LOGINตกเย็นหลังจากเลิกเรียนในคลาสสุดท้ายแล้ว กุลนิภาพี่สาวคนกลางของเธอก็ส่งข้อความมาบอกว่าจะเข้ามารับ เพราะเจ้าตัวมาทำธุระแถวนี้พอดี โดยคุณากรก็ขอติดรถไปด้วยกัน
ความจริงแล้วเธอสามารถขอให้บิดาออกรถให้ได้หรือจะเรียกคนขับรถจากบ้านใหญ่มาคอยรับส่งก็สามารถทำได้ แต่เพราะอยากใช้ชีวิตแบบเรื่อยเปื่อยตามใจตัวเอง เธอจึงปฏิเสธที่จะซื้อรถส่วนตัวหรือใช้รถของครอบครัว ขณะกำลังนั่งเล่นมือถืออยู่บนรถโดยมีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ กลบความเงียบภายในรถนั้น ดวงตาคู่สวยพลันเหลือบขึ้นมองถนนเบื้องหน้าเพราะเริ่มมึนหัว แต่เรื่องบังเอิญก็ช่างเกิดได้ถูกจังหวะตรงเวลาเสียเหลือเกิน “เจ๊ เดี๋ยวจอดให้หนูลงข้างหน้านี้หน่อยค่ะ” เสียงหวานโพล่งขึ้นเมื่อรถกำลังจะเคลื่อนผ่านจุดหมายไป “จะไปเถลไถลที่ไหนอีกล่ะตัวแสบ” แม้จะปากบ่นอยู่บ้าง แต่กุลนิภาก็ตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางให้ในทันที “แค่ไปช้อปปิ้งเอง เอาเป็นว่าจะรีบกลับนะ” จบคำเบนซ์ลีย์คันหรูก็จอดนิ่งสนิท กรรณิการ์จึงหันมามองหน้าพี่สาวแล้วพูดต่ออีกประโยคว่า “ฝากเจ๊ไปส่งนิคด้วยนะ บ๊ายบาย” เนื่องจากคุณากรเองก็รู้จักมักคุ้นกับพี่สาวของเธออยู่พอสมควร เธอจึงคิดว่าคงไม่เป็นไรที่จะขอให้พี่สาวช่วยไปส่งเพื่อนสนิทให้ ร่างเล็กลงมายืนอยู่บนบาทวิถี รอจนรถยุโรปคันหรูของกุลนิภาเคลื่อนตัวออกไปแล้ว จึงหมุนกายเดินย้อนกลับไปยังร้านหนังสือที่เลยผ่านมาเล็กน้อย ประตูร้านถูกเปิดเข้าไปพร้อมกับที่กรรณิการ์สอดส่องสายตามองหาคนที่ทำให้เธอกระโดดลงมาจากรถ เพื่อมาหาเขาโดยเฉพาะ จนในที่สุดก็พบตัวเป้าหมายของเธอ “อ่านอะไรเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาประชิดกายสูงจากด้านหลัง ทัศนัยพลันชะงักมือที่กำลังเปิดหน้ากระดาษหนังสืออยู่ลง แล้วขมวดคิ้วมุ่นเมื่อจำเสียงอันน่ารำคาญนี้ได้ “ยุ่ง” เขาตอบกลับเสียงห้วน ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาแล้วเดินไปยังเคาท์เตอร์คิดเงิน “นี่พี่ไทม์ เมินหนูบ่อยจังเลยนะ” กรรณิการ์ยังคงเดินตามหลังเขาไปติด ๆ เห็นชายหนุ่มเริ่มมีท่าทีหงุดหงิด เธอก็รู้สึกชอบใจไม่น้อย ผู้ชายนิ่ง ๆ เวลาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วมันดูกร้าวใจจนเธอนึกอยากแกล้งให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม “เล่มนี้เท่าไหร่ครับ” ทว่าเขากลับไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเธอสักนิด