ความเงียบงันเข้าปกคลุมบรรยากาศ ในห้องรับรองส่วนหน้าบนชั้น 4 ของตึก Parallel ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว มันเงียบสงัดไม่ต่างจากป่าช้า แล้วพอเงี่ยหูฟังที่ข้างฝาก็ได้ยินแต่เสียงแอร์คอร์ดิชั่น
.
"ร้องไห้อยู่หรอยูมิจัง? หมอเข้าใจว่าทำใจได้ยากแต่เวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง ยอมรับความจริงซะเถอะ"
หมอยูมิโกะพยายามปลอบประโลม พลางวางมือนุ่ม ๆ ลงบนไหล่ของสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์
.
"เป็นไปไม่ได้ค่ะหมอ! มันไม่ใช่เลย! มันจะเป็นไปได้ยังไง! ในเมื่อยูมิกับนาริตะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ พวกเราเล่นด้วยกันเรียนด้วยกันมาตลอด ความทรงจำของเราสองพี่น้องยูมิจำฝังใจไม่เคยลืมเลยสักครั้ง ไม่มีทาง! หมอโกหก! หมอหลอกยูมิอยู่ใช่ไหม!"
.
"ตุ๊บ!!!"
.
"ใช่ไหมคะหมอ!?"
.
"ตุ๊บ!!!"
.
"นี่แหน่ะ!" , "น่าเจ็บใจที่สุดเลย หึ๊ย!!!"
.
"ตุ๊บ!!!" , "ตุ๊บ!!!" , "ตุ๊บ!!!" , "ตุ๊บ!!!"
.
ยิ่งโกรธยิ่งต้องหาที่ลง แล้วจำเลยสังคมก็ตกเป็นของเจฟเฟอร์ไปโดยปริยาย ลำควยที่ตั้งชูชันของเขาแข็งโด่ทะลุร่มผ้า มันเด่นหลาอยู่ในระดับสายตาของยูมิแบบพอดิบพอดีเป๊ะ! จะป่วยจะไข้อะไรก็ไม่สนแม่งแล้ว รู้แต่ว่าอะไรที่มันขวางหูขวางตายูมิทุบกำปั้นใส่หมด
.
ก็เลยทำให้หมอยูมิโกะต้องรีบปรี่เข้าไปขวางเอาไว้ ความโอบอ้อมอารีอ่อนหวานเช่นนี้แหละ คือแพทย์หญิงเวอร์ชั่นตัวจริงที่ทุกคนรอคอย
.
"ไม่เอานะยูมิจัง.. อย่าทำกับผู้ป่วยแบบนี้สิ.. หมอไม่เคยสั่งให้ยูมิทำร้ายใครไม่ใช่เหรอ? หยุดได้แล้ว! เห็นยูมิจังเป็นแบบนี้หมอยิ่งเสียใจรู้ตัวบ้างไหม.."
น้ำเสียงหมอชักเร่ิมกระเส่า นัยต์ตาสั่นระเรื่อคล้ายกับมีผดน้ำตาปริ่มออกมาเล็กน้อย
.
"หมอไม่ได้ตั้งใจจะบอกความจริงให้ยูมิรู้หรอกนะ แต่หมอไม่มีทางเลือกจริง ๆ หมอไม่อยากให้ยูมิจังต้องทุกข์ใจแบบนี้เลย.. ขอโทษนะ.. ฮือ ๆ ฮือ ๆ ๆ ฮือ ๆ ๆ "
.
โน้มตัวลงไปช้อนเอาตัวสิ่งประดิษฐ์ของเธอขึ้นมากอด สลับกับร้องไห้ออกมาเป็นบ้าเป็นหลัง เพราะความจริงแล้วเราเองก็รู้กันอยู่ว่าโลกในยุคปัจจุบัน (ค.ศ. 2078) นั้นแทบจะไม่มีมนุษย์ตัวเป็น ๆ หลงเหลืออยู่เลย เทคโนโลยีมากมายถูกนำมาใช้เพื่อให้มนุษย์ที่เหลืออยู่น้อยนิดเหล่านั้นแข็งแกร่งขึ้น อายุยืนขึ้น ดั่งที่ได้เห็นจากร่างกายของเจฟเฟอร์ ผู้ซึ่งใช้แท่งควยแข็ง ๆ ปะทะกับดาบซามูไรคม ๆ มาแล้ว
.
