"นั่นรึเปล่าครับหมอ ไอ้รางอะไรที่หมอว่า!? ผมเห็นเป็นเงายาวสีเข้ม ๆ ทอดตัวยาวไปจรดฟากกระโน้นเลย!"
.
พอเปลี่ยนใจคิดจะช่วยอะไร ๆ ก็ง่ายขึ้น เจฟเฟอร์ในสภาพห้อยต่องแต่งใช้เลนส์ออปติคอลซูมในม่านตาเพ่งทะลุกลุ่มควันลงมายังพื้นเจลหลอมเหลวข้างล่างได้ ผดเหงื่อที่หยดติ่ง ๆ ลงมาโดนตัวบวกกับองศาการบินที่ลู่ต่ำลงเรื่อย ๆ ทำให้เจ้าตัวเกิดความสำนึก หมอยูมิโกะคงจะเหนื่อยมากกับการที่ต้องมีเขาเป็นสัมภาระ ลมหายใจเธอหอบรัว การกระชับวงแขนแน่นแต่ละครั้งนั้น บ่งบอกได้ชัดเจนว่าหล่อนกำลังจะพาเขาร่วง
.
"ไหวไหมหมอ! นั่นไงมันโผล่พ้นเจลลาวาขึ้นมาอีกแล้ว ให้ตายสิรู้สึกเหมือนจะมีโบกี้โผล่ขึ้นมาด้วยนะน่ะ ทิศเจ็ดนาฬิกาบินตามนิ้วผมไปเลยหมอ! เดี๋ยวผมนำเองถ้ามองไม่เห็น"
.
"โอเคค่ะถ้างั้นก็ไปกันเลยค่ะ , ฮึบ!"
.
"เหวอ.. อ.. อ.. ! ใช่แบบนี้ซะที่ไหนเล่าหมอ อ๊ากกกกก!"
.
หมอยูมิโกะถอนหายใจพรู เธอปัดมือสองข้างสลับกันไปมาพลางเป่าลมใส่ฝ่ามือเพื่อทุเลาการอักเสบ ให้ตายเถอะ! เธอไม่คิดว่าเจฟเฟอร์จะตัวหนักขนาดนี้ จุลินทรีย์ในอากาศนั้นต่างจากพวกที่อยู่บนพื้นมาก พวกมันแวววับสวยงามก็จริง แต่ก็บอบบางกว่ามากในปริมาณที่เท่ากัน ฉะนั้นพอได้ยินว่าเจฟเฟอร์มั่นใจในพิกัดเป้าหมายของเขาแล้ว หมอสาวก็เลยรีบเหวี่ยงเอาร่างอันหนักอึ้งทิ้งลงมาทันที! เพราะยังไงซะสิ่งมีชีิวิตขนาดเล็กของเธอ ก็ย่อมมีความสำคัญกว่าสายลับแขนขาดเป็นไหน ๆ
.
.
"เป็นไงบ้างคุณเจฟเฟอร์! หมอโยนแม่นรึเปล่า ลอยอยู่บนนี้มองอะไรไม่ค่อยเห็นเลย เฮ้! ได้ยินไหม! เฮ้!"
ชะเง้อคอป้องตามองหา เธอตะโกนสวนกลับไปทั้ง ๆ ที่ร่างแกร่งยังพุ่งทะยานไปไม่ถึงเป้าหมายด้วยซ้ำ
.
ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหมอแกเข้าใจตรงกันกับสิ่งที่เจฟเฟอร์บอกรึเปล่า เขาบอกว่ามีรางรถไฟกับโบกี้กำลังผุดขึ้นมาจากพื้นเจลในทิศ 7 นาฬิกา แต่ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าใกล้หรือไกลแค่ไหน
.
แล้วดูพละกำลังที่เธอเหวี่ยงเขาออกมาสิ โอ้แม่เจ้าโว๊ย! คนนะครับไม่ใช่บั้งไฟพญานาค! พุ่งเร็วแรงอย่างกับขีปนาวุธเกาหลีเหนือ หนังหัวเจฟเฟอร์นี่ลู่ไปกับลม ปากเผยอสั่นพับ ๆ ๆ น้ำลายกระเซ็น มองอะไรก็ไม่เห็นนอกเสียจากสีแดงฉานของเจลลาวาร้อนตึ๋งหนืด ที่บัดนี้แหกเป็นสองซีก! ด้วยฤทธาของหมอยูมิโกะในดินแดนมหัศจรรย์
.
