4
ฟ้องร้อง
ทั้งดราก้อนและลิลิธจ้องหน้ากันนิ่ง ๆ ความรู้สึกหลากหลายทับถมภายในใจของทั้งคู่ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของลิลิธดังขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมารับสายทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นสายจากหมอของลูกชาย
“ฮัลโหลค่ะ หมอ?” เสียงของลิลิธสั่นเล็กน้อย ขณะที่ดราก้อนเองก็เงี่ยหูฟังอยู่ไม่ห่างนัก
(คุณแม่ครับ ตอนนี้ผลตรวจไขกระดูกออกมาแล้วนะครับ)
“…” ลิลิธเหลือบมองทางดราก้อนเล็กน้อย แต่มือของเธอยังคงกำโทรศัพท์ในมือแนบหูแน่น
(ต้องบอกว่า...โชคดีมาก ๆ เลยนะครับที่ผลตรวจคุณพ่อตรงและเข้ากับน้องได้ทุกอย่างเลย)
(นั่นหมายความว่าคุณพ่อสามารถเป็นผู้บริจาคไขกระดูกให้ลูซิเฟอร์ได้อย่างสมบูรณ์ครับ) คำอธิบายของหมอทำให้ลิลิธรู้สึกโล่งใจขึ้นมา แต่เธอก็แอบน้อยใจที่ลูกชายที่เธอตั้งท้องมาเอง เลี้ยงดูมาเอง กลับมีทั้งกรุ๊ปเลือดและอื่น ๆ ตรงกับผู้ชายตรงหน้าทุกอย่าง แทบไม่มีอะไรที่เหมือนเธอเลยสักนิด
“แล้วแบบนี้ คุณหมอจะสามารถผ่าตัดปลูกถ่ายกระดูกให้ลูซิเฟอร์ ได้เมื่อไหร่เหรอคะ?” ลิลิธเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง
(ถ้าร่างกายของเด็กพร้อมเมื่อไหร่...ทางเราก็จะสามารถเริ่มกระบวนการผ่าตัดได้ในทันทีเลยครับ)
(แต่ตอนนี้ผมอยากรบกวนขอให้คุณแม่มาฟังรายละเอียดการผ่าตัด รวมถึงเซ็นเอกสารสำหรับการรักษาเพิ่มเติม ถ้าเป็นตอนนี้เลยคุณแม่สะดวกไหมครับ?)
“ได้ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ...ขอบคุณนะคะ ๆ” แต่เธอก็รีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
และเดินกลับไปที่ห้องทำงานของคุณหมอเจ้าของไข้ลูกชายในทันที
หน้าห้องของคุณหมอ
“ฉันมีเรื่องต้องคุยและปรึกษากับคุณหมอแบบส่วนตัว...นายไม่เข้าใจเหรอ?” ลิลิธหันกลับมาว่าให้ดราก้อนด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจที่เขาเดินตามติดเธอไม่ยอมห่าง
“ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลูก...มันไม่ควรเป็นเรื่องส่วนตัวนะ”
“และเธอไม่มีสิทธิ์กีดกันไม่ให้ฉันรู้เรื่องลูก...อย่าลืมสิว่าลูกจะมีชีวิตรอดได้เพราะใคร?”
“…” คำพูดของดราก้อนทำให้ลิลิธทำได้แค่ยืนกำหมัดแน่น ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกระแทกไหล่กันตรงไปนั่งข้าง ๆ กันภายในห้องทำงานของหมอเจ้าของไข้
ภายในห้องบรรยากาศค่อนข้างมาคุเป็นระยะ ๆ ลิลิธและดราก้อนนั่งเงียบ ๆ เคียงข้างกัน ขณะที่หมอเปิดแฟ้มรายงานขึ้นมาและเริ่มอธิบายแผนการรักษา
“ตอนนี้วิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูซิเฟอร์คือการปลูกถ่ายไขกระดูกตามที่หมอแจ้งให้ทราบตั้งแต่แรกเลยนะครับ” หมอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขั้นตอนแรกคือเราต้องทำเคมีบำบัด เพื่อกำจัดไขกระดูกเดิมที่เสื่อมสภาพไปแล้ว โดยกระบวนการนี้จะทำให้ร่างกายเด็กพร้อมรับไขกระดูกใหม่จากผู้บริจาค ซึ่งในกรณีนี้ก็คือคุณพ่อครับ”
ลิลิธและดราก้อนหันมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับและหันไปฟังทางคุณหมออย่างใจจดใจจ่อ
“หลังจากที่ทำเคมีบำบัดเรียบร้อย เราจะเข้าสู่ขั้นตอนการปลูกถ่ายไขกระดูกใหม่ และในช่วงแรก เด็กจะต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้ออย่างน้อยสองถึงสี่สัปดาห์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการฟื้นตัว” หมออธิบายพลางเหลือบมองทั้งคู่ด้วยความเห็นใจ
“วิธีรักษานี้คือวิธีรักษาที่ดีที่สุดแล้วใช่ไหม?” ดราก้อนอ่านรายละเอียดทั้งหมด และเงยหน้าถามหมอไปแบบตรง ๆ
“แล้วคุณหมอที่รักษาล่ะ เชี่ยวชาญแค่ไหน เป็นมือหนึ่งของประเทศเลยรึเปล่า?”
