“ได้เงินแล้ว งั้นก็ขึ้นรถสิ ฉันจะไปส่ง”
มือใหญ่ร้อนผ่าวคว้ามือเล็กบอบบาง แม้จะไม่นุ่มนิ่มเท่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเจอมา แต่เมื่อสัมผัสโดนเพียงนิดกลับทำให้หัวใจแกร่งกระตุกวูบราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นจากร่างกายของเธอพุ่งตรงเข้ามาสู่หัวใจของเขา
“เอ่อ นายไม่ต้องไปส่งฉันหรอก ฉันจะไปทำงาน”
“ก็ไปส่งที่ทำงานไง จะได้รู้ว่าเธอไม่โกหก”
คนเอาแต่ใจถือวิสาสะดันเธอเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะเดินอ้อมมาฝั่งคนขับแล้วรีบออกตัวอย่างแรงจนฝุ่นตลบทั่วบริเวณ
ไม่นานเกินรอ รถยนต์คันหรูสีดำมันปลาบก็เข้ามาจอดที่ลานกว้างหน้าร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่ตกแต่งอย่างน่ารักแสนหวาน ด้านในมีลูกค้านั่งอยู่หลายโต๊ะ ซึ่งส่วนมากเป็นกลุ่มผู้หญิงและคู่รัก มีเขาเท่านั้นที่มานั่งคนเดียว จึงเลือกมุมด้านในสุดแก้เขิน
ก็บรรยากาศแสนหวานชวนเลี่ยนแบบนี้เขาเคยมาใช้บริการที่ไหน แค่เห็นก็ขนลุกแล้ว เกิดไอ้พวกปากมอมมันรู้เข้าว่าเขามาส่งและนั่งเฝ้าสาวไซด์ไลน์ที่ร้านแบบนี้ พวกมันคงหัวเราะเยาะเย้ยเขาจนลูกบวช
“พี่แก้ว พรุ่งนี้ลิซขออนุญาตลางานหนึ่งวันนะคะ มีธุระนิดหน่อยค่ะ”
“ได้สิ แล้วแม่เป็นยังไงบ้างลิซ”
“ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ แต่ก็ยังเจ็บแผลผ่าตัดอยู่ ยังไปทำงานไม่ได้”
“ดีแล้วที่ท่านไม่เป็นอะไรมาก เหนื่อยหน่อยนะลิซ ช่วงนี้”
“ค่ะพี่แก้ว ลิซไหวค่ะ ขอแค่ได้เรียนต่อจนจบพร้อมเพื่อน”
“อืม มีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ อย่าเกรงใจล่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เจ้าของร้านแห่งนี้ใจดีกับเธอเสมอ เป็นแหล่งพักพิงของหงส์ปีกหักอย่างเธอมาสามปีเต็มจนย่างเข้าปีที่สี่แล้ว แม้ว่าเจ้าของร้านเองจะมีภาระหนี้สินมากมาย แต่ก็ยังใจดีพร้อมยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอเสมอ แต่เธอไม่เคยนำปัญหาของตัวเองไปรบกวนใครเลย ด้วยรู้ดีว่าเมื่อถึงคราวลำบาก ก็มีเพียงตัวเองเท่านั้นที่จะช่วยเหลือตัวเองได้
“จ้ะ งั้นไปรับออเดอร์ผู้ชายหล่อๆ ที่เดินตามลิซเข้ามาเมื่อกี้เถอะ ไม่รู้ว่ามารอแฟนหรือเปล่า ปกติร้านเราไม่ค่อยมีผู้ชายมานั่งคนเดียวนะ”
“เอ่อ ค่ะ”
เธอไม่บอกว่าเขามาพร้อมกับเธอ เพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ และคิดว่าอีกไม่นานเขาคงเบื่อและล่าถอยกลับไปเองเมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้ไปนอนกับผู้ชายคนอื่นอย่างที่เขากังวล
“นายจะเอาอะไรไหม หรือจะกลับเลย”
