ความเงียบงันเข้าปกคลุมบรรยากาศ ในห้องรับรองส่วนหน้าบนชั้น 4 ของตึก Parallel ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว มันเงียบสงัดไม่ต่างจากป่าช้า แล้วพอเงี่ยหูฟังที่ข้างฝาก็ได้ยินแต่เสียงแอร์คอร์ดิชั่น
.
"ร้องไห้อยู่หรอยูมิจัง? หมอเข้าใจว่าทำใจได้ยากแต่เวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง ยอมรับความจริงซะเถอะ"
หมอยูมิโกะพยายามปลอบประโลม พลางวางมือนุ่ม ๆ ลงบนไหล่ของสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์
.
"เป็นไปไม่ได้ค่ะหมอ! มันไม่ใช่เลย! มันจะเป็นไปได้ยังไง! ในเมื่อยูมิกับนาริตะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ พวกเราเล่นด้วยกันเรียนด้วยกันมาตลอด ความทรงจำของเราสองพี่น้องยูมิจำฝังใจไม่เคยลืมเลยสักครั้ง ไม่มีทาง! หมอโกหก! หมอหลอกยูมิอยู่ใช่ไหม!"
.
"ตุ๊บ!!!"
.
"ใช่ไหมคะหมอ!?"
.
"ตุ๊บ!!!"
.
"นี่แหน่ะ!" , "น่าเจ็บใจที่สุดเลย หึ๊ย!!!"
.
"ตุ๊บ!!!" , "ตุ๊บ!!!" , "ตุ๊บ!!!" , "ตุ๊บ!!!"
.
ยิ่งโกรธยิ่งต้องหาที่ลง แล้วจำเลยสังคมก็ตกเป็นของเจฟเฟอร์ไปโดยปริยาย ลำควยที่ตั้งชูชันของเขาแข็งโด่ทะลุร่มผ้า มันเด่นหลาอยู่ในระดับสายตาของยูมิแบบพอดิบพอดีเป๊ะ! จะป่วยจะไข้อะไรก็ไม่สนแม่งแล้ว รู้แต่ว่าอะไรที่มันขวางหูขวางตายูมิทุบกำปั้นใส่หมด
.
ก็เลยทำให้หมอยูมิโกะต้องรีบปรี่เข้าไปขวางเอาไว้ ความโอบอ้อมอารีอ่อนหวานเช่นนี้แหละ คือแพทย์หญิงเวอร์ชั่นตัวจริงที่ทุกคนรอคอย
.
"ไม่เอานะยูมิจัง.. อย่าทำกับผู้ป่วยแบบนี้สิ.. หมอไม่เคยสั่งให้ยูมิทำร้ายใครไม่ใช่เหรอ? หยุดได้แล้ว! เห็นยูมิจังเป็นแบบนี้หมอยิ่งเสียใจรู้ตัวบ้างไหม.."
น้ำเสียงหมอชักเร่ิมกระเส่า นัยต์ตาสั่นระเรื่อคล้ายกับมีผดน้ำตาปริ่มออกมาเล็กน้อย
.
"หมอไม่ได้ตั้งใจจะบอกความจริงให้ยูมิรู้หรอกนะ แต่หมอไม่มีทางเลือกจริง ๆ หมอไม่อยากให้ยูมิจังต้องทุกข์ใจแบบนี้เลย.. ขอโทษนะ.. ฮือ ๆ ฮือ ๆ ๆ ฮือ ๆ ๆ "
.
โน้มตัวลงไปช้อนเอาตัวสิ่งประดิษฐ์ของเธอขึ้นมากอด สลับกับร้องไห้ออกมาเป็นบ้าเป็นหลัง เพราะความจริงแล้วเราเองก็รู้กันอยู่ว่าโลกในยุคปัจจุบัน (ค.ศ. 2078) นั้นแทบจะไม่มีมนุษย์ตัวเป็น ๆ หลงเหลืออยู่เลย เทคโนโลยีมากมายถูกนำมาใช้เพื่อให้มนุษย์ที่เหลืออยู่น้อยนิดเหล่านั้นแข็งแกร่งขึ้น อายุยืนขึ้น ดั่งที่ได้เห็นจากร่างกายของเจฟเฟอร์ ผู้ซึ่งใช้แท่งควยแข็ง ๆ ปะทะกับดาบซามูไรคม ๆ มาแล้ว
.
