"นั่นรึเปล่าครับหมอ ไอ้รางอะไรที่หมอว่า!? ผมเห็นเป็นเงายาวสีเข้ม ๆ ทอดตัวยาวไปจรดฟากกระโน้นเลย!"
.
พอเปลี่ยนใจคิดจะช่วยอะไร ๆ ก็ง่ายขึ้น เจฟเฟอร์ในสภาพห้อยต่องแต่งใช้เลนส์ออปติคอลซูมในม่านตาเพ่งทะลุกลุ่มควันลงมายังพื้นเจลหลอมเหลวข้างล่างได้ ผดเหงื่อที่หยดติ่ง ๆ ลงมาโดนตัวบวกกับองศาการบินที่ลู่ต่ำลงเรื่อย ๆ ทำให้เจ้าตัวเกิดความสำนึก หมอยูมิโกะคงจะเหนื่อยมากกับการที่ต้องมีเขาเป็นสัมภาระ ลมหายใจเธอหอบรัว การกระชับวงแขนแน่นแต่ละครั้งนั้น บ่งบอกได้ชัดเจนว่าหล่อนกำลังจะพาเขาร่วง
.
"ไหวไหมหมอ! นั่นไงมันโผล่พ้นเจลลาวาขึ้นมาอีกแล้ว ให้ตายสิรู้สึกเหมือนจะมีโบกี้โผล่ขึ้นมาด้วยนะน่ะ ทิศเจ็ดนาฬิกาบินตามนิ้วผมไปเลยหมอ! เดี๋ยวผมนำเองถ้ามองไม่เห็น"
.
"โอเคค่ะถ้างั้นก็ไปกันเลยค่ะ , ฮึบ!"
.
"เหวอ.. อ.. อ.. ! ใช่แบบนี้ซะที่ไหนเล่าหมอ อ๊ากกกกก!"
.
หมอยูมิโกะถอนหายใจพรู เธอปัดมือสองข้างสลับกันไปมาพลางเป่าลมใส่ฝ่ามือเพื่อทุเลาการอักเสบ ให้ตายเถอะ! เธอไม่คิดว่าเจฟเฟอร์จะตัวหนักขนาดนี้ จุลินทรีย์ในอากาศนั้นต่างจากพวกที่อยู่บนพื้นมาก พวกมันแวววับสวยงามก็จริง แต่ก็บอบบางกว่ามากในปริมาณที่เท่ากัน ฉะนั้นพอได้ยินว่าเจฟเฟอร์มั่นใจในพิกัดเป้าหมายของเขาแล้ว หมอสาวก็เลยรีบเหวี่ยงเอาร่างอันหนักอึ้งทิ้งลงมาทันที! เพราะยังไงซะสิ่งมีชีิวิตขนาดเล็กของเธอ ก็ย่อมมีความสำคัญกว่าสายลับแขนขาดเป็นไหน ๆ
.
.
"เป็นไงบ้างคุณเจฟเฟอร์! หมอโยนแม่นรึเปล่า ลอยอยู่บนนี้มองอะไรไม่ค่อยเห็นเลย เฮ้! ได้ยินไหม! เฮ้!"
ชะเง้อคอป้องตามองหา เธอตะโกนสวนกลับไปทั้ง ๆ ที่ร่างแกร่งยังพุ่งทะยานไปไม่ถึงเป้าหมายด้วยซ้ำ
.
ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหมอแกเข้าใจตรงกันกับสิ่งที่เจฟเฟอร์บอกรึเปล่า เขาบอกว่ามีรางรถไฟกับโบกี้กำลังผุดขึ้นมาจากพื้นเจลในทิศ 7 นาฬิกา แต่ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าใกล้หรือไกลแค่ไหน
.
แล้วดูพละกำลังที่เธอเหวี่ยงเขาออกมาสิ โอ้แม่เจ้าโว๊ย! คนนะครับไม่ใช่บั้งไฟพญานาค! พุ่งเร็วแรงอย่างกับขีปนาวุธเกาหลีเหนือ หนังหัวเจฟเฟอร์นี่ลู่ไปกับลม ปากเผยอสั่นพับ ๆ ๆ น้ำลายกระเซ็น มองอะไรก็ไม่เห็นนอกเสียจากสีแดงฉานของเจลลาวาร้อนตึ๋งหนืด ที่บัดนี้แหกเป็นสองซีก! ด้วยฤทธาของหมอยูมิโกะในดินแดนมหัศจรรย์
.
