ความเงียบงันเข้าปกคลุมบรรยากาศ ในห้องรับรองส่วนหน้าบนชั้น 4 ของตึก Parallel ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว มันเงียบสงัดไม่ต่างจากป่าช้า แล้วพอเงี่ยหูฟังที่ข้างฝาก็ได้ยินแต่เสียงแอร์คอร์ดิชั่น
.
"ร้องไห้อยู่หรอยูมิจัง? หมอเข้าใจว่าทำใจได้ยากแต่เวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง ยอมรับความจริงซะเถอะ"
หมอยูมิโกะพยายามปลอบประโลม พลางวางมือนุ่ม ๆ ลงบนไหล่ของสิ่งมีชีวิตสังเคราะห์
.
"เป็นไปไม่ได้ค่ะหมอ! มันไม่ใช่เลย! มันจะเป็นไปได้ยังไง! ในเมื่อยูมิกับนาริตะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ พวกเราเล่นด้วยกันเรียนด้วยกันมาตลอด ความทรงจำของเราสองพี่น้องยูมิจำฝังใจไม่เคยลืมเลยสักครั้ง ไม่มีทาง! หมอโกหก! หมอหลอกยูมิอยู่ใช่ไหม!"
.
"ตุ๊บ!!!"
.
"ใช่ไหมคะหมอ!?"
.
"ตุ๊บ!!!"
.
"นี่แหน่ะ!" , "น่าเจ็บใจที่สุดเลย หึ๊ย!!!"
.
"ตุ๊บ!!!" , "ตุ๊บ!!!" , "ตุ๊บ!!!" , "ตุ๊บ!!!"
.
ยิ่งโกรธยิ่งต้องหาที่ลง แล้วจำเลยสังคมก็ตกเป็นของเจฟเฟอร์ไปโดยปริยาย ลำควยที่ตั้งชูชันของเขาแข็งโด่ทะลุร่มผ้า มันเด่นหลาอยู่ในระดับสายตาของยูมิแบบพอดิบพอดีเป๊ะ! จะป่วยจะไข้อะไรก็ไม่สนแม่งแล้ว รู้แต่ว่าอะไรที่มันขวางหูขวางตายูมิทุบกำปั้นใส่หมด
.
ก็เลยทำให้หมอยูมิโกะต้องรีบปรี่เข้าไปขวางเอาไว้ ความโอบอ้อมอารีอ่อนหวานเช่นนี้แหละ คือแพทย์หญิงเวอร์ชั่นตัวจริงที่ทุกคนรอคอย
.
"ไม่เอานะยูมิจัง.. อย่าทำกับผู้ป่วยแบบนี้สิ.. หมอไม่เคยสั่งให้ยูมิทำร้ายใครไม่ใช่เหรอ? หยุดได้แล้ว! เห็นยูมิจังเป็นแบบนี้หมอยิ่งเสียใจรู้ตัวบ้างไหม.."
น้ำเสียงหมอชักเร่ิมกระเส่า นัยต์ตาสั่นระเรื่อคล้ายกับมีผดน้ำตาปริ่มออกมาเล็กน้อย
.
"หมอไม่ได้ตั้งใจจะบอกความจริงให้ยูมิรู้หรอกนะ แต่หมอไม่มีทางเลือกจริง ๆ หมอไม่อยากให้ยูมิจังต้องทุกข์ใจแบบนี้เลย.. ขอโทษนะ.. ฮือ ๆ ฮือ ๆ ๆ ฮือ ๆ ๆ "
.
โน้มตัวลงไปช้อนเอาตัวสิ่งประดิษฐ์ของเธอขึ้นมากอด สลับกับร้องไห้ออกมาเป็นบ้าเป็นหลัง เพราะความจริงแล้วเราเองก็รู้กันอยู่ว่าโลกในยุคปัจจุบัน (ค.ศ. 2078) นั้นแทบจะไม่มีมนุษย์ตัวเป็น ๆ หลงเหลืออยู่เลย เทคโนโลยีมากมายถูกนำมาใช้เพื่อให้มนุษย์ที่เหลืออยู่น้อยนิดเหล่านั้นแข็งแกร่งขึ้น อายุยืนขึ้น ดั่งที่ได้เห็นจากร่างกายของเจฟเฟอร์ ผู้ซึ่งใช้แท่งควยแข็ง ๆ ปะทะกับดาบซามูไรคม ๆ มาแล้ว
.
