“หลานรักของยาย” เธอเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่หลังจากที่ร่วมเดินทางมาราวๆ 14 ชั่วโมงแล้วมีรถจากบ้านรับเธอที่สนามบิน เสียงหญิงสูงวัยดังขึ้นพร้อมกับเดินมาโอบกอดหลานชายด้วยความคิดถึง
“สวัสดีคุณตาคุณยายก่อนครับวอม” แม้ว่าเด็กชายจะอยู่ฝรั่งเศสมาตั้งแต่เกิดเธอก็ไม่วายสอนลูกเรื่องมารยาทและภาษาที่เป็นถิ่นเกิดของแก่เด็กชาย
“สวัสดีครับคุณตาคุณยาย” มือป้อมๆ ยกมือขึ้นมาไหว้พลางเอ่ยพูดออกไปด้วยเสียงใส ตายายมองดูหลานด้วยความเอ็นดู แล้วจูงมือมานั่งที่โซฟากว้าง
“วอมคิดถึงคุณตาคุณยายมากเลยครับ” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยพูดออกไปสร้างความพอใจให้คนชราไม่น้อย
“คิดถึงตายายหรือของเล่นกันแน่” เพียงขวัญส่ายหัวแล้วเอ่ยแซวลูกตัวเองที่ตาลุกวาวเมื่อเห็นของเล่นที่อยู่มุมนึงของห้องรับแขก
เด็กชายหันไปมองตากับยายเพื่อถามว่าเขาสามารถลงไปเล่นได้มั้ย
“เอาสิ ตาซื้อมาให้หลานนั่นแหละ” เด็กชายยิ้มร่าออกมาด้วยความดีใจแล้ววิ่งลงไปเล่นทันทีทันใด
“เดินทางมาเหนื่อยมั้ยลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกสาวของตัวเอง
“นิดหน่อยค่ะป๊า”
“หนูไปพักก่อนก็ได้เดี่ยวม๊าดูหลานให้” แม่ของเธอลูบหัวหลานชายแล้วเอ่ยบอกเพียงขวัญเมื่อเห็นอาการเหนื่อยล้าที่ปรากฏบนใบหน้า
“ค่ะม๊า อยู่กับคุณตาคุณยายห้ามซนนะครับวอม” เธอบอกลูกชายตัวเองที่กำลังสนใจกับของเล่นที่ตากับยายซื้อไว้รอหลานมาเนิ่นนาน
“ค้าบแม่” เด็กน้อยตอบแม่เสียงใสแล้วกลับไปสนใจของเล่นดังเดิม
“เดี่ยวหนูลงมานะคะม๊า” เธอเดินขึ้นไปยังห้องของตัวเองโดยที่มีแม่บ้านเดินถือกระเป๋าเธอตามขึ้นไป
ห้องของเธอถูกทำความสะอาดไว้เรียบร้อย ข้าวของยังคงตั้งไว้เหมือนเดิม เธอปล่อยตัวลงบนเตียงนุ่มสักพักเพื่อให้คลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางแล้วเดินไปจัดของให้เข้าที่ทั้งของเธอและของลูก
“หนูจะเอายังไงต่อ” แม่ของเธอเอ่ยถามเมื่อมองหลานที่นอนหลับปุ๋ยบนเตียงในอ้อมกอดของเธอ
“หนูไม่ได้กลับมาเพื่อให้เขารับผิดชอบค่ะม๊า” เธอเอ่ยตอบแม่เสียงเบาลงเพื่อไม่ให้เด็กชายตกใจตื่น
“แต่ยังไงวอมก็ลูกเขานะขวัญ สักวันเขาก็ต้องรู้” แม่เธอตอบลูกอย่างใจเย็น เธอรู้ดีว่าลูกสาวเธอใจแข็งแค่ไหน ไม่งั้นคงไม่หนีมาได้ถึงสามปีหรอก
“...” หญิงสาวเงียบไป เธอก็กังวลเรื่องนี้มาตลอดการเดินทาง เธอรู้ดีว่าอิทธิพลของเขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
“แม่แล้วแต่ลูกนะ แต่แม่อยากให้หนูนึกถึงหลานเยอะๆ นะ” แม่เธอลูบหัวเธอแล้วเดินออกจากห้องไป
‘แม่ต้องทำยังไงดี’ เธอมองหน้าลูกแล้วคิดไม่ตกกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
เช้าวันรุ่งขึ้น
เธอตื่นมายามสายพลางควานมือไปข้างๆ เตียงแล้วไม่เจอลูกของตัวเองร่างบางรีบลนลานใส่เสื้อคลุมลวกๆ แล้วรีบวิ่งลงมาข้างล่างของบ้านทันที