"ตาย ๆ ๆ กูตาย! จะชนแล้วอร๊ายยยย!"
เกร็งคองอเข่าเจฟเฟอร์ทำอะไรไม่ได้นอกจากการใช้ส่วนหนาซับแรงปะทะ ที่จะเกิดขึ้นในอีก 5.. 4.. 3.. 2.. ! โครม!!! โดนเต็ม ๆ ไม่ต้องเกรงใจกัน โบกี้รถไฟนี่ถึงกับหลังคาหลุด ดีที่มันยังไม่ผุดขึ้นมาพร้อมกับรางเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์นัก เจฟเฟอร์ก็เลยยังมีชีวิตรอด เขาค่อย ๆ พยุงตัวเองขึ้นแล้วก็มีอาการเซถลันถลาคล้ายกับนักมวยเมาหมัดบ้างนิดหน่อย ก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่ขอบโบกี้ แล้วก็ชะโงกหน้าออกไปดูบรรดาเจลลาวาที่ยังคงเดือดปุด ๆ อยู่ในระยะประชิด
.
"อูยยย~มึนหัวโคตรอ่ะกู.. ซี๊ดดดด! เวรเอ๊ย! หมอแม่งไม่ให้เกียรติความเป็นพระเอกของกูเลย เนื้อเรื่องไม่ไปไหนมาไหนก็เพราะติดอยู่บนชั้น 4 กับแกนี่ล่ะ อะไรกันนักหนาจะให้กูตายให้ได้เลยใช่ไหมห๊ะถามตรง ๆ บัดซบเอ๊ย! "
"แต่ก็ยังดีวะอย่างน้อยหมอแกก็ยังโยนแม่น ถ้าเจ้าโบกี้กับรางรถไฟนี้โผล่ขึ้นมาช้ากว่านี้นิดเดียว มีหวังเราได้พุ่งลงไปในบ่อเจลลาวาแน่ ดูสิระรานตาปกคลุมทุกอย่างไว้หมดเลย ดูทรงแล้วเจ้าเศษเหล็กนี่กับรางคู่ใจของมันคงจะเป็นทางรอดเดียวของเราซะล่ะมั้ง"
เจฟเฟอร์ร่ายยาวอยู่คนเดียว เขาเดินวนไปวนมาอยู่บนโบกี้เหล็กหลังคาเปิงหลายรอบ เฝ้าดูการยกตัวขึ้นพ้นจากเมือกเจลของมัน จนกระทั่งครบร้อยเปอร์เซ็นต์สมบูรณ์ หมอยูมิโกะในลุคของนางฟ้าระยิบระยับก็ได้บินตามลงมาสมทบ
.
"ฮู่ววว.. เป็นไงบ้างคุณ? หมอตกใจแทบแย่แหนะตอนตะโกนลงมาแล้วคุณไม่ตอบ หมอคิดว่าเสียคุณไปซะแล้ว"
.
"หราาาา.. หมอ หราาาา.."
เจฟเฟอร์ประชด
.
"อ่าว! นี่หมอกำลังเป็นห่วงคุณอยู่นะคุณเจฟเฟอร์ ไม่เห็นรึไงว่าโบกี้กำลังเชื่อมต่อกับรางรถไฟอยู่ แล้วคุณก็ลองโผล่หน้าออกไปดูสิ! เห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ!"
.
เจฟเฟอร์ทำตามเขาค่อย ๆ ก้มชำเลืองลงไปดู แม้จะงงกับถ้อยคำดังกล่าวอยู่มากโข
.
"มะ.. แมลงวัน! แมลงวันกำลังยิงแสงเลเซอร์เชื่อมล้อกับรางเข้าด้วยกันอยู่ บะ.. บ้าไปแล้ว! ข้างนี้ก็มี! ข้างนี้ด้วย!"
.
"แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นนะคะคุณสายลับอันดับหนึ่งที่เคารพ คุณลองดูตรงตำแหน่งที่คุณพุ่งชนสิ! ถ้าไม่ได้เด็ก ๆ ของหมอช่วยรองรับเอาไว้ คุณคิดว่าตัวเองจะมามุ่ยหน้ามองบนใส่หมอเป็นอีตุ๊ดแบบนี้ได้งั้นเหรอ? เช๊อะ!"
.