“นี่พนักงานร้านนี้ต้อนรับลูกค้าแบบนี้เหรอ บอกเจ้าของร้านดีไหม”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ คือฉันแค่คิดว่านายตามมาดูว่าฉันทำงานอะไร พอรู้แล้วก็อาจจะอยากกลับ ไม่คิดว่าจะมานั่งเสียเวลาดูฉันทำงาน เพราะร้านแบบนี้คงไม่มีผู้ชายคนไหนมาซื้อบริการฉันหรอก”
“หึ ก็ฉันนี่ไง อีกอย่างนี่ก็เย็นแล้ว ฉันยังไม่ได้กินข้าว เธอก็จะไล่ฉันกลับ พอได้เงินแล้วก็ไม่ต้องแคร์ลูกค้าอย่างฉันแล้วงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้น ฉันขอโทษแล้วกันที่ลืมคิดเรื่องนี้ไป งั้นนายจะกินอะไรดีล่ะ”
“ที่นี่มีอะไรอร่อยล่ะ”
“ก็พวกข้าว สเต๊ก ขนมหวาน”
“งั้นเอาสเต๊กมาสองที่ แล้วเธอก็มานั่งกินกับฉัน”
“ไม่ได้หรอก ฉันทำงานอยู่นะ แล้วลูกค้าก็กำลังเข้าร้านด้วย”
“เธอก็ยังไม่ได้กินข้าวไม่ใช่เหรอ”
“ฉันกินข้าวหลังร้านปิดนู่นแหละ เอาแค่สเต๊กนะ เดี๋ยวฉันจัดการให้”
คิริวมองตามร่างบางที่เดินหายเข้าไปในร้านแล้วอดที่จะแปลกใจไม่ได้ ในเมื่อเธอทั้งสาวทั้งสวย ขายตัวได้ครั้งละครึ่งแสนแบบนี้ ทำไมต้องมาเป็นเด็กเสิร์ฟให้เหนื่อยเปล่าๆ ในเมื่อแค่นอนเฉยๆ ร้องครางเสียงหวานๆ ก็ได้เงินมากมายขนาดนั้นแล้ว จะว่าเธอติดหรู ใช้จ่ายเงินสิ้นเปลืองก็ไม่น่าใช่ ก็ดูตั้งแต่หัวจรดเท้าเธอไม่มีของแบรนด์เนมสักชิ้น กระเป๋าที่ใช้ยังเป็นผ้ากระสอบแสนเชยอยู่เลย
แก้วทรงสวยที่เหลือเพียงน้ำแข็งถูกวางลงข้างๆ กับแก้วว่างเปล่าอีกหลายใบ ดวงตาคมกริบมองไปยังแผ่นหลังเล็กที่กำลังเก็บจานเมื่อลูกค้าโต๊ะสุดท้ายเพิ่งออกจากร้านไป ตอนนี้ทั้งร้านจึงเหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่เป็นลูกค้า
“เอ่อ คิริว ร้านปิดแล้ว นายจะเช็กบิลเลยไหม”
“อืม เอาสิ”
คนหล่อยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา ไม่รู้ว่านั่งอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว แต่ดูจากจำนวนแก้วน้ำบนโต๊ะก็คงจะนานอยู่พอดู
“สี่ทุ่มแล้วเหรอวะ แล้วกูมานั่งทำห่าอะไรที่นี่วะเนี่ย”
คนตัวโตส่ายหน้าระอาตัวเอง ไม่เข้าใจหรอก ว่ามานั่งทำอะไร แต่ก็ให้เหตุผลไปว่ามานั่งเฝ้าสินค้าที่เขาซื้อมาในราคาแพง ไม่ให้ไปเสนอขายให้ใครตัดหน้าเขาอีก แล้วหลังจากคืนพรุ่งนี้ เธอจะไปเร่ขายให้ใครมันก็เป็นเรื่องของเธอ เพราะคนอย่างคิริว ไม่เคยใช้ผู้หญิงคนเดิมๆ ซ้ำซาก ยิ่งท่าทางนิ่งๆ หน้าตาไร้รอยยิ้ม ดวงตาเศร้าๆ อย่างเธอ แค่คืนเดียวก็คงจะเต็มกลืนแล้ว
“ฉันไปรอเธอที่รถนะ เสร็จแล้วก็ตามไปแล้วกัน”
เมื่อจ่ายเงินพร้อมทิปให้เธอหนักๆ ก็นัดแนะสถานที่กับเธออีกครั้ง
“จะรอทำไม เลิกงานแล้วฉันก็ขึ้นรถเมล์กลับห้อง ไม่ได้ไปไหนต่อแล้ว นายกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”
