Se connecter“พระเจ้าช่วย นายดูดีเหมือนพวกนายแบบอะไรแบบนั้นเลย”หล่อนเบิกตากว้าง เดินเข้ามาใกล้พลางพิจารณาเขา “ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เจอนายอีก”
“ฉันก็ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เจอเธออีกเหมือนกัน...ได้ยินมาว่าย้ายไปเม็กซิโกเหรอ?”
“ก็ลือกันไปเรื่อย ฉันแค่ไปเยี่ยมญาติหลังจบไฮสคูลเท่านั้นเอง”
“มาเถอะ ให้ฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองเราเจอกันวันนี้”เธอพูดเจือหัวเราะ ผายมือไปทางตู้เบเกอรี่“น่าเสียดายที่ตอนนี้ตัวเลือกไม่มากเท่าไหร่ แต่รับอะไรดีล่ะสุดหล่อ?”
“ถ้าได้เค้กช็อกโกแลตกับโกโก้ร้อนสักแก้วจะซาบซึ้งมากเลยครับคุณผู้หญิง”เขารับไมตรีนั้นอย่างเต็มใจ เดินไปนั่งที่โต๊ะใกล้ๆ หยิบมือถือมาส่งข้อความให้อาบาดอนรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน
กลิ่นหอมๆของโกโก้ที่ลอยมาเตะจมูกทำให้ชายหนุ่มยกยิ้ม จูลล์สมกับที่ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าหญิงผู้เพียบพร้อมของโรงเรียนจริงๆ สมัยเรียนไฮสคูลด้วยกันเธอทำกิจกรรมสารพัดอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแข่งกีฬา แข่งทักษะวิชาการ แข่งร้องเพลง แข่งวาดภาพ หรือกระทั่งเชียร์ลีดเดอร์
...แต่เขาก็ไม่คิดว่ากระทั่งเบเกอรี่และเครื่องดื่มเธอก็จะทำออกมาได้น่ากินขนาดนี้ด้วย...
“ว่าแต่ตอนนี้นายทำอะไรอยู่ล่ะอัลแตร์บอย?”คำเรียกตั้งแต่สมัยไฮสคูลทำเอาเขาหลุดหัวเราะออกมา
“เธอยังจำฉายานั่นได้อีกเหรอเนี่ย?”
“ก็มันน่ารักนี่นา แถมเข้ากับชื่อนายดีด้วย”หญิงสาวยักไหล่ ยิ้มกว้าง “นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ”
อัลแตร์โคลงหัว ก่อนตอบ “ตอนนี้ฉันเป็นครูสอนวิชาวรรณกรรมอยู่โรงเรียนใกล้ๆน่ะ”
“โว้ว!”ดูเหมือนคำตอบนั้นทำเอาจูลล์รู้สึกผิดคาด หญิงสาวร้องเสียงดังก่อนหันหน้ามามองเขาคอแทบเคล็ด “โกหกน่า!”
ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอทำเอาคนมองหัวเราะ ไม่รู้ว่าท่าทางแบบนั้นหมายความว่ายังไงกันแน่ “นี่เธอจะบอกว่าฉันดูไม่เหมือนครูรึเปล่าเนี่ย?”
“เปล่าๆๆ ฉันไม่ได้ทำเสียง ‘โว้ว!’ ในแง่ลบ”เธอโบกไม้โบกมือ เดินเอาโกโกร้อนมาวางไว้บนโต๊ะให้พร้อมกับเค้กช็อกโกแลต ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามกับเขา “แต่เป็นในแง่แบบตื่นเต้นน่ะ แบบ...ฉันคิดว่าตอนนายสอนต้องดูเหมือนคนที่หลุดออกมาจากวรรณกรรมพวกนั้นแน่เลย”
“ขอบใจ แต่ฉันคงไม่ได้ดูเก่าแก่ขนาดนั้นหรอก”คนฟังหัวเราะเบาๆ ไม่ได้คิดมากกับท่าทางแบบนั้นของเจ้าหล่อนขณะใช้ส้อมตัดเค้กเข้าปาก “เฮ้ เค้กเธออร่อยสุดยอดเลย”
“ใช่มั้ยล่ะ!”จูลล์ยืดอก ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยแล้วรีบบอกเขา “แต่อันที่จริงเค้กนั่นไม่ใช่ฝีมือฉันหรอก เป็นฝีมือของเพื่อนที่ร่วมทุนด้วยกันน่ะ”
อัลแตร์พยักหน้า ยังคงจ้วงเค้กเข้าปากไม่ขาดช่วง “วันนี้เพื่อนคนนั้นไม่อยู่ร้านเหรอ? ฉันอยากจะเจอหล่อน— หรือเขาสักหน่อย... แบบว่าอยากจะชมน่ะ”
เขาเห็นจูลล์อมยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมือนรอยยิ้มปกติ... แต่ไม่ใช่รอยยิ้มประเภทที่ว่า ชั่วร้าย... เธอดูเหมือนคนที่รู้ความลับอะไรสักอย่างแค่คนเดียวแล้วกำลังมีความสุขกับความลับที่ว่าอยู่เสียมากกว่า ซึ่งดูจากสายตาของเธอแล้ว ชายหนุ่มคิดว่าเขาคงไม่อยากจะรู้ความลับที่ว่านั่นหรอก...อย่างน้อยก็เร็วๆนี้
เธอเหลือบตาหันไปมองห้องครัว ก่อนจะหันมาฉีกยิ้มตอบเขา “น่าเสียดายจัง เขาไม่อยู่น่ะ”
... ‘เขา’ สินะ...
