แซนด์เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างถ่องแท้ เมื่อผลตรวจระบุว่าในกระแสเลือดของเธอมีสารเสพติดปะปนอยู่ แต่เธอไม่เคยข้องเกี่ยวกับสิ่งนั้นมาก่อนเลยในชีวิต ดังนั้นคนที่น่าสงสัยมากสุดก็คือกิตติภัทรที่อยู่กับเธอเมื่อวาน
คำว่า ‘ช่วยเหลือ’ จากปากจีน่าบอกเป็นนัยว่าทุกอย่างไม่ใช่เพียงเรื่องบังเอิญ เธอไม่รู้ว่าตนพลาดตอนไหนถึงเปิดช่องว่างให้กิตติภัทรเอาเปรียบ
หญิงสาวโกรธจนตัวสั่นเทิ้มตั้งแต่โรงพยาบาลจนถึงบ้าน ตั้งใจจะบอกเรื่องนี้ให้ภูธเนศรับรู้ เพราะการกระทำของกิตติภัทรเลวร้ายมากจนไม่สามารถปล่อยผ่านได้
“พี่ภู”
ภูธเนศปรายตามองน้องสาวต่างแม่ที่จู่ ๆ ก็พรวดพราดเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยสีหน้าถมึงทึง “แกเพิ่งกลับมา?”
แซนด์ไม่ได้ตอบอะไรภูธเนศกลับไป แต่เลือกเดินนำผลตรวจเลือดไปวางไว้บนโต๊ะอาหารตรงหน้าเขา ภูธเนศดึงสายตากลับมาที่ซองเอกสาร ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาเปิดดู
“แกเล่นยาเหรอแซนด์” คนเป็นพี่ชายถามเสียงเข้ม
“แซนด์ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับของต่ำแบบนั้น”
“แล้วผลตรวจมันจะออกมาแบบนี้ได้ยังไง”
“มันก็เพราะเพื่อนพี่ภูไง เมื่อคืนเขาวางยาแซนด์” น้ำเสียงแซนด์แข็งกร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แค่นึกถึงกิตติภัทรอารมณ์ก็เหมือนจะปะทุอีกระลอก
“แกมีหลักฐานที่บอกว่าเขาทำงั้นเหรอ”
นอกจากผลตรวจเลือดกับคำพูดปากเปล่าของจีน่าก็ไม่มีหลักฐานอื่นอีก เช่นเดียวกับร่างกายของเธอที่ไม่มีตรงไหนบอบช้ำ แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะมีคนช่วยเหลือเธอไว้ได้ทันท่วงที
“พี่ภูควรถามว่าแซนด์เป็นยังไงมากกว่าไม่ใช่เหรอคะ อย่างน้อยเราก็เป็นพี่น้องกันนะ แล้วที่แซนด์ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ก็เป็นเพราะพี่แนะนำให้แซนด์เจอเขาไง” เข้าใจว่าไม่ได้ผูกพันกันเหมือนพี่น้องบ้านอื่น แต่อย่างน้อยควรจะนึกถึงจิตใจของเธอมากกว่านี้
“ฉันไม่ได้บีบคอบังคับให้แกไปสักหน่อยนะ แกเองไม่ใช่เหรอที่กดดันฉันให้หาเงินอีกห้าสิบล้านไปจ่ายหนี้” เงินห้าสิบล้านไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ ระยะเวลาสองอาทิตย์ไม่มีทางที่จะหาเงินจำนวนนั้นมาได้
“แล้วพี่ภูไม่คิดว่าตัวเองควรกระตือรือร้นมากกว่านี้เหรอคะ คงไม่ลืมใช่มั้ยว่าอีกอาทิตย์เดียวเราต้องชำระค่าหนี้แล้ว”
อีกฝ่ายเป็นผู้มีอิทธิพลที่ทำทุกอย่างได้เพื่อทวงค่าตอบแทนจากลูกหนี้เช่นภูธเนศ การทวงคืนมันอาจจะเลยเถิดไปถึงการเลือดตกยางออกเลยด้วยซ้ำ เพราะเธอมีโอกาสได้คุยกับลูกน้องของชายคนนั้นแล้ว
“แซนด์ช่วยขนาดนี้แล้วนะ” มันน่าหงุดหงิด กลับมาถึงปุ๊บก็มีปัญหาเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือถูกที่กลับมาที่นี่
“งั้นแกก็หาเงินอีกห้าสิบล้านในส่วนของฉันมาด้วยเลยสิ เพราะต่อให้ฉันจะหยิบยืมคนอื่นมันก็คงไม่พอหรอก”
“ขายรถที่ไม่ได้ใช้ไปสิคะ พี่มีรถตั้งหลายคันเลยไม่ใช่เหรอ”
“ฉันกำลังปล่อยขายอยู่ แต่แกต้องเข้าใจด้วยว่ารถมันไม่ได้ขายออกง่ายขนาดนั้น”
“ลองยื่นข้อเสนอจ่ายค่าหนี้ด้วยรถแทนดีมั้ยคะ”
“ไม่รับ เขาต้องการเป็นเงินสดเท่านั้น” ภูธเนศตอบทันควันพร้อมทั้งลุกขึ้นยืน “ฉันจะไปทำงานแล้ว ถ้าแกมีเพื่อนก็ลองยืมมาดูก่อนแล้วกัน”
