับโดรนอารักขาที่ใช้งานได้โคตรจะคุ้ม มันตัดสายเคเบิลที่ยึดโยงออกไปหมดสิ้น พลันลอยขึ้นไปบนฟ้าเพื่อทำหน้าที่ฉายไฟส่องสว่างลงมา ราวกับสปอร์ตไลท์ตามสนามกีฬากลางแจ้ง.“แชะ! , แชะ!”.ราตรีกาลเข้าครอบครองท้องฟ้า ส่วนท้องธาราก็เป็นไปตามการคำนวณ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจริงเฉกเช่นที่แพรวฟันธงเอาไว้ ต่างคนต่างรีบกระโจนลงเรือ และแม้ตัวบอดี้จะโคลงเคลงหนักมาก แต่ก็นับว่าดีอย่างที่ยังพอจะแบกรับน้ำหนักของทุกคนไหว ในส่วนนี้ต้องยกเครดิตให้กับทักษะของช่างต่อเรือ หรือไม่ก็เศรษฐีเจ้าของทุนทรัพย์ เพราะลำพังก้าวแรกที่ย่ำลงมา แพรวก็เห็นแล้วว่าทุกส่วนของโครงสร้างล้วนทำขึ้นจากวัสดุชั้นเยี่ยมเกรดพรีเมี่ยมทั้งสิ้น .เธอสั่งให้สองเด็กสาวเพื่อนเจนิสเอาเศษไม้แผ่นแบน ที่วางกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปมาทำเป็นที่คัดท้าย มีความโชคดีอย่างที่ของเหล่านี้ไม่ใช่ของหายากอะไรนัก ถ้าอยู่บนเรือที่ยังต่อไม่เสร็จ หลังจากนั้นก็สั่งให้พวกเธอ Stand by รอคัดท้ายตามคำสั่งอีกที ก็เลยเหลือแต่เจนิสกับโบ๊ทที่ยังว่างงานและยังไม่ได้รับมอบหมายให้ทำอะไร.เรือค่อย ๆ แล่นออ
นั่นจึงเท่ากับว่าน้ำในทะเลอาจจะไม่ปลอดภัย บางทีแม่น้ำสาขาทุกสายก็อาจจะปนเปื้อนไปด้วยเชื้อแล้วก็ได้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงโบ๊ทจึงได้ขยับนิ้วมือกับแหวนทั้ง 5 ของเขาอีกที .“ฟิ้ว~!”โดรนอารักขาลำเก่งโฉบปักหัวลงมาจากเบื้องบน ราวกับพญาอินทรีย์พร้อมเข้าประจำที่.มันยื่นท่อนเหล็กสีเงินลักษณะคล้ายก้านปรอทวัดไข้ออกมาจากลำตัวส่วนล่าง ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่กระสุน .35 มม. จำนวนมหาศาลร่วงกราวลงมาเมื่อตอนก่อน ความยาวของอุปกรณ์ชนิดนี้น่าจะราว 2 ไม้บรรทัดเห็นจะได้ และโบ๊ทเรียกมันว่า “โคโรน่ามิเตอร์” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีไว้สำหรับตรวจหาเชื้อโควิดโดยเฉพาะ.เขาสั่งการให้โดรนอารักขาหย่อนมันลงไปในน้ำทะเล แกว่งส่ายวนคนไปมาราว 20 - 30 ทีโดรนก็ยกตัวเองขึ้นจากน้ำ ปรากฏว่าไฟสถานะบนลำโดรนถึงกับแดงโล่! การลิงค์สัญญาณเกิดขึ้นทันที ก่อนจะฉายค่าสถานะและชุดข้อมูลพร้อมกับผลแล็บไปยังกระจกครอบแก้วที่โบ๊ทสวมใส่อยู่ พลันเปลี่ยนใบหน้าบ่องแบ้วของเขาให้กลายเป็นจอแสดงผลไปในบัดดล.“มันก็เหมือนการ “swab”(สว็อป) ตอนเราไปให้หมอแหย่จมูกนั่นแหละครับพี่ ๆ แค่เปลี่ยนจากรูจมูกคนเป็นน้ำทะเล ว่าแต่ผลเป็นไงบ้างครับ? ”โบ๊