“ใครจะเชื่อล่ะ ไหนๆ ก็นั่งรอมาตั้งห้าชั่วโมงแล้ว ไปส่งเธออีกนิดก็คงไม่เป็นไร”
“แต่ฉันไม่สะดวก”
“ทำไม กลัวว่าถ้าฉันรู้ที่อยู่ของเธอแล้วจะตามไปวอแวเธอหลังจากนี้เหรอ อลิซ นี่เธอไม่รู้จักฉันหรือไง ถึงคิดว่าฉันจะตามตื๊อผู้หญิงที่เคยนอนด้วย”
มันก็จริงของเขา เพราะชื่อเสียงของเขาออกจะโด่งดัง สาวๆ คณะเธอที่สวยๆ ล้วนแต่โดนเขากวาดมาเกือบหมดแล้ว แถมทุกคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาไม่เคยเรียกใครไปนอนด้วยซ้ำสอง
“ฉันก็แค่เกรงใจนาย”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก มาถึงขนาดนี้ละ เลิกงานแล้วรีบตามไปล่ะ จะรอที่รถ”
“ก็ได้”
อีกครึ่งชั่วโมงถัดมา เขาก็มาจอดรถส่งเธอที่หน้าหอพักขนาดกลางที่ค่อนข้างซอมซ่อ ทั้งยังอยู่ในซอยที่ค่อนข้างเปลี่ยว มองลึกเข้าไปในซอยนั้นมืดสนิทแทบไม่มีแสงไฟ ดีที่หอพักของเธอไม่ได้อยู่ลึกอะไร แค่เข้าซอยมาไม่ถึงห้าสิบเมตรเท่านั้น
เขากวาดตามองบริเวณโดยรอบผ่านกระจกด้านหน้าของรถยนต์ นอกจากตึกซอมซ่อและซอยเปลี่ยวๆ แล้ว ด้านหน้าของตึกยังมีพวกขี้เหล้านั่งตั้งวงดื่มกินกันเสียงดัง ดูท่าทางไม่น่าไว้วางใจสักนิด ไม่เข้าใจว่าเธอทนอยู่ในสถานที่แบบนี้ไปได้อย่างไร
“นี่ห้องของเธอเหรอ”
“ใช่”
"เธออยู่กับใคร แฟนเหรอ”
“ฉันไม่มีแฟน อยู่กับแม่แค่สองคน”
“เธอหาเงินได้ไม่น้อยเลยนะ ทำไมมาอยู่ในที่แบบนี้ ไม่กลัวหรือไง”
อยากจะบอกออกไปเหลือเกินว่าที่เขาหาว่าเธอหาเงินได้เยอะจากการนอนทอดร่างให้ชายหนุ่มเชยชมนั้น เธอเพิ่งทำมันเป็นครั้งแรก และเขาเป็นลูกค้าคนแรกและคนเดียวในชีวิตของเธอเพราะจะไม่มีทางทำแบบนี้อีกเด็ดขาด แต่เรื่องอะไรจะให้เขารู้เรื่องนี้ล่ะ
“ฉันสะดวกแบบนี้ ที่นี่ก็ราคาถูก ไม่ไกลมหาลัยมากด้วย”
“เธองกขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าวันหนึ่งโดนไอ้พวกขี้เมาลากไปข่มขืนแล้วจะรู้สึก”
เขาไม่รู้หรอก ว่าตลอดเวลาที่เธออยู่นี่มาสามปีกว่า พวกขี้เมาพวกนี้นี่แหละเป็นเพื่อนบ้านที่มีน้ำใจ ครอบครัวของพวกเขาแม้จะหาเช้ากินค่ำ แต่ก็ไม่เคยสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ใคร หาเงินได้เท่าไรก็ใช้เท่านั้น
ถือได้ว่า พวกคนจนๆ เท่านั้น ที่จะเข้าใจและเห็นใจกัน ต่างจากพวกผู้ดีที่แสนร่ำรวย ปากหวานก้นเปรี้ยว ต่อหน้าทำอีกอย่าง ลับหลังทำอีกอย่าง ไม่เคยมีความจริงใจให้ใคร หักหลังได้แม้กระทั่งเพื่อนที่รักและเชื่อใจ จนเธอและครอบครัวต้องสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้ ไม่เหลือแม้กระทั่งชีวิตพ่อของเธอ