ทัศนัยวางหนังสือที่เขาต้องการลงบนเคาท์เตอร์แคชเชียร์แล้วหยิบกระเป๋าเงินออกมาเตรียมจ่ายค่าหนังสือ ทว่า... “ตัดเงินผ่านบัตรนี้ได้เลยค่ะ” กรรณิการ์ขยับแทรกตัวเข้ามายืนด้านหน้าเขา แล้วยื่นแบล็คการ์ดให้พนักงานคิดเงิน “หยุดวุ่นวายได้แล้ว” เขาเอ่ยเสียงขุ่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อพนักงานรับบัตรจากมือเรียวของคนตัวเล็กไปจัดการคิดเงินแล้ว “ไม่ได้วุ่นวายสักหน่อย กรีนก็แค่อยากจ่ายให้น่ะ” หญิงสาวรับถุงสินค้ามาจากพนักงานก่อนยื่นมันให้กับชายหนุ่มรุ่นพี่ “ฉันจะคืนให้” เขากล่าวเสียงเข้มขึ้น “ทำไงดี กรีนไม่อยากได้เงินค่ะ ขอเป็นหอมแก้มสักทีแทนได้ไหมคะ?” คนตัวเล็กทำทีเอ่ยเสียงใส แล้วขยับเข้าไปใกล้ร่างสูงมากขึ้น แต่ก็ต้องหยุดอยู่เพียงเท่านั้นเมื่อชายหนุ่มยกมือขึ้นมาดันหน้าผากเธอออกห่าง แล้วรีบเดินเลี่ยงออกมาจากร้านหนังสืออย่างเร่งรีบ เพราะคำพูดเมื่อครู่ของหญิงสาวมันส่งไปถึงพนักงานซึ่งยืนอยู่หลังเคาท์เตอร์ เขาจึงถูกมองด้วยสายตากรุ้มกริ่มจนรู้สึกอับอาย ร่างสูงรีบก้าวยาว ๆ ออกมาโดยไม่รอให้คนตัวเล็กได้เดินตามทัน “พี่ไทม์รอก่อนสิ” กรรณิการ์เอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่ฟังจากดาวอังคารก็รู้ว่ากำลังกวนประสาทเขาอยู่ แต่ทว่าในตอนที่ร่างเล็กยังไม่ทันได้ระวังตัวนั้น พรึ่บ! “อีกรีน!” เสียงแหลมซึ่งดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้เจ้าของชื่อหันไปมองตามสัญชาตญาณ แล้วก็ต้องรีบหลับตาลงเมื่ออีกฝ่ายสาดน้ำใส่หน้าเธอ จนเสื้อผ้าและถุงหนังสือที่อยู่ในมือเปียกชุ่มเหนียวเหนอะไปหมด เพราะน้ำที่ฝ่ายนั้นใช้สาดใส่เป็นน้ำหวาน ทำเอาใบหน้าของกรรณิการ์เย็นวาบไปชั่วครู่หนึ่ง ยังไม่ทันได้หายมึนงง เรือนผมสีบลอนด์ทองก็ถูกจิกกระชากจนร่างเล็กแทบหงายหลัง ตามมาด้วยแรงปะทะจากฝ่ามือที่ฟาดเข้าใส่ซีกหน้าด้านซ้ายของเธอเต็ม ๆ เพี๊ยะ! “อึก โอ๊ย!” เสียงหวานร้องออกมาด้วยความตกใจ ความรู้สึกปวดหนึบปนชาเล็กน้อยทำเอาหญิงสาวเผลอกัดฟันข่มความเจ็บปวดนี้เอาไว้ ทัศนัยซึ่งเดินเกือบถึงรถของตัวเองก็พลันได้ยินเสียงความวุ่นวายนั้นเข้า เขารีบหันกลับไปมองเพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น แล้วก็ไม่ผิดคาดเลยสักนิด เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว วินาทีนั้นชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะวิ่งเข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวซึ่งเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อน “หยุด!” เสียงทุ้มตวาดลั่นเมื่อผู้หญิงแปลกหน้าอีกคนทำท่าจะฟาดฝ่ามือใส่กรรณิการ์อีกหน เมื่อเข้าประชิดตัวหญิงสาวได้เขาก็รีบคว้าร่างเล็กมายืนหลบอยู่ด้านหลังทันที มือที่จับแขนเล็กเอาไว้สัมผัสได้ถึงอาการสั่นของคนตัวเล็ก ทัศนัยหันกลับมามองคนน้องซึ่งมุมปากแตกนิด ๆ ด้วยความตกใจระคนเป็นห่วง “หลบไป ฉันจะตบอีกะxรี่นี่ให้หน้าแหกสักที” อีกฝ่ายหวีดร้องเสียงดังไม่แพ้กัน ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างหันมองอย่างให้ความสนใจ “ฉันไปทำอะไรให้เธอตอนไหน” กรรณิการ์โพล่งถามขึ้นบ้าง เธอมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักกับผู้หญิงคนนี้มาก่อน จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้เจ้าตัวตอนไหนกันแน่ “ตอแหล! เพราะมึงพี่เบสถึงได้ทิ้งกู!” คนถูกถามหวีดเสียงแสบแก้วหูสวนกลับมา แล้วทำท่าจะพุ่งมาใส่เธออีกหน “ถ้ากล้าแตะต้องคนของผมอีกแม้แต่นิดเดียว คุณได้ไปนอนคุกแน่” เสียงทุ้มของทัศนัยกดต่ำลงเป็นเชิงบอกว่าเขาเอาจริง แม้จะไม่ชอบหญิงสาวจอมวุ่นวายสักเท่าไหร่ แต่เห็นเธอถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา เขาก็ไม่อาจใจดำเดินหนีไปเฉย ๆ ได้ลงคอ “แล้วแกมายุ่งอะไรด้วย อ๋อ หรือเป็นผัวใหม่มันล่ะ” หญิงสาวคนนั้นเอ่ยถามอย่างหยามเหยียด กรรณิการ์ยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “เบสถาปัตย์ปีสี่คนนั้นน่ะเหรอ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “เออ! คนที่มึงเปย์เป็นแสนนั่นแหละ ผัวกู!” ความจริงที่ได้ยินทำเอากรรณิการ์ยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอเงยหน้ามองสบตาชายหนุ่มซึ่งมองมาด้วยความสงสัย ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบา ๆ “ฉันเลิกคุยกับเขาตั้งนานแล้ว แล้วอีกอย่างตอนนั้นที่ฉันรู้เขาไปมีอะไรกับผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่ฉัน” เสียงหวานตอบกลับตามจริง “ไม่จริง มึงสร้างเรื่องตอแหลทั้งนั้น” “เจน หยุดเถอะคนมองเต็มแล้ว” พลันเสียงของหญิงสาวอีกคนก็ดังขึ้น พร้อมทั้งเจ้าตัวยังรีบวิ่งเข้ามาจับแขนของหญิงสาวที่ชื่อเจนเอาไว้ด้วย “อ้าว เป็นเพื่อนกันหรอกเหรอ เหอะ!” กรรณิการ์มองหน้าคนทั้งสองสลับกันแล้วแค่นหัวเราะออกมา “อะไรของแก” หญิงสาวที่ชื่อเจนหันมองมาด้วยสีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความสงสัย “ก็ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอนั่นไง