แต่ทว่ายูมิจังกับนาริตะสองสาวผู้ช่วยนั้นต่างออกไป พวกเธอเป็นแค่โปรเจคใหม่ที่หมอยูมิโกะกำลังทดลองอยู่ ด้วยมุมมองส่วนตัวของหมอที่มองว่า การดัดแปลงเครื่องจักรมาทำเป็นอวัยวะเทียมนั้นแข็งกระด้างเกินไป ปอดที่ทำจากอะลูมิเนียมงี้ กระเพาะอาหารที่ทำจากแร่แมงกานิสงี้ หรือแม้แต่หัวใจที่เต็มไปด้วยน็อตสกรูกับถุงลมพอลิเมอร์ ยิ่งนานวันรูปร่างหน้าตามนุษย์ยิ่งกลายเป็นตัวอะไรไปก็ไม่รู้
.
หมอยูมิโกะก็เลยต้องการสร้างมนุษย์เทียมที่สวยงามขึ้น เธอเพาะทุกอย่างขึ้นจากยีนในหลอดทดลอง สร้างเซลล์เนื้อเย่ือให้ร่างกายมีความสมจริง มีเนื้อมีหนัง มีผิวสัมผัส แล้ว Parallel ก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี บอสใหญ่ทุ่มงบประมาณให้เธอทดลองประดิษฐ์ร่างเทียมสังเคราะห์อย่างเต็มที่ โดยใช้พื้นที่ด้านหลังม่านเจลเหนียวหนืดทั้ง 70 % บนชั้น 4 แห่งนี้ เป็นแล็บทดลอง
.
.
ตัดภาพกลับมาที่ยูมิอีกครั้ง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นจริงใจเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม แต่เจ้าตัวกลับยังคงนิ่ง สีหน้าเธอเรียบเฉยตาลอยราวกับคนจิตตก
.
"ไม่นะ! เฮ้! ยูมิอย่าแกล้งหมอเล่นสิ ขยับสิยูมิ! อย่าบอกนะว่าเธอ Shut Down ตัวเองไปแล้ว! ยูมิ! ยูมิจัง!!!"
จากโอบกอดก็เลยกลายเป็นการเขย่าไหล่ตัวโยน ในท่ายืนตรงแนบชิดติดขอบเตียง อันมีลำหำของเจฟเฟอร์เป็นพยานยืนยันที่อยู่ ยูมิยังคงตีหน้านิ่งชินชาไร้ความรู้สึก ก่อนที่เธอจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแสนเย็นชาว่า
.
"ตลกล่ะหมอ.. หมอเพิ่งบอกเมื่อกี้ว่ายูมิไม่ใช่คน แล้วยูมิจะเอาเวลาไหนไปศึกษาการปิดระบบตัวเองมิทราบ ก็ คะ.. แค่.."
.
"แค่อะไร?"
.
"คะ.. แค่ ไม่เคยโดนหมอกอดแบบนี้มาก่อน.. ถ้าการมีตัวตนของยูมิทำให้หมอต้องร้องไห้ขนาดนี้ งั้นก็แปลว่าที่หมอพูดมาทั้งหมดคงจะเป็นเรื่องจริงสินะคะ"
.
มนุษย์เทียมหน้าหมวยค่อย ๆ แกะแขนเรียวสวยของหมอยูมิโกะออก ต่อด้วยการจ้องเขม็งกลับเข้าไปในแววตาเธอ ดุจดั่งกำลังจะเค้นเอาความจริงในแบบที่อยากให้เป็นอยู่
.
"แต่หมอมีพิรุท! ถ้าเรื่องนี้จริงทำไมหมอถึงเพิ่งมาบอกเอาป่านนี้ ยังไงซะยูมิก็ยังไม่ปักใจเชื่อหรอกค่ะ , หึ๊ยยยย! , แบร๊!!!"
.
เดชะบุญ! ลมหายใจโพยพุ่งออกมาจากริมฝีปาก หมอยูมิโกะโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะถึงแม้ว่านี่จะเป็นโปรเจคที่ผิดพลาด แต่การสร้างยูมิจังที่มีอารมณ์ความรู้สึกเสมือนคนมากขนาดนี้ขึ้นมาได้ก็นับว่าดีมากแล้ว หากปล่อยให้มีการ Shut Down ตัวเองเกิดขึ้นคงเสียดายแย่
.