มือใหญ่สอดเข้าล็อกท้ายทอย บังคับเธอแหงนหน้าขึ้นรับเรียวลิ้นที่เข้าไปกวาดต้อนความหวานในโพรงปากอย่างหิวกระหาย เมื่อพอใจแล้วก็ละริมฝีปากมาบดจูบกลีบปากนุ่มนิ่มที่เริ่มบวมเจ่อของเธออีกครั้งคนตัวบางหลับตาพริ้ม แหงนเงยใบหน้าขึ้นเมื่อเขาไล้ปลายจมูกพร้อมเม้มจูบไปทั่วแก้มสาว ลามเลยเข้ามาซุกไซ้ยังซอกคอขาว ๆ ซึ่งส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของผิวเนื้อนางที่ผสมผสานกับโลชันทาผิวกลิ่นดอกไม้ กลายเป็นฟีโรโมนชั้นดีซึ่งเขาไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อนซอกคอหอมกรุ่นกลิ่นสาวทำเอาเขาแทบคลั่ง จากค่อย ๆ พรมจูบดูดเม้มช้า ๆ จนทั่วทั้งลำคอนั้น กลับกลายเป็นซุกไซ้สูดดมกลิ่นเนื้อตัวเธออย่างบ้าคลั่งราวกับคนที่กำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ ทั้งยังส่งเสียงครางฮือในลำคอบ่งบอกความพึงพอใจ ยิ่งทำให้สาวน้อยตัวสั่นสะท้านราวลูกนกชุดคุลมอาบน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัวแสนเกะกะถูกถอดทิ้งกองลงบนพื้น ร่างบางลอยหวือขึ้นมาอยู่แนบอก เพียงชั่วอึดใจก็ลงไปนอนอยู่บนที่นอนนุ่ม โดยมีคนตัวโตที่เรือนร่างเปลือยเปล่าไม่ต่างกันคร่อมทับอยู่ดวงตาคมกริบวาบขึ้นเมื่อกวาดมองเรือนร่างบอบบางขาวผ่องตรงหน้า ผิวของเธอเนียนละเอียดขาวสว่างจนตาพร่า หน้าอกใหญ่โตเกินตัวไปมาก มากกว่า
“ริว กินข้าวลูก”คิริวเดินผิวปากอารมณ์ดีเข้ามาในห้องอาหาร เขาตรงเข้าหอมแก้มแม่ของตัวเองทั้งซ้ายและขวาอย่างประจบประแจง“ไม่กินแล้วครับแม่ ผมมีนัด คืนนี้ไม่กลับมานอนบ้านนะครับ”เขายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคนในห้องอาหารแล้วเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับผิวปากอารมณ์ดีอีกครั้ง ในขณะที่คนเป็นป้ายิ้มกริ่มพึงพอใจเพราะคิดว่าหลานชายตัวเองมีนัดกับพิมพ์พลอย“เห็นไหม พี่บอกแล้ว ว่าตาริวยังไงก็ต้องชอบคนสวยแบบหนูพลอย เป็นไงล่ะ เจอกันแค่วันเดียวก็นัดกันออกไปเดตซะแล้ว”ช้องนางหันมองหน้ากับสามีตัวเองด้วยความแปลกใจ ท่าทางคิริวเมื่อคืนนี้ไม่เห็นจะเหมือนคนตกหลุมรักสาวสวยคนนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่วันนี้ทำไมอารมณ์ดีที่ได้ออกไปเดตเสียได้ วัยรุ่นนี่เข้าใจยากเสียจริง“ปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็ก ๆ เถอะค่ะพี่ช่อ”“จ้ะ ๆ แค่นี้พี่ก็สบายใจแล้ว ท่าทางคู่นี้จะเป็นไปได้สวย เฮ้อ ได้กลับบ้านเสียที ได้ข่าวว่าลูกยัยผกาเลิกกับแฟนอีกแล้ว เห็นไหม ถ้าเชื่อป้าของมันตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องรัก ๆ เลิก ๆ กับคนที่ไม่เหมาะสมแบบนี้หรอก เดี๋ยวจะหาผู้หญิงใหม่ให้เสียหน่อย”“พี่ช่อคะ”“เงียบไปเลยนะเรา ไม่ต้องมาห้ามพี่ ที่ทำทั้งหมดก็เพราะรักและเป็นห่วงหลาน