แต่ทว่ายูมิจังกับนาริตะสองสาวผู้ช่วยนั้นต่างออกไป พวกเธอเป็นแค่โปรเจคใหม่ที่หมอยูมิโกะกำลังทดลองอยู่ ด้วยมุมมองส่วนตัวของหมอที่มองว่า การดัดแปลงเครื่องจักรมาทำเป็นอวัยวะเทียมนั้นแข็งกระด้างเกินไป ปอดที่ทำจากอะลูมิเนียมงี้ กระเพาะอาหารที่ทำจากแร่แมงกานิสงี้ หรือแม้แต่หัวใจที่เต็มไปด้วยน็อตสกรูกับถุงลมพอลิเมอร์ ยิ่งนานวันรูปร่างหน้าตามนุษย์ยิ่งกลายเป็นตัวอะไรไปก็ไม่รู้
.
หมอยูมิโกะก็เลยต้องการสร้างมนุษย์เทียมที่สวยงามขึ้น เธอเพาะทุกอย่างขึ้นจากยีนในหลอดทดลอง สร้างเซลล์เนื้อเย่ือให้ร่างกายมีความสมจริง มีเนื้อมีหนัง มีผิวสัมผัส แล้ว Parallel ก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี บอสใหญ่ทุ่มงบประมาณให้เธอทดลองประดิษฐ์ร่างเทียมสังเคราะห์อย่างเต็มที่ โดยใช้พื้นที่ด้านหลังม่านเจลเหนียวหนืดทั้ง 70 % บนชั้น 4 แห่งนี้ เป็นแล็บทดลอง
.
.
ตัดภาพกลับมาที่ยูมิอีกครั้ง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นจริงใจเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม แต่เจ้าตัวกลับยังคงนิ่ง สีหน้าเธอเรียบเฉยตาลอยราวกับคนจิตตก
.
"ไม่นะ! เฮ้! ยูมิอย่าแกล้งหมอเล่นสิ ขยับสิยูมิ! อย่าบอกนะว่าเธอ Shut Down ตัวเองไปแล้ว! ยูมิ! ยูมิจัง!!!"
จากโอบกอดก็เลยกลายเป็นการเขย่าไหล่ตัวโยน ในท่ายืนตรงแนบชิดติดขอบเตียง อันมีลำหำของเจฟเฟอร์เป็นพยานยืนยันที่อยู่ ยูมิยังคงตีหน้านิ่งชินชาไร้ความรู้สึก ก่อนที่เธอจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแสนเย็นชาว่า
.
"ตลกล่ะหมอ.. หมอเพิ่งบอกเมื่อกี้ว่ายูมิไม่ใช่คน แล้วยูมิจะเอาเวลาไหนไปศึกษาการปิดระบบตัวเองมิทราบ ก็ คะ.. แค่.."
.
"แค่อะไร?"
.
"คะ.. แค่ ไม่เคยโดนหมอกอดแบบนี้มาก่อน.. ถ้าการมีตัวตนของยูมิทำให้หมอต้องร้องไห้ขนาดนี้ งั้นก็แปลว่าที่หมอพูดมาทั้งหมดคงจะเป็นเรื่องจริงสินะคะ"
.
มนุษย์เทียมหน้าหมวยค่อย ๆ แกะแขนเรียวสวยของหมอยูมิโกะออก ต่อด้วยการจ้องเขม็งกลับเข้าไปในแววตาเธอ ดุจดั่งกำลังจะเค้นเอาความจริงในแบบที่อยากให้เป็นอยู่
.
"แต่หมอมีพิรุท! ถ้าเรื่องนี้จริงทำไมหมอถึงเพิ่งมาบอกเอาป่านนี้ ยังไงซะยูมิก็ยังไม่ปักใจเชื่อหรอกค่ะ , หึ๊ยยยย! , แบร๊!!!"
.
เดชะบุญ! ลมหายใจโพยพุ่งออกมาจากริมฝีปาก หมอยูมิโกะโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะถึงแม้ว่านี่จะเป็นโปรเจคที่ผิดพลาด แต่การสร้างยูมิจังที่มีอารมณ์ความรู้สึกเสมือนคนมากขนาดนี้ขึ้นมาได้ก็นับว่าดีมากแล้ว หากปล่อยให้มีการ Shut Down ตัวเองเกิดขึ้นคงเสียดายแย่
.