"ตาย ๆ ๆ กูตาย! จะชนแล้วอร๊ายยยย!"
เกร็งคองอเข่าเจฟเฟอร์ทำอะไรไม่ได้นอกจากการใช้ส่วนหนาซับแรงปะทะ ที่จะเกิดขึ้นในอีก 5.. 4.. 3.. 2.. ! โครม!!! โดนเต็ม ๆ ไม่ต้องเกรงใจกัน โบกี้รถไฟนี่ถึงกับหลังคาหลุด ดีที่มันยังไม่ผุดขึ้นมาพร้อมกับรางเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์นัก เจฟเฟอร์ก็เลยยังมีชีวิตรอด เขาค่อย ๆ พยุงตัวเองขึ้นแล้วก็มีอาการเซถลันถลาคล้ายกับนักมวยเมาหมัดบ้างนิดหน่อย ก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่ขอบโบกี้ แล้วก็ชะโงกหน้าออกไปดูบรรดาเจลลาวาที่ยังคงเดือดปุด ๆ อยู่ในระยะประชิด
.
"อูยยย~มึนหัวโคตรอ่ะกู.. ซี๊ดดดด! เวรเอ๊ย! หมอแม่งไม่ให้เกียรติความเป็นพระเอกของกูเลย เนื้อเรื่องไม่ไปไหนมาไหนก็เพราะติดอยู่บนชั้น 4 กับแกนี่ล่ะ อะไรกันนักหนาจะให้กูตายให้ได้เลยใช่ไหมห๊ะถามตรง ๆ บัดซบเอ๊ย! "
"แต่ก็ยังดีวะอย่างน้อยหมอแกก็ยังโยนแม่น ถ้าเจ้าโบกี้กับรางรถไฟนี้โผล่ขึ้นมาช้ากว่านี้นิดเดียว มีหวังเราได้พุ่งลงไปในบ่อเจลลาวาแน่ ดูสิระรานตาปกคลุมทุกอย่างไว้หมดเลย ดูทรงแล้วเจ้าเศษเหล็กนี่กับรางคู่ใจของมันคงจะเป็นทางรอดเดียวของเราซะล่ะมั้ง"
เจฟเฟอร์ร่ายยาวอยู่คนเดียว เขาเดินวนไปวนมาอยู่บนโบกี้เหล็กหลังคาเปิงหลายรอบ เฝ้าดูการยกตัวขึ้นพ้นจากเมือกเจลของมัน จนกระทั่งครบร้อยเปอร์เซ็นต์สมบูรณ์ หมอยูมิโกะในลุคของนางฟ้าระยิบระยับก็ได้บินตามลงมาสมทบ
.
"ฮู่ววว.. เป็นไงบ้างคุณ? หมอตกใจแทบแย่แหนะตอนตะโกนลงมาแล้วคุณไม่ตอบ หมอคิดว่าเสียคุณไปซะแล้ว"
.
"หราาาา.. หมอ หราาาา.."
เจฟเฟอร์ประชด
.
"อ่าว! นี่หมอกำลังเป็นห่วงคุณอยู่นะคุณเจฟเฟอร์ ไม่เห็นรึไงว่าโบกี้กำลังเชื่อมต่อกับรางรถไฟอยู่ แล้วคุณก็ลองโผล่หน้าออกไปดูสิ! เห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ!"
.
เจฟเฟอร์ทำตามเขาค่อย ๆ ก้มชำเลืองลงไปดู แม้จะงงกับถ้อยคำดังกล่าวอยู่มากโข
.
"มะ.. แมลงวัน! แมลงวันกำลังยิงแสงเลเซอร์เชื่อมล้อกับรางเข้าด้วยกันอยู่ บะ.. บ้าไปแล้ว! ข้างนี้ก็มี! ข้างนี้ด้วย!"
.
"แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นนะคะคุณสายลับอันดับหนึ่งที่เคารพ คุณลองดูตรงตำแหน่งที่คุณพุ่งชนสิ! ถ้าไม่ได้เด็ก ๆ ของหมอช่วยรองรับเอาไว้ คุณคิดว่าตัวเองจะมามุ่ยหน้ามองบนใส่หมอเป็นอีตุ๊ดแบบนี้ได้งั้นเหรอ? เช๊อะ!"
.