ฝูงแมลงวันอีกกลุ่มบินหึ่งออกไปจากตัวถังโบกี้ เล่นเอาเจฟเฟอร์นี่หน้าชาไปตั้งแต่โหนกแก้มจรดฝ่าเท้า เขาพูดไม่ออกเลยหลังโดนชุดคอมโบนี้เข้าไป ในเมื่อมันคือความจริงแทบทั้งหมด เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้แมลงวันช่วยชีวิตไว้ แต่ครานั้นหมอยูมิโกะก็เลือกที่จะไม่หยุดรับฟังคำขอโทษใด ๆ จากเขา สงสัยหมอแกจะกลัวเสียเวลามั้ง แกก็เลยหันมาทำงานต่อด้วยการดีดนิ้ว "เปรี๊ยะ" ไปหนึ่งที
.
ชั่วเสี้ยวอึดใจจุลินทรีย์ทั้งหลาย ก็แตกสลายกระจายตััวแวววับขึ้นไปบนฟ้า รวมไปถึงฝูงแมลงวันกรรมกรที่เชื่อมต่อล้อโบกี้เข้ากับรางจนแล้วเสร็จด้วย
.
"น่าจะได้ที่แล้วล่ะ ต่อไปหมอจะกดรีโมทล่ะนะ อย่าตกใจโวยวายอีกล่ะ"
.
"อืม.. คะ.. ครับ ผมจะพยายาม"
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายฝืดคอ คือถ้าหมอจะเน้นย้ำขนาดนี้ก็ต้องเป็นอะไรที่ไม่ปกติแน่ เจ้าตัวก็เลยสืบเท้าถอยหลังไปยืนชิดกับขอบโบกี้เอาไว้ก่อน ซึ่งพอมองออกไปจากตรงนี้ทุกอย่างรอบตัวก็ยังเต็มไปด้วยเจลลาวาเดือด ๆ กับม่านควันที่โพยพุ่ง ออกมาเป็นระยะเหมือนเดิม
.
"ติ๊ด!"
.
"เอ๋.. ทำไมไม่ติดล่ะ ถ่านหมดหรอ ติ๊ด ติ๊ด เฮ้! ติ๊ด "
.
เอาแล้วไง! ดันเกิดความผิดพลาดขึ้นซะได้ เมื่อหมอยูมิโกะที่อุตส่าห์โปรยคำซะดิบดีดันกดรีโมทไม่ติด เธอลองยื่นมือออกไปข้างนอกดูก็แล้วแต่ก็ยังเงียบ เจ้าหล่อนก็เลยพยายามเดินหาคลื่นจนเผลอมายืนอยู่ข้าง ๆ เจฟเฟอร์ ที่กำลังเกาะขอบโบกี้อยู่โดยไม่รู้ตัว แล้วเธอก็ได้ทำการเคาะรีโมทป๊อก ๆ เข้ากับขอบโบกี้ซะอย่างงั้น ดีแค่ไหนแล้วที่หมอแกไม่แงะถ่านออกมาเลีย เพราะหลังจากเคาะไปสองสามทีมันก็ได้ผลจริง ๆ
.
"ติ๊ด!"
.
"ครืดดดดด! แกร็กกกก ๆ ๆ ๆ "
.
โอ้พระเดชพระคุณหลวงพ่อ! เจฟเฟอร์นี่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นัยน์ตาเขาเบิกโพลงกว้างกระเถิบตัวออกจากขอบโบกี้ จ้วงเท้าตัดหน้าหมอยูมิโกะแล้วชะเง้อออกมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจลลาวาหลอมเหลวให้เต็มสองตาตัวเอง เขาไม่จำเป็นจะต้องกลัวมันอีกต่อไปแล้ว เพราะเพียงเสี้ยววินาทีที่หมอยูมิโกะกดรีโมท พวกมันก็หยุดนิ่งไปซะเฉย ๆ หยุดเต้นตุบๆ หยุดพ่นควัน มิหนำซ้ำยังเคลื่อนตัวเข้าหากันทบไปทบมาชั้นแล้วชั้นเล่าจนแน่นและจับตัวเป็นก้อนแข็ง เสียงแกร็ก ๆ ๆ ที่ได้ยินตอนต้นคือการกระแทกกันของพวกมัน
.
จากเจลยางหลอมเหลวบัดนี้ก็ได้มีสภาพกลับคืนมาเป็นดินแห้ง ๆ เหมือนเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมยังมีพวกต้นไม้แห้ง ๆ เศษหญ้าแล้วก็อาคารบ้านเรือนเก่า ๆ คล้ายกับในหนังคาวบอยในยุค 60's ของแฮริสัน ฟอร์ด อะไรเทือกนั้นโผล่ขึ้นมาด้วย กล่าวคือการกดรีโมทของหมอได้ทำให้โลกหลังม่านเจลนั้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง เหมือนตอนที่เจฟเฟอร์โดนตบจนหัวทิ่ม!