คนที่ผัวเธอไปมีอะไรด้วยน่ะ” นิ้วเรียวชี้ไปยังผู้หญิงที่เข้ามาใหม่ “ดะ เดี๋ยวสิ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเธอจะมาใส่ร้ายฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” ฝ่ายซึ่งถูกพาดพิงรีบร้อนปฏิเสธเป็นพัลวัน “นั่นสิ แกอย่ามาใส่ร้ายเพื่อนฉันนะ” “เหรอ ถ้าอย่างนั้นเธอจะสารภาพเอง หรือให้ฉันปล่อยคลิปดีล่ะ” กรรณิการ์เหยียดยิ้มพลางยกมือถือขึ้นส่ายไปมาเบา ๆ “รู้ใช่มั้ย ว่าฉันไม่เคยกล่าวหาใครลอย ๆ น่ะเดียร์” เธอเอ่ยชื่อของผู้หญิงคนนั้นออกมา ส่งผลให้ฝ่ายนั้นเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เรื่องนี้เธอให้คนของพี่ชายช่วยสืบให้ตั้งแต่เริ่มตงิดใจแล้วว่าผู้ชายที่ชื่อเบสกำลังหลอกเธออยู่ “จะ เจน ฉันขอโทษ...” ผู้หญิงชื่อเดียร์เอ่ยเสียงแผ่ว อีกทั้งยังไม่กล้าสบตาเพื่อนของตัวเองอีกด้วย “ทะ ทำไมมึงทำกับกูแบบนี้วะ นั่นผัวกูนะ” เจนหันกลับไปมองเพื่อนสาวแล้วถามขึ้นเสียงสั่น เมื่อนั้นกรรณิการ์จึงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามเวรตามกรรม “ขอบคุณนะคะ” เธอหันมากล่าวขอบคุณชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยอย่างซาบซึ้ง ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มบาง ๆ ก่อนจะต้องรีบหุบลงทันทีเมื่อความเจ็บแล่นปราดไปทั่วทั้งซีกหน้าฝั่งที่โดนตบ “ไปหาหมอหน่อยไหม” เขาถามเสียงเรียบ ทว่าหัวคิ้วเข้มนั้นกลับขมวดมุ่น “แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าหนังสือเปียกหมดแล้วอ่ะ” เธอว่าพลางชูถุงพลาสติกที่ใส่หนังสือขึ้นให้เขาดู “ช่างมัน” “งั้นกรีนไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวซื้อให้ใหม่” กรรณิการกำลังจะหมุนตัวเดินออกมา แต่ก็ถูกสัมผัสอุ่น ๆ จากมือหนาซึ่งยื่นมาจับข้อมือรั้งเอาไว้ “เดี๋ยวไปส่ง” ทัศนัยเอ่ยสั้น ๆ ก่อนจะจูงมือคนตัวเล็กให้เดินตามกันไปยังรถของตัวเองเพราะเกรงว่าหากกลับไปที่เพ้นท์เฮ้าส์ในสภาพนี้แล้ว อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้หากพี่สาวอย่างกุลนิภาเห็นว่าน้องสาวคนเล็กของบ้านมีสภาพเหมือนพึ่งไปฟัดกับหมามาจากไหนสักที่ แน่นอนว่าหากพี่สาวรู้ พี่ชายเธอก็ต้องได้รู้ เกิดเรื่องเข้าหูเกรย์สันเมื่อไหร่ เธอไม่อาจรับรองความปลอดภัยให้ใครได้เลยจริง ๆ เพื่อไม่ให้เรื่องราวมันน่าปวดหัวไปมากกว่านี้ กรรณิการ์จึงขอให้รุ่นพี่หนุ่มมาส่งที่หอของลลิตาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก ระหว่างทางภายในรถถูกปกคลุมด้วยความเงียบ หญิงสาวแอบชำเลืองมองคนที่กำลังขับรถอยู่เป็นระยะ เธอรู้สึกขอบคุณเขาสำหรับเรื่องในครั้งนี้มากจริง ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็แอบรู้สึกละอายใจกับการกระทำของตนเองไปด้วย จะไม่ให้รู้สึกแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อเธอไปก่อกวนตามแกล้งทำตัววุ่นวายใส่เขาตั้งมากมายขนาดนั้น แต่คนพี่กลับไม่คิดปล่อยผ่านตอนที่เห็นเธอโดนทำร้าย แถมยังอาสามาส่งกันอีก แม้จะเป็นลูกคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่เอาแต่ใจจนไม่สนสี่สนแปดขนาดนั้น ทุกครั้งที่กลั่นแกล้งเขาเธอก็พยายามไม่ให้มันเลยเถิดมากเกินไป ส่วนเรื่องแหวนเธอไม่ได้ตั้งใจจะเก็บไว้นานนัก แค่คิ
ตกเย็นหลังจากเลิกเรียนในคลาสสุดท้ายแล้ว กุลนิภาพี่สาวคนกลางของเธอก็ส่งข้อความมาบอกว่าจะเข้ามารับ เพราะเจ้าตัวมาทำธุระแถวนี้พอดี โดยคุณากรก็ขอติดรถไปด้วยกัน ความจริงแล้วเธอสามารถขอให้บิดาออกรถให้ได้หรือจะเรียกคนขับรถจากบ้านใหญ่มาคอยรับส่งก็สามารถทำได้ แต่เพราะอยากใช้ชีวิตแบบเรื่อยเปื่อยตามใจตัวเอง เธอจึงปฏิเสธที่จะซื้อรถส่วนตัวหรือใช้รถของครอบครัว ขณะกำลังนั่งเล่นมือถืออยู่บนรถโดยมีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ กลบความเงียบภายในรถนั้น ดวงตาคู่สวยพลันเหลือบขึ้นมองถนนเบื้องหน้าเพราะเริ่มมึนหัว แต่เรื่องบังเอิญก็ช่างเกิดได้ถูกจังหวะตรงเวลาเสียเหลือเกิน “เจ๊ เดี๋ยวจอดให้หนูลงข้างหน้านี้หน่อยค่ะ” เสียงหวานโพล่งขึ้นเมื่อรถกำลังจะเคลื่อนผ่านจุดหมายไป “จะไปเถลไถลที่ไหนอีกล่ะตัวแสบ” แม้จะปากบ่นอยู่บ้าง แต่กุลนิภาก็ตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางให้ในทันที “แค่ไปช้อปปิ้งเอง เอาเป็นว่าจะรีบกลับนะ” จบคำเบนซ์ลีย์คันหรูก็จอดนิ่งสนิท กรรณิการ์จึงหันมามองหน้าพี่สาวแล้วพูดต่ออีกประโยคว่า “ฝากเจ๊ไปส่งนิคด้วยนะ บ๊ายบาย” เนื่องจากคุณากรเองก็รู้จักมักคุ้นกับพี่สาวของเธออยู่พอสมควร เธอจึงคิดว่าคงไม่เป็นไรที่จะ
ตกเย็นกรรณิการ์กลับมายังเพ้นท์เฮ้าส์ที่พักอาศัยอยู่กับพี่สาวคนกลางอย่างกุลนิภาด้วยสภาพเหนื่อยอ่อนวันนี้หลังจากที่ไปก่อกวนทัศนัยเสร็จแล้วตลอดทั้งคลาสเรียนช่วงบ่ายเธอก็เหมือนถูกสูบวิญญาณออกจากร่างไปจนหมดเพราะอาจารย์ที่สอนวิชานั้นไม่ค่อยชอบเธอนัก ส่วนสาเหตุก็มาจากการที่ตอนอยู่ปีสอง เธอโดดเรียนวิชานี้บ่อย ๆ ก็เลยถูกหมายหัวมาโดยตลอดเมื่อประตูลิฟต์ส่วนตัวเปิดออก