ฉันหันกลับไปที่จอไอแมคข้าง ๆ แล้วเซิร์ชหาไฟลท์บินในไฟลท์เลด้า ถ้าให้ฉันแฮกระบบเช็ครูทบินฉันคงโดนตำรวจอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมาเผาหัวถึงบริษัท ฉะนั้น ดูง่าย ๆไปก่อนละกัน ถึงจะอยากได้เขามาก แต่ฉันไม่ควรลงทุนจนเกินงาม
โชคดีที่ทุกครั้งที่ต้นไม้บิน มันจะส่งไลน์บอกไว้ในกลุ่มครอบครัว และแน่นอนสองคนนี้ชอบเลือกรูทบินด้วยกัน ถ้าต้นไม้ไม่เคยควงสาวให้ฉันเห็นบ้าง ฉันคงหึงไปชกหน้าน้องตัวเองแล้วล่ะ
ผู้ชายของฉันใครอย่าแตะ
หลังจากที่ฉันได้ไฟลท์ที่เขาบิน ฉันก็จัดการเซิร์ช Flightradar ทันที ตอนนี้เขาอยู่น่านฟ้าไหน เมื่อไหร่จะแลนดิ้งที่ไทย? จนข้อมูลที่ฉันเซิร์ชไว้แสดงขึ้น!
อีกไม่กี่นาทีเขาก็แลนด์แล้ว! ทำไมกูไม่ทำอะไรให้เร็วกว่านี้วะ มัวสนทนาเรื่องไร้สาระกับเจ๊ปลายฟ้าอยู่ได้!
ฉันรีบลุกขึ้นคว้าเอากระเป๋าสะพาย และใส่รองเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปที่ลานจอดรถทันที
ฉันเหยียบมิดคันเร่งออกจากบริษัท ตรงไปสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนที่จะปาดซ้ายปาดขวาแซงทุกคัน แต่ไม่ลืมที่จะตั้งแจ้งเตือนในโทรศัพท์ ถึงไฟลท์ที่เขาขับไว้ เมื่อล้อแตะพื้นเครื่องจอดสนิทเมื่อไหร่
‘ตึ้ง’ เสียงแจ้งเตือนแบบนี้จะดังเตือนฉันทันที ดังแล้วทไคล์ถึงแล้ว รีบสิวะ!
ระหว่างจอดรอไฟแดง ฉันก็รีบส่งไลน์บอกต้นไม้คร่าว ๆ ว่าจะไปรับ มันตอบว่าอะไรฉันก็ไม่ทันอ่าน รีบบึ่งออกมาก่อน ตอนนี้ฉันลุ้นมาก... ลุ้นว่าไคล์จะอยู่รอกับต้นไม้รึป่าว ฉันอยากเจอเขา แค่เจอก็ยังดี
‘เอี๊ยด’
“ตรงนี้จอดไม่ได้นะครับ!” อะไรอีกวะ! ยามวิ่งมาเคาะกระจกรถสปอร์ตฉันทันทีที่รถฉันจอดเทียบประตูทางออกหนึ่ง ฉันรู้น่า... ว่าช่องจอดนี้เป็นที่จอดรถตู้รับส่งลูกเรือ
แล้วไง กูก็มารับ กูไม่สน!
‘ฟรืด’ ฉันเลื่อนกระจกรถลง และถอดแว่นกันแดดออกมองหน้ายาม
“มารับผัว ผัวเป็นกัปตัน”
“เอ่อ...” ยามคนนั้นมองฉันเลิ่กลัก
“มีอะไรจะพูดอีกไหม? ขอจอดแป๊บนะ” เมื่อยามอึกอัก ฉันก็สวมแว่นกันแดดราคาแพงกลับเหมือนเดิม ก่อนที่จะเลื่อนกระจกปิด และเปิดไฟกะพริบไว้
‘ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก’ ฉันนั่งมองประตูทางออกพร้อมกับนิ้วชี้ ที่วางตรงพวงมาลัย ก่อนจะกระดิกตามจังหวะสัญญานไฟ ที่ตัวเองเปิดไว้ตามจังหวะ
ออกมาสักทีสิวะ! นับควายในฝูงอยู่รึไง ฉันจอดรถตรงนี้จะสิบห้านาทีแล้วนะเว้ย ตอนนี้ยามเริ่มมองหน้าแล้วด้วย!
ฉันตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ และลงไปยืนพิงรถ พร้อมกับมือสองข้างที่กอดอก และเสียงถอนหายใจยาว ๆ
จนฉันได้ยืนเสียงคนคุยกันเจี้ยวจ้าว มองไปก็เป็นกลุ่มลูกเรือแอร์โฮสเตสสาวและกัปตัน ที่เดินหัวเราะกันออกมา ใช่แล้วล่ะ ไคล์กับต้นไม้ และไคล์กำลังหัวเราะกับแอร์คนนึง ที่หน้าเหมือนหมาไน
อิดอก... ทำไมแกต้องหัวเราะและทำตัวสนิทสนมกับไคล์
“เจ๊ ผมบอกในไลน์แล้วนี่ว่ามีรถไปส่ง มารับทำไม” พอต้นไม้หันมาเห็นฉันมันก็ถามทันที แต่ไคล์ที่หัวเราะคิกคักกับอิผีนั่น เขากลับเงียบและมองฉัน
เมื่อไหร่กูจะได้เป็นเมียมึงเนี่ย กูจะเอาน้ำร้อนมาราดฆ่าเชื้อโรคแถวนี้ให้หมด ดูสิ พอก้าวออกจากประตูสนามบิน ยัยแอร์นั่นก็ควงแขนไคล์เชิดหน้า! เชิดจนหน้าจะถึงหลังคาแล้ว
ยังจะมองหน้ากูอีก กูตบนะ!
“เจ๊ ผมถามเจ๊อยู่นะ” ฉันถอนหายใจยาว ๆ และถอดแว่นกันแดดมองต้นไม้
“ผ่านมาพอดี พ่อให้มารับ” และไคล์ก็จับมือแอร์คนนั้นออกจากแขน แล้วหันมายิ้มให้ฉันแทน
“สวัสดีครับป้า... สบายดีนะ” แอร์สาวเงยหน้ามองเขาสลับกับฉัน นางคงสงสัยว่าทำไมไคล์ถึงแกะมือนางออก ก็กูเมียหลวงไง มึงไม่เก็ทเหรอ?
แต่นางดันฉีกยิ้มให้ฉัน แล้วพูดว่า...
“สวัสดีค่ะคุณป้า ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ หนูสายไหม” ฉันมองไคล์แว๊บนึง แล้วหันหน้าไปทางอื่นอย่างรำคาญ
“ป้าพ่อมึงสิ” แต่ต้นไม้คงได้ยินชัดแจ๋ว มันรีบเดินมาข้าง ๆ ฉัน และจับแขนฉันทันที
“เจ๊... กลับเถอะจอดรถนาน เกะกะ” ฉันพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินไปตอบไคล์ ก่อนขึ้นรถ
“ฉันสบายดี... นายคงสบายดีนะ”
“ครับ... ขับรถดี ๆ นะ” เท้าที่ก้าวหยุดชะงักแป๊บนึง แต่ฉันก็รีบเดินอ้อมไปขึ้นรถ แอบมองเขาผ่านกระจกแทน
มึงควงกันแบบนี้ มึงคงกินกันที่ญี่ปุ่นมาแล้ว ฉันมองไคล์ที่ยืนล้วงกระเป๋ารอรถมารับ พร้อมกับกำพวงมาลัยแน่น จนต้นไม้เก็บกระเป๋าเสร็จและขึ้นมาฉันถึงรีบเหยียบคันเร่งอัดท่อดัง ๆ ใส่หน้าไคล์
หมั่นไส้! ‘บรื้น...’
“เชี้ยอะไรวะ? เจ๊!”
“รำคาญ!” ต้นไม้รีบดึงเข็มขัดรัดทันที ขณะที่ฉันเลี้ยวโค้งออกจากสนามบินด้วยความเร็วร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง
“รำคาญอะไรวะ บนเครื่องก็ตกหลุมอากาศแล้ว! แม่งลงมาเจออะไรแบบนี้อีกกู โคตรซวย!”
อะไรนะ! ฉันผ่อนคันเร่งลงวูบ และตั้งสติใหม่
“ยังไม่ตายก็ดี แล้วมี... ใครเจ็บรึป่าว?” ต้นไม้มองฉันแปลกใจ และหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง
“ผมไม่เป็นอะไร แต่ไอ้ไคล์ลุกไปเข้าห้องน้ำพอดี หัวเลยชนขอบประตูห้องนักบิน ส่วนแอร์คนอื่น ๆ ล้ม โชคดีที่ผู้โดยสารไม่มีใครเป็นอะไร เฮ้อ... ปวดหัวฉิบ”
แล้วต้นไม้ก็ปรับเบาะนอน แต่หางตาฉันเห็น เห็นว่ามันไม่ได้หลับ มันแอบมองฉันเป็นพัก ๆ แต่ฉันทำเป็นไม่สนใจ
จนรถจอดติดไฟแดง แล้ว... ‘ตึ้ง’
LINE | KAI
[KAI: ทำไมต้องขับรถเร็วขนาดนั้น?]