"งั้นเหรอ.. ยูมิจังเป็นพวกถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองก็จะไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ สินะ เดี๋ยวหมอจะแสดงให้ดูก็ได้ มามะ! เรามาเริ่มรักษาผู้ชายคนนี้กันดีกว่า"
ยิ้มหวานพราวเสน่ห์โปรยออกมา เจตนาของหมอเพียงแค่ต้องการให้สิ่งประดิษฐ์สังเคราะห์ของเธอ ได้เรียนรู้วิธีการยอมรับความจริง
.
"เอิ่ม.. แต่เขายังไม่ฟื้นเลยนะคะหมอ หรือเราต้องปลุก?"
.
"ไม่ต้องหรอกจ่ะ ดูที่เป้ากางเกงเขาสิ ถ้าอวัยวะเพศตื่นตัวระดับนี้ได้ ย่อมหมายความว่าเจ้าตัวรู้สึกตัวดีทุกอย่างแล้ว แต่แค่ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาก็เท่านั้น!"
"หมอพูดถูกไหมคะ เจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ serial : number J 48213"
.
.
"ซวยแล้วไงกู!"
เจฟเฟอร์คิด นี่เขาถูกจับผิดได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ลองเป็นอีหรอบนี้ก็คงจะเล่นแผนแกล้งหลับต่อไปไม่ได้อีกแล้วสินะ
.
"อะ.. อืม , ชะ.. ใช่ครับคุณหมอ ผมตื่นแล้วแต่ลืมตาไม่ได้ มันหนักอึ้งไปหมดเลย!"
.
"คงเป็นรีเฟลกซ์จากฤทธิ์ของยาชาน่ะค่ะ แล้วส่วนต่าง ๆ ในร่างกายล่ะคะ แขน ขา ประสาทสัมผัสทั้ง 5 จมูกได้กลิ่นไหม ลิ้นชิมรสอะไรได้บ้างรึเปล่า?"
หมอยูมิโกะพูดไปพลางควานหาเครื่องไม้เครื่องมือในตู้ยาใหญ่ยักษ์ด้านหลังไปด้วย ส่วนยูมิจังผู้ช่วยยืนแสตนบายด์รอรับคำสั่ง
.
"ยังได้กลิ่นดีครับ ผมได้กลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์แถว ๆ ด้านบน ลิ้นก็โอเคครับรู้สึกฝาด ๆ ตรงโคนนิดหน่อย ส่วนเรื่องเสียงผมได้ยินหลายอย่างเลยล่ะ แต่ขอไม่พูดถึงดีกว่า.."
.
"หืม.. ไม่ฉลาดเลยนะคะเจ้าหน้าที่เจฟ ถ้าคุณคิดจะแบล็คเมล์ฉันกับยูมิจังด้วยประโยคเมื่อครู่ล่ะก็ หมอบอกได้เลยว่าคุณคิดผิด! คุณก็น่าจะเคยได้ยินไม่ใช่เหรอคะว่าหมอกับบอสน่ะสนิทกันมาก เขาไม่ทำอะไรหมอหรอก!"
.
กลืนน้ำลายฝืดคอ เจฟเฟอร์ก็แค่ต้องการจะหยอกเล่นนิดเดียว ไม่นึกไม่ฝันว่าหมอยูมิโกะจะขึ้นเสียงจริงจังใส่
.
"ผมขอโทษครับ ผมสัญญาว่าจะลืมเรื่องที่ได้ยินทั้งหมด แล้วอีกอย่างผมก็มองไม่เห็นด้วย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ไหมหมอ?"
.
"เฮ้อ.. พวกผู้ชายมันไว้ใจไม่ได้ด้วยสิ เอาเป็นว่าเดี๋ยวหมอจะ Drain ความทรงจำของคุณออกมาแล้วกันเน๊าะ! แฟร์ดี! ไหน ๆ ก็เป็นงานถนัดของพวกหน่วยภาคสนามอยู่แล้วนี่ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นหมออยากใช้คุณเป็นเครื่องพิสูจน์อะไรบางอย่างก่อน.. ยูมิจ๊ะลงมือเลยจ่ะ^^ "
.