ห้าชีวิตกับอีกหนึ่งลำโดรนย่างกรายเข้ามายังโซนลับแลแห่งนี้ด้วยความมุ่งมั่น ย้อนกลับไปไม่ได้คือเหตุผลข้อที่หนึ่ง ส่วนการไปต่อไม่ได้เพราะข้างหน้ามีแต่ทะเลคือเหตุผลข้อที่สอง แพรวก็เลยเดินนำหน้าแบกกระเป๋าเป้อาด ๆ พลางควัก Glock 18 อาวุธประจำกายขึ้นมาประทับเล็งเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรียนตามตรงว่าท่าเรือเป็นแอเรียที่เธอมีข้อมูลน้อยมากเมื่อเทียบกับที่อื่น ที่นี่แทบจะไม่ได้ถูกเขียนรายละเอียดใด ๆ ไว้ในแผนที่เลย ฉะนั้นหน้าที่ของมันจึงจบลงเพียงเท่านี้.“พรึบ!”แพรวพับแผนที่เก็บเข้าไปในกระเป๋า สื่อให้ทุกคนเห็นว่าแต่นี้ต่อไปคือการด้นสดล้วน ๆ พลาดก็คือตายและถ้าไม่อยากตายก็จงอย่าพลาด.“ระวังตัวด้วยทุกคน เราจะเข้าไปในโกดังนั่นดู คิดว่าน่าจะเป็นคลังเก็บสินค้าและบันไดลงสู่ท่าเรือก็น่าจะอยู่ในนั้น”แพรวกระซิบบอก.เช่นกันกับเจนิสกับเพื่อน ๆ ที่ต่างก็ระวังหน้าระวังหลังให้กันเป็นอย่างดี เธอจับมือโบ๊ทเอาไว้แทบจะตลอดเวลา โดยหารู้ไม่ว่าโดรนอารักขาที่ลอยอยู่บนฟ้า นั้นมีขีดความสามารถที่สูงกว่าคนจริง ๆ อย่างพวกเธอสามคนรวมกันซะอีก.“ไม่เป็นไรครับพี่เจนิสไม่ต้องดูแลผมดีนักหรอก ทางที่ดีผมว่าพ
พรรคพวกของโบ๊ทมีกันอยู่หลายคน แล้วก็ดำรงชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากการตามล่าของพวก AP เหมือนกับแคลนอื่น ๆ พวกเขามี LGBT รวมอยู่ในกลุ่มเยอะ ก่อนที่ความผิดพลาดจะมาเกิดขึ้นที่ท้องฟ้าจำลอง เมื่อหน่วยแพทย์ของ AP ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมเกิดย้อนกลับมาเช็คทรัพย์สิน มีการปะทะกันเกิดขึ้น! แคลนของโบ๊ทแตกเป็นเสี่ยงเนื่องจากไปถือวิสาสะยึดเอาแลนด์มาร์คตรงนี้เป็นจุดพักแรม ผู้คนก็เลยถูกกวาดต้อนไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วย .ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมโบ๊ทถึงรอดมาได้นั้น ก็อยู่ที่แหวนทั้ง 5 วงบนนิ้วมือของเขานั่นเอง อุปกรณ์ชิ้นนี้มีไว้ใช้บังคับโดรนมากกว่า 150 ลำ บางลำเป็น Riot โดรนติดอาวุธหนัก บางลำเป็นโดรนอารักขา ส่วนบางลำก็เป็นโดรนข่าวสาร โบ๊ทใช้พวกมันอย่างคล่องแคล่วในการต่อสู้กับพวก AP และขับไล่พวกทรราชเหล่านี้ออกไปจากอาคารท้องฟ้าจำลองได้เป็นผลสำเร็จ ทว่าก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการอยู่คนเดียวในอาคารหลังโตแบบโดดเดี่ยว พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เพื่อนฝูงพี่น้องก็โดนหางเลขไปด้วยหมด.ย้อนกลับไปหลายตอนก่อนหน้านี้ เราจึงได้เห็นโบ๊ทใช้กล้องโทรทัศน์ส่องหาแคลนที่ยังมีผู้รอดชีวิตไปทั่วเมือง จนกระทั่งมาพบกับกลุ่