.
"หมอครับผมมีข้อสงสัย แล้วไอ้พวกบ้านเรือนพวกนั้นมันมาจากไหนครับน่ะ มันมีอยู่แต่แรกหรือผมไม่ได้สังเกต?"
.
"มันก็ผุดขึ้นมาเหมือนรางรถไฟกับโบกี้นี่ล่ะคุณเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีอยู่แต่แรกหรอก หมอแค่ฝังมันไว้ข้างล่างพอเราเรียกระบบขนส่งพื้นฐานขึ้นมาใช้ เจ้าพวกนี้ก็เลยติดร่างแหมาด้วย นี่ก็หลายปีแล้วเหมือนกันที่แทบจะไม่ได้ใช้งานเลย , ฮึบ!"
ร่างบางกระโจนลงมายืนบนพื้นดิน ฝุ่นคละคลุ้งที่ฟุ้งขึ้นมาบ่งบอกได้ว่าค่อนข้างปลอดภัย เจฟเฟอร์ก็เลยคิดที่จะปีนลงไปตามแต่ก็โดนหมอสาวปรามไว้ซะก่อน
.
"ไม่ต้องค่ะ! คุณอยู่บนนั้นแหละเพราะคุณต้องเดินทางต่อ"
.
"ไปไหนครับ? ผมไม่รู้ทางในนี้สักหน่อย"
.
หมอยูมิโกะเอื้อมมือมาตบที่หัวไหล่ซ้ายของตัวเองป๊าบ ๆ ให้เขาเข้าใจ พลันพยักหน้าอมยิ้ม
.
"เพราะงั้นหมอถึงต้องดึงเจ้ารางเก่า ๆ กับโบกี้โกโรโกโสนี่ขึ้นมาให้คุณไงคะ คุณก็รู้นี่ว่าหมอต้องกลับออกไปข้างนอกเพื่อไปซ่อมนาริตะจังให้ยูมิเขา เพราะฉะนั้นคุณต้องไปหาเอาเองค่ะแขนซ้ายของคุณน่ะ"
.
"ชิบหายแล้ว!"
.
"ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เพราะระบบรางตัวนี้หมอเป็นคนออกแบบเอง ตอนหมอใช้ที่นี่เป็นแล็บใหม่ ๆ หมอยังควบคุมจุลินทรีย์ไม่ได้ จะไปไหนมาไหนก็ลำบาก ถึงตอนนี้มันจะดูเก่าไปหน่อยแต่รับประกันได้ว่าเจ้านี่จะพาคุณไปถึงโรงงานได้แน่นอน"
.
"โรงงาน? ที่นี่มีแขนเป็นโรงงานเลยหรอครับหมอ!?"
.
"ใช่ค่ะ อย่าว่าแต่แขนเลย ขา , น่อง , สะโพก , ตับ , ไต , แม้แต่ก้านสมองก็มี! แต่ก็อย่างที่เคยบอกแหละว่าหมอไม่ค่อยชอบ ไม่อยากทำเพราะมันแข็งกระด้าง โปรเจคพวกนี้ก็เลยยุบทิ้งไปนานแล้ว แล้วก็ให้ความสนใจมาที่อะไรที่สมจริงมากกว่าอย่างโปรเจคยูมิกับนาริตะ เพราะฉะนั้นถ้าคุณไปถึงแล้วก็อย่าตกใจไป มันอาจจะดูเก่าดูเขรอะไปสักหน่อย แต่เชื่อหมอเถอะว่าคุณจะต้องชอบ เพราะแขนกลรุ่นต่าง ๆ จะห้อยเป็นสายพานให้คุณจิ้มเลือกได้เลยทีเดียว"
.
ตาใสเป็นประกาย นับเป็นความตื่นเต้นครั้งแรกของเจฟเฟอร์เลยก็ว่าได้ หลังจากที่ได้สนิทสนมใกล้ชิดกับหมอยูมิโกะ
.
"ว้าว! ผมชักรอไม่ไหวแล้วสิหมอเอางี้ไหม หมอช่วยเตะเจ้าโบกี้นี่ให้มันวิ่งไว ๆ เป็นจรวดเหมือนตอนทำกับผมหน่อยสิ ผมใจร้อนอยากไปให้ถึงเร็ว ๆ ห่ะ ๆ "
.