แต่ทว่ายูมิจังกับนาริตะสองสาวผู้ช่วยนั้นต่างออกไป พวกเธอเป็นแค่โปรเจคใหม่ที่หมอยูมิโกะกำลังทดลองอยู่ ด้วยมุมมองส่วนตัวของหมอที่มองว่า การดัดแปลงเครื่องจักรมาทำเป็นอวัยวะเทียมนั้นแข็งกระด้างเกินไป ปอดที่ทำจากอะลูมิเนียมงี้ กระเพาะอาหารที่ทำจากแร่แมงกานิสงี้ หรือแม้แต่หัวใจที่เต็มไปด้วยน็อตสกรูกับถุงลมพอลิเมอร์ ยิ่งนานวันรูปร่างหน้าตามนุษย์ยิ่งกลายเป็นตัวอะไรไปก็ไม่รู้
.
หมอยูมิโกะก็เลยต้องการสร้างมนุษย์เทียมที่สวยงามขึ้น เธอเพาะทุกอย่างขึ้นจากยีนในหลอดทดลอง สร้างเซลล์เนื้อเย่ือให้ร่างกายมีความสมจริง มีเนื้อมีหนัง มีผิวสัมผัส แล้ว Parallel ก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี บอสใหญ่ทุ่มงบประมาณให้เธอทดลองประดิษฐ์ร่างเทียมสังเคราะห์อย่างเต็มที่ โดยใช้พื้นที่ด้านหลังม่านเจลเหนียวหนืดทั้ง 70 % บนชั้น 4 แห่งนี้ เป็นแล็บทดลอง
.
.
ตัดภาพกลับมาที่ยูมิอีกครั้ง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นจริงใจเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม แต่เจ้าตัวกลับยังคงนิ่ง สีหน้าเธอเรียบเฉยตาลอยราวกับคนจิตตก
.
"ไม่นะ! เฮ้! ยูมิอย่าแกล้งหมอเล่นสิ ขยับสิยูมิ! อย่าบอกนะว่าเธอ Shut Down ตัวเองไปแล้ว! ยูมิ! ยูมิจัง!!!"
จากโอบกอดก็เลยกลายเป็นการเขย่าไหล่ตัวโยน ในท่ายืนตรงแนบชิดติดขอบเตียง อันมีลำหำของเจฟเฟอร์เป็นพยานยืนยันที่อยู่ ยูมิยังคงตีหน้านิ่งชินชาไร้ความรู้สึก ก่อนที่เธอจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแสนเย็นชาว่า
.
"ตลกล่ะหมอ.. หมอเพิ่งบอกเมื่อกี้ว่ายูมิไม่ใช่คน แล้วยูมิจะเอาเวลาไหนไปศึกษาการปิดระบบตัวเองมิทราบ ก็ คะ.. แค่.."
.
"แค่อะไร?"
.
"คะ.. แค่ ไม่เคยโดนหมอกอดแบบนี้มาก่อน.. ถ้าการมีตัวตนของยูมิทำให้หมอต้องร้องไห้ขนาดนี้ งั้นก็แปลว่าที่หมอพูดมาทั้งหมดคงจะเป็นเรื่องจริงสินะคะ"
.
มนุษย์เทียมหน้าหมวยค่อย ๆ แกะแขนเรียวสวยของหมอยูมิโกะออก ต่อด้วยการจ้องเขม็งกลับเข้าไปในแววตาเธอ ดุจดั่งกำลังจะเค้นเอาความจริงในแบบที่อยากให้เป็นอยู่
.
"แต่หมอมีพิรุท! ถ้าเรื่องนี้จริงทำไมหมอถึงเพิ่งมาบอกเอาป่านนี้ ยังไงซะยูมิก็ยังไม่ปักใจเชื่อหรอกค่ะ , หึ๊ยยยย! , แบร๊!!!"
.
เดชะบุญ! ลมหายใจโพยพุ่งออกมาจากริมฝีปาก หมอยูมิโกะโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะถึงแม้ว่านี่จะเป็นโปรเจคที่ผิดพลาด แต่การสร้างยูมิจังที่มีอารมณ์ความรู้สึกเสมือนคนมากขนาดนี้ขึ้นมาได้ก็นับว่าดีมากแล้ว หากปล่อยให้มีการ Shut Down ตัวเองเกิดขึ้นคงเสียดายแย่
.