"งั้นเหรอ.. ยูมิจังเป็นพวกถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองก็จะไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ สินะ เดี๋ยวหมอจะแสดงให้ดูก็ได้ มามะ! เรามาเริ่มรักษาผู้ชายคนนี้กันดีกว่า"
ยิ้มหวานพราวเสน่ห์โปรยออกมา เจตนาของหมอเพียงแค่ต้องการให้สิ่งประดิษฐ์สังเคราะห์ของเธอ ได้เรียนรู้วิธีการยอมรับความจริง
.
"เอิ่ม.. แต่เขายังไม่ฟื้นเลยนะคะหมอ หรือเราต้องปลุก?"
.
"ไม่ต้องหรอกจ่ะ ดูที่เป้ากางเกงเขาสิ ถ้าอวัยวะเพศตื่นตัวระดับนี้ได้ ย่อมหมายความว่าเจ้าตัวรู้สึกตัวดีทุกอย่างแล้ว แต่แค่ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาก็เท่านั้น!"
"หมอพูดถูกไหมคะ เจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ serial : number J 48213"
.
.
"ซวยแล้วไงกู!"
เจฟเฟอร์คิด นี่เขาถูกจับผิดได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ลองเป็นอีหรอบนี้ก็คงจะเล่นแผนแกล้งหลับต่อไปไม่ได้อีกแล้วสินะ
.
"อะ.. อืม , ชะ.. ใช่ครับคุณหมอ ผมตื่นแล้วแต่ลืมตาไม่ได้ มันหนักอึ้งไปหมดเลย!"
.
"คงเป็นรีเฟลกซ์จากฤทธิ์ของยาชาน่ะค่ะ แล้วส่วนต่าง ๆ ในร่างกายล่ะคะ แขน ขา ประสาทสัมผัสทั้ง 5 จมูกได้กลิ่นไหม ลิ้นชิมรสอะไรได้บ้างรึเปล่า?"
หมอยูมิโกะพูดไปพลางควานหาเครื่องไม้เครื่องมือในตู้ยาใหญ่ยักษ์ด้านหลังไปด้วย ส่วนยูมิจังผู้ช่วยยืนแสตนบายด์รอรับคำสั่ง
.
"ยังได้กลิ่นดีครับ ผมได้กลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์แถว ๆ ด้านบน ลิ้นก็โอเคครับรู้สึกฝาด ๆ ตรงโคนนิดหน่อย ส่วนเรื่องเสียงผมได้ยินหลายอย่างเลยล่ะ แต่ขอไม่พูดถึงดีกว่า.."
.
"หืม.. ไม่ฉลาดเลยนะคะเจ้าหน้าที่เจฟ ถ้าคุณคิดจะแบล็คเมล์ฉันกับยูมิจังด้วยประโยคเมื่อครู่ล่ะก็ หมอบอกได้เลยว่าคุณคิดผิด! คุณก็น่าจะเคยได้ยินไม่ใช่เหรอคะว่าหมอกับบอสน่ะสนิทกันมาก เขาไม่ทำอะไรหมอหรอก!"
.
กลืนน้ำลายฝืดคอ เจฟเฟอร์ก็แค่ต้องการจะหยอกเล่นนิดเดียว ไม่นึกไม่ฝันว่าหมอยูมิโกะจะขึ้นเสียงจริงจังใส่
.
"ผมขอโทษครับ ผมสัญญาว่าจะลืมเรื่องที่ได้ยินทั้งหมด แล้วอีกอย่างผมก็มองไม่เห็นด้วย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ไหมหมอ?"
.
"เฮ้อ.. พวกผู้ชายมันไว้ใจไม่ได้ด้วยสิ เอาเป็นว่าเดี๋ยวหมอจะ Drain ความทรงจำของคุณออกมาแล้วกันเน๊าะ! แฟร์ดี! ไหน ๆ ก็เป็นงานถนัดของพวกหน่วยภาคสนามอยู่แล้วนี่ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นหมออยากใช้คุณเป็นเครื่องพิสูจน์อะไรบางอย่างก่อน.. ยูมิจ๊ะลงมือเลยจ่ะ^^ "
.