"ได้โปรดอย่ากวนตีนค่ะ!"
"แล้วก็โปรดรับนี่ไว้ด้วย , ฟืบ!"
.
"หมับ!"
.
"เหวอเกือบหลุดมือแหนะ โยนของชิ้นเล็กแบบนี้ขึ้นมาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงเนี่ยะนะหมอ.. ว่าแต่?"
.
ลักษณะมันเหมือนกับหูฟังไอโฟนไร้สายแต่มีอยู่ข้างเดียว มีเสาอากาศเล็ก ๆ ยืดออกมานิดหน่อย ซึ่งเจฟเฟอร์ก็เดาไม่ถูกอยู่ดีว่ามันคืออะไร
.
"หมอให้ยืมใช่ก่อนค่ะ สิ่งนี้มีไว้เรียกผู้ช่วยเผื่อคุณอาจจะต้องเจอสถานการณ์ฉุกเฉิน หมอเองก็มีเหมือนกันใส่ไว้ตลอดเลยแบบนี้ไง"
หลอนเสยผมขึ้นเผยให้เห็นใบหูที่มีเจ้าหูฟังประหลาดนี่อุดอยู่ ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอให้เจฟเฟอร์ประติดประต่อทุกอย่างได้แล้ว เขาถึงกับหลุดหัวเราะเบา ๆ ออกมาเลยทีเดียว คิดกับตัวเองในใจว่าจะได้เป็นพระเจ้ากับเขาบ้างก็คราวนี้แหละ
.
"ขอบคุณมากครับหมอ เลือกแขนที่ถูกใจได้แล้วผมจะรีบกลับ หมอจะรอผมอยู่ตรงนี้ใช่ไหมตรงลานดินกว้าง ๆ สังเกตง่าย ๆ "
.
"ก็เป็นไปได้ค่ะ.. ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ ถ้าไม่เจอหมอยังไงก็ติดต่อกับหมอได้ผ่านทางเจ้าสิ่งที่ให้ไปนั่นแหละ แต่หมอขอเตือนไว้อย่างนะคะว่า ในพื้นที่ 70% ของชั้น 4 แห่งนี้ หมอไม่ใช่พระเจ้าอย่างที่คุณเข้าใจ นาริตะจังกับยูมิคือสิ่งที่หมอทำผิดพลาด หมอเองก็ผิดมาเยอะเจ็บมาเยอะเพียงแต่หมอเลือกที่จะซ่อนความผิดเหล่านั้นไว้ใต้นี้ แล้วมันก็ได้พลิกขึ้นมาข้างบนพร้อมกับรางและโบกี้ด้วย เพราะงั้นโปรดระวังตัวด้วย!"
.
"คิดมากน่ะครับ.. ผมมีเจ้านี่อยู่ ยังไงซะหมอก็คือพระเจ้าสำหรับผมอยู่ดี ถึงรอยเดิมมันจะหายไปแล้ว แต่ผมก็ยังจำได้แม่นนะครับว่าหมอซัดผมกระเด็นไปทางไหน เหอะ ๆ ๆ"
.
"ถ้างั้นก็โชคดีค่ะ คุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ แล้วเจอกัน"
.
"เปร๊ียะ!"
.
ยูมิโกะดีดนิ้วอีกครั้ง! แล้วก็เป็นจุลินทรีย์จากภาคพื้นที่ค่อย ๆ ผลักดันกงล้อสนิมเขรอะใต้โบกี้ให้เคลื่อนไหวไปตามราง ก่อนจะไหลลงไปตามทางลาดชันด้วยความเร็วสูง!
.
"นั่นไงกูว่าแล้ว! หมอยูมิโกะเล่นกูอีกแล้ว เร็วไปแล้วเฮ่ย! อ๊ากกกกก! ยู่ฮู้สนุกจังโว๊ยยย!"
.
"อร๊ายยยยย ดรีมเวิร์ลไหมล่ะมึง! "
.
"กร๊ีดดดดดดด!"
.
เจฟเฟอร์ยังคงคิดว่านี่เป็นเรื่องสนุก เขาไม่สนใจฟังคำเตือนจากปากแพทย์หญิงผู้ซึ่งสร้างโลกใบนี้ขึ้นมาด้วยซ้ำ สิ่งผิดพลาดที่หมอยูมิโกะกล่าวถึงนั้นน่ากลัวกว่าที่เขาคิดมาก ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าพวกมันตามติดเขาอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ที่เจ้าตัวก้าวเท้าเข้ามาในนี้แล้วยังไงล่ะ!