"งั้นเหรอ.. ยูมิจังเป็นพวกถ้าไม่เห็นกับตาตัวเองก็จะไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ สินะ เดี๋ยวหมอจะแสดงให้ดูก็ได้ มามะ! เรามาเริ่มรักษาผู้ชายคนนี้กันดีกว่า"
ยิ้มหวานพราวเสน่ห์โปรยออกมา เจตนาของหมอเพียงแค่ต้องการให้สิ่งประดิษฐ์สังเคราะห์ของเธอ ได้เรียนรู้วิธีการยอมรับความจริง
.
"เอิ่ม.. แต่เขายังไม่ฟื้นเลยนะคะหมอ หรือเราต้องปลุก?"
.
"ไม่ต้องหรอกจ่ะ ดูที่เป้ากางเกงเขาสิ ถ้าอวัยวะเพศตื่นตัวระดับนี้ได้ ย่อมหมายความว่าเจ้าตัวรู้สึกตัวดีทุกอย่างแล้ว แต่แค่ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาก็เท่านั้น!"
"หมอพูดถูกไหมคะ เจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ serial : number J 48213"
.
.
"ซวยแล้วไงกู!"
เจฟเฟอร์คิด นี่เขาถูกจับผิดได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ลองเป็นอีหรอบนี้ก็คงจะเล่นแผนแกล้งหลับต่อไปไม่ได้อีกแล้วสินะ
.
"อะ.. อืม , ชะ.. ใช่ครับคุณหมอ ผมตื่นแล้วแต่ลืมตาไม่ได้ มันหนักอึ้งไปหมดเลย!"
.
"คงเป็นรีเฟลกซ์จากฤทธิ์ของยาชาน่ะค่ะ แล้วส่วนต่าง ๆ ในร่างกายล่ะคะ แขน ขา ประสาทสัมผัสทั้ง 5 จมูกได้กลิ่นไหม ลิ้นชิมรสอะไรได้บ้างรึเปล่า?"
หมอยูมิโกะพูดไปพลางควานหาเครื่องไม้เครื่องมือในตู้ยาใหญ่ยักษ์ด้านหลังไปด้วย ส่วนยูมิจังผู้ช่วยยืนแสตนบายด์รอรับคำสั่ง
.
"ยังได้กลิ่นดีครับ ผมได้กลิ่นหอมของดอกลาเวนเดอร์แถว ๆ ด้านบน ลิ้นก็โอเคครับรู้สึกฝาด ๆ ตรงโคนนิดหน่อย ส่วนเรื่องเสียงผมได้ยินหลายอย่างเลยล่ะ แต่ขอไม่พูดถึงดีกว่า.."
.
"หืม.. ไม่ฉลาดเลยนะคะเจ้าหน้าที่เจฟ ถ้าคุณคิดจะแบล็คเมล์ฉันกับยูมิจังด้วยประโยคเมื่อครู่ล่ะก็ หมอบอกได้เลยว่าคุณคิดผิด! คุณก็น่าจะเคยได้ยินไม่ใช่เหรอคะว่าหมอกับบอสน่ะสนิทกันมาก เขาไม่ทำอะไรหมอหรอก!"
.
กลืนน้ำลายฝืดคอ เจฟเฟอร์ก็แค่ต้องการจะหยอกเล่นนิดเดียว ไม่นึกไม่ฝันว่าหมอยูมิโกะจะขึ้นเสียงจริงจังใส่
.
"ผมขอโทษครับ ผมสัญญาว่าจะลืมเรื่องที่ได้ยินทั้งหมด แล้วอีกอย่างผมก็มองไม่เห็นด้วย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ไหมหมอ?"
.
"เฮ้อ.. พวกผู้ชายมันไว้ใจไม่ได้ด้วยสิ เอาเป็นว่าเดี๋ยวหมอจะ Drain ความทรงจำของคุณออกมาแล้วกันเน๊าะ! แฟร์ดี! ไหน ๆ ก็เป็นงานถนัดของพวกหน่วยภาคสนามอยู่แล้วนี่ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นหมออยากใช้คุณเป็นเครื่องพิสูจน์อะไรบางอย่างก่อน.. ยูมิจ๊ะลงมือเลยจ่ะ^^ "
.