ไม่ใช่ว่าอัลแตร์มองไม่ออกว่าเธอกำลังโกหก อันที่จริงมันเห็นได้ชัดออก แต่ถ้าเชฟคนนั้นไม่สะดวกใจออกมาเจอลูกค้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาก็ไม่อยากไปบังคับใคร “ถ้างั้นฉันขอฝากคำชมไปให้เขาได้มั้ย?”
“ได้สิ”
“คือ...เค้กนี่อร่อยมากเลย หอมช็อกโกแลตมากๆ แถมเนื้อนุ่มสุดๆ เป็นรสชาติแบบที่ฉันชอบ”เขากวาดเอาเค้กชิ้นสุดท้ายเข้าปาก กลืนลงคอแล้วก็พูดต่อทั้งรอยยิ้ม “เขาทำให้ฉันหายเหนื่อยจากงานได้เป็นปลิดทิ้งเลย ฉันจะตั้งตารอชิมเค้กอีกหลายๆแบบของเขานะ”
จูลล์ยิ้มกว้าง เธอเอื้อมมือมาตบบ่าเขา “ถ้าเขารู้ว่านายชอบเค้กฝีมือเขามากขนาดนี้คงดีใจแย่เลย”
“เป็นเกียรติมากครับ”เขายักคิ้ว ชี้นิ้วไปทางเค้กและพายอีกสี่ชิ้นที่วางอยู่ในตู้ “เค้กกับพายที่เหลืออยู่นั่นฉันขอเหมาหมดเลยก็แล้วกัน แต่พวกนั้นฉันจ่ายเอง เธอไม่ต้องเลี้ยงหรอก”
“แบบนี้ล่ะฉันถึงเชื่อได้ว่าอร่อยจริง”จูลล์คิกคัก ลุกขึ้นไปจัดแจงเอาเค้กใส่กล่อง เธอไม่เพียงแค่วางมันลงไป แต่ยังผูกมันด้วยริบบิ้นน่ารักๆ พร้อมเขียนการ์ดอวยพรเล็กๆไม่ซ้ำกันในแต่ละกล่องด้วย
อัลแตร์เลิกคิ้ว ลุกขึ้นไปมองเจ้าของร้านที่กำลังง่วนอยู่กับการวาดตัวการ์ตูนนกอินทรีหน้าตาน่ารักไว้บนกล่องใบหนึ่ง อดหัวเราะไม่ได้เมื่อดูยังไงอินทรีตัวนั้นก็สื่อถึงตัวเขาชัดๆ ไม่ว่าจะผ้าพันคอ โค้ทตัวโต หรือปีกที่ถือแก้วโกโก้ร้อนนั่นด้วย มันดูน่ารักดีในตอนที่หญิงสาวเติมแก้มแดงๆและตาประกายให้
“หัวเราะอะไรตัวโต นี่ฉันวาดให้เหมือนนายที่สุดเลยนะ”เธอหมุนกล่องมาให้เขาดูชัดๆทั้งรอยยิ้ม
“ฉันหัวเราะเพราะมันน่ารักน่า”
หญิงสาวดูจะพอใจกับคำตอบนั้น เธอหมุนกล่องกลับไปก่อนจะปั๊มตราประทับร้านสีแดงลงกลางกล่อง“แล้วมีรีเควสอยากให้ฉันเขียนอวยพรใครเป็นพิเศษมั้ย? ฉันเดาว่านายคงไม่ถึงขนาดกินเค้กกับพายทั้งหมดนี่คนเดียวหรอก”
ครูหนุ่มกลอกตาด้วยสีหน้าทะเล้น “ใครจะรู้ล่ะ ฉันอาจกินคนเดียวหมดนี่ก็ได้”ประโยคถัดมาเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทำเสียงเหมือนจะกระซิบ แต่ด้วยความดังเท่าเดิม “...ในวันเดียวด้วย”
“งั้นเชียว?”
