Beranda / มาเฟีย / Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ / บทที่ 3 : สิ่งของไร้ตัวตน

Share

บทที่ 3 : สิ่งของไร้ตัวตน

Penulis: Hz.Bloom
last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-08 06:11:27

แลก? คำถามนั้นดังก้องในหัวของลลิล ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเงิน ไม่มีครอบครัว ไม่มีอำนาจ

และในวินาทีนั้นท่ามกลางความมืดมิดและกลิ่นคาวเลือด ลลิลก็ตระหนักได้

ไม่สิ...ยังมีสิ่งเดียวที่น้าเข้มพยายามจะขาย สิ่งเดียวที่พวกอันธพาลเมื่อครู่พยายามจะพรากไป

สิ่งเดียวที่อาจจะมีค่าพอที่จะ 'แลก' กับชีวิตของตัวเอง

แลก?

คำถามยังคงก้องอยู่ในหัวของลลิล ร่างบางกอดขาของธนาทัศไว้แน่น สั่นเทารอคอยคำพิพากษา

ความเงียบในตรอกหนักอึ้ง มีเพียงเสียงครวญครางแผ่วเบาของพวกอันธพาล และเสียงลมหายใจที่ขาดห้วงของลลิล

ธนาทัศก้มลงมองไม่ใช่ดวงตาที่อ้อนวอน แต่เป็นมือเล็กๆ ที่เปื้อนเลือดและน้ำครำ เกาะกุมกางเกงสแลคราคาแพงจนเป็นรอยยับ

แววตาฉายความรังเกียจออกมาวูบหนึ่ง ร่างสูงสะบัดขาออกอย่างแรง การกระทำนั้นไร้ความปรานี ร่างของลลิลกระแทกลงบนพื้นเปียกแฉะอีกครั้ง แก้มข้างหนึ่งแนบลงกับความเย็นเฉียบของซีเมนต์ ได้กลิ่นคาวเลือดของตนเองปนกลิ่นเน่าเหม็นของตรอก

ธนาทัศไม่พูดอะไรเพียงพยักหน้าสั้นๆ ให้กับเดช ไม่ใช่การพยักหน้ายอมรับข้อเสนอ แต่เป็นการพยักหน้าสั่งการ

เดชก้าวเข้ามามือหยาบกร้านคว้าเข้าที่ต้นแขนของลลิล นิ้วมือบีบลงบนรอยช้ำเดิม

"โอ๊ย!" ความเจ็บปวดแล่นปราดจนร่างบางร้องออกมาอย่างสุดกลั้น

"ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ก็เงียบซะ" เสียงเย็นชาของเดชกระซิบขู่ ลลิลจึงได้แต่กัดริมฝีปากแน่น กลั้นเสียงสะอื้นที่เหลือ

ร่างบางถูก 'ลาก' ไม่ใช่ 'ประคอง' ถูกลากผ่านพื้นตรอกโสโครก เท้าเปล่าครูดไปกับกรวดหิน ไปทางรถ SUV คันสีดำที่จอดตามหลังรถเบนท์ลีย์

ประตูหลังเปิดออกร่างของลลิลถูก 'โยน' เข้าไป โยนเข้าไปที่เบาะหลังเหมือนกระสอบข้าวสาร ศีรษะฟาดเข้ากับขอบประตูอย่างจัง เสียงดัง 'อั่ก' ดวงตาทั้งสองพร่าเลือน เห็นดาวระยิบระยับอยู่ชั่วขณะ

ยังไม่ทันได้รวบรวมสติ แสงไฟจากตรอกก็ถูกบดบังด้วยเงาร่างสูง ธนาทัศ ร่างสูงไม่ได้กลับไปที่รถเบนท์ลีย์คันหรู แต่กลับก้าวตามขึ้นมา นั่งลงบนเบาะหลัง...ข้างๆ ลลิล

ปัง! ประตูถูกปิดทับความหวังสุดท้าย ความมืดสนิท ความเจ็บปวด และความเงียบที่น่าอึดอัด ถาโถมเข้ามา

พื้นที่แคบๆ ในรถ เต็มไปด้วยกลิ่นโคโลญจน์ราคาแพง และรังสีคุกคามจากร่างสูงที่นั่งนิ่งสงบอยู่ข้างกาย ลลิลตัวแข็งทื่อ พยายามขดตัวหลบไปให้ชิดประตูอีกฝั่ง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

รถเริ่มเคลื่อนตัวความเงียบที่หนักอึ้งบีบคั้น ความกลัวระลอกใหม่จู่โจม นี่คือการยอมรับข้อตกลง หรือแค่การย้ายสถานที่ฆ่าเพื่อปิดปาก?