“หรือว่าหมอมีโรงพยาบาลต่างประเทศไหนที่แนะนำไหม ผมยินดีจ่ายค่าแนะนำให้หมอไม่อั้นเลยนะ ขอแค่ให้การผ่าตัดรักษาผ่านไปได้ด้วยดีที่สุด เท่านั้นพอ”
“ผมพร้อมจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด จะเท่าไหร่ผมก็จ่ายให้ได้” ดราก้อนจ้องหน้าคุณหมอตรงหน้าด้วยความชั่งใจ ไม่ใช่เพราะหมอดูไม่เก่ง แต่เขาแค่อยากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกตัวเองเท่านั้น
“นาย...ไม่จำเป็นต้องทำตัวอวดรวยขนาดนั้นหรอกนะ” ลิลิธเหลือบมองดราก้อนด้วยสายตาราบเรียบ
“โรงพยาบาลที่ฉันเลือกพาลูกมาเนี่ย...คือโรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดในไทยแล้ว...ไม่ใช่เหรอไง?” ลิลิธถอนหายใจและหันไปถามกลับดราก้อนอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าเขากำลังดูถูกความรักที่เธอมีต่อลูกชายอยู่
“ไม่มีแม่ที่ไหน ที่จะไม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุด ให้ลูกตัวเองหรอกนะ” เธอพึมพำออกมาเบา ๆ แต่ก็จงใจให้ดราก้อนได้ยินเช่นกัน
หมอยิ้มเล็กน้อยเหมือนเริ่มเข้าใจในสถานการณ์ตรงหน้า เขาพยายามหาทางที่จะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดให้ดีขึ้น
“ทั้งหมอ พยาบาล และเครื่องมือของโรงพยาบาลแห่งนี้ดีที่สุดในประเทศไทยแล้วครับ”
“และในแผนกกุมารเวชศาสตร์ เรามีอาจารย์หมอที่เก่งเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชียเลยด้วย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่วางใจได้ระดับหนึ่งเลยนะครับ เพราะพวกเราจะรักษากันอย่างเต็มที่”
“ฉันมั่นใจในโรงพยาบาลนี้ค่ะ เพราะถ้าไม่ได้หมอช่วยไว้ในคืนนั้น ลูซิเฟอร์คงแทบไม่มีโอกาสรอดแล้ว” ลิลิธพยักหน้าอย่างปักใจที่จะรักษาที่นี่ต่อไป เพราะเธอวางใจในหมอและพยาบาลของที่นี่
“ยังไงฉันก็จะให้ลูกรักษาที่นี่ต่อไป...จนกว่าเขาจะหายดี” ลิลิธพูดด้วยความมั่นใจและหยิบเอกสารที่วางตรงหน้ามาเปิดอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะจรดปากกาเซ็นรับทราบ
ซึ่งเอกสารในหน้าต่อไปก็เป็นในเรื่องของค่าใช้จ่าย และตัวของลูซิเฟอร์เองก็ไม่ได้มีประกันสุขภาพรองรับ ทำให้ค่าใช้จ่ายมันพุ่งสูงไปเกือบ ๆ สามถึงสี่ล้านบาท
ฟุ่บ! ดราก้อนหยิบบัตรเครดิตของเขาวางทับลงบนเอกสารเรื่องค่าใช้จ่ายนั้น
“ไม่เป็นไร! ลูกของฉัน ฉันจ่ายเองได้ค่ะ” ลิลิธพูดขณะที่กำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะเช็กเงินในบัญชีของเธอ ซึ่งการกระทำของเธอทำให้ดราก้อนถึงกับเหยียดยิ้มมุมปากทันที
“อย่ามาทำเป็นเก่งหน่อยเลย ลิลิธ!”
“แค่รถคันที่เธอขับมาฉันก็พอจะเดาได้แล้วว่า...เธอจ่ายค่ารักษาทั้งหมดไม่ไหวหรอก” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูกและเหยียดยามเธอต่อหน้าคนอื่นอย่างไม่ไว้หน้าใด ๆ
ลิลิธสะอึกเล็กน้อย แต่เก็บกลั้นความรู้สึกนั้นไว้ เธอกำปากกาที่จะเซ็นชื่อบนเอกสารนั้นแน่น กำลังต่อสู้กับคำพูดเสียดสีของดราก้อน
“จริง ๆ แล้วเนี่ยเธอควรจะพูดคำว่าขอบคุณ... มากกว่ามานั่งอวดดีกับฉันนะ” ดราก้อนกระชากแฟ้มเอกสารมาเซ็นในช่องผู้ที่รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก่อนจะวางบัตรเครดิตแล้วยื่นให้กับพยาบาลไป
🐉______🧝🏻♀️
สามารถเพิ่มเติมความฟิน ความอิน และอ่านรีวิวเรื่องนี้ได้ที่พื้นที่ในเน็ต รวมถึงฟังเพลงได้ที่ TIKTOK
#อยู่ในตะเกียงแก้ว
#lilithsdragonพันธะสวาทมังกร
#พันธะสวาทมังกร
#เพลงลิลิธถึงดราก้อน
#ลิลิธดราก้อน