ชั่วเคี้ยวหมากแหลก หุ่นงามภู่ระหงษ์ของสาวตาคมผมสั้นซอยไสลด์ก็ปรากฏกายขึ้น ยอมรับตามตรงว่าเธอคนนี้เจฟเฟอร์ไม่ได้คัดดีนัก เพราะเจ้าตัวนั้นเงี่ยนซะจนรีบ หล่อนแทบจะโผล่ออกมาด้วยวิธีการสุ่ม ในลักษณะที่ว่าแค่ปาดตาผ่าน ๆ แล้วก็จิ้มเลือกออกมาเลย."ไงคะที่รัก.. อยากให้ครีสช่วย.. อุ๊ย! คุณมีคู่อยู่แล้วนี่"Ai สาวในชุดนุ่งลมห่มฟ้าแสร้งทำเป็นปิดตาไม่อยากมอง แต่ก็เห็นอยู่ดีแหละว่า Emily กำลังนั่งคุกเข่าแล้วก็โดนควยกระแทกหน้าอยู่.เจฟเฟอร์กวักมือเรียก พลางชี้มาที่ฐานหัวนมตัวเอง."มานี่มา.. เธออ่ะ มาเลียหัวนมให้ฉันหน่อย อึ๊ยยย! ฉันอยากเสียวให้มันสุด ๆ ไปเลย".ร่างเปลือยทำตามอย่างว่าง่าย และด้วยความที่เธอเป็น Ai กึ่งโฮโลแกรมเช่นกันกับ Emily จึงทำให้เธอไม่ต้องใช้ฝูงแมลงหนุนที่่ฝ่าเท้า ครีสลอยวาร์ปเข้ามาหาเจฟเฟอร์ในชั่วพริบตา พลางเผยอริมฝีปากดูดหัวนมเม็ดแกร่งเข้าไปดุนกับโคนลิ้น."แผล็บ ๆ แผล็บๆ อืมมม.. ใช่ทำแบบนี้รึเปล่าคะที่รัก แผล็บ ๆ "."คริสทำถูกไหมเอ่ย?"."แล้วอีกข้างล่ะให้คริสทำยังไงกับมันดี..?".เป็นคำถามที่สร้างความฉงนสนเท่ห์ขึ้นมาในชั่วขณะจิต เจฟเฟอร์แปลกใจมากเพราะโดยปกติแล้ว Ai ใน The
ฟองฟดฟอด ๆ ออกมาตามลำควย คราบน้ำลายไหลเยิ้มออกมาตามร่องปาก แต่ครานั้นสาวเจ้าก็ยังดูดซดกลับคืนไปจนหมดเกลี้ยง พลันตะปบฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนแก้มก้นของเจฟเฟอร์เสียงดัง!."เปรี๊ยะ!!!".เธอบีบเค้นมันจนสุดแรง มองไม่เห็นหรอกแต่คิดว่าน่าจะเริ่มแดงตอนที่เธอเร่ิมข่วน ในร่างที่ใกล้เคียงกับ ไอซ์ อภิษฎา Emily โคตรจะเร่าร้อน นางแมวยั่วสวาทจิกเล็บคมลงแนบก้น ก่อนจะครูดลงมาพรืดเดียวจนกระทบเข้ากับหนังไข่ เล่นเอาฝ่ายชายถึงกับสะดุ้งตัวเกร็ง! เจฟเฟอร์แยกเขี้ยวกัดกรามแน่น พลางลงน้ำหนักมือกับเผ้าผมเธอมากขึ้น."ซี๊ดดดดด! อ้าาาาา! มันเจ็บนะเว๊ยอีกระหรี่!"."มึงชอบรุนแรงแบบนี้ใช่ไหมล่ะ ห๊ะ! มึงอยากให้กูเย็ดมึงแรง ๆ ใช่ไหม!"."อ่ม..ม..ม อ่ำ..อม..ม..ม".จะให้เธอตอบได้ยังไงในเมื่อลำควยมหึมายังคงคาอยู่เต็มปาก แรงจิกจากฝ่ามืออันรุนแรงรั้งให้ตีนผมของแหม่มสาวถลกขึ้น Emily ตาถลนทึงพลางผงกหัวตามเพื่อลดแรง แล้วก็เป็นวินาทีนั้นเองที่แท่งควยดันเลื่อนหลุดออกมาพอดี."เฮืออออก! ค่ะที่รัก! ฉันอยากเจอ! ฉันอยากโดน! Fuck me please Huney and a hurry up!".ฮวบบบบ! บ๊วบ! บ๊วบ! ๆ ๆ ".อ้าปากกว้างงับเอ็นอุ่นกลับเข้าไปอีกหน คร