แพทย์หญิงชาวอาทิตย์อุทัยยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วหมุนวนเป็นวงกลม ยูมิจังพยักหน้ารับดุจดั่งว่าเคยชินแล้วกับสัญลักษณ์ดังกล่าว หล่อนซอยเท้ายุกยิกเข้ามาที่ข้างเตียง ก่อนจะใช้เครื่องมือบางอย่างที่มีลักษณะเป็นสี่เหล่ียมเล็ก ๆ คล้ายกับแฟลชไดร์ มาเกี่ยวลงตรงกกหูของเจฟเฟอร์ เท่านั้นยังไม่พอ มือเรียวยังเอื้อมไปหยิบเอาผ้าปิดปากผืนหนึ่งขึ้นมา เธอสะบัดมันสองสามทีต่อด้วยการขึงพืดเข้ากับปลายคางตวัดโอบรัดพื้นที่ใบหน้าไปมากกว่าครึ่ง เพื่อทำการยุติสำเนียงเสียงสนทนาของชายหนุ่มเอาไว้ นั่นจึงเท่ากับว่าบัดนี้เจฟเฟอร์ได้ถูกพันธนาการร่าง ไว้บนเตียงผ่าตัดโดยสมบูรณ์แบบแล้ว! ซึ่งต่อให้เจ้าตัวจะพยายามดิ้นรนสักเพียงใด ก็ไม่มีใครสนใจเลยสักคน
.
"ใจเย็นก่อนนะคะเจ้าหน้าที่เจฟ นี่เป็นหนึ่งในขั้นตอนการรักษาค่ะ หมอจำเป็นต้องใช้สมาธิขั้นสูงเพราะงั้นคุณจะปริปากพูดไม่ได้ ยูมิจ๊ะช่วยดึงจอภาพลงมาให้ด้วยจ่ะ"
.
"ไฮ้! ได้ค่ะ"
.
"พรืดดดดดดด"
.
เพียงเสี้ยวอึดใจจอโปรเจคเตอร์ขนาดพอเหมาะพอดีก็ขึงตรึงลงมาจากเพดาน พร้อมกันกับตัวรับสัญญาณบลูทูธบนกกหู ที่กระพริบปิ๊บ ๆ อยู่ตลอด เจ้าเครื่องนี้จะทำการเชื่อมต่อสัญญาณ ดึงความคิดและความทรงจำต่าง ๆ ของเจฟเฟอร์ขึ้นมาบนจอ ทำให้หมอหรือผู้ให้การรักษารู้ว่าผู้ป่วยกำลังรู้สึกยังไง แม้ว่าเจ้าตัวจะสลบไสลหรือว่าโดนปิดปากอยู่ก็ตาม
.
แต่ทว่าจะเป็นเพราะความกลัวหรือตกใจก็มิอาจทราบได้! เมื่อพ่อหนุ่มเจฟเฟอร์กลับเลือกที่จะตอบสนองสิ่งนี้ด้วยการกระตุกที่แขน!
.
"หือ? แขนที่ขาดงั้นเหรอคะ? ยังไม่ใช่ค่ะเราจะยังไม่รักษามันตอนนี้ เพราะสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดในร่างกายคุณคือเจ้านี่ต่างหาก!"
.
"หมับ!"
.
"อั๊กกกก! , อ่ำอึ่ง ๆ , อั๊กกกก!"
.
"อวัยวะเพศที่ซุกซนขนาดนี้ หมอว่ามันน่าจะถึงเวลาสงบเสงี่ยมเจียมตัวได้แล้วนะคะ อุ๊ย! แค่เผลอจับนิดเดียว! ทำไมถึงอ้วนพลีขึ้นได้ถึงเพียงนี้กันล่ะคะเนียะ?"
.
"ยูมิจัง!"
.
"คะ? คุณหมอ?"
.
"รีบถอดกางเกงเขาออกสิ! เร็วเข้า!"