ฝูงแมลงวันอีกกลุ่มบินหึ่งออกไปจากตัวถังโบกี้ เล่นเอาเจฟเฟอร์นี่หน้าชาไปตั้งแต่โหนกแก้มจรดฝ่าเท้า เขาพูดไม่ออกเลยหลังโดนชุดคอมโบนี้เข้าไป ในเมื่อมันคือความจริงแทบทั้งหมด เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้แมลงวันช่วยชีวิตไว้ แต่ครานั้นหมอยูมิโกะก็เลือกที่จะไม่หยุดรับฟังคำขอโทษใด ๆ จากเขา สงสัยหมอแกจะกลัวเสียเวลามั้ง แกก็เลยหันมาทำงานต่อด้วยการดีดนิ้ว "เปรี๊ยะ" ไปหนึ่งที
.
ชั่วเสี้ยวอึดใจจุลินทรีย์ทั้งหลาย ก็แตกสลายกระจายตััวแวววับขึ้นไปบนฟ้า รวมไปถึงฝูงแมลงวันกรรมกรที่เชื่อมต่อล้อโบกี้เข้ากับรางจนแล้วเสร็จด้วย
.
"น่าจะได้ที่แล้วล่ะ ต่อไปหมอจะกดรีโมทล่ะนะ อย่าตกใจโวยวายอีกล่ะ"
.
"อืม.. คะ.. ครับ ผมจะพยายาม"
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายฝืดคอ คือถ้าหมอจะเน้นย้ำขนาดนี้ก็ต้องเป็นอะไรที่ไม่ปกติแน่ เจ้าตัวก็เลยสืบเท้าถอยหลังไปยืนชิดกับขอบโบกี้เอาไว้ก่อน ซึ่งพอมองออกไปจากตรงนี้ทุกอย่างรอบตัวก็ยังเต็มไปด้วยเจลลาวาเดือด ๆ กับม่านควันที่โพยพุ่ง ออกมาเป็นระยะเหมือนเดิม
.
"ติ๊ด!"
.
"เอ๋.. ทำไมไม่ติดล่ะ ถ่านหมดหรอ ติ๊ด ติ๊ด เฮ้! ติ๊ด "
.
เอาแล้วไง! ดันเกิดความผิดพลาดขึ้นซะได้ เมื่อหมอยูมิโกะที่อุตส่าห์โปรยคำซะดิบดีดันกดรีโมทไม่ติด เธอลองยื่นมือออกไปข้างนอกดูก็แล้วแต่ก็ยังเงียบ เจ้าหล่อนก็เลยพยายามเดินหาคลื่นจนเผลอมายืนอยู่ข้าง ๆ เจฟเฟอร์ ที่กำลังเกาะขอบโบกี้อยู่โดยไม่รู้ตัว แล้วเธอก็ได้ทำการเคาะรีโมทป๊อก ๆ เข้ากับขอบโบกี้ซะอย่างงั้น ดีแค่ไหนแล้วที่หมอแกไม่แงะถ่านออกมาเลีย เพราะหลังจากเคาะไปสองสามทีมันก็ได้ผลจริง ๆ
.
"ติ๊ด!"
.
"ครืดดดดด! แกร็กกกก ๆ ๆ ๆ "
.
โอ้พระเดชพระคุณหลวงพ่อ! เจฟเฟอร์นี่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นัยน์ตาเขาเบิกโพลงกว้างกระเถิบตัวออกจากขอบโบกี้ จ้วงเท้าตัดหน้าหมอยูมิโกะแล้วชะเง้อออกมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจลลาวาหลอมเหลวให้เต็มสองตาตัวเอง เขาไม่จำเป็นจะต้องกลัวมันอีกต่อไปแล้ว เพราะเพียงเสี้ยววินาทีที่หมอยูมิโกะกดรีโมท พวกมันก็หยุดนิ่งไปซะเฉย ๆ หยุดเต้นตุบๆ หยุดพ่นควัน มิหนำซ้ำยังเคลื่อนตัวเข้าหากันทบไปทบมาชั้นแล้วชั้นเล่าจนแน่นและจับตัวเป็นก้อนแข็ง เสียงแกร็ก ๆ ๆ ที่ได้ยินตอนต้นคือการกระแทกกันของพวกมัน
.
จากเจลยางหลอมเหลวบัดนี้ก็ได้มีสภาพกลับคืนมาเป็นดินแห้ง ๆ เหมือนเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมยังมีพวกต้นไม้แห้ง ๆ เศษหญ้าแล้วก็อาคารบ้านเรือนเก่า ๆ คล้ายกับในหนังคาวบอยในยุค 60's ของแฮริสัน ฟอร์ด อะไรเทือกนั้นโผล่ขึ้นมาด้วย กล่าวคือการกดรีโมทของหมอได้ทำให้โลกหลังม่านเจลนั้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง เหมือนตอนที่เจฟเฟอร์โดนตบจนหัวทิ่ม!