ร่างเพรียวก็ก้าวเดินเข้าไปด้านในเพ้นท์เฮ้าส์หรูที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับอยู่เป็นครอบครัวกรรณิการ์กำลังจะหอบหิ้วร่างอันเหนื่อยล้าขึ้นไปยังชั้นสอง ทว่ากลิ่นอาหารที่หอมโชยออกมาก็ทำเอาดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง กรรณิการ์รีบถอดรองเท้าเปลี่ยนเป็นใส่สลิปเปอร์ ตั้งท่าจะวิ่งเข้าไปในห้องครัว แต่ก็ต้องชะงักไปก่อน เมื่อเห็นว่ามีรองเท้าหนังของผู้ชายถอดอยู่ใกล้กัน“กลับมาแล้วเหรอตัวแสบ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นเรียกความสนใจจากหญิงสาวให้หันไปมอง“เกรย์สัน!” กรรณิการ์ส่งเสียงเรียกชื่อของพี่ชายคนโตออกมาด้วยความดีใจร่างเล็กวิ่งเข้าไปกระโดดกอดร่างสูงของคนเป็นพี่ด้วยความคิดถึง ทั้งกอดทั้งหอมเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนโตกว่าได้เป็นอย่างดี“คิดถึงจังเลย” เส
“ไม่เป็นไรหรอกน่า พี่ไทม์เขาอยากให้ฉันนั่งใกล้นี่นา ฉันฝากแกซื้อข้าวด้วยสิ เอากระเพราหมูกรอบไม่เผ็ดเหมือนเดิมเลย” สาวลูกครึ่งเอ่ยบอกกับเพื่อนสนิทด้วยสีหน้ายิ้มแย้มซึ่งคุณากรที่ลอบมองอยู่ ก็แอบอยากดุเพื่อนอยู่เหมือนกัน แต่พอคิดว่า ถึงบ่นไปเพื่อนสาวตัวดีก็คงไม่ยอมฟังอยู่แล้ว จึงไม่ได้พูดอะไร ออกมา แต่เลือกที่จะเดินไปซื้อข้าวกับลลิตาด้วยกันสองคนแทน“น้องกรีนสนใจเพื่อนพี่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ พี่ไม่เห็นมันจะมีอะไรน่าสนใจเลยนะ นิ่งเหมือนรูปปั้นขนาดนี้” พอมีโอกาสพชรก็ชิงถามรุ่นน้องสาวคนสวยในทันทีเขาไม่ได้อิจฉาเพื่อนแต่อย่างใด เพียงแค่อยากใส่ใจเรื่องของเพื่อนก็เท่านั้น“แรก ๆ กรีนก็สนใจที่หน้าตาก่อนน่ะค่ะพี่พอร์ช แต่ว่าตอนนี้ก็คงต้องค่อย ๆ ดูไปก่อน ยังมีอีกหลายอย่างที่กรีนยังไม่เคยเห็น คงต้องรอให้พี่ไทม์ถอด อุ้ย หมายถึงเปิดเผยออกมาให้ดูค่ะ” กรรณิการ์ตอบกลับหนุ่มรุ่นพี่อย่างเป็นกันเอง โดยเธอจงใจพูดประโยคเหล่านี้ให้เพื่อน ๆ ของเขาได้คิดจินตนาการไปเรื่อย และแน่นอนว่ามีเจตนาจะก่อกวนคนที่นั่งอยู่ข้างกันไปพร้อม ๆ กันจากแชตกลุ่มมหา’ลัยเมื่อเช้านี้ ก็ทำให้เธอได้รู้ชื่อของพวกเขาทุกคน เพราะทั้งกลุ่ม