แพทย์หญิงชาวอาทิตย์อุทัยยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วหมุนวนเป็นวงกลม ยูมิจังพยักหน้ารับดุจดั่งว่าเคยชินแล้วกับสัญลักษณ์ดังกล่าว หล่อนซอยเท้ายุกยิกเข้ามาที่ข้างเตียง ก่อนจะใช้เครื่องมือบางอย่างที่มีลักษณะเป็นสี่เหล่ียมเล็ก ๆ คล้ายกับแฟลชไดร์ มาเกี่ยวลงตรงกกหูของเจฟเฟอร์ เท่านั้นยังไม่พอ มือเรียวยังเอื้อมไปหยิบเอาผ้าปิดปากผืนหนึ่งขึ้นมา เธอสะบัดมันสองสามทีต่อด้วยการขึงพืดเข้ากับปลายคางตวัดโอบรัดพื้นที่ใบหน้าไปมากกว่าครึ่ง เพื่อทำการยุติสำเนียงเสียงสนทนาของชายหนุ่มเอาไว้ นั่นจึงเท่ากับว่าบัดนี้เจฟเฟอร์ได้ถูกพันธนาการร่าง ไว้บนเตียงผ่าตัดโดยสมบูรณ์แบบแล้ว! ซึ่งต่อให้เจ้าตัวจะพยายามดิ้นรนสักเพียงใด ก็ไม่มีใครสนใจเลยสักคน
.
"ใจเย็นก่อนนะคะเจ้าหน้าที่เจฟ นี่เป็นหนึ่งในขั้นตอนการรักษาค่ะ หมอจำเป็นต้องใช้สมาธิขั้นสูงเพราะงั้นคุณจะปริปากพูดไม่ได้ ยูมิจ๊ะช่วยดึงจอภาพลงมาให้ด้วยจ่ะ"
.
"ไฮ้! ได้ค่ะ"
.
"พรืดดดดดดด"
.
เพียงเสี้ยวอึดใจจอโปรเจคเตอร์ขนาดพอเหมาะพอดีก็ขึงตรึงลงมาจากเพดาน พร้อมกันกับตัวรับสัญญาณบลูทูธบนกกหู ที่กระพริบปิ๊บ ๆ อยู่ตลอด เจ้าเครื่องนี้จะทำการเชื่อมต่อสัญญาณ ดึงความคิดและความทรงจำต่าง ๆ ของเจฟเฟอร์ขึ้นมาบนจอ ทำให้หมอหรือผู้ให้การรักษารู้ว่าผู้ป่วยกำลังรู้สึกยังไง แม้ว่าเจ้าตัวจะสลบไสลหรือว่าโดนปิดปากอยู่ก็ตาม
.
แต่ทว่าจะเป็นเพราะความกลัวหรือตกใจก็มิอาจทราบได้! เมื่อพ่อหนุ่มเจฟเฟอร์กลับเลือกที่จะตอบสนองสิ่งนี้ด้วยการกระตุกที่แขน!
.
"หือ? แขนที่ขาดงั้นเหรอคะ? ยังไม่ใช่ค่ะเราจะยังไม่รักษามันตอนนี้ เพราะสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดในร่างกายคุณคือเจ้านี่ต่างหาก!"
.
"หมับ!"
.
"อั๊กกกก! , อ่ำอึ่ง ๆ , อั๊กกกก!"
.
"อวัยวะเพศที่ซุกซนขนาดนี้ หมอว่ามันน่าจะถึงเวลาสงบเสงี่ยมเจียมตัวได้แล้วนะคะ อุ๊ย! แค่เผลอจับนิดเดียว! ทำไมถึงอ้วนพลีขึ้นได้ถึงเพียงนี้กันล่ะคะเนียะ?"
.
"ยูมิจัง!"
.
"คะ? คุณหมอ?"
.
"รีบถอดกางเกงเขาออกสิ! เร็วเข้า!"