.
"หมอครับผมมีข้อสงสัย แล้วไอ้พวกบ้านเรือนพวกนั้นมันมาจากไหนครับน่ะ มันมีอยู่แต่แรกหรือผมไม่ได้สังเกต?"
.
"มันก็ผุดขึ้นมาเหมือนรางรถไฟกับโบกี้นี่ล่ะคุณเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีอยู่แต่แรกหรอก หมอแค่ฝังมันไว้ข้างล่างพอเราเรียกระบบขนส่งพื้นฐานขึ้นมาใช้ เจ้าพวกนี้ก็เลยติดร่างแหมาด้วย นี่ก็หลายปีแล้วเหมือนกันที่แทบจะไม่ได้ใช้งานเลย , ฮึบ!"
ร่างบางกระโจนลงมายืนบนพื้นดิน ฝุ่นคละคลุ้งที่ฟุ้งขึ้นมาบ่งบอกได้ว่าค่อนข้างปลอดภัย เจฟเฟอร์ก็เลยคิดที่จะปีนลงไปตามแต่ก็โดนหมอสาวปรามไว้ซะก่อน
.
"ไม่ต้องค่ะ! คุณอยู่บนนั้นแหละเพราะคุณต้องเดินทางต่อ"
.
"ไปไหนครับ? ผมไม่รู้ทางในนี้สักหน่อย"
.
หมอยูมิโกะเอื้อมมือมาตบที่หัวไหล่ซ้ายของตัวเองป๊าบ ๆ ให้เขาเข้าใจ พลันพยักหน้าอมยิ้ม
.
"เพราะงั้นหมอถึงต้องดึงเจ้ารางเก่า ๆ กับโบกี้โกโรโกโสนี่ขึ้นมาให้คุณไงคะ คุณก็รู้นี่ว่าหมอต้องกลับออกไปข้างนอกเพื่อไปซ่อมนาริตะจังให้ยูมิเขา เพราะฉะนั้นคุณต้องไปหาเอาเองค่ะแขนซ้ายของคุณน่ะ"
.
"ชิบหายแล้ว!"
.
"ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เพราะระบบรางตัวนี้หมอเป็นคนออกแบบเอง ตอนหมอใช้ที่นี่เป็นแล็บใหม่ ๆ หมอยังควบคุมจุลินทรีย์ไม่ได้ จะไปไหนมาไหนก็ลำบาก ถึงตอนนี้มันจะดูเก่าไปหน่อยแต่รับประกันได้ว่าเจ้านี่จะพาคุณไปถึงโรงงานได้แน่นอน"
.
"โรงงาน? ที่นี่มีแขนเป็นโรงงานเลยหรอครับหมอ!?"
.
"ใช่ค่ะ อย่าว่าแต่แขนเลย ขา , น่อง , สะโพก , ตับ , ไต , แม้แต่ก้านสมองก็มี! แต่ก็อย่างที่เคยบอกแหละว่าหมอไม่ค่อยชอบ ไม่อยากทำเพราะมันแข็งกระด้าง โปรเจคพวกนี้ก็เลยยุบทิ้งไปนานแล้ว แล้วก็ให้ความสนใจมาที่อะไรที่สมจริงมากกว่าอย่างโปรเจคยูมิกับนาริตะ เพราะฉะนั้นถ้าคุณไปถึงแล้วก็อย่าตกใจไป มันอาจจะดูเก่าดูเขรอะไปสักหน่อย แต่เชื่อหมอเถอะว่าคุณจะต้องชอบ เพราะแขนกลรุ่นต่าง ๆ จะห้อยเป็นสายพานให้คุณจิ้มเลือกได้เลยทีเดียว"
.
ตาใสเป็นประกาย นับเป็นความตื่นเต้นครั้งแรกของเจฟเฟอร์เลยก็ว่าได้ หลังจากที่ได้สนิทสนมใกล้ชิดกับหมอยูมิโกะ
.
"ว้าว! ผมชักรอไม่ไหวแล้วสิหมอเอางี้ไหม หมอช่วยเตะเจ้าโบกี้นี่ให้มันวิ่งไว ๆ เป็นจรวดเหมือนตอนทำกับผมหน่อยสิ ผมใจร้อนอยากไปให้ถึงเร็ว ๆ ห่ะ ๆ "
.