ความสิ้นหวังผลักดันให้ลลิลย้ำเตือนข้อเสนอ

"ฉัน…ฉันทำได้ทุกอย่าง" เสียงสั่นเครือเล็ดลอดออกมา แหบพร่าจนแทบไม่ได้ยิน "เป็นผู้หญิงของคุณ…ฉัน..."

คำพูดขาดหาย ธนาทัศไม่แม้แต่จะหันมามอง ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ เพียงยกมือขึ้น แตะหูฟังไร้สายขนาดเล็ก แล้วเริ่มออกคำสั่งด้วยเสียงเรียบ

"การเจรจาเรียบร้อย"

"จัดการเส้นทางที่เหลือ"

"ห้ามมีข้อผิดพลาด"

เสียงทุ้มนั้นกำลังพูดเรื่องธุรกิจ เรื่อง 'การส่งของ' ที่ลลิลบังเอิญไปรู้เห็น ราวกับไม่มี 'สิ่งมีชีวิต' ที่กำลังเสนอขายร่างกาย หญิงสาวนั่งสั่นเทาอยู่ข้างๆ

ลลิลตัวแข็งทื่อ นี่คือคำตอบ ร่างบางไม่ใช่คู่สนทนา ร่างบางเป็นเพียง 'สิ่งของ' ที่ถูกเก็บขึ้นรถมาพร้อมกับ 'ธุระ' ชิ้นอื่นเท่านั้นเอง

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ   บทที่ 12 : ตุ๊กตาบนรถ

    เสียงดนตรีคลาสสิกและเสียงผู้คนจอแจจากงานเลี้ยงจางหายไปทันทีที่ประตูบานหนักของปีกบริการปิดลง ทิ้งไว้เพียงเสียงฝีเท้าของเดชที่ดังเป็นจังหวะ และเสียงลากร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของลลิลมือขวาคนสนิทของธนาทัศไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากประโยคสุดท้ายที่แสนเยือกเย็นนั้น มือที่บีบต้นแขนของร่างบางไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก ลากหญิงสาวผ่านโถงทางเดินที่สว่างจ้า ตรงไปยังประตูทางออกฉุกเฉินความอัปยศแล่นริ้วไปทั่วร่าง ลลิลไม่ได้ถูกลากกลับเข้าไปในงานเลี้ยง ไม่ได้ถูกประจานต่อหน้าแขกเหรื่อ แต่นี่อาจจะเลวร้ายกว่า การถูกลากเหมือนซากสัตว์ที่ไร้ค่าออกทางประตูหลัง ตอกย้ำสถานะ 'ทรัพย์สิน' ที่เสียหายของร่างบางเท้าเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและคราบดิน ก้าวสะเปะสะปะไปบนพื้นปูนเย็นเฉียบ ชุดราตรีสีแดงสดที่เคยงดงาม ตอนนี้ขาดวิ่นและเปรอะเปื้อนจนดูน่าสมเพชเดชลากร่างบางมาจนถึงลานจอดรถด้านหลังที่มืดสลัว รถลีมูซีนสีดำสนิทคันเดิมจอดรออยู่ เครื่องยนต์ติดอยู่ แต่เงียบกริบราวกับสัตว์ร้ายที่รอคอยเหยื่อประตูหลังฝั่งหนึ่งถูกเปิดออกโดยคนขับรถที่ยืนรออย่างนอบน้อม เดชไม่พูดพร่ำทำเพลง มือหนาผลักร่างที่ไร้วิญญาณของลลิลเข้าไปด้านในอย่างไ

  • Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ   บทที่ 11 : กลับสู่กรง

    รั้วเหล็กตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบก้าว ลมหายใจของลลิลขาดห้วง ร่างกายที่บอบช้ำจากเมื่อคืนก่อนถูกผลักดันด้วยสัญชาตญาณเฮือกสุดท้าย เท้าเปล่าที่เหยียบย่ำบนหญ้าเปียกชื้นไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไปความหวัง...มันคือสิ่งเดียวที่ขับเคลื่อนร่างบางในตอนนี้อีกแค่สิบก้าว...อีกห้าก้าว... มือเล็กยื่นออกไปข้างหน้า ปลายนิ้วสั่นเทาเกือบจะสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบของโลหะธาตุแห่งอิสรภาพแต่แล้วร่างบางที่พุ่งทะยานก็หยุดชะงักกะทันหันราวกับชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็นไม่ใช่กำแพง แต่เป็นเงาร่างหนึ่งที่ก้าวออกมาจากเงามืดของต้นไม้ใหญ่ เงามืดที่ลลิลกำลังจะใช้เป็นที่หลบซ่อนนั่นเองร่างหนาไม่ได้วิ่งไล่ตาม ไม่ได้รีบร้อน ชายคนนั้นเพียงแค่ก้าวออกมา 'ยืนขวาง' อย่างใจเย็น ราวกับยืนรออยู่ตรงนั้นนานแล้วร่างที่กำลังพุ่งทะยานชะงักกึก ร่างกายเสียหลักเกือบล้มลงบนพื้นหญ้าที่ลื่นชื้น หัวใจที่เคยเต้นรัวด้วยความหวัง หล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม และหยุดเต้นไปชั่วขณะแสงจันทร์สลัวสาดส่องลงมาเผยให้เห็นใบหน้าที่เรียบเฉย ไร้ความรู้สึกแต่ลลิลจดจำได้แม่นยำ'เดช'มือขวาคนสนิทของธนาทัศความหวังทั้งหมดที่เคยลุกโชน

  • Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ   บทที่ 10 : ปีกที่ถูกเด็ด

    ลลิลยืนนิ่งเป็นตุ๊กตาประดับห้อง แก้วแชมเปญในมือสั่นระริกจนของเหลวสีอำพันเกือบจะกระฉอกออกมา มืออีกข้างกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความเจ็บปวดทางกายเทียบไม่ได้เลยกับความอัปยศที่แผดเผาอยู่กลางอกคำพูดของธนาทัศยังคงดังก้อง 'เห็นไหม เธอมี 'ประโยชน์' แล้ว'ประโยชน์...คำนี้ช่างน่ารังเกียจ ประโยชน์ของร่างบางคือการถูกใช้เป็นเครื่องมือตบหน้าคนอื่น คือการถูกตีตราต่อหน้าสาธารณะด้วยจูบที่ไร้ความรู้สึก จูบที่อ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของอย่างป่าเถื่อนลลิลเหลือบมองร่างสูงที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มกลับเข้าสู่บทบาทนักธุรกิจผู้ทรงอำนาจได้อย่างไร้รอยต่อ พูดคุย หัวเราะเบาๆ กับกลุ่มนักการเมือง โดยไม่หันมามอง 'ถ้วยรางวัล' ที่เพิ่งใช้งานไปแม้แต่น้อยร่างสูงคงคิดว่าลลิลสิ้นฤทธิ์แล้ว คงคิดว่าการ 'ซื้อขาด' ในคืนนั้น และการ 'ลงทัณฑ์' ด้วยจูบเมื่อครู่ ได้ทำลายศักดิ์ศรีของร่างบางจนหมดสิ้นแล้วใช่...ศักดิ์ศรีของลลิลถูกขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี แต่มันไม่ได้ดับไฟในใจของหญิงสาว มันกลับจุดไฟแห่งความเกลียดชังและความปรารถนาที่จะหนีให้ลุกโชนขึ้นมาแทน'ฉันต้องหนี'ความคิดนั้นชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหนร่างบางกวาดสายตามองไปรอบห้อ

  • Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ   บทที่ 13 : บทลงโทษของอสูร

    เท้าเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนครูดไปกับพื้นปูนเย็นเฉียบของลานจอดรถ ลลิลไม่มีเวลาแม้แต่จะทรงตัว ร่างบางถูกลากกึ่งจูงให้ก้าวตามแผ่นหลังกว้างของธนาทัศที่เดินนำลิ่วไปยังลิฟต์ส่วนตัวบรรยากาศภายในกล่องเหล็กนั้นน่าอึดอัดยิ่งกว่าในรถ หญิงสาวยืนตัวสั่นอยู่มุมหนึ่ง โดยมีเดชยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆ ขณะที่ร่างสูงของผู้เป็นนายยืนกอดอกนิ่งมองตัวเลขชั้นที่เลื่อนขึ้นอย่างใจเย็นติ๊งประตูลิฟต์เปิดออกยังชั้นเซฟเฮาส์ร่างบางถูกกระชากออกจากลิฟต์ และถูกผลักอย่างแรงจนร่างทั้งร่างปลิวเข้าไปในห้องนอน หญิงสาวเสียหลักล้มลงบนเตียงนุ่มอย่างไม่ออมแรงความทรงจำอันเลวร้ายจากสถานที่แห่งนี้หวนกลับมาจู่โจมทันทีปัง!เสียงประตูห้องปิดตามหลัง พร้อมเสียงล็อกอัตโนมัติที่ดังสนั่น ลลิลสะดุ้งสุดตัว รีบตะเกียกตะกายทรงตัวลุกขึ้นนั่งดวงตาทั้งสองข้างฉายแววความกลัวออกมาอย่างปิดไม่มิด เมื่อเห็นร่างสูงสง่าของธนาทัศก้าวตามเข้ามาในห้อง ร่างบางพยายามที่จะถอยหลังหนีไปอีก จนกระทั่งแผ่นหลังบอบบางแนบสนิทกับหัวเตียงชายหนุ่มปลดเนกไทสีดำออกจากลำคอแกร่งอย่างเชื่องช้า"นี่คือโทษสำหรับการหลบหนีของเธอ"ธนาทัศไม่พูดเปล่า ร่างสูงจับข้อมือเล็กไว้

  • Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ   บทที่ 9 : จูบเย้ยหยัน

    แทนที่จะเดินหนี ธนาทัศกลับจูงลลิล ลากผ่านฝูงชนที่แหวกทางให้ เหมือนคลื่นทะเลที่แยกออกให้พญาราชสีห์เดินผ่าน เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นรอบทิศทาง ตอกย้ำสถานะ 'ของเล่นชิ้นใหม่'ทุกย่างก้าวหัวใจของลลิลหล่นวูบ'โกหก!' ความคิดนั้นเหมือนฟ้าผ่า 'กำลังจะส่งมอบฉันเดี๋ยวนี้!'ร่างบางพยายามดึงแขนกลับ ต้านทานแต่ไร้ผล มือใหญ่ของธนาทัศ บีบลงบนแขนเล็ก แน่นเหมือนคีมเหล็ก เป็นการเตือน 'อยู่นิ่งๆ' คำขู่เมื่อคืนดังก้องในหัวทั้งคู่มาหยุดตรงหน้าชายแก่ร่างท้วมคนนั้น"อา...สวัสดี คุณทัศ ผู้ยิ่งใหญ่" ชายแก่หัวเราะ เสียงดังกลบเสียงดนตรี สายตาตะกละตะกรามยังคงไม่ละไปจากลลิล"และนี่คงเป็น..." ชายแก่หันมามองลลิล ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า "ดอกไม้ที่งดงามที่สุดในคืนนี้"ชายแก่พยายามจะคุยกับลลิลโดยตรง "ไม่ทราบว่าดอกไม้นี้ ชื่ออะไร"ลลิลก้มหน้าเม้มปากแน่น ร่างบางสั่นสะท้านด้วยความกลัวจนควบคุมไม่ได้ ธนาทัศยิ้ม แต่ตาไม่ยิ้ม ร่างสูงตอบราวกับลลิลไม่มีตัวตน "เด็กคนนี้ไม่มีชื่อหรอกครับ เจ้าสัว""แต่มี 'ราคา'"คำว่า 'เจ้าสัว' ทำให้ร่างบางยิ่งสั่นสะท้าน นี่คือชายแก่ที่ร่างสูงพูดถึงในห้องทำงาน คนที่ร่างบางเกือบถูก 'ขาย' ให้"ยอดเยี

  • Legacy พันธะเถื่อนอสูรทมิฬ   บทที่ 8 : เกมที่เดิมพันด้วยชีวิต

    แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านม่านหนา ลลิลลืมตาขึ้นบนพื้นกระเบื้องที่เย็นเฉียบ ร่างกายยังคงเปลือยเปล่าใต้ชุดคลุมอาบน้ำที่ชื้นแฉะ ร่างกายปวดร้าว โดยเฉพาะความระบมช้ำ ณ จุดเร้นลับที่ถูกย่ำยีเมื่อคืน ทำให้ทุกการขยับตัวคือความทรมาน จิตใจ ว่างเปล่า'รอดแล้ว' ความคิดนั้นแวบเข้ามา 'อย่างน้อยก็ไม่ถูกขาย' ร่างบางจำคำพูดของธนาทัศได้'ฉันตกลง' แต่ความโล่งใจนั้นถูก 'ราคา' ที่ต้องจ่ายกลบจนหมดสิ้นคลิกเสียงปลดล็อกดิจิทัลดังขึ้น ตรงเวลา ลลิลสะดุ้ง แต่ไม่ได้ซ่อนตัว 'ทีมงาน' ชุดเดิม ผู้หญิงในชุดยูนิฟอร์มหน้าหุ่นยนต์สองคน ก้าวเข้ามา ครั้งนี้ ลลิล 'ไม่ต่อสู้' ร่างบางรู้แล้วว่ามันไร้ประโยชน์หญิงสาวยอมเป็น 'ตุ๊กตาไร้ชีวิต' ฝืนพยุงร่างลุกขึ้น ไม่ขัดขืน ยืนนิ่ง ปล่อยให้สายตาเย็นชาเหล่านั้นสำรวจ ปล่อยให้พวกนั้นจับร่างอาบน้ำอุ่นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่การขัดล้างที่เจ็บแสบ แต่คือการ 'บำรุง' อีกครั้งตามที่เดชสั่งโลชั่นและน้ำมันหอมราคาแพงถูกชโลมลงบนผิว เหล่าผู้รับใช้นวดวนโลชั่นอย่างเป็นกลาง ไร้อารมณ์ มือเย็นชาเหล่านั้นไม่สนใจ แม้จะต้องสัมผัสโดนรอยแดงเป็นจ้ำๆ บริเวณซอกคอและหัวไหล่ ร่องรอยความเป็นเจ้าของที่ธนาทัศขบเม้มทิ้ง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status