สายลับบางคนเก่งเรื่องข้อมูลบางคนเก่งเรื่องความขยัน แต่สำหรับเจฟเฟอร์นั้นแม่ง "พรสวรรค์ล้วน ๆ " ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สัก 30 ตอน หากยังจำกันได้เกี่ยวกับเหตุการณ์นองเลือดในเมืองยอร์คชิน ที่สถานที่การประชุมพรบ. ฟรีเซ็กส์ถูกโจมตีจนเละเทะ ในครั้งนั้นมีบุคคลระดับ V.I.P ถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก แม้แต่ปิเก้เพื่อนสายลับที่สนิทที่สุดในองค์กรก็ยังเอาตัวไม่รอด แต่เจฟเฟอร์ของเรากลับใช้พรสวรรค์ของตัวเองแกะรอยตามหาองค์หญิงนาตาชาจนเจอด้วยการดมกลิ่น.ยีนเด่นในร่างกายทำให้จมูกเขาดีกว่าคนปกติ มันน่าจะดีกว่าสุนัข K - 9 ของตำรวจหลายสิบเท่า แถมยังสามารถบันทึกข้อมูลรูปพรรณสัณฐานเอาไว้ในคลังความจำได้อีกต่างหาก เสียอย่างเดียวตรงที่ค่อนข้างมีข้อจำกัดในการใช้อยู่ กล่าวคือเจฟเฟอร์ไม่ชอบที่จะใช้มันนัก มันทำให้บุคลิกเขาดูแย่ ปีกจมูกจะต้องเผยอฟุดฟิด ๆ หัวก็ต้องสั่นดุ๊กดิ๊ก ๆ ไม่ต่างจากหมาน้อยตัวหนึ่ง ใช้โหมดนี้ทีไรจึงมักหลงคิดว่าตัวเองเป็น "ไอ้หน้าหมา" ทั้งที่ความจริงแล้วเขาคือ "ไอ้หน้าม่อ" ผู้ชอบจัดช่อสาว ๆ คราวละหลาย ๆ ดอกซะมากกว่า.แต่ก็อีกนั่นแหละในเมื่อความจริงก็คือความจริง พอหมดหนทางไปต่อ ๆ ให้ไม่หล่อยังไงฟังค์
"อยากไปที่ไหน? หมายความว่าไง? ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเปิดออกไปมันคือหุบเหวนรก!".เด็กหนุ่มหัวไหมพรมส่ายหน้า เขาก้มลงมองสมุดปกหนังที่ถืออยู่ในมือพลางคลี่มันออกช้า ๆ เผยให้เห็นแผ่นสไลด์สีน้ำตาลหลายแผ่นสอดอยู่ข้างใน ลักษณะมันคล้ายกับอัลบั้มรูปภาพที่เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยมีใครได้เห็นกันแล้ว.ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เจฟเฟอร์เริ่มนึกย้อนถึงความหลัง ก่อนหน้านี้ราว 1 - 2 ชั่วโมง เขาจำได้แม่นว่าองค์หญิงนาตาชาเองก็เคยใช้ประตูลักษณะนี้มาก่อน ใช่แล้วประตูห้องส้วมสาธารณะนั่นไงเล่า! มันคือประตูแบบเดียวกันที่พาเขาวาร์ปลงมายังฐานที่มั่นของกลุ่มอันเดอร์กราวน์ที่อยู่เบื้องล่างตรงนี้."เอาสิครับรีบบอกมาเร็วเข้าผมจะได้แสดงให้ดู คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะถ้าใช้ประตูไม่เป็น จะได้ลบความทรงจำเกี่ยวกับแม่ให้ผมซะที ยิ่งต้องมาสอนคุณแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกผิดต่อคุณไนฟ์"."พรึบ! , พรึบ! , พรึบ!".เสียงหน้าอัลบั้มแผ่นแล้วแผ่นเล่าพลิกตัวผ่านไปขณะรอฟังคำตอบ ทำเอาเจฟเฟอร์ถึงกับเหงื่อตกต้องเกร็งคอตวาดเสียงดัง เพราะรำคาญท่าทางยียวนของไอ้หนุ่มอันเดอร์กราวน์รายนี้เต็มที."ชิ! เวรเอ๊ยกดดันกูชะมัด!""ไปทะเลเอ้า! กูเลือกได้แล้วไป