ชั่วเคี้ยวหมากแหลก หุ่นงามภู่ระหงษ์ของสาวตาคมผมสั้นซอยไสลด์ก็ปรากฏกายขึ้น ยอมรับตามตรงว่าเธอคนนี้เจฟเฟอร์ไม่ได้คัดดีนัก เพราะเจ้าตัวนั้นเงี่ยนซะจนรีบ หล่อนแทบจะโผล่ออกมาด้วยวิธีการสุ่ม ในลักษณะที่ว่าแค่ปาดตาผ่าน ๆ แล้วก็จิ้มเลือกออกมาเลย."ไงคะที่รัก.. อยากให้ครีสช่วย.. อุ๊ย! คุณมีคู่อยู่แล้วนี่"Ai สาวในชุดนุ่งลมห่มฟ้าแสร้งทำเป็นปิดตาไม่อยากมอง แต่ก็เห็นอยู่ดีแหละว่า Emily กำลังนั่งคุกเข่าแล้วก็โดนควยกระแทกหน้าอยู่.เจฟเฟอร์กวักมือเรียก พลางชี้มาที่ฐานหัวนมตัวเอง."มานี่มา.. เธออ่ะ มาเลียหัวนมให้ฉันหน่อย อึ๊ยยย! ฉันอยากเสียวให้มันสุด ๆ ไปเลย".ร่างเปลือยทำตามอย่างว่าง่าย และด้วยความที่เธอเป็น Ai กึ่งโฮโลแกรมเช่นกันกับ Emily จึงทำให้เธอไม่ต้องใช้ฝูงแมลงหนุนที่่ฝ่าเท้า ครีสลอยวาร์ปเข้ามาหาเจฟเฟอร์ในชั่วพริบตา พลางเผยอริมฝีปากดูดหัวนมเม็ดแกร่งเข้าไปดุนกับโคนลิ้น."แผล็บ ๆ แผล็บๆ อืมมม.. ใช่ทำแบบนี้รึเปล่าคะที่รัก แผล็บ ๆ "."คริสทำถูกไหมเอ่ย?"."แล้วอีกข้างล่ะให้คริสทำยังไงกับมันดี..?".เป็นคำถามที่สร้างความฉงนสนเท่ห์ขึ้นมาในชั่วขณะจิต เจฟเฟอร์แปลกใจมากเพราะโดยปกติแล้ว Ai ใน The
ฟองฟดฟอด ๆ ออกมาตามลำควย คราบน้ำลายไหลเยิ้มออกมาตามร่องปาก แต่ครานั้นสาวเจ้าก็ยังดูดซดกลับคืนไปจนหมดเกลี้ยง พลันตะปบฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนแก้มก้นของเจฟเฟอร์เสียงดัง!."เปรี๊ยะ!!!".เธอบีบเค้นมันจนสุดแรง มองไม่เห็นหรอกแต่คิดว่าน่าจะเริ่มแดงตอนที่เธอเร่ิมข่วน ในร่างที่ใกล้เคียงกับ ไอซ์ อภิษฎา Emily โคตรจะเร่าร้อน นางแมวยั่วสวาทจิกเล็บคมลงแนบก้น ก่อนจะครูดลงมาพรืดเดียวจนกระทบเข้ากับหนังไข่ เล่นเอาฝ่ายชายถึงกับสะดุ้งตัวเกร็ง! เจฟเฟอร์แยกเขี้ยวกัดกรามแน่น พลางลงน้ำหนักมือกับเผ้าผมเธอมากขึ้น."ซี๊ดดดดด! อ้าาาาา! มันเจ็บนะเว๊ยอีกระหรี่!"."มึงชอบรุนแรงแบบนี้ใช่ไหมล่ะ ห๊ะ! มึงอยากให้กูเย็ดมึงแรง ๆ ใช่ไหม!"."อ่ม..ม..ม อ่ำ..อม..ม..ม".จะให้เธอตอบได้ยังไงในเมื่อลำควยมหึมายังคงคาอยู่เต็มปาก แรงจิกจากฝ่ามืออันรุนแรงรั้งให้ตีนผมของแหม่มสาวถลกขึ้น Emily ตาถลนทึงพลางผงกหัวตามเพื่อลดแรง แล้วก็เป็นวินาทีนั้นเองที่แท่งควยดันเลื่อนหลุดออกมาพอดี."เฮืออออก! ค่ะที่รัก! ฉันอยากเจอ! ฉันอยากโดน! Fuck me please Huney and a hurry up!".ฮวบบบบ! บ๊วบ! บ๊วบ! ๆ ๆ ".อ้าปากกว้างงับเอ็นอุ่นกลับเข้าไปอีกหน คร