“แน่นอน”อัลแตร์พยักหน้า “ก็อร่อยขนาดนั้นนี่นา”
หลังจากอัลแตร์จากไปพร้อมชายหน้าตาคุ้นในแว่นกันแดดสีดำ จูลล์ถึงได้หยิบเอาจานและแก้วใบเล็กไปที่หลังร้าน เพื่อที่จะพบกับไอ้หนุ่มร่างโตที่นั่งเอามือปิดหน้าอยู่คนเดียวในครัว เธอวางจานบนซิงค์แล้วหันไปมองไอ้คนไม่เอาไหนที่ทำตัวเหมือนเด็กสิบสามเพิ่งมีความรักก่อนจะถอนหายใจ “ฉันนึกว่านายมูฟออนจากเขาแล้ว” “ฉันมูฟออนแล้ว”ไลโอเนลพูดเสียงอู้อี้ ยังคงฝังหน้าอยู่ในฝ่ามือของตัวเอง จูลล์มองหูแดงๆของอีกคนแล้วย่นจมูก “นี่นายคิดว่าฉันโง่รึไงไม่ทราบ?” เธอยืนพิงอ่างล้างจาน มองเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้เริ่มส่งเสียงเหมือนบ่นอะไรสักอย่างใส่ฝ่ามือของตัวเอง อะไรสักอย่างที่ฟังดูเหมือนกับ ‘เขา... เขาดูดีกว่าตอนล่าสุดที่เจอกัน’ หรือ ‘เสียงของเขาเพราะมาก เขาต้องเป็นคุณครูในฝันของนักเรียนแน่ๆ’ และประโยคหวานเลี่ยนชวนอ้วกอีกหลายประโยคที่จูลล์ตัดสินใจจะเมินมันเสีย “ไม่อยากขัดนะ แต่นายจะจีบเขามั้ย?” มันได้ผล ลีโอเงยหน้าออกมาจากฝ่ามือตัวเอง หน้าเขาแดงเหมือนมะเขือเทศสุกอย่างที่เธอคิดเอาไว้ และพอมันมาคู่กับตาประกายวิ้งๆแล้วมันก็ดูตลกจนเธออดหัวเราะเบาๆไม่ได้ “โอเค เปลี่ยนคำถ
จูลล์ฟังแล้วก็พยายามเม้มปาก อันที่จริงมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่นักเพราะรอยยิ้มดันวาดกว้างดันแก้มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าคนทำเค้กก้อนนี้คงจะกำลังวิ่งวนอยู่ในครัวเหมือนหนูติดจั่น มองหาที่ที่ตัวเองจะซุกหัวเข้าไปหลบดาเมจรัวๆจากคุณครูหนุ่มตรงหน้านี้อยู่แหงๆ ...อยากเห็นจังเลยน้า คงจะตลกน่าดูเชียว... หลังจากพูดคุยกันได้พักหนึ่ง อัลแตร์ก็เอียงคอ บอกกับเธอว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอพอจะวาดรูปหมีใส่แว่นกันแดดได้มั้ย?” “ยังไงนะ?”เธอทวนเสียงสูง ครูหนุ่มล้วงมือเข้าในโค้ท ควานหาโทรศัพท์อยู่พักหนึ่งก็หยิบมาเปิดรูปของคนคนหนึ่งให้เธอดู “หมอนี่น่ะ สมัยไฮสคูลเธอน่าจะเคยเห็นเขาบ้าง” หญิงสาวเลิกคิ้ว เธอจะไปลืมหมอนี่ได้ยังไงกัน... ชายคนนี้เป็นผู้ชายคาแรคเตอร์จัดที่สุดคนหนึ่งที่เธอเคยได้เห็นมาคนหนึ่ง ทั้งสวมแว่นกันแดดตลอดเวลา ร่างกายใหญ่โตเหมือนยักษ์ทั้งๆที่อายุแค่สิบนิดๆ แถมยังชอบโผล่มาที่โรงเรียนทั้งๆที่ไม่ได้เรียนอยู่ที่เดียวกันอีก “อ่า...ฉันจำเขาได้”เธอพยักหน้า ทำท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจขณะถาม “เขาเป็นเพื่อนนายเหรอ?” คำถามนี้คล้ายว่าจะ