แพทย์หญิงชาวอาทิตย์อุทัยยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วหมุนวนเป็นวงกลม ยูมิจังพยักหน้ารับดุจดั่งว่าเคยชินแล้วกับสัญลักษณ์ดังกล่าว หล่อนซอยเท้ายุกยิกเข้ามาที่ข้างเตียง ก่อนจะใช้เครื่องมือบางอย่างที่มีลักษณะเป็นสี่เหล่ียมเล็ก ๆ คล้ายกับแฟลชไดร์ มาเกี่ยวลงตรงกกหูของเจฟเฟอร์ เท่านั้นยังไม่พอ มือเรียวยังเอื้อมไปหยิบเอาผ้าปิดปากผืนหนึ่งขึ้นมา เธอสะบัดมันสองสามทีต่อด้วยการขึงพืดเข้ากับปลายคางตวัดโอบรัดพื้นที่ใบหน้าไปมากกว่าครึ่ง เพื่อทำการยุติสำเนียงเสียงสนทนาของชายหนุ่มเอาไว้ นั่นจึงเท่ากับว่าบัดนี้เจฟเฟอร์ได้ถูกพันธนาการร่าง ไว้บนเตียงผ่าตัดโดยสมบูรณ์แบบแล้ว! ซึ่งต่อให้เจ้าตัวจะพยายามดิ้นรนสักเพียงใด ก็ไม่มีใครสนใจเลยสักคน
.
"ใจเย็นก่อนนะคะเจ้าหน้าที่เจฟ นี่เป็นหนึ่งในขั้นตอนการรักษาค่ะ หมอจำเป็นต้องใช้สมาธิขั้นสูงเพราะงั้นคุณจะปริปากพูดไม่ได้ ยูมิจ๊ะช่วยดึงจอภาพลงมาให้ด้วยจ่ะ"
.
"ไฮ้! ได้ค่ะ"
.
"พรืดดดดดดด"
.
เพียงเสี้ยวอึดใจจอโปรเจคเตอร์ขนาดพอเหมาะพอดีก็ขึงตรึงลงมาจากเพดาน พร้อมกันกับตัวรับสัญญาณบลูทูธบนกกหู ที่กระพริบปิ๊บ ๆ อยู่ตลอด เจ้าเครื่องนี้จะทำการเชื่อมต่อสัญญาณ ดึงความคิดและความทรงจำต่าง ๆ ของเจฟเฟอร์ขึ้นมาบนจอ ทำให้หมอหรือผู้ให้การรักษารู้ว่าผู้ป่วยกำลังรู้สึกยังไง แม้ว่าเจ้าตัวจะสลบไสลหรือว่าโดนปิดปากอยู่ก็ตาม
.
แต่ทว่าจะเป็นเพราะความกลัวหรือตกใจก็มิอาจทราบได้! เมื่อพ่อหนุ่มเจฟเฟอร์กลับเลือกที่จะตอบสนองสิ่งนี้ด้วยการกระตุกที่แขน!
.
"หือ? แขนที่ขาดงั้นเหรอคะ? ยังไม่ใช่ค่ะเราจะยังไม่รักษามันตอนนี้ เพราะสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดในร่างกายคุณคือเจ้านี่ต่างหาก!"
.
"หมับ!"
.
"อั๊กกกก! , อ่ำอึ่ง ๆ , อั๊กกกก!"
.
"อวัยวะเพศที่ซุกซนขนาดนี้ หมอว่ามันน่าจะถึงเวลาสงบเสงี่ยมเจียมตัวได้แล้วนะคะ อุ๊ย! แค่เผลอจับนิดเดียว! ทำไมถึงอ้วนพลีขึ้นได้ถึงเพียงนี้กันล่ะคะเนียะ?"
.
"ยูมิจัง!"
.
"คะ? คุณหมอ?"
.
"รีบถอดกางเกงเขาออกสิ! เร็วเข้า!"