"ได้โปรดอย่ากวนตีนค่ะ!"
"แล้วก็โปรดรับนี่ไว้ด้วย , ฟืบ!"
.
"หมับ!"
.
"เหวอเกือบหลุดมือแหนะ โยนของชิ้นเล็กแบบนี้ขึ้นมาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงเนี่ยะนะหมอ.. ว่าแต่?"
.
ลักษณะมันเหมือนกับหูฟังไอโฟนไร้สายแต่มีอยู่ข้างเดียว มีเสาอากาศเล็ก ๆ ยืดออกมานิดหน่อย ซึ่งเจฟเฟอร์ก็เดาไม่ถูกอยู่ดีว่ามันคืออะไร
.
"หมอให้ยืมใช่ก่อนค่ะ สิ่งนี้มีไว้เรียกผู้ช่วยเผื่อคุณอาจจะต้องเจอสถานการณ์ฉุกเฉิน หมอเองก็มีเหมือนกันใส่ไว้ตลอดเลยแบบนี้ไง"
หลอนเสยผมขึ้นเผยให้เห็นใบหูที่มีเจ้าหูฟังประหลาดนี่อุดอยู่ ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอให้เจฟเฟอร์ประติดประต่อทุกอย่างได้แล้ว เขาถึงกับหลุดหัวเราะเบา ๆ ออกมาเลยทีเดียว คิดกับตัวเองในใจว่าจะได้เป็นพระเจ้ากับเขาบ้างก็คราวนี้แหละ
.
"ขอบคุณมากครับหมอ เลือกแขนที่ถูกใจได้แล้วผมจะรีบกลับ หมอจะรอผมอยู่ตรงนี้ใช่ไหมตรงลานดินกว้าง ๆ สังเกตง่าย ๆ "
.
"ก็เป็นไปได้ค่ะ.. ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ ถ้าไม่เจอหมอยังไงก็ติดต่อกับหมอได้ผ่านทางเจ้าสิ่งที่ให้ไปนั่นแหละ แต่หมอขอเตือนไว้อย่างนะคะว่า ในพื้นที่ 70% ของชั้น 4 แห่งนี้ หมอไม่ใช่พระเจ้าอย่างที่คุณเข้าใจ นาริตะจังกับยูมิคือสิ่งที่หมอทำผิดพลาด หมอเองก็ผิดมาเยอะเจ็บมาเยอะเพียงแต่หมอเลือกที่จะซ่อนความผิดเหล่านั้นไว้ใต้นี้ แล้วมันก็ได้พลิกขึ้นมาข้างบนพร้อมกับรางและโบกี้ด้วย เพราะงั้นโปรดระวังตัวด้วย!"
.
"คิดมากน่ะครับ.. ผมมีเจ้านี่อยู่ ยังไงซะหมอก็คือพระเจ้าสำหรับผมอยู่ดี ถึงรอยเดิมมันจะหายไปแล้ว แต่ผมก็ยังจำได้แม่นนะครับว่าหมอซัดผมกระเด็นไปทางไหน เหอะ ๆ ๆ"
.
"ถ้างั้นก็โชคดีค่ะ คุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ แล้วเจอกัน"
.
"เปร๊ียะ!"
.
ยูมิโกะดีดนิ้วอีกครั้ง! แล้วก็เป็นจุลินทรีย์จากภาคพื้นที่ค่อย ๆ ผลักดันกงล้อสนิมเขรอะใต้โบกี้ให้เคลื่อนไหวไปตามราง ก่อนจะไหลลงไปตามทางลาดชันด้วยความเร็วสูง!
.
"นั่นไงกูว่าแล้ว! หมอยูมิโกะเล่นกูอีกแล้ว เร็วไปแล้วเฮ่ย! อ๊ากกกกก! ยู่ฮู้สนุกจังโว๊ยยย!"
.
"อร๊ายยยยย ดรีมเวิร์ลไหมล่ะมึง! "
.
"กร๊ีดดดดดดด!"
.
เจฟเฟอร์ยังคงคิดว่านี่เป็นเรื่องสนุก เขาไม่สนใจฟังคำเตือนจากปากแพทย์หญิงผู้ซึ่งสร้างโลกใบนี้ขึ้นมาด้วยซ้ำ สิ่งผิดพลาดที่หมอยูมิโกะกล่าวถึงนั้นน่ากลัวกว่าที่เขาคิดมาก ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าพวกมันตามติดเขาอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ที่เจ้าตัวก้าวเท้าเข้ามาในนี้แล้วยังไงล่ะ!