“แม่คะ!!! เห็นวอมมั้ย” เธอวิ่งลงยังห้องรับแขกแล้วเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยท่าทีรีบร้อน พลางน้ำใสๆ จากดวงตาไหลออกมาเป็นทางเพราะความกลัว
“ผมอยู่นี่ครับ” ไม่ทันที่แม่เธอจะตอบอะไร เสียงใสของเด็กน้อยกลับเอ่ยขึ้นพลางเดินแยกออกมาจากโซนของเล่นมาหาแม่ของเขา หมับ เธอดึงลูกมากอดด้วยความห่วงแหนท่ามกลางความงุนงงของเด็กชาย
“เป็นเอามากนะเรา” พ่อเธอส่ายหัวให้ลูกสาวที่กลัวว่าลูกตัวเองจะหายไป ที่เธอตื่นสายเพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดไม่ตกกับเรื่องลูกชายของเธอ เธอกลัวว่าเขาจะแย่งลูกของเธอไป ซึ่งเธอไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นได้แน่
“แม่เป็นอะไรครับ” เสียงใสผละกอดจากอ้อมอกแม่แล้วใช้มือเล็กเช็ดน้ำตาให้แม่ของตัวเอง
“เปล่าครับ ทำไมวอมไม่ปลุกแม่” เธอเช็ดน้ำตาของตัวเองแล้วตั้งสติเอ่ยถามลูกชาย
“แม่เป็นคนบอกหลานเอง แม่อยากให้หนูพักผ่อนให้เต็มที่” แม่ของเธอพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกสาวกำลังคาดคั้นหลานชายของเธอ
“คราวหน้าวอมจะไปไหนต้องบอกแม่ทุกครั้งนะครับ” เธอหันไปพยักหน้าให้แม่ของเธอแล้วรีบเอ่ยสั่งลูกชายไว้
“ครับแม่” เด็กชายรับปากอย่างว่าง่ายเมื่อเห็นว่าแม่ของตัวเองร้องไห้เสียใจ
“ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมาทานข้าวได้แล้ว แม่ดูหลานเองไม่ต้องเป็นห่วง” แม่เธอเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าเธอกอดลูกไม่ยอมปล่อย
“ค่ะม๊า เดี่ยวแม่รีบลงมานะครับ” เธอเดินขึ้นไปยังห้องตัวเองแล้วอาบน้ำแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว สำหรับคุณแม่ลูกหนึ่งแล้วคงไม่ต้องแต่งอะไรมากอีกอย่างเธอรีบเพราะกลัวมีใครเอาลูกของเธอไป นั้นคือความคิดของเธอตอนนี้
“แม่บอกทางฝั่งคุณปิ่นแล้วนะว่าลูกกับหลานถึงแล้ว ทางนั้นเขาบอกว่าจะรีบมาเพราะคิดถึงหลานไม่ไหวแล้ว” ระหว่างทานข้าวแม่เธอก็พูดขึ้นมา เธอเงยหน้าเพื่อจะถามแม่ต่อ
“ไม่ต้องห่วงแม่บอกคุณปิ่นไว้แล้ว” แม่เธอพูดออกมาโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันได้ถามเหมือนกับรู้ใจลูกอยู่แล้วว่าเธอจะถามอะไร
“เย้ๆ คุณย่าจะมาหาวอมใช่มั้ยครับ” เด็กชายที่นั่งทานข้าวข้างเธอเมื่อได้ยินพอจะรู้เรื่องกับเขาบ้างจึงส่งเสียงออกมาด้วยความดีใจ
“ครับ แต่ตอนนี้ลูกต้องทานให้หมดก่อน” เธอยัดช้อนใส่มือลูกแต่เด็กชายกลับมุ่ยหน้าขึ้นเพราะตอนนี้ในจานเหลือเพียงแค่ผักที่เด็กทั่วไปรวมไปถึงลูกของเธอไม่ชอบทาน
“ไหนใครเคยบอกแม่ว่าจะไม่ดื้อครับ” เธอใช้ไม้ตายกดเสียงดุใส่ลูกที่ไม่ยอมทาน
“ค้าบ วอมทานก็ได้” เมื่อพูดจบเด็กชายตักผักมาทานพลางเขี้ยวตุ้ยๆ ให้แม่เธอดู
“เก่งมากครับ” เธอลูบหัวแล้วยิ้มหวานแก่ลูกของเธอพลางหันมาทานข้าวของตัวเองต่อ