หน้าอกจุกเสียดแน่นท้องหายใจก็ไม่ค่อยจะออก อย่าว่าแต่การเค้นพลังลมปราณจากอวัยวะสืบพันธุ์เลย โดนสิบล้อทับทั้งคันอยู่แบบนี้แม้แต่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด เขาเจ็บแค่ไหนนาตาชาเจ็บกว่า เขาดิ้นทุรนทุรายนาตาชาชักเกร็งจะเป็นจะตายเหมือนจะขาดใจตายอยู่รอน ๆ.ร่างกายเธอกำลังขาดเลือด อาการที่เห็นคือสภาวะช็อคอันเกิดจากการมีปัญหาที่ระดับความดันโลหิต เมื่อรวมเข้ากับน้ำหนักตัวที่กดทับลงมาของโรบอทซอมบี้แล้วไซร้ อะไรต่อมิอะไรจึงดำเนินไปในแง่ลบ เธอได้ตายจริง ๆ แน่หากบุรุษหนุ่มผู้จมอยู่ใต้ดอกยางไม่ตระหง่านออกมาช่วย."อั๊ก.. อ๊ะ.. อั๊ก.. ก.. ก.. ฮึบ! ดีนะที่แขนยังพอขยับได้อยู่".เจฟเฟอร์พยายามอย่างสุดกำลังรวบรวมพลังไว้ที่ปลายนิ้ว เรียกได้ว่าเค้นออกมาทุกหยดจะลมตดหรือติ่งเล็บตีน ขอแค่เปลี่ยนเป็น Energy ได้เขาไม่เกี่ยง หน้าจอในมุมมองบุคคลที่หนึ่งมองเห็นเคอร์เซอร์วิ่งติ๊ก ๆ ๆ พลันล็อคเป้าหมายไว้ที่โรบอทซอมบี้ตัวที่กำลังง้างกงเล็บ เตรียมจะฟาดฟันใส่องค์หญิง."งับ!"."โอ๊ย! ไอ้เหี๊ยะเอ๊ย! ขากู! ยิ่งเพิ่งต่อมาใหม่ ๆ อยู่ พวกมึงก็ให้เวลากูหน่อยเป็นไร อ๊ากกก! เจ็บ ๆ เจ็บโว๊ย! อูยยย~!".โดยไม่ทันระวังตัว เพราะในระห
ปลายนิ้วชี้มือขวาควันขึ้นโขมง หงายฝ่ามือขึ้นดูเจฟเฟอร์เห็นแต่รอยเขม่าไหม้อันแสนดำขลับ ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือเขาได้ทำเต็มที่ขี้เต็มกางเกงแล้ว เลเซอร์สังหารจากปลายนิ้วคืออาวุธชิ้นเดียวที่เขามี แม้ว่าเจ้าตัวจะลองนั่งคุกเข่าลง แล้วก็เล็งยิงเข้าใส่เป้าหมายเดิมไปอีกหลายชุด ด้วยท่าเบสิคสัด ๆ ตัดท่ายากลีลาเยอะออกไปก็ยังไม่ได้ผล กระสุนเรืองแสงหลายสิบนัดกระทบชิ่งลำตัวของพวกมันออกไป ราวกับถูกปัดด้วยดาบไลซ์เซเบอร์ของอัศวินเจได."เป๊ง! , เป้ง! , เป๊ง! , เป้ง!".แน่นอนว่าพอไม่ได้ผลก็เหมือนเป็นการเปิดช่องให้จักรกลซอมบี้ทั้งกลุ่มเร่ิมรู้สึกตัว พวกมันไม่ได้แค่มองแล้วในตอนนี้ แต่มันเล่นทิ้งร่างเปลือยของนาตาชาไว้ในการดูแลของไอ้ตัวที่ควักเต้านมอยู่เพียงลำพังแบบโดด ๆ ที่เหลืออีกสาม ประกอบด้วยไอ้ตัวเบื้องซ้าย , เบื้องขวา , แล้วก็ไอ้ตัวที่ใหญ่ที่สุด ได้เริ่มลุกขึ้นยืนพลางสาวเท้าโทง ๆ วิ่งเข้าหาเจฟเฟอร์ในทันทีทันใด."ตุ๊ด! , ตุ๊ด! , ตุ๊ด! , ตุ๊ด! ๆ ๆ ".ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแปลว่าอะไร แค่เห็นการกระโจนพรวดเข้ามาพร้อมกันแบบนั้น เจฟเฟอร์ก็รู้แล้วล่ะว่าชะตาตัวเองกำลังจะขาด ดูเหมือนเจ้าตัวจะทำพลาดมหันต์