[KAI: อันตรายนะป้า]
ฉันขยับตัวซ้ายทีขวาทีบนโซฟา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งวางหมาดๆ ขึ้นมากดโทรหาพี่เชนอีกครั้งแต่โทรเท่าไหร่พี่เชนก็ไม่รับ แถมสายหลังๆยังปิดเครื่องอีกต่างหากเขาขับรถอยู่ ติดประชุม หรือยุ่ง? ทำไมไม่บอกฉันบ้าง นี่จะมืดค่ำแล้วนะฉันเป็นห่วง และท้องฉันก็แก่มากด้วย ทำไมพี่เชนกล้าทิ้งฉันไว้แบบนี้ตุบๆฉันคลำท้องป่องๆที่โดนลูกถีบทันที ตอนนี้ฉันลุกขึ้นแทบจะไม่ไหวแล้ว อยู่ๆก็เริ่มหน่วงไปทั่วเชิงกราน ปวดมากๆอยู่เป็นระยะๆ"โอ๊ะ โอ้ยยยย...ปวดท้อง พี่เชน พี่เชนอยู่ไหน!"ใจเย็นๆลูก ทำไมต้องปวดวันที่พ่อไม่อยู่ด้วย!"พี่เชนนนนนน"ฉันไม่รู้จะทำยังไง จะเอื้อมหยิบโทรศัพท์กดโทรอีกครั้งก็ไม่ได้ ได้แต่ร้องเรียกกระวนกระวายบนโซฟาร้องจนน้ำตาไหลอาบแก้มร้องจนตัวเองเหนื่อย และนอนซมเม็ดเหงื่อที่เกาะไปตามใบหน้าไม่ไหวแล้ว...ตายแน่ๆ ฉันตายแน่ๆ เจ้าแฝดไม่ใจเย็นช่วยฉันเลยกริ่ง~ กริ่ง กริ่ง~เสียงกริ่งที่ดังขึ้นหน้าประตู ทำร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของฉันฟื้นกลับมา ฉันลืมตาที่ปรืออยู่เบิกกว้าง และเมื่อหันขวับมองไปที่ประตูก็เห็นเงาร่างโตของใครยืนอยู่ตรงนั้นพอดี"ช่วยด้วย ! ชะ..ช่วยด้วยค่ะ!"'ส่งพัสดุครับ!' รู้แล้วคุณบุรุษไ
เรื่องท้องไม่ท้อง..คงต้องเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้ฉันกับพี่เชนถูกดึงกลับไปนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่แล้ว และทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวว่าฉันควรมีลูกแฝด มีแข่งกับพี่เจแปนไปเลย"ไม่ไหวครับๆ คนเดียวก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่?^^" พี่เชนตอบยิ้มๆแล้วตักนู่นตักนี่ให้ฉันกิน"ไม่ไหว? เออๆเดี๋ยวยกโซลให้ไปเลี้ยงหนึ่งวัน คงไม่อยากมีลูกไปเลย" พี่กัปตันพูดนิ่งๆ..แต่ชวนทุกคนขำกลิ้งทั้งโต๊ะ แต่มีคนทำหน้าไม่พอใจคือหลานชายตัวแสบ ที่นั่งมองหน้าพ่อและเคาะช้อนพลาสติกลงจาน แกร้กๆ~โวยวายเสียงแจ๋นลั่นร้าน"แอ๊ แอ้~!""เอาเข้าไปๆ จะทำสงครามกับพ่ออีกแล้วโซล^^""แสบจริงๆหลานลุง แสบเหมือนใคร^^" พี่ฮาวายจิ้มแก้มโซลจนแก้มป่องๆยุบลง บอกเลยใครๆก็หมั่นเขี้ยวเจ้าแสบจนพี่เจแปนก้มลงถามลูก.."แสบเหมือนพ่อใช่ไหมโซล?^^""แอ้~~^^" เห็นมั้ย..โซลตอบแม่ทันที น่ารักน่าตี จนถูกพ่อกับแม่รุมหอมแก้มหอมหัวหลังจากกินข้าวงานเลี้ยงเล็กๆง่ายๆ..เราก็แยกย้ายกันกลับ พ่อแม่พี่เชนนอนโรงแรมที่สนามบินกลับกันพรุ่งนี้เช้า ส่วนฉันกับสามีกลับคอนโดนอน และแน่นอนมีฉลองกันเล็กๆในห้อง..ก็คือการปั๊มลูก เราจัดกันทันทีที่มาถึง กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวจนหมดแรง..."จ