ปล่อยผ่านแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ในเมื่อคิดแผนไม้ตายขึ้นมาได้ สายลับอันดับหนึ่งแห่ง Parallel อย่างเขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาดูภาพเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ นั่นอีกต่อไป เขาปล่อยให้เจ้ายักษ์แซนดี้งอกแขนงอกขาออกมาใหม่ได้ตามอำเภอใจ เพราะตราบใดที่เจ้าตัวยังมีหูฟังของหมอยูมิโกะยัดอยู่ในหูตลอดเวลาแล้วล่ะก็ มันก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี ตรงกันข้าม! กลับกลายเป็นเขาเองต่างหากที่จะได้เปรียบหากประวิงเวลาไว้ได้นานพอ.เจฟเฟอร์จึงรีบยกมือขึ้นป้องหู พลางกดปุ่มสัญญาณเพื่อที่จะออกคำสั่งต่อไป."ตั้งแนวกำแพงป้องกันค้างไว้ ไม่ว่าจะกรณีใด ๆ อย่าให้ทรายเข้าถึงตัวฉันได้เป็นอันขาด!".ฝูงแมลงบินขึ้นลงหึ่ง ๆ คล้ายกับเป็นการตอบรับ หลังจากนั้นพวกมันเกือบทั้งหมดก็เกาะกลุ่มกันเป็นกำแพงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่โตมโหฬาร ที่ถอดแบบร่างมาจากพิมพ์เขียวของกำแพงเมืองจีนชัด ๆ ทั้งหมดทั้งมวลลอยอยู่กลางอากาศ โอบล้อมเจฟเฟอร์เอาไว้ทุกทิศทุกทาง ดุจดั่งป้อมปราการขององค์จักรพรรดิอหังการจิ๋นซีฮ่องเต้.ชายหนุ่มหันมองซ้ายทีขวาที สลับกับการหลุบตาขึ้นลงมองจากบนลงล่าง พลางพยักหน้าหงึก ๆ พออกพอใจกับสิ่งปลูกสร้างชีวะมวล ที่บรรดาลูกน้องจัดทำให้."เยี่ยมไปเ
"จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!"."เฮืออออกกก!"."โคร่งงงงงง!!!".สโตกสุดท้ายมาพร้อมกับกงเล็บ ฝ่ามือทรายขนาดมหึมายักษาแยกออกเป็นแฉกบดบังดวงตะวันจนเกิดเงามืด มันกำลังจะตะปบลงมาใส่เจฟเฟอร์ ผู้ซึ่งบัดนี้ยังคงง่วนอยู่กับการรักษาแขนไม่จบไม่สิ้น."ไอ้หยา! ทำไมมันมาถึงเร็วจังวะ? แขนกูยังไม่เสร็จเลย เดี๋ยวดิ! อย่าเพิ่ง! อิ๊บก่อน!""ฮึบ!"."วืดดดดดดดด!".จั่วลมไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด! ลำตัวของแซนดี้แทบจะบิดเป็นเกลียวตามหลักฟิสิกส์โมเมนต์ตัม มันจึงรีบชักแขนกลับพลางรีบยืดช่วงล่างของตัวเองที่ฝังอยู่ใต้ทรายให้สูงขึ้นพ้นจากพื้น จนกลายเป็นอสูรกายบิ๊กเบิ้มในร่างเดิมแบบ Full version ตาต่อตาฟันต่อฟัน สองสิ่งมีชีวิตประจันหน้าเข้าหากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ."ฮู่ววว! เกือบหลบไม่พ้นไหมล่ะกู ถ้าไม่มีเจ้าแมลงพวกนี้ล่ะก็.. หึ่ย! ไม่อยากจะคิด!"."หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ "."รักษาระยะห่างเอาไว้อย่าเข้าไปใกล้มาก ลอยอยู่บนฟ้าให้เท้าพ้นจากพื้นแบบนี้แหละดีแล้ว ส่วนใครที่รักษาอยู่ก็ให้รีบเร่งมือเข้า!"เจฟเฟอร์คิดในใจ ฝั่งฝูงแมลงเองก็ลงมือทำตามอย่างว่าง่าย.ณ ขณะนี้ชายหนุ่มกำลั