ปล่อยผ่านแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ในเมื่อคิดแผนไม้ตายขึ้นมาได้ สายลับอันดับหนึ่งแห่ง Parallel อย่างเขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาดูภาพเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ซาก ๆ นั่นอีกต่อไป เขาปล่อยให้เจ้ายักษ์แซนดี้งอกแขนงอกขาออกมาใหม่ได้ตามอำเภอใจ เพราะตราบใดที่เจ้าตัวยังมีหูฟังของหมอยูมิโกะยัดอยู่ในหูตลอดเวลาแล้วล่ะก็ มันก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี ตรงกันข้าม! กลับกลายเป็นเขาเองต่างหากที่จะได้เปรียบหากประวิงเวลาไว้ได้นานพอ.เจฟเฟอร์จึงรีบยกมือขึ้นป้องหู พลางกดปุ่มสัญญาณเพื่อที่จะออกคำสั่งต่อไป."ตั้งแนวกำแพงป้องกันค้างไว้ ไม่ว่าจะกรณีใด ๆ อย่าให้ทรายเข้าถึงตัวฉันได้เป็นอันขาด!".ฝูงแมลงบินขึ้นลงหึ่ง ๆ คล้ายกับเป็นการตอบรับ หลังจากนั้นพวกมันเกือบทั้งหมดก็เกาะกลุ่มกันเป็นกำแพงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่โตมโหฬาร ที่ถอดแบบร่างมาจากพิมพ์เขียวของกำแพงเมืองจีนชัด ๆ ทั้งหมดทั้งมวลลอยอยู่กลางอากาศ โอบล้อมเจฟเฟอร์เอาไว้ทุกทิศทุกทาง ดุจดั่งป้อมปราการขององค์จักรพรรดิอหังการจิ๋นซีฮ่องเต้.ชายหนุ่มหันมองซ้ายทีขวาที สลับกับการหลุบตาขึ้นลงมองจากบนลงล่าง พลางพยักหน้าหงึก ๆ พออกพอใจกับสิ่งปลูกสร้างชีวะมวล ที่บรรดาลูกน้องจัดทำให้."เยี่ยมไปเ
"จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!.. จ้วง!.. จึก!"."เฮืออออกกก!"."โคร่งงงงงง!!!".สโตกสุดท้ายมาพร้อมกับกงเล็บ ฝ่ามือทรายขนาดมหึมายักษาแยกออกเป็นแฉกบดบังดวงตะวันจนเกิดเงามืด มันกำลังจะตะปบลงมาใส่เจฟเฟอร์ ผู้ซึ่งบัดนี้ยังคงง่วนอยู่กับการรักษาแขนไม่จบไม่สิ้น."ไอ้หยา! ทำไมมันมาถึงเร็วจังวะ? แขนกูยังไม่เสร็จเลย เดี๋ยวดิ! อย่าเพิ่ง! อิ๊บก่อน!""ฮึบ!"."วืดดดดดดดด!".จั่วลมไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด! ลำตัวของแซนดี้แทบจะบิดเป็นเกลียวตามหลักฟิสิกส์โมเมนต์ตัม มันจึงรีบชักแขนกลับพลางรีบยืดช่วงล่างของตัวเองที่ฝังอยู่ใต้ทรายให้สูงขึ้นพ้นจากพื้น จนกลายเป็นอสูรกายบิ๊กเบิ้มในร่างเดิมแบบ Full version ตาต่อตาฟันต่อฟัน สองสิ่งมีชีวิตประจันหน้าเข้าหากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ."ฮู่ววว! เกือบหลบไม่พ้นไหมล่ะกู ถ้าไม่มีเจ้าแมลงพวกนี้ล่ะก็.. หึ่ย! ไม่อยากจะคิด!"."หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ หึ่ง ๆ "."รักษาระยะห่างเอาไว้อย่าเข้าไปใกล้มาก ลอยอยู่บนฟ้าให้เท้าพ้นจากพื้นแบบนี้แหละดีแล้ว ส่วนใครที่รักษาอยู่ก็ให้รีบเร่งมือเข้า!"เจฟเฟอร์คิดในใจ ฝั่งฝูงแมลงเองก็ลงมือทำตามอย่างว่าง่าย.ณ ขณะนี้ชายหนุ่มกำลั