ทัศนัยชะงักไปเมื่อได้ยินประโยคนั้นของหญิงสาว เขาไม่รู้ว่าเด็กนี่ไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้พูดจาแก่แดดแบบนี้ออกมาได้“คิกคิก ล้อเล่นค่ะ” ก่อนที่เสียงหัวเราะของกรรณิการ์จะดังขึ้น ร่างเล็กสั่นเทิ้มจากการพยายามกลั้นเสียงขำไว้ท่าทางของเขาตอนที่เธอพูดประโยคนั้นไป ทำเอาหญิงสาวรู้สึกขบขันไม่น้อย เธอก็แค่อยากรู้ว่าต้องทำยังไงหน้านิ่ง ๆ แสนหยิ่งของเขาถึงจะเปลี่ยนอารมณ์บ้างแต่ทัศนัยที่รู้สึกคล้ายถูกปั่นหัวนั้นเริ่มมีสีหน้าแววตาอึมครึมลงไม่น้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกมาช้า ๆ ก่อนจะจ้องใบหน้าเนียนสวยของหญิงสาวตัวป่วนไว้คล้ายกำลังนับหนึ่งถึงสิบในใจ ไม่ให้ลุกขึ้นไปจับตัวผู้หญิงน่ารำคาญคนนี้มาฟาดให้เข็ดหลาบ“เธอต้องการอะไรกันแน่” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอดกลั้นวันนี้ทั้งวันเขารู้สึกชีวิตวุ่นวายมากเสียจนน่าปวดหัว แค่เพราะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียวที่เพิ่งเจอกันยังไม่ทันถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ และเพราะผู้หญิงคนนี้ตลอดทั้งวันเขาเลยแทบไม่มีสมาธิเรียน คอยพะวงห่วงกลัวว่าแหวนวงสำคัญจะหายไปแต่ทว่าคำถามนั้นของเขาก็ทำเอาคนตัวเล็กหยุดเสียงหัวเราะลง ดวงตาคู่สวยมองสบนัยน์ตาของรุ่นพี่หนุ่มแล้วคลี่ยิ้ม
ตลอดทั้งวัน ทุกครั้งที่หันไปมองหน้าเพื่อนสนิททั้งสองเธอก็มักจะได้รับสายตาล้อเลียน และท่าทางกลั้นขำเหมือนคนเส้นตื้น จากทั้งสองคนอยู่เสมอ จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเลิกเรียนในคลาสสุดท้ายของวัน“นี่ พวกแกหยุดหัวเราะได้แล้ว มันมีอะไรน่าขำขนาดนั้น?” เรียวคิ้วสวยขมวดมยุ่งอย่างขัดใจ เพราะยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ“ก็มันตลกนี่ ปกติแกไม่เคยต้องหัวเสียเพราะเรื่องผู้ชายมาก่อน แล้วดูวันนี้สิ เพิ่งเปิดเทอมแต่แกหงุดหงิดผู้ชายไปแล้วสองคน” ลลิตาพูดพลางกลั้นขำไปด้วยมันอาจจะดูไม่ใช่เรื่องตลกอะไรมากมาย แต่สำหรับเธอที่เห็นเพื่อนรักปั่นหัวผู้ชายเล่นมาตลอดก็อดรู้สึกตลกไม่ได้ ที่เห็นว่าเพื่อนถูกผู้ชายสร้างเรื่องให้กลุ้มใจบ้าง“นี่ยัยเลิฟ แกเส้นตื้นเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวหน้าลูกครึ่งปรี่เข้าไปตวัดแขนกอดคอของเพื่อนสาวที่ตัวเล็กกว่า แล้วเอ่ยเสียงลอดไรฟันคล้ายกำลังข่มขู่“นี่แกจะฆาตกรรมฉันหรือไง ฮ่าฮ่า” คนถูกกอดรัดยังคงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจแม้จะดูอันตรายไปสักหน่อยที่สองสาวเล่นกันระหว่างเดินลงบันได แต่ด้านหลังของหญิงสาวทั้งสองมีร่างของคุณากรเดินตามมาไม่ห่าง ซึ่งทำให้สองสาวไม่ค่อยระวังตัวมากนัก เพราะเชื่อว่าเพื่อนหน


![My Engineerรักร้ายนายจอมโหด [ต้าร์พินอิน]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)