หากเป็นเมื่อก่อนฉากนี้คงต้องพรรณนาว่า เกิดลมหมุนมหาศาลดูดสารพัดสิ่งอย่างเข้ามาในฝ่ามือ แต่ครั้งนี้ไม่เจฟเฟอร์ไม่ต้องการใช้มุกเดิมอีกแล้ว ประกอบกับเขาเองก็ต้องการที่จะแสดงกล้ามดาก ให้ไอ้หนุ่มข้างหลังเห็นว่าเขาคือของจริง กระบวนท่าทำลายล้างแบบใหม่จึงถูกสถาปนาขึ้น.เริ่มจากสอดแขนขวาที่ถนัดทะลุช่องว่างลูกกรงออกไป กัดฟันกลั้นใจอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งสักพักท่อนแขนส่วนล่างไล่จากข้อศอกลงไปถึงข้อมือ ก็เริ่มส่งเสียงสนั่นดัง เปรี๊ยะ ๆ เปรี๊ยะ ๆ มันแตกร้าวลงมาเป็นแถบตรงราว 7 - 8 เส้น อ้อมท่อนแขนจรดข้อมือ มิหนำซ้ำยังแพลมแสงสีขาวพุ่งออกมาเป็นริ้ว ๆ ราวกับหุ่นยนต์ที่กำลังเปลี่ยนร่าง."เฮือกกก.. นี่คุณจะทำอะไรน่ะ? คุณเป็นตัวอะไรกันแน่? ผมแสบตาไปหมดแล้ว! , อ๊าาาา!"หรี่ตาเหยเกพิงหลังใส่กำแพง ถามไปก็เท่านั้นในเมื่อเจฟเฟอร์เลือกที่จะไม่ตอบ.สายลับหนุ่มแค่หันมาพยักหน้าให้ แล้วทันใดนั้นเองเนื้อแขนของเขาก็ฉีกตัวออก มันเด้งง้างขึ้นตามแนวขอบแสงเป็นซี่ ๆ ทีละชิ้น ๆ จากหนึ่งเป็นสอง , จากสองเป็นสาม , จากสามเป็นสี่ , ไล่ไปจนครบรอบวงแขน จนมีลักษณะคล้ายกับก้านร่มที่ไม่มีผ้าใบ ซี่ชิ้นส่วนที่ง้างตัวขึ้นมาเหล่านั้นคลี่ต
ดวงหน้าแปดเปื้อนพรายน้ำตาเละเทะ สวนทางกับเจฟเฟอร์ที่อยากฟังต่อใจจะขาด เขาไม่อยากทรยศการแข็งตัวของควยตัวเองเลย เพราะอุตส่าห์ได้รับโหวตจากอารมณ์เงี่ยนในร่างกายให้ชูชันขึ้นมาแล้วแท้ ๆ จะมาถูกเชิญออกจากหว่างขาเหมือน สส. บางคนในสภาฯ มันก็น่าเสียดาย."ไม่เป็นไรครับคุณผมยังไหวอยู่ ผมขอเล่าต่อเลยนะ"."อืม.. เอ้อ!"."แม่คุกเข่าลงที่เตียงพลางโน้มตัวลงมาคร่อมร่างผม ในจังหวะนั้นผมรับรู้ได้ถึงน้ำหนักของแม่ที่กดเตียงนอนให้จมลงเป็นหลุม ด้วยความสัตย์จริงผมขยับไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนร่างกายนั้นแหวกว่ายอยู่ในบ่ออารมณ์เสพสมบ่มีสมที่แม่สถาปนาขึ้น เอวผม , สะโพกผม , แล้วก็ตูด จมยุบลงไป มิหนำซ้ำแผ่นหลังยังโค้งเป็นคันศรด้วยฤทธาจากที่นอนซึ่งต่างระดับ"."โดนขนาดนี้แต่คุณรู้อะไรไหมว่าไอ้นั่นของผม ยังคงโด่ต่อหน้าแม่ได้อย่างไม่สะทบสะท้าน ที่ใต้ผ้าห่มซุ่มเสียงจากสาวคนรักยังคงรุกเร้าผมด้วยความเร้าใจ หล่อนไม่เปิดช่องให้ผมได้อธิบายอะไรเลย แท่งควยป้อม ๆ ในวัย 17 ก็เลยเสยเนื้อผ้าในองศาที่สูงขึ้น ให้ตายเถอะผมกำลังมีอารมณ์อยู่กับสาวที่ไม่เห็นหน้าทางโทรศัพท์แท้ ๆ แต่ไอ้จ้อนใต้ผ้ามันดันโก่งขึ้น! โก่งขึ้น! แล้วก็