“พระเจ้าช่วย นายดูดีเหมือนพวกนายแบบอะไรแบบนั้นเลย”หล่อนเบิกตากว้าง เดินเข้ามาใกล้พลางพิจารณาเขา “ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เจอนายอีก” “ฉันก็ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เจอเธออีกเหมือนกัน...ได้ยินมาว่าย้ายไปเม็กซิโกเหรอ?” “ก็ลือกันไปเรื่อย ฉันแค่ไปเยี่ยมญาติหลังจบไฮสคูลเท่านั้นเอง” “มาเถอะ ให้ฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองเราเจอกันวันนี้”เธอพูดเจือหัวเราะ ผายมือไปทางตู้เบเกอรี่“น่าเสียดายที่ตอนนี้ตัวเลือกไม่มากเท่าไหร่ แต่รับอะไรดีล่ะสุดหล่อ?” “ถ้าได้เค้กช็อกโกแลตกับโกโก้ร้อนสักแก้วจะซาบซึ้งมากเลยครับคุณผู้หญิง”เขารับไมตรีนั้นอย่างเต็มใจ เดินไปนั่งที่โต๊ะใกล้ๆ หยิบมือถือมาส่งข้อความให้อาบาดอนรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน กลิ่นหอมๆของโกโก้ที่ลอยมาเตะจมูกทำให้ชายหนุ่มยกยิ้ม จูลล์สมกับที่ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าหญิงผู้เพียบพร้อมของโรงเรียนจริงๆ สมัยเรียนไฮสคูลด้วยกันเธอทำกิจกรรมสารพัดอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแข่งกีฬา แข่งทักษะวิชาการ แข่งร้องเพลง แข่งวาดภาพ หรือกระทั่งเชียร์ลีดเดอร์ ...แต่เขาก็ไม่คิดว่ากระทั่งเบเกอรี่และเครื่องดื่มเธอก็จะทำออกมาได้น่ากินขนาดนี้ด้วย...
อัลแตร์พ่นลมหายใจออกจมูก วันนี้เขาก็ทำตัวงี่เง่าอีกแล้ว... ชายหนุ่มมองรถยนต์ส่วนตัวที่จอดนิ่งอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เขาเป็นคนขี้ลืมมากๆ— หมายถึง...มากจริงๆ ข้อนี้หลายๆคนที่อยู่รอบตัวต่างก็รู้ดี แต่นี่มันก็ครั้งที่สามในเดือนนี้แล้วที่เขาลืมกุญแจไว้ในรถของตัวเอง จนสุดท้ายก็ต้องโทรหาอาบาดอนให้มาช่วยทั้งๆที่ก็เพิ่งสัญญากับอีกคนว่าวันนี้จะไม่โทรไปรบกวนอย่างแน่นอน มือเรียวหยิบเอามือถือมากดโทรหาเบอร์ที่ถูกปักหมุดเอาไว้ด้านบนสุดทันที ถือสายรอไม่นานนักอีกฝ่ายก็รับ ปลายสายมีเสียงตะโกนโวยวายลอดมาเป็นระยะ อัลแตร์อดกลอกตาไม่ได้ ช่วงนี้ไอ้ยักษ์นี่ดูจะชอบออกไปหาเรื่องต่อยตีกับชาวบ้านบ่อยจริงๆ ชายหนุ่มถอนหายใจพรืด วางประเด็นเรื่องไฟต์คลับผิดกฎหมายไว้ในจุดที่ลึกที่สุดของสมองแล้วรีบพูดเข้าประเด็น “ฉันลืมกุญแจไว้ในรถอีกแล้ว นายมาช่วยหน่อยสิ” [อีกแล้วเรอะ?! ฉันว่านายควรกินพวกยาบำรุงสมองบ้างนะพวก] อาบาดอนโวยวาย แต่แม้จะฮึดฮัด สุดท้ายหลังจากบ่นเขายาวเหยียดเป็นชุด คนปลายสายก็รับปากว่าจะมาช่วยอยู่ดี จากนั้นเจ้าตัวก็ตัดสายไป ไว้ซื้อขนมไถ่โทษก็แล้วกัน...