แพลนกล้องกลับมายังทิศใต้ ณ จุดที่ห่างออกไปจากจุดที่เกิดเหตุเซ็กส์อนาฏกรรม ของคนและเครื่องจักร เขายังคงยืนเด่นเป็นสง่าถ่างขาจังก้าอยู่แบนแผ่น jumper board ที่ลอยสูงเหนือหัวกลุ่มซอมบี้โลหะเป็นแสน ๆ พวกมันทำอะไรเขาไม่ได้ อย่างเก่งก็ได้แค่กระโดดเหยง ๆ ชูไม้ชูมือ ป่ายปัดโดนขอบ ๆ ริม ๆ ของแผ่น jumper board เท่านั้น."เออ.. น่ะ ใจเย็น ๆ ไม่ต้องคลั่งกูขนาดนั้นก็ได้ ไอ้พวกนี้เดี๋ยวบัด! เหวอ ๆ ฮึบ! เห็นไหมล่ะ! บอกแล้วว่าเดี๋ยวมันตก แผ่นบอร์ดคว่ำไปมีหวังศพไม่สวยแน่กู.. ฮู่วววว!"เจฟเฟอร์ตวาดเสียงดังพลางชะโงกหน้าลงมาดูการเคลื่อนไหวเบื้องล่าง ก่อนหน้านี้เจ้าตัวดันหมดเวลาไปกับการใช้ออฟติคอลซูมซะเยอะ สายตาก็เลยล้าไปหมด มิหนำซ้ำผลพวงจากการถ้ำมองที่ไกลที่สุดจนเป็นสถิติโลกครั้งนี้ ยังทำให้อวัยวะส่วนตัวของเขาผงาดง้ำขึ้นมาอีกหน.หลังจากจัดระเบียบสังคมให้กับน้องชายผู้ซุกซนของตัวเองเสร็จ เจฟเฟอร์ก็กลับมามีสมาธิิอีกครั้ง เขาทิ้งฝูงซอมบี้สนิมเขรอะไว้เบื้องหลัง แล้วหันมาโฟกัสที่ภารกิจของตัวเองแทน ภารกิจติดตามองค์หญิงแห่งอลาลัสงั้นเหรอ หึ! ภารกิจช่วยให้นาตาชาหนีรอดจากการถูกข่มขืน? รึก็ไม่! เพราะแท้จริงแล้ว ส
ร่างเปลือยนอนชูขาอ่อนล้าเรี่ยวแรง นาตาชาไม่เหลือแม้แต่กำลังจะดีดดิ้นพลิกตัวหลบหนีจากการย่ำยีทางเพศ เอาจริง ๆ แล้วหล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันเป็นตัวอะไร เพราะเสื้อเกาะอกที่เคยอำพรางพวงเต้าให้อูมกระชับได้รูปนั้น บัดนี้ก็ได้ถูกถลกขึ้นมาปิดตาเอาไว้จนมองอะไรไม่เห็นซะแล้ว สิ่งเดียวที่สาวเจ้ารับรู้จึงมีเพียงสัมผัสอันแปลกประหลาด ที่สากราวกับกระดาษทราย.อย่าเรียกว่าไซ้เพราะแม่งคือการแสครชเห็น ๆ นาตาชาแสบซอกคอไปหมด หลังจากโดนโรบอทตัวหนึ่งดอมดมด้วยความรุนแรง เสียงอืดดด.. อ๊าดดด กึกกัก ๆ ๆ ที่มันเปล่งออกมา ประดุจว่าแม่เทพธิดากำลังจะได้ผัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร รับประกันได้เลยมันจะไม่แค่ "ก็อป" เพราะมันจะ "ปี้" เธอแน่ ๆ หากยังยอมนอนให้กดอยู่เช่นนี้."อ๊อย! เจ็บจังเลย.. อื้อ! อื้อ! ขยับตัวก็ไม่ได้! อย่านะ อย่าทำแบบนั้นตรงหูมัน.. อร๊อยยย~!".ธิดาแห่งอลาลัสผู้โฉมหน้าคร่าตาคล้ายกับเทย์เลอร์ สวิฟต์ เบี่ยงหน้าหลบแบบสุดแรงเกิด แม้จะทำได้เพียงน้อยนิดแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้จุดที่เสียวที่สุดถูกไอ้หุ่นสนิมเขรอะตัวนี้ล่วงล้ำเอาชัย แพรผมสีบลอนด์ทองถึงกับแตกกระพือ มันคลี่ตัวออกคลุกกับเศษดินขุยขยะจนไม่เหลือเค้า
"หยุดตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้วางกำลังล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว!".เห็นจะจริงถ้าหากว่านี่เป็นหนังไทยสมัย "จารุณี" แสดงเป็นพจมาน ตรงกันข้ามเมื่อประโยคแสนเชยดังกล่าวคงจะใช้กับสถานการณ์จริงที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ไม่ได้ ตำรวจห่าเหวอะไรล่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่ซอมบี้เชียงกงล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็มไปหมด เจฟเฟอร์กับกลุ่มคนใช้่มีดคงสุดจะต้านทานแล้ว สังเกตได้จากการถอยร่นเอาหลังพิงกันทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มิหนำซ้ำกางเกงผ้ายืดเจ้ากรรมก็ดันมาพันควยพันหำจนเกือบจะล้มคะมำเสียหลัก."โอ๊ย! เอ๊ย! อุ๊ย! เดี๋ยวก่อนเซ้! อย่าเพิ่งกูยังไม่พร้อม อย่าเพิ่งบุกเข้ามาตอนนี้ไอ้พวกหุ่นสารเลว!"สายลับหนุ่มขึ้นเสียงพลางกระโดดเหยง ๆ เซถลาออกจากตำแหน่ง สีข้างเขาครูดเข้ากับเศษตัวถังยานที่ลักพาตัวองค์หญิงนาตาชามา โดยสันนิษฐานคร่าว ๆ ได้ว่า ยานลำนี้น่าจะโดนยิงร่วงก่อนหน้า Gravitybike ของเขาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะไอร้อนจากเครื่องยนต์ยังคงอุ่น ๆ อยู่ ทำให้เจฟเฟอร์เกิดปิ้งไอเดียบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะหลุบสายตาลงมามองลำควยกับลำขาทีี่พันกันอิรุงตุงนังของตนเอง แล้วก็บ่นขมุบขมิบ."ชิ! ไอ้ควยระยำนี่ก็ช่างแข็งถึกแข็งทนเหลือเก
สอดท่อนแขนอันกำยำเข้าโอบเอว ตวัดดึงเอาร่างอันผอมเพรียวเข้ามาแนบไว้ในวงแขน พลันกระโดดม้วนตัวเอาส่วนหนารับกงเล็บของเครื่องจักรสังหาร!."เอือกกก!"เจฟเฟอร์ร้องอุทานลั่น เขากัดฟันเม้มมุมปากในเสี้ยววินาทีต่อมาเมื่อพบว่าองค์หญิงนาตาชากำลังจ้องมองอยู่ หน้าตาเธอบิดเบี้ยวขยะแขยง หัวคิ้วลู่เข้าหากันก่อนจะกลั้นใจซุกหน้าคมสวยที่คล้ายกับเทรเลอร์สวิฟ ลงมาซบเข้าที่ซอกคอของเจฟเฟอร์."ไม่ต้องกลัวนะครับผมมาช่วย ผมเป็นสุภาพบุรุษ ผมเกิดมาเพื่อคุณ""เอื้อกกก! อื้อหือ! อื้อออ! อ๊าาา!".แม่งแสบหลังก็แสบแต่แสบหูมากกว่าที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ ระหว่างที่เจฟเฟอร์ได้ใช้ความพยายามในการปกป้ององค์หญิงอย่างเต็มความสามารถ พวกจักรกลซอมบี้ก็ทำอะไรองค์หญิงไม่ได้เลย มันทำได้เพียงตะปบกรงเล็บใส่หลังเขาแบบโหมกระหน่ำ และช่่วงเวลาที่เกร็งตัวป้องกันอยู่นั้น จู่ ๆ ริมฝีปากของนาตาชาก็ได้เผยอขึ้นเครือครางขมุบขมิบ เข้าใจว่าเธอคงจะกลัวมาก ยิ่งเป็นตอนที่เธอเผลอซีดปากและพ่นลมหายใจออกมา ยิ่งทำให้อารมณ์กำหนัดของเจฟเฟอร์พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น."กอดผมเอาไว้ครับ ผมจะไม่ให้องค์หญิงเป็นอะไรผมสัญญา"."อือ.. อืม.. แต่คุณคะ! ขืนเป็นแบบนี้".