เสียงรถหลายคันขับมาจอดในบ้านของเธอแล้วมีสองสามีภรรยาเข้ามายังตัวบ้านด้วยท่าทีกึ่งวิ่งกึ่งเดิน
“คุณย่า!!!” เสียงใสวิ่งเข้าไปกอดคนที่มาใหม่ที่มีศักดิ์เป็นย่าแท้ๆ ของเขา
“น้อยใจจังหลานไม่คิดถึงปู่เลยเหรอ” ชายวัยกลางคนตอนปลายพูดด้วยท่าทีน้อยใจเมื่อเห็นว่าหลานกอดแต่ภรรยาของเขา
“วอมคิดถึงคุณปู่ด้วยครับ” เด็กชายหันเหไปกอดปู่ของเขาแทนสร้างรอยยิ้มให้คนในบ้านที่มองดูเด็กน้อยไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก
"นายครับ" การ์ดคนสนิทของธาวินเดินเข้ามาระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งดื่มสังสรรค์ด้วยกัน"อืม เดี่ยวกูไป" เขาพูดอย่างรู้ทันว่าลูกน้องกำลังจะสื่อถึงอะไร ชาญก้มหัวให้เขาแล้วเดินออกไปรออีกฝั่ง"เธอไปได้แล้ว" ชายหนุ่มร่างหนาเอ่ยบอกผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างกายเขา"วันนี้ไม่ไปต่อเหรอคะ แยมรอได้ค่ะ" เสียงแหลมของหญิงสาวเอ่ยขึ้นพลางทำสีหน้าออดอ้อนเบียดนมตัวเองกับแขนหนาหวังจะไปต่อ"ฉันไม่มีอารมณ์ ออกไป" เขาเอ่ยตอบเสียงนิ่งแววตาดุดัน"แต่ว่า...""จะเดินออกไปดีๆ หรืออยากกลายเป็นศพแล้วให้ลูกน้องฉันขนออกไป" เขากดเสียงต่ำพูดออกไป ทั้งหมดที่พูดไม่ใช่แค่คำขู่ของมาเฟียแต่เขาทำมันได้จริงๆหญิงสาวเสียงแหลมหน้าซีดเผือกรีบลุกขึ้นเดินออกไปทันทีโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับมามองแม้แต่น้อยเพราะความกลัว ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหมายจะเดินตามออกไปคุยกับลูกน้อง"เดี่ยวกูมา" เขาพูดจบประโยคนั้นแล้วเดินออกไปเลยไม่เปิดโอกาสให้เพื่อนของเขาได้ถามอะไร"ทำไมมันดูหงุดหงิดจังวะ" ไลอ้อนที่มองดูการกระทำของเพื่อนผละออกจากหญิงสาวที่ตนกำลังนัวเนียแล้วเอ่ยถามเพื่อนอีกสองคน"มึงสนใจอะไรกับเขาด้วยเหรอ?" พร้อมตอบเพื่อนออกไปเพราะตั้งแต่ที่นั
ร่างบางอยู่ถ่ายรูปกับเพื่อนและผู้คนที่ต่างพากันมาแสดงความยินดีกับเธอจนถึงช่วงเย็นของวันร่างบางก็พาตัวเองเข้ามานั่งในรถหรูสีดำที่มักจะตามรับส่งเธอเป็นประจำ โดยที่มีนพเป็นคนคอยหอบของตามเธอออกมาจากลานกว้าง"นี่ครับคุณขวัญ" ทันทีที่เข้ามานั่งในรถได้นพก็เอ่ยพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญส่งให้เธอ"ของนายครับ" นพเอ่ยพูดต่อ ร่างบางจึงพยักหน้าเข้าใจแล้วรับมาไว้บนตักของตัวเอง"เจ้านายพี่รู้ด้วยเหรอคะ" ร่างบางเอ่ยถามออกไปนั่งมองกล่องของขวัญสีแดงนิ่งแต่ไม่ได้เปิดมันออกมาดู"ครับ เอ่อ...นายไม่ว่างครับเลยฝากผมแทน"'...ถ้าเป็นเขาที่มาด้วยตัวเองฉันคงดีใจกว่าได้ของขวัญนี่'"ค่ะ" เธอตอบออกไปเสียงเรียบแล้วละสายตาจากกล่องนั้นมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อหวังจะชมวิวทัศน์ยามเย็นในกรุงเทพ"ยินดีด้วยนะครับคุณขวัญ" นพเอ่ยพูดต่อโดยที่เจ้าตัวกำลังทำหน้าที่ขับรถของตัวเอง"ขอบคุณนะคะพี่นพ" ร่างบางหันมายิ้มให้เจ้าของเสียงเล็กน้อยแล้วหันออกไปทางหน้าต่างดังเดิม แววตาที่เศร้าลงเมื่อต้องผิดหวังที่ตั้งใจรอชายหนุ่มเจ้าของกล่องของขวัญมาทั้งวันแต่เขากลับไม่มา เพียงแค่โทรมาหาเธอเพื่อแสดงความยินดีสักนิดก็ไม่มี'...พี่โคตรใจร้ายเลย'"