กระจัดกระจายจริง ๆ สมกับชื่อบท เพราะนอกจากจะบินเข้ามาโฉบเอาร่างของเจฟเฟอร์เอาไว้ไม่ให้หล่นลงไปตายแล้ว บนฟากฟ้ายังมีพวกมันอีกเป็นโขยง ท้องฟ้าที่เคยสดใสแดดจัด ๆ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยฝูงแมลงวันเป็นล้าน ๆ ตัว."อะไรกันพวกแกอีกแล้วหรอ!"."หึ่ง ๆ ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆ ๆ "."ฮู้ววว! ไม่รู้ยังไงเหมือนกันแต่ก็ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาช่วย พาฉันลงไปข้างล่างที".กลุ่มก้อนแมลงวันดำขลับเป็นขยุยกระจายตัวไปเกาะตามแขนขาแล้วก็เสื้อผ้า ก่อนจะค่อย ๆ ลดระดับความสูงลงเรื่อย ๆ ตามที่ได้รับคำสั่ง พร้อมกันนั้นไฟสีเขียวในหูฟังก็เริ่มกระพริบปิ๊บ ๆ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่หางตาของเจฟเฟอร์ชำเลืองไปเจอเข้าพอดี เขาก็เลยมีความคิดที่จะดึงมันออกมาเช็ดดู จะได้รู้ว่าเป็นเพราะเจ้านี่รึเปล่าที่เรียกพวกแมลงวันมา แต่ทว่ายังไม่ทันจะทำอะไรเลยจู่ ๆ หมู่ภมรอีกกลุ่มซึ่งอยู่อีกด้านของฟากฟ้าก็ชิงตัดหน้าเขาซะงั้น พวกมันบินโฉบลงมาเป็นก้อนสีดำขนาดเท่าลูกบาส พุ่งมาที่ใบหูแล้วก็ดึงเอาหูฟังออกให้.และพอวัตถุเล็กจิ๋วนั้นถูกส่งถึงฝ่ามือเท่านั้นแหละ ความฉิบหายก็บังเกิดทันที! คุณพระคุณเจ้าเอ๊ยหล่นกระแทกพื้นสิครับจะเหลือเหรอ!."ฟึบบบ! , หึ่ง ๆ ๆ
ไหลพรืด ๆ อย่างกับบันไดเลื่อน ร่างอันอิดโรยของเจฟเฟอร์ไม่อาจต่อต้านเพราะดันเสร่อฝังตัวเองไว้ในทราย เป็นกรรมหรือความโง่ก็ไม่รู้แต่ที่รู้คือเจฟเฟอร์แม่งไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ชัวร์ ๆ ตัวเขาลอยปลิวไปพร้อมกับทราย โดยมีพิกัดเป้าหมายอยู่ที่อุ้งตีนของเจ้าแซนดี้."อั๊ก! โอ๊ก! อั๊ก! แค็ก ๆ ใครจะไปรู้ว่ะว่ามันทำแบบนี้ได้ด้วย.. อั๊กกก! อึกกก!"."อุตส่าห์คิดว่าหลบพ้นแล้วแท้ ๆ ที่ไหนได้ดันโดนดึงเข้าไปหา อ๊วกกก! อั๊กกก! ตายห่าแน่กู!".หลับตาปี๋พลางรอจังหวะสูดลมหายใจเข้าเป็นระยะ ร่างหนาของเจ้าหน้าที่หนุ่มดำผุดดำว่ายจอมจมอยู่ในกระแสธารแห่งชะตากรรม เขาคาดเดาไม่ได้ว่าแต่นี้ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เพราะลำพังแค่ประคองตัวไม่ให้สำลักทรายตายไปซะก่อนก็บุญแค่ไหนแล้ว.บางทีสาเหตุของเรื่องอาจเป็นเพราะเจ้าตัวนั้นชะล่าใจเกินไป ก่อนหน้านี้ตอนที่เจฟเฟอร์เพิ่งจะกลบทรายฝังตัวเองใหม่ ๆ เขาก็เอะใจอยู่แล้วเชียวว่าเจ้ายักษ์แซนดี้มันมีท่าทีแปลก ๆ เขาคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่ามันคงจะหาเขาไม่เจอ ก็เลยถอดใจก้มหน้าก้มตาเงินงกพลางเอาแขนจุ่มลงไปในพื้นทรายคล้ายกับว่าจะยอมแพ้แต่ที่ไหนได้เจฟเฟอร์ดันคิดผิด! เพราะชั่วพริบตาหลังจา