กระจัดกระจายจริง ๆ สมกับชื่อบท เพราะนอกจากจะบินเข้ามาโฉบเอาร่างของเจฟเฟอร์เอาไว้ไม่ให้หล่นลงไปตายแล้ว บนฟากฟ้ายังมีพวกมันอีกเป็นโขยง ท้องฟ้าที่เคยสดใสแดดจัด ๆ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยฝูงแมลงวันเป็นล้าน ๆ ตัว."อะไรกันพวกแกอีกแล้วหรอ!"."หึ่ง ๆ ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆ ๆ "."ฮู้ววว! ไม่รู้ยังไงเหมือนกันแต่ก็ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาช่วย พาฉันลงไปข้างล่างที".กลุ่มก้อนแมลงวันดำขลับเป็นขยุยกระจายตัวไปเกาะตามแขนขาแล้วก็เสื้อผ้า ก่อนจะค่อย ๆ ลดระดับความสูงลงเรื่อย ๆ ตามที่ได้รับคำสั่ง พร้อมกันนั้นไฟสีเขียวในหูฟังก็เริ่มกระพริบปิ๊บ ๆ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หางตาของเจฟเฟอร์ชำเลืองไปเจอเข้าพอดี เขาก็เลยมีความคิดที่จะดึงมันออกมาเช็ดดู จะได้รู้ว่าเป็นเพราะเจ้านี่รึเปล่าที่เรียกพวกแมลงวันมา แต่ทว่ายังไม่ทันจะทำอะไรเลยจู่ ๆ หมู่ภมรอีกกลุ่มซึ่งอยู่อีกด้านของฟากฟ้าก็ชิงตัดหน้าเขาซะงั้น พวกมันบินโฉบลงมาเป็นก้อนสีดำขนาดเท่าลูกบาส พุ่งมาที่ใบหูแล้วก็ดึงเอาหูฟังออกให้.และพอวัตถุเล็กจิ๋วนั้นถูกส่งถึงฝ่ามือเท่านั้นแหละ ความฉิบหายก็บังเกิดทันที! คุณพระคุณเจ้าเอ๊ยหล่นกระแทกพื้นสิครับจะเหลือเหรอ!."ฟึบบบ! , หึ่ง ๆ ๆ
ไหลพรืด ๆ อย่างกับบันไดเลื่อน ร่างอันอิดโรยของเจฟเฟอร์ไม่อาจต่อต้านเพราะดันเสร่อฝังตัวเองไว้ในทราย เป็นกรรมหรือความโง่ก็ไม่รู้แต่ที่รู้คือเจฟเฟอร์แม่งไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ชัวร์ ๆ ตัวเขาลอยปลิวไปพร้อมกับทราย โดยมีพิกัดเป้าหมายอยู่ที่อุ้งตีนของเจ้าแซนดี้."อั๊ก! โอ๊ก! อั๊ก! แค็ก ๆ ใครจะไปรู้ว่ะว่ามันทำแบบนี้ได้ด้วย.. อั๊กกก! อึกกก!"."อุตส่าห์คิดว่าหลบพ้นแล้วแท้ ๆ ที่ไหนได้ดันโดนดึงเข้าไปหา อ๊วกกก! อั๊กกก! ตายห่าแน่กู!".หลับตาปี๋พลางรอจังหวะสูดลมหายใจเข้าเป็นระยะ ร่างหนาของเจ้าหน้าที่หนุ่มดำผุดดำว่ายจอมจมอยู่ในกระแสธารแห่งชะตากรรม เขาคาดเดาไม่ได้ว่าแต่นี้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เพราะลำพังแค่ประคองตัวไม่ให้สำลักทรายตายไปซะก่อนก็บุญแค่ไหนแล้ว.บางทีสาเหตุของเรื่องอาจเป็นเพราะเจ้าตัวนั้นชะล่าใจเกินไป ก่อนหน้านี้ตอนที่เจฟเฟอร์เพิ่งจะกลบทรายฝังตัวเองใหม่ ๆ เขาก็เอะใจอยู่แล้วเชียวว่าเจ้ายักษ์แซนดี้มันมีท่าทีแปลก ๆ เขาคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่ามันคงจะหาเขาไม่เจอ ก็เลยถอดใจก้มหน้าก้มตาเงินงกพลางเอาแขนจุ่มลงไปในพื้นทรายคล้ายกับว่าจะยอมแพ้แต่ที่ไหนได้เจฟเฟอร์ดันคิดผิด! เพราะชั่วพริบตาหลังจา