หลายวันต่อมา…
ประธานหนุ่มจิบกาแฟมองวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวงตอนเช้าผ่านห้องทำงานในบริษัทเดอะเพกาซัสอย่างผ่อนคลาย ดีที่วันนี้เขาเดินทางมาทำงานตั้งแต่เช้าทำให้ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาการจราจรติดขัดที่แก้ไม่มีวันหาย
ต้องแลกมาด้วยการตื่นตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง ทว่ามันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของเขาอยู่แล้ว คลื่นเคยทดลองตื่นสายดูบ้าง ผลที่ได้คือมีอาการปวดหัว สมองเบลอตลอดทั้งวัน เลยไม่คิดจะฝืนธรรมชาติของตนเองอีกต่อไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก~
“เชิญครับ”
“ขออนุญาตค่ะท่านประธาน”
คลื่นเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างอีกรอบ เพื่อปล่อยให้เลขานุการคนสนิทแจ้งตารางงานของวันนี้เหมือนเช่นเคย
“วันนี้ท่านประธานมีประชุมกับบอร์ดบริหารตอนสิบโมงเช้า คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง เมื่อทานข้าวเสร็จจะมีคนมาพบท่านตอนบ่ายโมงตรง จากนั้นต้องไปที่สนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่นค่ะ” เมื่อจีน่ากล่าวรายละเอียดครบถ้วน จึงแฟ้มเอกที่เจ้านายหนุ่มต้องลงนามไว้บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ “ส่วนอันนี้เป็นเอกสารที่ท่านต้องเซ็นด่วนค่ะ”
คลื่นวางแก้วกาแฟลงบนจานรอง ก่อนจะเท้ามือบนโต๊ะพร้อมทั้งก้มตัวลงไปเปิดแฟ้มเอกสาร กวาดสายตาอ่านเนื้อความแล้วถึงจะจรดปากกาเซ็นชื่อ
“คุณบอกว่าจะมีคนมาพบผม ใครนะ”
“คุณน้ำหวานติดต่อมาทางดิฉันแจ้งว่าเพื่อนสนิทของเธอจะยื่นกู้เงินกับท่านประธานค่ะ”
“งั้นเหรอ…คุณเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
“เรียบร้อยค่ะ ดิฉันเห็นว่าเป็นเพื่อนสนิทคุณน้ำหวานเลยระบุดอกเบี้ยอัตราเดียวกัน หรือท่านประธานอยากเปลี่ยนมั้ยคะ?”
“ชื่ออะไรล่ะ เผื่อผมรู้จัก” พอได้ยินว่าเป็นเพื่อนของรุ่นพี่สมัยเรียนจึงไถ่ถามด้วยความอยากรู้ บางทีอาจจะเป็นคนที่เขารู้จักอยู่แล้วก็ได้
“คุณหนึ่งเม็ดทราย อัครวัฒนะกุลค่ะ”
คลื่นไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อนี้จากปากของจีน่า ทำไมคนอย่างเธอถึงได้คิดจะกู้เงินกับเขา เธอไม่รู้หรือว่าเขาเป็นใคร หรือว่ารู้แต่เมินเฉยกันแน่
“เอาเอกสารเข้ามาให้ผมที ผมต้องเช็กก่อน”
“รับทราบค่ะ” แม้จะสงสัยอยู่ในที แต่จีน่าก็เดินออกมาหยิบเอกสารที่จัดเตรียมไว้กลับมาให้เจ้านายหนุ่ม ปกติเขาจะมอบหมายเรื่องเซ็นสัญญาเงินกู้ให้เป็นหน้าที่ของเธอ คลื่นไม่เคยสนใจลูกหนี้ของตนเลยด้วยซ้ำ
คลื่นส่งเสียงแค่นหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นจำนวนเงินยื่นกู้สี่สิบล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซ็นต์ ก่อนจะหยิบปากกาสีแดงมาวงตรงอัตราดอกเบี้ย แล้วเขียนกำกับให้จีน่านำไปแก้ไขเป็น ‘ยี่สิบเปอร์เซ็นต์’
อันที่จริงการเก็บดอกเบี้ยไม่ได้ทำให้เขารวยขึ้นมากกว่าเดิม เพราะอย่างนั้นเขาถึงให้กู้เงินได้ในอัตราต่ำกว่าธนาคาร แต่กับผู้หญิงที่ชื่อ ‘หนึ่งเม็ดทราย’ คงใช้กรณีนั้นไม่ได้
“เอาไปแก้ไขให้เรียบร้อย แล้วร่างสัญญาอีกฉบับหนึ่งมาให้ผมตอนแขกมาถึง ผมจะส่งรายละเอียดให้ทางอีเมล”
“งั้นดิฉันขอตัวไปจัดการให้เรียบร้อยนะคะ” เลขานุการสาวพาตนเองกลับมายังโต๊ะทำงานซึ่งตั้งอยู่หน้าห้อง โดยมีความสงสัยอัดแน่นอยู่ในหัวเต็มไปหมด กระทั่งได้รับอีเมลฉบับหนึ่งจากผู้เป็นเจ้านาย
“คุณคลื่นคิดจะทำอะไรกันแน่เนี่ย…”
เนื้อความเป็นรายละเอียดข้อตกลงที่อยู่นอกเหนือจากสัญญาฉบับเก่า เธอเพิ่งจะเคยเห็นข้อตกลงแปลกประหลาดขนาดนี้ตั้งแต่แรก แต่เนื่องจากเป็นความประสงค์ที่ไม่อาจรู้ได้ว่าเจ้านายทำไปเพื่ออะไร เธอจึงค่อย ๆ ร่างสัญญาฉบับสองอย่างรัดกุมทีละข้อ
ตรงไหนที่ต้องการความแน่ชัดจะส่งข้อความไปถามคลื่นอีกที เมื่ออ่านทวนทุกข้อที่จรดปลายนิ้วพิมพ์ลงไปครบทั้งหมดแล้วก็จัดการบันทึกไฟล์ และส่งกลับไปยังอีเมลเดิมของเจ้านายอีกครั้ง
หากสัญญานี้มีผลบังคับใช้ เธอคงจะรู้ว่าเจ้านาย…ต้องการอะไรกันแน่
12.50 น.