"แต่ฉันจะเอา"สิ้นประโยคเอาแต่ใจของคนตัวสูง ร่างหนาที่คุมเกมส์เริ่มขยับที่จุดเชื่อมที่ยังคงคาไว้นั้นอีกครั้ง"ซี๊ดดด เอากี่ครั้งก็แน่น" เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับกระแทกที่เอวคอดของร่างบางอย่างเต็มแรงด้วยความลืมตัว"อะ อื้อ พี่วิน บะ เบา" เสียงเล็กเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระเส่า ยิ่งเพิ่มความรู้สึกอยากในตัวของชายหนุ่มมากขึ้นจนสติที่ประคองนั้นเลือนหายหมดเอวหนายังคงกระแทกใส่เต็มแรงดังเดิม ไม่ได้ฟังคำท้วงของหญิงสาว ยิ่งเสียงกระเส่าที่เธอเอื้อนเอ่ยมากลับทำให้คนตัวสูงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้พึ่บ พึ่บ พึ่บ"อื้อ" เสียงเล็กครางในลำคอพร้อมกับลำตัวที่โยกไปมาเพราะแรงกระแทกของชายหนุ่มเอวหนายังคงทำหน้าที่ของมันไปตามจังหวะอารมณ์รักโดยที่เสียงครวญครางดังลั่นไปทั่วห้องนอนที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นที่ร่วมรักของทั้งสองคนไปแล้ว"พี่วิน!" มือเล็กจับไปที่แขนหนาเมื่อใกล้ถึงปลายทางร่วมรัก พลางส่ายหัวให้เขาเพื่อเป็นสัญญาณว่าอย่าแตกออกมาตรงนั้นอีก"อ่าส์" ชายหนุ่มที่ครอบครองร่างกายเล็กของเธอจึงยอมทำตาม ปล่อยน้ำรักสีขุ่นออกมาเต็มหน้าท้องแบนราบแทนร่างบางนอนหลับตาพริ้มเหนื่อยหอบไปกับการร่วมรักที่เสร็จไปแล้วสองรอบผ
"อื้อ" ร่างบางส่งเสียงในลำคอเล็กๆ เพื่อจะบ่งบอกว่าตัวเองนั้นนอนหลับจริงๆ พลางใช้สองมือจับผ้าห่มขึ้นมาคลุมโป่งกันชายหนุ่มจับได้แล้วเป่าลมออกจากปากด้วยเสียงที่เบาที่สุดเพื่อไล่ความตื่นเต้น"หึ เสียงแบบนี้แหละที่ฉันชอบ" ยิ่งเธอพยายามให้มันแนบเนียนเท่าไหร่คนตัวโตก็ยิ่งจับพิรุธของเธอได้เท่านั้น เสียงทุ้มเอ่ยออกไปใกล้ๆ กับผ้าห่มผืนหนาของเธอจนทำให้คนฟังนั้นถึงกับหน้าเสียที่กลับเพิ่มความอยากมากขึ้นผิดกับที่เธอคิดไว้'...ไม่น่าเลยฉัน'พรึ่บ และแล้วผ้าห่มผืนหนาก็ถูกดึงด้วยฝ่ามือใหญ่อย่างรวดเร็วทำให้ร่างบางที่มุดอยู่ในนั้นแทบหลับตาลงไม่ทันใบหน้าเจ้าเล่ห์ผุดรอยยิ้มอย่างต่อเนื่องที่ได้แกล้งหญิงสาวร่างบาง มือเย็นยกมือขึ้นมาลูบแขนบางอย่างใจเย็นพร้อมกับแสยะยิ้มพึงพอใจใบหน้าสวยเริิ่มมีสีหนาเหย่เกเล็กน้อยแต่ก็พยายามอัดอั้นมันไว้เพราะว่ากลัวคนตรงหน้าจะจับได้ มือเย็นที่ลูบแขนค่อยๆ ลามเข้ามาในเสื้อนอนของเธอช้าๆ จนร่างบางต้องขนลุกซู่ขึ้นและความเกร็งที่เริ่มทวีเพิ่มขึ้น"หึ..." เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างบางนั้นหลับตาปี๋แต่ก็ยังคงแกล้งเธอต่อไป"อ๊ะ" มือสากบีบเคล้นสองเต้าที่พอดีมือผ่านเสื้อ