หน้าอกจุกเสียดแน่นท้องหายใจก็ไม่ค่อยจะออก อย่าว่าแต่การเค้นพลังลมปราณจากอวัยวะสืบพันธุ์เลย โดนสิบล้อทับทั้งคันอยู่แบบนี้แม้แต่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด เขาเจ็บแค่ไหนนาตาชาเจ็บกว่า เขาดิ้นทุรนทุรายนาตาชาชักเกร็งจะเป็นจะตายเหมือนจะขาดใจตายอยู่รอน ๆ.ร่างกายเธอกำลังขาดเลือด อาการที่เห็นคือสภาวะช็อคอันเกิดจากการมีปัญหาที่ระดับความดันโลหิต เมื่อรวมเข้ากับน้ำหนักตัวที่กดทับลงมาของโรบอทซอมบี้แล้วไซร้ อะไรต่อมิอะไรจึงดำเนินไปในแง่ลบ เธอได้ตายจริง ๆ แน่หากบุรุษหนุ่มผู้จมอยู่ใต้ดอกยางไม่ตระหง่านออกมาช่วย."อั๊ก.. อ๊ะ.. อั๊ก.. ก.. ก.. ฮึบ! ดีนะที่แขนยังพอขยับได้อยู่".เจฟเฟอร์พยายามอย่างสุดกำลังรวบรวมพลังไว้ที่ปลายนิ้ว เรียกได้ว่าเค้นออกมาทุกหยดจะลมตดหรือติ่งเล็บตีน ขอแค่เปลี่ยนเป็น Energy ได้เขาไม่เกี่ยง หน้าจอในมุมมองบุคคลที่หนึ่งมองเห็นเคอร์เซอร์วิ่งติ๊ก ๆ ๆ พลันล็อคเป้าหมายไว้ที่โรบอทซอมบี้ตัวที่กำลังง้างกงเล็บ เตรียมจะฟาดฟันใส่องค์หญิง."งับ!"."โอ๊ย! ไอ้เหี๊ยะเอ๊ย! ขากู! ยิ่งเพิ่งต่อมาใหม่ ๆ อยู่ พวกมึงก็ให้เวลากูหน่อยเป็นไร อ๊ากกก! เจ็บ ๆ เจ็บโว๊ย! อูยยย~!".โดยไม่ทันระวังตัว เพราะในระห
ปลายนิ้วชี้มือขวาควันขึ้นโขมง หงายฝ่ามือขึ้นดูเจฟเฟอร์เห็นแต่รอยเขม่าไหม้อันแสนดำขลับ ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือเขาได้ทำเต็มที่ขี้เต็มกางเกงแล้ว เลเซอร์สังหารจากปลายนิ้วคืออาวุธชิ้นเดียวที่เขามี แม้ว่าเจ้าตัวจะลองนั่งคุกเข่าลง แล้วก็เล็งยิงเข้าใส่เป้าหมายเดิมไปอีกหลายชุด ด้วยท่าเบสิคสัด ๆ ตัดท่ายากลีลาเยอะออกไปก็ยังไม่ได้ผล กระสุนเรืองแสงหลายสิบนัดกระทบชิ่งลำตัวของพวกมันออกไป ราวกับถูกปัดด้วยดาบไลซ์เซเบอร์ของอัศวินเจได."เป๊ง! , เป้ง! , เป๊ง! , เป้ง!".แน่นอนว่าพอไม่ได้ผลก็เหมือนเป็นการเปิดช่องให้จักรกลซอมบี้ทั้งกลุ่มเร่ิมรู้สึกตัว พวกมันไม่ได้แค่มองแล้วในตอนนี้ แต่มันเล่นทิ้งร่างเปลือยของนาตาชาไว้ในการดูแลของไอ้ตัวที่ควักเต้านมอยู่เพียงลำพังแบบโดด ๆ ที่เหลืออีกสาม ประกอบด้วยไอ้ตัวเบื้องซ้าย , เบื้องขวา , แล้วก็ไอ้ตัวที่ใหญ่ที่สุด ได้เริ่มลุกขึ้นยืนพลางสาวเท้าโทง ๆ วิ่งเข้าหาเจฟเฟอร์ในทันทีทันใด."ตุ๊ด! , ตุ๊ด! , ตุ๊ด! , ตุ๊ด! ๆ ๆ ".ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแปลว่าอะไร แค่เห็นการกระโจนพรวดเข้ามาพร้อมกันแบบนั้น เจฟเฟอร์ก็รู้แล้วล่ะว่าชะตาตัวเองกำลังจะขาด ดูเหมือนเจ้าตัวจะทำพลาดมหันต์