“จะรับอาหารกลางวันก่อนมั้ยคะ”
“ยังดีกว่าครับ” คลื่นปฏิเสธพลางยกข้อมือสวมนาฬิกาเรือนหรูขึ้นมาดูเวลา อีกสิบนาทีก็จะถึงเวลานัดพบของเขากับหนึ่งเม็ดทรายแล้ว ดีที่การประชุมไม่ยืดเยื้อจนทำให้กลายเป็นคนไม่ตรงต่อเวลา
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะไปพาคุณหนึ่งเม็ดทรายมาพบท่านเลยนะคะ”
“มาถึงแล้วเหรอ”
“มาถึงตั้งแต่ยี่สิบนาทีที่แล้วค่ะ”
“อืม” ชายหนุ่มพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินเลี่ยงไปที่ห้องทำงานของตน ส่วนเลขานุการสาวก็ปลีกตัวมารับหญิงสาวอีกคนที่นั่งรออยู่ในมุมรับรองของบริษัท
จีน่าเริ่มเข้าใจเจตนาของเจ้านายหนุ่มก็ตอนที่เห็นใบหน้าของหนึ่งเม็ดทราย แท้ที่จริงเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่ถูกวางยาในโรงแรม ไม่แน่ว่าคืนนั้นอาจจะมีอะไรเกิดโดยที่เธอไม่รู้
“สวัสดีค่ะ คุณหนึ่งเม็ดทรายใช่มั้ยคะ”
“ใช่ค่ะ อ๊ะ! คุณ…” เจ้าของชื่ออึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อได้เห็นว่าเสียงเมื่อครู่นี้เป็นของเลขานุการของผู้ชายที่ช่วยเหลือตนเมื่อหลายวันก่อน
หรือว่ารุ่นน้องของน้ำหวานจะเป็นเจ้านายของผู้หญิงคนนี้…แซนด์คิดในใจ
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งค่ะ ฉันจะพาคุณหนึ่งเม็ดทรายไปที่ห้องทำงานของท่านประธานนะคะ” จีน่ารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องจำเธอได้ เพราะอย่างนั้นถึงไม่ได้แนะนำตัวกับเธอ ก่อนจะผายมือไปทางที่ตั้งห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านาย
แซนด์ก้าวขาเร็ว ๆ ตามร่างระหงมาถึงห้องทำงานประธานบริษัท เธอรู้สึกตื่นเต้นเพราะเป็นครั้งแรกที่กล้าบากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากคนอื่น จนไม่ได้สังเกตเห็นป้ายชื่อหน้าห้อง
“เชิญได้เลยค่ะ” อีกฝ่ายหันมาพูดกับเธอหลังจากเคาะประตูห้องทำงานแจ้งเตือนเจ้านายสองสามครั้ง ค่อย ๆ แง้มประตูจนเธอสามารถผ่านเข้ามาได้
ร่างกายพลันแข็งทื่อไปชั่วขณะเมื่อมองไปเบื้องหน้าแล้วสายตาประสานเข้ากับดวงตาอันแสนเย็นชาของประธานหนุ่ม เธอจำได้ทันทีว่าเขาคือ ‘น้องชายข้างบ้าน’ ที่เคยสนิทสนมกันอยู่ช่วงหนึ่ง
ย้ำชัดสิ่งที่ตนคิดด้วยการเบนสายตามองป้ายหินอ่อนสลักชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘Kimhan R.’ บนโต๊ะทำงาน ตัวอาร์นั่นคงย่อมาจาก ‘Romano’ ซึ่งเป็นนามสกุลของเขา
“คุณหนึ่งเม็ดทรายมาแล้วค่ะท่านประธาน”
“เชิญนั่งครับ” เขากล่าวอย่างสุภาพพร้อมทั้งผายมือไปยังโซฟาชุดใหญ่ทางขวามือ ก่อนจะเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามกับแขกของตน
“นี่เป็นเอกสารสัญญาค่ะ”
“เอาน้ำมาเสิร์ฟให้แขกทีนะครับคุณจีน่า” คลื่นออกคำสั่งขณะเลื่อนซองเอกสารสีน้ำตาลไปตรงหน้าของแซนด์
“ค่ะท่านประธาน”
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้