“แต่ผมมีครับพ่อ ผมไม่ได้ชอบพลอย ไม่ได้อยากมีแฟน ไม่อยากมีคู่หมั้นและไม่อยากแต่งงาน ผมไม่ยินดีที่จะมีงานหมั้นเกิดขึ้น ขอโทษทุกคนด้วยนะครับที่ต้องพูดตรง ๆ แต่ผมว่าแบบนี้มันดีกับพลอยมากกว่า พลอยจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากับผม เพราะยังไงผมก็ไม่มีวันยอมหมั้นโดยที่ผมไม่ได้รู้สึกชอบหรอกนะครับ”พิทักษ์และกมลชนกอ้าปากค้าง เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคิริวจะกล้าพูดออกมาตรง ๆ แบบนี้ คงเป็นเพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบฝรั่งสินะในขณะที่พิมพ์พลอยทำได้แค่กำมือแน่นและกัดกรามข่มอารมณ์ไม่พอใจที่กำลังจะระเบิดออกมา เธอจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด อย่างไรผู้ชายคนนี้ต้องเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น“คิริว ทำไมหลานเสียมารยาทแบบนี้”ช่อม่วงเอ็ดหลานชายเสียงดัง“ผมพูดความจริงครับป้า”“วันนี้ไม่ชอบไม่เป็นไร เพราะริวกับหนูพลอยเพิ่งเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียว ยังไม่ทันได้ทำความรู้จักกันเลย ป้าอยากให้ริวไปรับพลอยไปเที่ยว ไปกินข้าวด้วยกันบ่อย ๆ หาโอกาสใกล้ชิดกัน สักปีครึ่งปีเป็นไง พอถึงตอนนั้น ถ้าไม่ชอบ ค่อยมาว่ากันอีกที แต่ยังไงป้าก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ป้าขอยืนยันว่าริวต้องมีคู่ครองที่สมหน้าตา ในฐานะผู้บริหารที่วันหนึ่ง
“คิริว เรียนวิศวะโยธาหรือคะ”แม้จะรู้ประวัติของเขามาบ้างแล้ว แต่ก็ต้องหาเรื่องมาชวนคุย เมื่อเขาเอาแต่พาเธอเดินชมนกชมไม้ ทั้งที่ในมือกดโทรศัพท์ ไม่ได้ชายตามาแลเธอสักนิดเดียวจนรู้สึกอึดอัด“ครับ เรียกผมว่าริวเฉย ๆ ก็ได้นะ แล้วพลอยล่ะ”เขาต้องถามกลับเพื่อไม่ให้เสียมารยาท แต่ที่จริงเขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องของเธอเลยแม้แต่น้อย ถ้ารู้เอาไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร“พลอยเรียนบริหารค่ะ เสียดายจังนะคะที่ไม่ได้เรียนมหาลัยเดียวกับริว ได้ข่าวว่าสาวบริหารที่นั่นสวยมากเลยหรือคะ”“ครับ สวยมาก ที่จริงผู้หญิงทุกคนก็มีความสวยในแบบของตัวเองอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าใครจะดึงเสน่ห์ของตัวเองมาใช้ได้มากกว่ากันเท่านั้นครับ”เธอยิ้มรับคำพูดของผู้ชายเจ้าชู้ที่มองว่าผู้หญิงทุกคนคือดอกไม้งามประดับโลก และเพียงแค่เด็ดดมครั้งสองครั้ง กลิ่นหอมเฉพาะตัวเหล่านั้นก็หมดไปเสียแล้วแต่ดอกไม้ราคาแพงอย่างเธอ อย่างไรเสียถ้าเขาเด็ดมาดอมดมแล้ว จะไม่มีวันทิ้งเธอได้ง่าย ๆ เหมือนดอกไม้ไร้ค่าพวกนั้นแน่นอน“แล้วริวชอบผู้หญิงแบบไหนล่ะคะ”เธอเอ่ยถามพร้อมทั้งส่งสายตายั่วยวน ถ้าเธอไม่ใช่คนที่ป้าเขาอยากได้มาเป็นหลานสะใภ้ อย่างไรคืนนี้ก็ต้องมีคลานลงจากเ
แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธแม่ได้ จึงต้องโทรไปรบกวนคนตัวบางที่กำลังจะเข้านอนหลังจากเพิ่งบอกแม่ว่าพรุ่งนี้เธอต้องไปรับงานพิเศษและต้องค้างคืนกับมัสยา“สวัสดีค่ะ”“ฉันเอง”เสียงทุ้มที่เริ่มจะคุ้นหูทำให้เธอแปลกใจ เขากลัวเธอจะเบี้ยวจนถึงขั้นโทรมาเช็กกันเลยหรือ“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่า”เธอไม่กล้าเรียกชื่อเขา เพราะไม่อยากให้แม่ที่นอนหลับอยู่ด้านข้างรู้ว่าเธอคุยกับผู้ชาย ก่อนจะแอบเดินเลี่ยงออกมาคุยที่ระเบียงแทน“พรุ่งนี้ฉันขอยกเลิกนัดเราก่อนนะ ฉันมีธุระด่วน”“อ๋อ ได้สิ แล้วนายจะเอายังไงต่อ”“วันเสาร์เธอว่างไหม ฉันจะไปรับเธอที่หอแต่เช้า”“นายจะทำอย่างนั้นตั้งแต่เช้าเลยเหรอ”คนตัวบางเบิกตากว้าง เผลอโพล่งออกไปด้วยความตกใจ คนหื่นๆ อย่างเขาไม่รู้จักอายเลยหรือไง“ทำไมล่ะ ทำไม่ได้หรือไง”“เอ่อ คือ ไม่รู้สิ งั้นถ้านายมารับฉันแต่เช้า คงไม่ต้องค้างคืนใช่ไหม ฉันมีงานพิเศษตอนเย็นทุกวัน”“ร้านเดิมเหรอ”“ใช่”“เธอก็เปลี่ยนวันลาสิ จากวันศุกร์เป็นวันเสาร์”“แต่นายมารับฉันตั้งแต่เช้าแล้ว ยังต้องค้างคืนอีกเหรอ นายจะไม่พักบ้างหรือไง”“หึหึ พักไม่พักเดี๋ยวเธอก็รู้เอง ทำตามที่ฉันสั่งเถอะน่า ฉันเป็นลูกค้าวีไอ
“ไม่มีใครทำแบบนั้นหรอก คนจนก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมด”“ฉันก็แค่เตือนด้วยความหวังดี”“งั้นก็ขอบคุณที่มาส่งนะ”“เดี๋ยวสิ พรุ่งนี้เธอคงไม่ลืมใช่ไหม ว่าเรามีนัดกัน”ดวงตาคมกริบวาบขึ้นในความมืด นัยน์ตาสีน้ำตาลลึกล้ำจนอ่านไม่ออก แต่มันกลับทำให้ใบหน้าสาวร้อนวูบวาบแดงซ่านไปจนถึงใบหู“เอ่อ ไม่ลืมหรอก นายจะให้ฉันไปเจอที่ไหนล่ะ โรงแรมอะไร”“ไปคอนโดของฉัน”“คอนโดเหรอ”“อืม สะดวกดี แล้วก็ไปยืนรอฉันที่ข้างตึกคณะแล้วกัน เลิกเรียนจะไปรับ”“ฉันไม่อยากให้ใครเห็น ฉันไปเองก็ได้”“รถติด เสียเวลา งั้นเธอมาหาฉันที่รถก็ได้ เหมือนวันนี้”“อืม ก็ได้”“อย่าลืมเอาเสื้อผ้าไปด้วยล่ะ ชุดนอนไม่ได้นอน มีไหม ฉันชอบแบบนั้น”“อะ เอ่อ ไม่มีหรอก”คำพูดหน้าไม่อายของเขาทำเอาเธอหูอื้อไปหมด จะให้เธอใส่ชุดนอนบางเบาจนมองทะลุปรุโปร่งต่อหน้าเขาได้อย่างไร เธอกะว่าคืนพรุ่งนี้จะขอร้องให้เขาปิดไฟ ซึ่งก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะยอมหรือเปล่า“ไม่มีก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องใส่ก็ได้ แค่ผิวขาวๆ ของเธอก็คงทำให้ฉันมีอารมณ์มากแล้วล่ะ”ยังไม่ทันจะได้เห็นผิวขาวๆ ของเธอภายใต้ร่มผ้าเลยสักนิด แค่จินตนาการไปตามคำพูดของตัวเอง ลูกชายคนโตที่ขนาดเทียบเท่ามาตรฐา