เมื่อพี่ชายต่างแม่เดินออกไปจากห้องอาหาร หญิงสาวก็ถอนหายใจพลางเงยหน้ามองเพดาน พยายามระบายความอึดอัดและตึงเครียดที่อัดแน่นอยู่ในหัวออกไป
“อ้าวน้องแซนด์ พี่ภูล่ะจ๊ะ”
“ไปทำงานแล้วค่ะ”
แขไขมองชุดบนร่างกายน้องสาวของสามีก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “เพิ่งมาเหรอ กินอะไรรึยัง”
“ไม่เป็นไรค่ะ แซนด์ขอขึ้นไปพักผ่อนดีกว่า ขอบคุณนะคะ” แซนด์โคลงศีรษะให้พี่สะใภ้ตามมารยาท ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นมาบนห้องนอนของตนเอง เธอล้มตัวนอนบนเตียงอย่างหมดแรง
ตอนนี้เธอมีหนี้และบริษัทเป็นเครื่องเดิมพัน สถานการณ์สองเรื่องนี้มีความหนักหนาที่แตกต่างกัน ในส่วนของหนี้สินต้องใช้หนี้ให้หมดอีกหกวันข้างหน้า และต้องหานักลงทุนมากู้วิกฤตของบริษัท
บางทีอาจจะต้องใช้แผนสำรองที่เพื่อนสนิทแนะนำ อย่างน้อยเจ้าพ่อเงินกู้คนนั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นคนใจบุญ เขาน่าจะเห็นใจสถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญในตอนนี้
แซนด์ตั้งความหวังไว้สูงมาก และหวังว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดไปมากกว่านี้อีกแล้ว…
หลายอาทิตย์ต่อมา...ปุ้ง!“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะคุณจีน่า” แซนด์ดึงพลุกระดาษพร้อมกับกล่าวอย่างสดใส ทำเอาจีน่าที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของคลื่นถึงกับสะดุ้งตกใจ“ตกใจหมดเลยค่ะคุณแซนด์ แต่ขอบคุณนะคะ”นี่เป็นวันแรกของการกลับทำงานหลังจากที่หล่อนลาพักร้อนไปเกือบเก้าเดือน ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเจ้านายหนุ่มที่ยอมให้คนรักตนเองทำอะไรเช่นนี้“วันนี้คุณจีน่ามาทำงาน แปลว่าฉันคงต้องลาออกแล้วล่ะค่ะ”“คุณแซนด์ทำงานต่อไปก็ได้นี่คะ ดิฉันว่าท่านประธานน่าจะอยากให้ทำแบบนั้น”“คุณคลื่นบอกว่าถ้าฉันอยากทำงานที่นี่ต่อก็จะไล่คุณจีน่าออก”จีน่าหันไปเลิกคิ้วมองผู้เป็นเจ้านายที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะดึงความสนใจกลับไปที่หญิงสาวอีกคน “ถ้างั้นเชิญคุณแซนด์เลยค่ะ”“คุณจีน่าจะออกเหรอคะ”“เชิญคุณแซนด์ไปลาออกกับเอชอาร์ตอนนี้เลยค่ะ ลูกดิฉันยังเล็ก”“ฮ่า ๆ” ประโยคนั้นทำเอาแซนด์ถึงหลุดหัวหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ ฉันทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีเท่าคุณจีน่าหรอก อีกอย่างฉันว่าจะกลับไปอังกฤษสักพักด้วย”พรึ่บ!“กลับไปทำไมครับ” คลื่นผุดลุกจากเก้าอี้อย่างแรง ก่อนจะเดินมาหาแฟนสาวของตนเอง “ตอบผมสิครับ”“พี่จะกล
เช้าวันต่อมา…หญิงสาวมีอาการเจ็ตแล็กจนเผลอหลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานและตื่นขึ้นมาอีกทีตอนตีสี่ ไม่อยากรบกวนแฟนหนุ่มที่ยังนอนหลับสบาย จึงพาตนเองมาล้างหน้าล้างตาแล้วถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงมาที่ห้องครัวเพราะมีใครบางคนเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อนเอาไว้ ทำให้แซนด์เดาว่าน่าจะมีคนตื่นแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน เธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วเดินออกมานั่งที่โต๊ะนอกบ้าน“ตื่นแต่เช้าเลยนะ”“อ๊ะ! คุณตา” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังตน เป็นฟาบริโอที่เดินผ่านพุ่มไม้มาพร้อมกับกรรไกรตัดแต่งต้นไม้ “สวัสดีตอนเช้าค่ะ”“อืม เจ้าเด็กนั่นยังไม่ตื่นเรอะ”“ยังเลยค่ะ หนูนอนก่อนก็เลยตื่นก่อนค่ะ”“กินของไม่มีประโยชน์ตั้งแต่เช้า สุขภาพมันจะแย่เอา” ชายสูงวัยมองถ้วยบะหมี่บนโต๊ะเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเตือนแฟนสาวของหลานชายด้วยความหวังดี“หนูไม่แน่ใจว่าทำอะไรทานได้บ้างก็เลยคิดว่าบะหมี่น่าจะง่ายสุดค่ะ”“ที่นี่ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเอง”“ขอบคุณค่ะ แล้วคุณตาจะไปไหนแต่เช้าเหรอคะ”“ว่าจะเข้าไร่ไปเก็บองุ่นมาให้เจ้าคลื่นมันกินนั่นแหละ เด็กนั่นมันชอบ”“อ้อ หนูขอไปด้วยได้มั้ยคะ”
ครอบครัวของคลื่นอาศัยอยู่แทบชานเมืองเซียน่าในแคว้นทัสคานีของประเทศอิตาลี ตลอดเส้นทางจะสังเกตได้ว่าล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น ตัวบ้านที่ปลูกสร้างด้วยอิฐสีแดงสไตล์อิตาลีการมาเยือนประเทศอิตาลีคราวนี้เป็นครั้งที่สองแล้วก็จริง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบกับครอบครัวของแฟนหนุ่ม แซนด์ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคลื่นบอกครองขวัญไปแล้วหรือยังว่าตอนนี้เขากับเธอเป็นอะไรกันหญิงสาวเปิดประตูลงมาจากรถยนต์ ก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้พบเจอกันมาตั้งสิบกว่าปี ซึ่งท่านก็ออกอาการตกใจเมื่อเห็นหน้าเธอ“สวัสดีค่ะน้าครองขวัญ”“หนูแซนด์เหรอ…” ครองขวัญเอ่ยถามด้วยภาษาไทยสำเนียงต่างชาติ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่บอกกล่าวเธอเลยว่าจะพาแซนด์มาด้วยกัน“ใช่ค่ะ”“โตเป็นสาวแล้วสวยเชียว” หญิงวัยห้าสิบปีคลี่ยิ้มอย่างยินดีที่ได้พบกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาโอบไหล่เด็กสาวรุ่นลูก “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะฮึ”“คลื่นยังไม่ได้บอกคุณน้าเหรอคะ”“เจ้าตัวดีมันบอกอะไรน้าที่ไหนกัน แถมยังจะยืนหน้ามึนอีก”“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ แล้วอ้อมรถยนต์มาหาแฟนสาวกับแม่ของตน แต่โน้มเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ให้ได้ยินกันสองคน “…ผมเอาลูกสะใภ้มาฝาก”“คล
“คนเก่งหันมายิ้มหน่อยครับ”“หือ…” เมื่อหันไปเห็นว่าแฟนหนุ่มถือสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มตามที่เขาต้องการ “ถ่ายสวยมั้ย”“นางแบบสวย ถ่ายยังไงก็สวยครับ”ติ๊ง~K.Da : พี่หนึ่งกับพี่สองกำลังไปที่บ้านนะK.Da : แกยังอยู่ที่นั่นมั้ยคลื่นตอบข้อความของพี่สาวกลับไปแค่สั้น ๆ ก่อนจะเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง จังหวะนั้นมีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา“สวัสดีครับท่านทั้งสอง”“สวัสดีครับ”“กระผมชื่อโอลิวิเยร์ เป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้ครับ”“คิมหันต์ครับ” คลื่นแนะนำตนเองกลับไปเป็นภาษาฝรั่งเศส“อีกครู่หนึ่งจะมีคนนำของว่างและชามาเสิร์ฟนะครับ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถแจ้งกระผมได้”“ขอบคุณครับ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว” ชายหนุ่มโคลงศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะเดินกลับมาหาแฟนสาวตนเองไม่นานสาวใช้ประจำปราสาทก็นำอาฟเตอร์นูนทีมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกลางสวนดอกไม้ ก่อนจะเดินออกไปยืนห่าง ๆ เพื่อให้สองชายหญิงดื่มด่ำกับบรรยากาศกันตามลำพังช่วงเย็นบริเวณสวนดังกล่าวถูกจัดตกแต่งด้วยโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว พร้อมทั้งเสิร์ฟอาหารไฟน์ไดน์นิงที่ส่งตรงมาจากเชฟมิชลินสตาร์เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่คลื่นร่วมรับประทานอาหา
สองเดือนต่อมา…@ฝรั่งเศสคำขอร้องจากปากพี่สาวต่างแม่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของเธอ เพราะอย่างไรเสียก็ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกัน ยังอยู่ในสถานะพูดคุยกันได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกันทุกเรื่องเบื้องหน้าของเขาเป็นพิธีแต่งงานซึ่งจัดขึ้น ณ โบสถ์ทางศาสนาคริสต์ในแคว้นหนึ่งของฝรั่งเศส ถึงจะไม่ได้แสดงสีหน้าปีติยินดีออกมา แต่ลึก ๆ คลื่นก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในใจคราแรกคิดว่าตนเป็นสายเลือดคนเดียวที่มางาน แต่ที่ไหนได้กลับมีทั้งพี่ชายคนโตและคนรองมาด้วย คลื่นไม่ได้เข้าไปกล่าวทักทาย ส่วนทั้งสองคนนั้นก็ไม่กล้าหันมาสบตาหลังพิธีจบลงอย่างเป็นทางการ ‘ดา ดลยา’ ผู้เป็นเจ้าสาวก็เดินมาหาน้องชายต่างแม่ของตน เพื่อชวนเขาไปร่วมถ่ายภาพด้วยกัน“คลื่นไปถ่ายรูปกับพี่สิ”“พี่ไปถ่ายเถอะ”“เร็ว ๆ อย่าทำตัวเป็นเด็ก” ดลยาดึงแขนน้องชายให้ลุกจากเก้าอี้ ในขณะที่แซนด์ก็ต้องลุกพร้อมกันเมื่อคลื่นดึงเธอไปด้วย “…แวงซ็องต์คะ นี่น้องชายคนเล็กของฉันค่ะ”“สวัสดีครับ” เจ้าบ่าวหันมาทักทายอย่างสุภาพ พลางยื่นมือไปตรงหน้าน้องชายของภรรยา“สวัสดีเช่นกันครับ” คลื่นโคลงศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปเช็กแฮนด์ตาทมาร
“ลงมาจากโต๊ะครับ”แซนด์หย่อนปลายเท้าลงมายืนบนพื้น ก่อนจะหันหลังแล้วเอนกายไปด้านหน้า เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายหยิบบัตต์ปลั๊กอะลูมิเนียมที่มีกระดิ่งห้อยออกมาลิ้นชักโต๊ะทำงาน“เตรียมมาตรงนี้มาพร้อมแล้วเหรอครับ”“…ค่ะ” หลังจากวันนั้นที่คลื่นทำกับช่องทางด้านหลังเธอครั้งแรก เธอก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมันบ้าง“สมกับเป็นคนเก่งของผมจังนะครับ” ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้บั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบอย่างหลงใหล โดยใช้สองมือบีบไว้แน่น แล้วเริ่มตวัดปลายลิ้นเลียร่องตรงหน้าด้วยความนุ่มนวลเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเพอร์เฟกต์ได้เท่าแซนด์มาก่อน ทั้งที่เขาไม่ชอบสีชมพู แต่กลับรู้สึกคลั่งไคล้เมื่อมันอยู่บนตัวเธอ มากไปกว่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจะดีมาก“คุณเลขาครับ”“ว่าไงคะ”“เรามีเวลาสักสิบห้านาทีมั้ย”“จะเสร็จทันก่อนสิบห้านาทีเหรอคะ”“น่าจะทันนะครับ”“ถ้าคิดว่าทันก็เอาเลยค่ะ” แซนด์ก็รู้สึกมีอารมณ์ไม่ต่างจากคนข้างหลัง อดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เช้าจนป่านนี้บ่ายเข้าไปแล้ว แต่คลื่นก็ยังไม่คิดจะหยุดแกล้งเธอเสียที“แค่ถามตรงนี้ก็ไหลเยิ้มกว่าเดิมแล้วนะครับ ถ้าผมไม่สนอง คงไปร่านในห้องประชุมให้