"มาทำอะไร?" เสียงทุ้มของชายหนุ่มหนึ่งในกลุ่มดังขึ้นจนสองร่างบางต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง"อ้าวเรย์ ฉันมารอน้ำฟ้าหน่ะ" เสียงเล็กตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มให้กับคนที่พึ่งจะเข้ามาทัก ซึ่งเขาคือเพื่อนสนิทในวัยเด็กที่อายุเท่ากันของเธออยู่บ้านใกล้กันมาตั้งแต่จำความได้ สองคนมักจะเล่นด้วยกันอยู่ตลอดจนสนิทกันมาก แต่เมื่อหลายปีก่อนครอบครัวของเรย์ก็ย้ายไปตั้งหลักกันที่ฝรั่งเศสเพราะแม่ของเขามีครอบครัวใหม่เป็นชาวต่างชาติจนทั้งสองคนห่างกัน ไม่ได้ติดต่อกันอยู่พักใหญ่เพราะตอนนั้นยังไม่รู้สาอะไร แล้วพึ่งมาเจออีกทีตอนที่เข้ามามหาลัยเดียวกันเสียแล้ว ทั้งสองไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเพราะคณะวิศวะนั้นถือว่าไกลกับคณะเธอพอสมควรแต่ก็ยังมีติดต่อผ่านแอพไลน์อยู่บ้าง"มาทานข้าวที่นี่เหรอ" เสียงใสถามเพื่อนสนิทของเขา"อือ ไอพวกนี้มันลากมา" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับพยักหน้าไปทางเพื่อนของเขาอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆร่างบางจึงหันไปพยักหน้าแล้วทักทายทั้งสองอย่างเป็นมิตร ไม่ได้แนะนำตัวอะไรเพราะรู้จักกันมาบ้างแล้ว ชายหนุ่มคนนึงก็ยิ้มตอบให้เธอ แต่อีกคนแค่พยักหน้าแล้วมองไปทางคนตรงข้ามของเธอนิ่งๆ"พวกฉันนั่งด้วยสิ โต๊ะมันเต็มแล้วอะ" เรย์มองไปรอ
แกร็ก เสียงเปิดประตูห้องของร่างบางดังขึ้นเมื่อเธอกำลังอ่านหนังสืออยู่ไม่นานหลังจากที่ออกมาจากห้องของชายหนุ่ม เผยให้เห็นเจ้าของร่างสูงโปร่งหน้าคมเดินเข้าห้องเธอหน้าตาเฉยแล้วล้มลงนอนบนเตียงกว้างราวกับเป็นห้องของตัวเอง"มองอะไร อ่านไปสิ" ชายหนุ่มหันเหไปบอกเธอที่กำลังจ้องคนหน้ามึนอย่างคาดโทษทั้งที่ปฏิเสธที่จะนอนห้องของเขาแต่ชายหนุ่มกลับมานอนห้องของเธอแทน"ขวัญบอกแล้วไงว่ามีควิซ""แล้ว?" ชายหนุ่มสอดมือไว้ใต้ท้ายทอยแล้วตอบเธออย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรร่างบางถอนหายใจพรืดใหญ่แล้วหันหลังกลับมาสนใจหนังสือดังเดิม ปล่อยให้คนตัวสูงนอนมึนอยู่ตรงนั้น"พอแล้ว อ่านอะไรนักหนา แค่ควิซไม่กี่คะแนน" ชายหนุ่มเดินมาปิดหนังสือเธอลง หลังจากเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงมองดูนาฬิกาที่บ่งบอกว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว"ก็ขวัญไม่ได้เก่งแบบพี่หนิ" หญิงสาวเงยหน้าไปมองเขาแล้วบอกออกไป ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยกลุ่มแก็งค์ของพวกเขามักจะขึ้นชื่อเรื่องความหล่อ รวย และก็เก่ง จึงไม่แปลกใจที่สาวๆ หลายคนมักจะอยากเขาหาคนเพรียบพร้อมแบบพวกเขา"ให้ฉันติวมั้ย" เขาเอ่ยบอกไปจนคนตัวเล็กยิ้มร่าดีใจ เมื่ออ่านมาหลายชั่วโมงแล้วกลับไม่เข้าใจสักทีคงจะดีไม