เปิดออกมาก็เห็นลูกโป่งอัดแก๊สสีชมพู ผูกกับกระถางต้นไม้มุมระเบียง และบนผนังมีริบบิ้นหลากสีติดเป็นลูกศรชี้ลงไปข้างล่าง...ฉันจึงรีบเดินไปเกาะราวระเบียงชะเง้อมองตาม สอดส่องสายตาลงไปตามลูกศรบนผนัง..จนเห็นคนคุ้นเคยคนนึงยืนอยู่ข้างล่าง ข้างๆสระว่ายน้ำส่วนกลางของคอนโด ก่อนเขาจะเงยขึ้นเมื่อเห็นฉันยืนอยู่..และป้องปากตะโกนว่า"กลับมาแล้วค้าบบบบบบ!!^[]^"ฉันยิ้มทั้งน้ำตา..ที่เริ่มคลอออกมาสองข้าง อยากจะตะโกนกลับแต่กลัวห้องอื่นรำคาญ จึงตัดสินใจเดินกลับเข้าห้องไปหยิบโทรศัพท์ ออกมาโทรหาพี่เชนแทนฉันยกโทรศัพท์แนบหนูก้มมองคนข้างล่างยิ้มแป้น ...ห้องฉันอยู่ชั้นห้า ถึงจะเห็นหน้าเขาไม่ค่อยชัด แต่ฉันเห็นรอยยิ้มกว้างๆเขาชัดแจ๋วCalling P'Chain"ฮัลโหล..กลับมาแล้วเหรอคะ?^^" พี่เชนยิ้มแล้วโบกมือให้ฉัน ก่อนจะพูดตอบกลับมาว่า(กลับมาแล้ว..ไม่ไปไหนแล้ว ทนไม่ไหว..คิดถึงใจจะขาด)บ้าๆฉันเขินนะ หยุดเขินไม่ได้เลย>\\พี่เชนอ่ะ แล้วนี่ให้ไทเปใส่เวลส์เจ้าสาวทำไมคะ...แค่กลับมาเอง^^" ฉันทำถาม ถึงจะรู้ลึกๆว่า..เขาน่าจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน(อ้าวไม่เซอร์ไพรส์เหรอ? เฮ้อ..นี่พี่เซอร์ไพรส์ไม่เก่งใช่ไหม?)ฉันยิ้มมองคนล่างตัดเพ้
"ข้ามขั้นเลยเหรอ^^?""ข้ามเลยค่ะ ถ้าเทกันอีกอย่างน้อยไทเปก็ต้องได้อะไรบ้าง ว่าไงคะ..กล้าเทกันไหมคะ^^"พี่เชนดึงจมูกฉันทีนึงแล้วอมยิ้ม"หมั่นเขี้ยวจริงๆไม่กล้าครับ งั้นพรุ่งนี้ไปอำเภอกันเลยนะ^^"ฉันพยักหน้าหงึกๆแล้วกอดคอพี่เชนทันที ก่อนที่จะดันโน๊ตบุ๊คเขาไปห่างๆ..แล้วเอนตัวนอนราบลงโซฟา ไม่ต้องเดาว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าวไม่ต้องกินแล้ว..ให้พี่เชนบริหารลิ้น บริหารนิ้ว บริหารเอวก่อนอิ่มกันจุกๆฉันกับพี่เชนก็ปรึกษาหารือกันเรื่องวีซ่า โดยพี่เชนให้ความเห็นว่า เราจดทะเบียนสมรสก่อนค่อยขอวีซ่ากัน และพี่เชนจะสปอนเซอร์ค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างเพราะฉันมันคงว่างงานไม่มีอาชีพจากนั้นหลังเรียนจบ..เราจะกลับมาจัดงานแต่งเล็กๆกันที่ประเทศไทย เพราะพี่เชนเขาไม่อยากทำงานที่อเมริกาและอยู่ที่นั่น เขาคิดถึงส้มตำปูปลาร้าร้านหน้าปากซอยที่เขากินประจำ พูดถึงก็ทำหน้าเศร้า..ทำหน้าตาน่าสงสารใส่ฉัน-_-หลังจากบริหารช่วงล่างกันทั้งคืน เช้าวันต่อมาฉันกับพี่เชนก็ไปจดทะเบียนสมรสกัน เราจดไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จ ได้ทะเบียนมาฉันก็เช็คและแปลเอกสาร เพื่อเตรียมยื่นวีซ่าขอติดตามสามี อุ๊ย..สามี สามี เขินจัง..สามีภรรยาถูกต้องตามกฏหมายด้วยนะ"อ