ได้ยินแบบนั้นเจฟเฟอร์ก็อึ้งกิมกี่พลันรีบนึกย้อนกลับไปยังภาพทรงจำ ที่ตัวเองเพิ่งหลุดพ้นออกมา."ผู้หญิงผมยาวท่าทางใจดีคนนั้นอ่ะนะ.. ที่คิดจะทำมิดีมิร้ายมึง! เหอะ! กูเชื่อมึงกูก็ปัญญาอ่อนแล้วล่ะ!"."ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับเพราะฟังดูแล้วมันก็ยากที่จะเชื่อจริง ๆ แม่เวอร์ชั่นปกติน่ะใช่! แต่ถ้าเป็นแม่ที่สวาปามยาอลาลัสเปี้ยนส์เข้าไปแล้วล่ะก็ มันก็คนล่ะเรื่อง!""แล้วผมก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าผมยินยอม.. ผมดิ้นสุดกู่ผมสู้สุดใจ แต่เป็นแม่ต่างหากที่ "ข่มขืน" ผม! ย้ำว่าแม่ "ข่มขืน" ผม!".อารมณ์มาคุเกาะกินหัวใจ เด็กหนุ่มกระชับฝ่ามือกำลูกกรงแน่น พลันเขย่า ๆ ๆ จนฝ่ามือช้ำเป็นเปื้อน ๆ."บัดโถ่เอ๊ย! ตอนนั้นผมอายุ 17 เองผมยังซิงอยู่เลย! คนเหี้ยอะไรเสียซิงให้แม่ตัวเอง! เหี้ย! ทุเรศชะมัด! คิดขึ้นมาทีไรผมล่ะแค้นใจชิบหาย ราชาเด็มบ้าบาเพราะท่านแท้ ๆ ที่ทำให้ผมต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ , หึ๊ยยย!".เห็นท่าไม่ดีจึงรีบปรี่เข้าไปขวาง สายลับหนุ่มขยุ้มคอเสื้อกระชากเขาเอาไว้."เฮ๊ย! ใจเย็นก่อนไอ้หนุ่ม สงบจิตสงบใจลงหน่อยเถอะวะ สนิมมันจะซึมเข้ามือมึงเอานะมึงนั่งลงก่อน เหมือนอยากจะระบายอะไรใช่ไหมกูรู้สึกได้?".เจฟเฟ
"แม่ครับแม่! แม่จะพาผมไปไหนเหรอครับ ขาผมสั้นผมก้าวไม่ทัน".จู่ ๆ ซุ่มเสียงของเจฟเฟอร์ก็เปลี่ยนคีย์ไปในบัดดล ไม่เฉพาะแค่รูปร่างบุคลิกแล้วที่เปลี่ยน มาตอนนี้สายลับอย่างเขารับรู้ได้เลยว่าทุกอย่างรอบตัว แม้แต่ชีวิตจิตใจก็คงเข้ามาสิงสู่อยู่ในร่างของเจ้าของเรื่องแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ เขาคอนโทรลตัวเองไม่ได้ ใจจะเลี้ยวไปทางขวาขามันก็ก้าวไปทางซ้าย พอตั้งใจจะหยุดก็โดนหญิงวัยกลางคนที่เรียกตนเองว่าแม่ยื้อยุดฉุดกระชาก แม้แต่คำพูดคำจาที่ตั้งใจจะพูดอีกอย่างก็กลายเป็นอีกอย่าง.เหมือนกับว่าสิ่งเดียวที่อนุญาตให้เจฟเฟอร์ทำได้ ในโลกแห่งความทรงจำนี้คือการมองเห็น เขากำลังเห็นในสิ่งเดียวกับที่หนูน้อยวัย 10 ขวบเห็น มันคือประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของอลาลัสที่ไม่ได้โชกชุ่มไปด้วยน้ำกาม แต่อิ่มพลีไปด้วยคาวเลือด แอ่งโลหิตแห่งความอัปรีย์ของสตรีผู้อยู่ในฐานันดรสูงสุด."ก็ไปดูองค์ราชินีเสด็จไงลูก พระองค์กับบรมวงศานุวงศ์ทั้งหมดจะเสด็จเยี่ยมราษฎรณ์พร้อมกันเชียวนะ นาน ๆ จะมีโอกาสแบบนี้สักครั้ง ไม่งั้นคนไม่เต็มถนนแบบนี้หรอกลูกรัก รู้สึกจะขาดแค่ราชาองค์เดียว"."ราชาเด็มบ้าบา! เอ๋? ทำไมท่านไม่มาล่ะครับ?"ขยับปากถามไปเอง