แพลนกล้องกลับมายังทิศใต้ ณ จุดที่ห่างออกไปจากจุดที่เกิดเหตุเซ็กส์อนาฏกรรม ของคนและเครื่องจักร เขายังคงยืนเด่นเป็นสง่าถ่างขาจังก้าอยู่แบนแผ่น jumper board ที่ลอยสูงเหนือหัวกลุ่มซอมบี้โลหะเป็นแสน ๆ พวกมันทำอะไรเขาไม่ได้ อย่างเก่งก็ได้แค่กระโดดเหยง ๆ ชูไม้ชูมือ ป่ายปัดโดนขอบ ๆ ริม ๆ ของแผ่น jumper board เท่านั้น."เออ.. น่ะ ใจเย็น ๆ ไม่ต้องคลั่งกูขนาดนั้นก็ได้ ไอ้พวกนี้เดี๋ยวบัด! เหวอ ๆ ฮึบ! เห็นไหมล่ะ! บอกแล้วว่าเดี๋ยวมันตก แผ่นบอร์ดคว่ำไปมีหวังศพไม่สวยแน่กู.. ฮู่วววว!"เจฟเฟอร์ตวาดเสียงดังพลางชะโงกหน้าลงมาดูการเคลื่อนไหวเบื้องล่าง ก่อนหน้านี้เจ้าตัวดันหมดเวลาไปกับการใช้ออฟติคอลซูมซะเยอะ สายตาก็เลยล้าไปหมด มิหนำซ้ำผลพวงจากการถ้ำมองที่ไกลที่สุดจนเป็นสถิติโลกครั้งนี้ ยังทำให้อวัยวะส่วนตัวของเขาผงาดง้ำขึ้นมาอีกหน.หลังจากจัดระเบียบสังคมให้กับน้องชายผู้ซุกซนของตัวเองเสร็จ เจฟเฟอร์ก็กลับมามีสมาธิิอีกครั้ง เขาทิ้งฝูงซอมบี้สนิมเขรอะไว้เบื้องหลัง แล้วหันมาโฟกัสที่ภารกิจของตัวเองแทน ภารกิจติดตามองค์หญิงแห่งอลาลัสงั้นเหรอ หึ! ภารกิจช่วยให้นาตาชาหนีรอดจากการถูกข่มขืน? รึก็ไม่! เพราะแท้จริงแล้ว ส
ร่างเปลือยนอนชูขาอ่อนล้าเรี่ยวแรง นาตาชาไม่เหลือแม้แต่กำลังจะดีดดิ้นพลิกตัวหลบหนีจากการย่ำยีทางเพศ เอาจริง ๆ แล้วหล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันเป็นตัวอะไร เพราะเสื้อเกาะอกที่เคยอำพรางพวงเต้าให้อูมกระชับได้รูปนั้น บัดนี้ก็ได้ถูกถลกขึ้นมาปิดตาเอาไว้จนมองอะไรไม่เห็นซะแล้ว สิ่งเดียวที่สาวเจ้ารับรู้จึงมีเพียงสัมผัสอันแปลกประหลาด ที่สากราวกับกระดาษทราย.อย่าเรียกว่าไซ้เพราะแม่งคือการแสครชเห็น ๆ นาตาชาแสบซอกคอไปหมด หลังจากโดนโรบอทตัวหนึ่งดอมดมด้วยความรุนแรง เสียงอืดดด.. อ๊าดดด กึกกัก ๆ ๆ ที่มันเปล่งออกมา ประดุจว่าแม่เทพธิดากำลังจะได้ผัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร รับประกันได้เลยมันจะไม่แค่ "ก็อป" เพราะมันจะ "ปี้" เธอแน่ ๆ หากยังยอมนอนให้กดอยู่เช่นนี้."อ๊อย! เจ็บจังเลย.. อื้อ! อื้อ! ขยับตัวก็ไม่ได้! อย่านะ อย่าทำแบบนั้นตรงหูมัน.. อร๊อยยย~!".ธิดาแห่งอลาลัสผู้โฉมหน้าคร่าตาคล้ายกับเทย์เลอร์ สวิฟต์ เบี่ยงหน้าหลบแบบสุดแรงเกิด แม้จะทำได้เพียงน้อยนิดแต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้จุดที่เสียวที่สุดถูกไอ้หุ่นสนิมเขรอะตัวนี้ล่วงล้ำเอาชัย แพรผมสีบลอนด์ทองถึงกับแตกกระพือ มันคลี่ตัวออกคลุกกับเศษดินขุยขยะจนไม่เหลือเค้า
"หยุดตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้วางกำลังล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว!".เห็นจะจริงถ้าหากว่านี่เป็นหนังไทยสมัย "จารุณี" แสดงเป็นพจมาน ตรงกันข้ามเมื่อประโยคแสนเชยดังกล่าวคงจะใช้กับสถานการณ์จริงที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ไม่ได้ ตำรวจห่าเหวอะไรล่ะ มองไปทางไหนก็มีแต่ซอมบี้เชียงกงล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็มไปหมด เจฟเฟอร์กับกลุ่มคนใช้่มีดคงสุดจะต้านทานแล้ว สังเกตได้จากการถอยร่นเอาหลังพิงกันทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มิหนำซ้ำกางเกงผ้ายืดเจ้ากรรมก็ดันมาพันควยพันหำจนเกือบจะล้มคะมำเสียหลัก."โอ๊ย! เอ๊ย! อุ๊ย! เดี๋ยวก่อนเซ้! อย่าเพิ่งกูยังไม่พร้อม อย่าเพิ่งบุกเข้ามาตอนนี้ไอ้พวกหุ่นสารเลว!"สายลับหนุ่มขึ้นเสียงพลางกระโดดเหยง ๆ เซถลาออกจากตำแหน่ง สีข้างเขาครูดเข้ากับเศษตัวถังยานที่ลักพาตัวองค์หญิงนาตาชามา โดยสันนิษฐานคร่าว ๆ ได้ว่า ยานลำนี้น่าจะโดนยิงร่วงก่อนหน้า Gravitybike ของเขาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะไอร้อนจากเครื่องยนต์ยังคงอุ่น ๆ อยู่ ทำให้เจฟเฟอร์เกิดปิ้งไอเดียบางอย่างขึ้นมา ก่อนจะหลุบสายตาลงมามองลำควยกับลำขาทีี่พันกันอิรุงตุงนังของตนเอง แล้วก็บ่นขมุบขมิบ."ชิ! ไอ้ควยระยำนี่ก็ช่างแข็งถึกแข็งทนเหลือเก
สอดท่อนแขนอันกำยำเข้าโอบเอว ตวัดดึงเอาร่างอันผอมเพรียวเข้ามาแนบไว้ในวงแขน พลันกระโดดม้วนตัวเอาส่วนหนารับกงเล็บของเครื่องจักรสังหาร!."เอือกกก!"เจฟเฟอร์ร้องอุทานลั่น เขากัดฟันเม้มมุมปากในเสี้ยววินาทีต่อมาเมื่อพบว่าองค์หญิงนาตาชากำลังจ้องมองอยู่ หน้าตาเธอบิดเบี้ยวขยะแขยง หัวคิ้วลู่เข้าหากันก่อนจะกลั้นใจซุกหน้าคมสวยที่คล้ายกับเทรเลอร์สวิฟ ลงมาซบเข้าที่ซอกคอของเจฟเฟอร์."ไม่ต้องกลัวนะครับผมมาช่วย ผมเป็นสุภาพบุรุษ ผมเกิดมาเพื่อคุณ""เอื้อกกก! อื้อหือ! อื้อออ! อ๊าาา!".แม่งแสบหลังก็แสบแต่แสบหูมากกว่าที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ ระหว่างที่เจฟเฟอร์ได้ใช้ความพยายามในการปกป้ององค์หญิงอย่างเต็มความสามารถ พวกจักรกลซอมบี้ก็ทำอะไรองค์หญิงไม่ได้เลย มันทำได้เพียงตะปบกรงเล็บใส่หลังเขาแบบโหมกระหน่ำ และช่่วงเวลาที่เกร็งตัวป้องกันอยู่นั้น จู่ ๆ ริมฝีปากของนาตาชาก็ได้เผยอขึ้นเครือครางขมุบขมิบ เข้าใจว่าเธอคงจะกลัวมาก ยิ่งเป็นตอนที่เธอเผลอซีดปากและพ่นลมหายใจออกมา ยิ่งทำให้อารมณ์กำหนัดของเจฟเฟอร์พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น."กอดผมเอาไว้ครับ ผมจะไม่ให้องค์หญิงเป็นอะไรผมสัญญา"."อือ.. อืม.. แต่คุณคะ! ขืนเป็นแบบนี้".