สองเต้าหยุดชะงัก พร้อมกับฉันที่ค่อยๆเบิกตากว้างแล้วหันไปมองเจ้าของคำหวาน"พี่เชน...0//0""พี่รักไทเป พี่รู้แล้วว่าพี่รักไทเปจริงๆ" ได้ยินอีกครั้งน้ำตาฉันก็หยดเพาะลงแก้มขาว ก่อนฉันจะจ้องเขาน้ำตา..และค่อยๆก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากคู่สวยนั่น มันเป็นจุมพิตที่เนิ่นนาน นานจนวงแขนกว้างสวมกอดฉัน และดันจนเราแนบชิดกัน"รักแล้วยังไงคะ..รักแล้วจะแช่ของพี่เชนไว้แบบนี้เหรอ?.." ฉันถอนจูบประคองแก้มเขาถามเบาๆ และจ้องตาเป็นประกายของเขาไปด้วย ฉันไม่อยากร้องไห้เลย แต่ทำไมน้ำตาไหลก็ไม่รู้"ทำไม..แช่ไว้ไม่ได้เหรอ? คลอเคลียแบบนี้พี่ว่า..พี่คงได้เสียตัวอีก^^" ฉันปาดน้ำตาแล้วตีแขนพี่เชนดังเพียะ..จนเขารีบกระชับกอดและจับฉันลงไปนอนบนเตียงทันทีจากนั้นร่างใหญ่ก็ค่อยๆขยับถอดแก่นกายเปียกๆออกมา เขาขยับถูไถกับกลีบกุหลาบช้าๆจนมันผงาดขึ้นอีกครั้ง..."พะ..พี่เชน อื้ม~~ ไหวเหรอคะ?""พี่ตุนไว้เพียบ...แต่รอบนี้นานหน่อยนะ"และฉันก็เสียตัวอีกรอบ ไม่สิพี่เชนเสียตัวต่างหาก ไอ้เค้กช็อคโกแล็ตกับข้าวเหล้าไวน์ พี่เชนไม่ได้กินไม่ได้แตะหรอก เรามีอะไรกันจนสลบเหมือบกันทั้งคู่ รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เช้าตรู่อิ่มจนจุกกันไปเลยเช้า..ฉันนอนคว่ำ
"ฉันขอเวลาคิด ถึงฉันอยากกลับไปแค่ไหน เธอต้องเข้าใจฉันนะพิมดาว..ว่าฉันต้องเซฟตัวเองด้วย คนเคยเจ็บมา คนเคยถูกทิ้งมา..ฉันใช้เวลาไม่น้อยเลยนะกว่าจะยืนด้วยขาตัวเองได้"ฉันพูดทั้งน้ำตาและมองพิมดาวไปด้วย จนมือที่จับมือฉันค่อยๆคลาย..และแตะเบาๆ"โอเคๆฉันเข้าใจ แต่อย่าเผลอใจให้คนอื่นนะ ถ้าเรื่องนี้เธอดึงคนอื่นเข้ามา มันจะวุ่นวายไปใหญ่ ให้มันมีแค่เธอกับพี่เชนก็พอ ฉันเป็นกำลังใจให้เธอนะไทเป..ทุกๆเรื่องเลยสู้ๆ"ฉันพยักหน้าหงึกๆเหมือนเด็กสามขวบที่โดนโอ๋ จนพิมดาวลุกขึ้นมากอดและลูบหลังฉัน เธอลูบเบาๆแต่เหมือนฉันได้กำลังใจมหาศาล จนสักพัก..ฉันหยุดร้องไห้ ปาดน้ำหูน้ำตาที่ไหลเงยหน้าขึ้นมองเธอ"ฉันจะลองดู..แต่เธออย่าบอกเขาได้ไหม ว่าฉันรู้สึกยังไง""โถ่ไทเป..ไม่บอกพี่เชนก็รู้ กับพี่เชนเธอเคยห้ามใจตัวเองได้เหรอ? แววตาเธอมันฟ้องจะตาย " ฉันเงียบกริบเม้มปากนิดๆคิดตามคำพูดพิมดาวก็จริง..พิมดาวพูดถูก ฉันควบคุมไม่ได้เลย ยิ่งเจอเขาความต้องการฉันยิ่งมาก ฉันต้องการเขา อยากกอดเขา อยากทุกๆอย่าง และเมื่อวานฉันพยายามสุดๆที่จะไม่กระโจนใส่เขาคุยกับพิมดาวเสร็จฉันก็กลับคอนโดนอน ฉันไม่อยากไปไหนแล้วจริงๆ อยู่ๆก็อยากกลับห้องมา