Se connecterหลังจากอัลแตร์จากไปพร้อมชายหน้าตาคุ้นในแว่นกันแดดสีดำ จูลล์ถึงได้หยิบเอาจานและแก้วใบเล็กไปที่หลังร้าน เพื่อที่จะพบกับไอ้หนุ่มร่างโตที่นั่งเอามือปิดหน้าอยู่คนเดียวในครัว
เธอวางจานบนซิงค์แล้วหันไปมองไอ้คนไม่เอาไหนที่ทำตัวเหมือนเด็กสิบสามเพิ่งมีความรักก่อนจะถอนหายใจ “ฉันนึกว่านายมูฟออนจากเขาแล้ว” “ฉันมูฟออนแล้ว”ไลโอเนลพูดเสียงอู้อี้ ยังคงฝังหน้าอยู่ในฝ่ามือของตัวเอง จูลล์มองหูแดงๆของอีกคนแล้วย่นจมูก “นี่นายคิดว่าฉันโง่รึไงไม่ทราบ?” เธอยืนพิงอ่างล้างจาน มองเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้เริ่มส่งเสียงเหมือนบ่นอะไรสักอย่างใส่ฝ่ามือของตัวเอง อะไรสักอย่างที่ฟังดูเหมือนกับ ‘เขา... เขาดูดีกว่าตอนล่าสุดที่เจอกัน’ หรือ ‘เสียงของเขาเพราะมาก เขาต้องเป็นคุณครูในฝันของนักเรียนแน่ๆ’ และประโยคหวานเลี่ยนชวนอ้วกอีกหลายประโยคที่จูลล์ตัดสินใจจะเมินมันเสีย “ไม่อยากขัดนะ แต่นายจะจีบเขามั้ย?” มันได้ผล ลีโอเงยหน้าออกมาจากฝ่ามือตัวเอง หน้าเขาแดงเหมือนมะเขือเทศสุกอย่างที่เธอคิดเอาไว้ และพอมันมาคู่กับตาประกายวิ้งๆแล้วมันก็ดูตลกจนเธออดหัวเราะเบาๆไม่ได้ “โอเค เปลี่ยนคำถาม คราวหน้าถ้าเขามานายจะเข้าไปทักมั้ย?” คำถามนั้นทำเอาหนุ่มร่างใหญ่เม้มปาก ไหล่ห่อลง ทำท่าทางน่าสงสารจนจูลล์อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบหัวเพื่อนสนิทแรงๆ(ยอมรับว่าเธอกำลังใคร่ครวญกับตัวเองว่าอยากจะลูบหัวเขาหรือตบหัวเขากันแน่ มันถึงได้แรงจนลีโอหัวโยก) ไม่เอาน่า! กล้าๆหน่อยพ่อตัวโต” “ฉัน...!”ไลโอเนลอ้าปากจะเถียง แต่กลับกลายเป็นว่าดันกัดลิ้นตัวเองจนต้องยกมือขึ้นปิดปาก ทำเอาเพื่อนที่มองอยู่หัวเราะเสียงลั่นอย่างไม่เกรงใจ “นายทึ่มเอ๊ย!”เธอทำท่ากรีดนิ้วปาดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริง บ่นเพื่อนสนิทตัวเองอย่างไม่จริงจังนัก “นี่ ฉันพอจะเข้าใจนะว่านายประหม่า แต่การทำตัวขี้แพ้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการยอมแพ้ตั้งแต่เริ่มเลย” “แต่...แต่ไอ้หมอนั่น...”ลีโอหมายถึงเจ้าหนุ่มตัวโตสวมแว่นกันแดดตัดกับสภาพอากาศที่มารับอัลแตร์เมื่อครู่ นอกเหนือไปจากความป๊อดส่วนตัวแล้ว การที่ชายคนนั้นคอยตามติดหนุ่มผมสีอ่อนตลอดเวลาก็เป็นอีกสาเหตุที่เขาไม่กล้าเข้าหาเพราะกลัวจะกลายเป็นว่าจีบคนมีแฟนแล้ว จูลล์กลอกตา อดบีบปลายจมูกเพื่อนตัวเองด้วยความมันเขี้ยวไม่ได้ “ยังไม่ได้ถามเขาด้วยซ้ำว่าโสดรึเปล่า! อย่าเพิ่งคิดไปเองได้มั้ยเจ้าทึ่ม” ไลโอเนลอ้าปาก ทำท่าเหมือนจะเถียง แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ถอนหายใจแรงๆทีหนึ่งเหมือนคนท้อแท้ ไหล่หนาๆลู่ลง คนมองอดคิดไม่ได้ว่าช่างเหมือนกับลิตเติลเจมส์ เจ้าตูบพันธุ์บรอเดอร์คอลลี่ของเธอเวลาถูกดุเสียเหลือเกิน “โอเค”เธอถอนหายใจอีกครั้งขณะเอามือคลึงที่หว่างคิ้ว “ก่อนอื่นนายต้องลุกขึ้นจากลังนั่น นั่นของตกแต่งร้านที่ฉันต้องใช้” ชายร่างใหญ่ยอมลุกขึ้นทั้งที่ยังทำท่าทางเหมือนหูหางตก ดูหมดอาลัยตายอยากทั้งที่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ แต่จูลล์ก็ไม่ได้นำพา เธอเห็นสภาพขี้แพ้ของอดีตกัปตันชมรมอเมริกันฟุตบอลมาจนเบื่อแล้ว สิ่งที่เธอทำจึงมีเพียงแค่การรื้อเอาโคมไฟตกแต่งร้านในกล่องออกมายัดใส่มือของคนตัวสูงกว่า ก่อนจะออกคำสั่ง “เอาเจ้าพวกนี้ไปติดที่หน้าร้านให้ฉันหน่อยสิ”เจ้าหล่อนเอียงคอเมื่อเห็นว่าไลโอเนลยังคงยืนหน้าหงอย “แลกกับคราวหน้าฉันจะถามเขาให้ว่าโสดรึเปล่า” “จริงนะ!?” เหอะ เดายากเสียที่ไหน... เธอพยักหน้า พยายามปกปิดสายตาเอือมระอาของตัวเองอย่างสุดความสามารถ ยิ่งเมื่อเห็นเพื่อนตัวโตวิ่งพรวดออกจากห้องครัวไปจัดแต่งโคมไฟรูปกระต่ายด้วยท่าทางตื่นเต้นขึ้นทันตาแล้วก็หน่ายใจ เรื่องที่ไลโอเนลแอบชอบดราเวนวู้ดคนเล็กสุดไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอะไร... อย่างน้อยๆก็ในหมู่ชมรมอเมริกันฟุตบอลทุกคนก็รู้เรื่องนี้กันถ้วนหน้าแบบไม่ตกหล่น ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่ไม่มีใครทำตัวแปลกๆไปเพียงเพราะกัปตันชมรมชอบผู้ชายด้วยกัน จุดเริ่มต้นที่เพื่อนตัวโตทำตัวแปลกๆไปต่อหน้าพ่อหนุ่มประจำคลับวิจารณ์วรรณกรรมเห็นจะเป็นตอนที่พวกเขามีโอกาสได้ทำโปรเจคต์ร่วมกันอย่างวิชาวรรณกรรมพื้นฐานเมื่อเกรดสิบเอ็ด... ซึ่งต้องขอบคุณมิสวัตต์ที่สั่งรายงานวรรณกรรมคู่ ทำให้ไลโอเนลกับอัลแตร์มีโอกาสได้พูดคุยกัน... อันที่จริงจะเรียกว่าพูดคุยกันก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะส่วนมากอัลแตร์จะเป็นฝ่ายพูด และไลโอเนลจะนั่งเงียบทำหน้าถมึงทึงเหมือนคนท้องผูก มันดูตลกดีเพราะใครมองก็นึกไม่ถึงหรอกว่าหน้าตาแบบนั้นคือหน้าตาของคนที่เขินจนทำอะไรไม่ถูกน่ะ และเพราะหน้าตึงๆนั่นแหละ ทำให้ตลอดหนึ่งเดือนที่ได้เจอกัน ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่นอกจากจะไม่กระเตื้องขึ้นแล้ว ค่าความสนิทยังดิ่งลงเหวแบบที่ไม่น่าจะขุดขึ้นมาได้อีก เพราะไม่ใช่แค่ไม่ได้ชวนคุยสร้างความสนิทสนมแล้ว ไลโอเนลยังทำให้อัลแตร์เข้าใจว่าถูกเกลียดไปเสียอย่างนั้น... ...เป็นชีวิตรักที่น่าเศร้าจนแม้แต่เพื่อนๆด้วยกันยังส่ายหน้า... ที่น่าหงุดหงิดยิ่งไปกว่านั้นคือไอ้เจ้าทึ่มไลโอเนลยังไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปขอโทษและเริ่มสานสัมพันธ์ใหม่ —พูดให้ถูกคือ แค่ทำหน้าดีๆต่อหน้าดราเวนวู้ดบอย เจ้าบ้านี่ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ!หลังจากอัลแตร์จากไปพร้อมชายหน้าตาคุ้นในแว่นกันแดดสีดำ จูลล์ถึงได้หยิบเอาจานและแก้วใบเล็กไปที่หลังร้าน เพื่อที่จะพบกับไอ้หนุ่มร่างโตที่นั่งเอามือปิดหน้าอยู่คนเดียวในครัว เธอวางจานบนซิงค์แล้วหันไปมองไอ้คนไม่เอาไหนที่ทำตัวเหมือนเด็กสิบสามเพิ่งมีความรักก่อนจะถอนหายใจ “ฉันนึกว่านายมูฟออนจากเขาแล้ว” “ฉันมูฟออนแล้ว”ไลโอเนลพูดเสียงอู้อี้ ยังคงฝังหน้าอยู่ในฝ่ามือของตัวเอง จูลล์มองหูแดงๆของอีกคนแล้วย่นจมูก “นี่นายคิดว่าฉันโง่รึไงไม่ทราบ?” เธอยืนพิงอ่างล้างจาน มองเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้เริ่มส่งเสียงเหมือนบ่นอะไรสักอย่างใส่ฝ่ามือของตัวเอง อะไรสักอย่างที่ฟังดูเหมือนกับ ‘เขา... เขาดูดีกว่าตอนล่าสุดที่เจอกัน’ หรือ ‘เสียงของเขาเพราะมาก เขาต้องเป็นคุณครูในฝันของนักเรียนแน่ๆ’ และประโยคหวานเลี่ยนชวนอ้วกอีกหลายประโยคที่จูลล์ตัดสินใจจะเมินมันเสีย “ไม่อยากขัดนะ แต่นายจะจีบเขามั้ย?” มันได้ผล ลีโอเงยหน้าออกมาจากฝ่ามือตัวเอง หน้าเขาแดงเหมือนมะเขือเทศสุกอย่างที่เธอคิดเอาไว้ และพอมันมาคู่กับตาประกายวิ้งๆแล้วมันก็ดูตลกจนเธออดหัวเราะเบาๆไม่ได้ “โอเค เปลี่ยนคำถ
จูลล์ฟังแล้วก็พยายามเม้มปาก อันที่จริงมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่นักเพราะรอยยิ้มดันวาดกว้างดันแก้มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าคนทำเค้กก้อนนี้คงจะกำลังวิ่งวนอยู่ในครัวเหมือนหนูติดจั่น มองหาที่ที่ตัวเองจะซุกหัวเข้าไปหลบดาเมจรัวๆจากคุณครูหนุ่มตรงหน้านี้อยู่แหงๆ ...อยากเห็นจังเลยน้า คงจะตลกน่าดูเชียว... หลังจากพูดคุยกันได้พักหนึ่ง อัลแตร์ก็เอียงคอ บอกกับเธอว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอพอจะวาดรูปหมีใส่แว่นกันแดดได้มั้ย?” “ยังไงนะ?”เธอทวนเสียงสูง ครูหนุ่มล้วงมือเข้าในโค้ท ควานหาโทรศัพท์อยู่พักหนึ่งก็หยิบมาเปิดรูปของคนคนหนึ่งให้เธอดู “หมอนี่น่ะ สมัยไฮสคูลเธอน่าจะเคยเห็นเขาบ้าง” หญิงสาวเลิกคิ้ว เธอจะไปลืมหมอนี่ได้ยังไงกัน... ชายคนนี้เป็นผู้ชายคาแรคเตอร์จัดที่สุดคนหนึ่งที่เธอเคยได้เห็นมาคนหนึ่ง ทั้งสวมแว่นกันแดดตลอดเวลา ร่างกายใหญ่โตเหมือนยักษ์ทั้งๆที่อายุแค่สิบนิดๆ แถมยังชอบโผล่มาที่โรงเรียนทั้งๆที่ไม่ได้เรียนอยู่ที่เดียวกันอีก “อ่า...ฉันจำเขาได้”เธอพยักหน้า ทำท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจขณะถาม “เขาเป็นเพื่อนนายเหรอ?” คำถามนี้คล้ายว่าจะ
“พระเจ้าช่วย นายดูดีเหมือนพวกนายแบบอะไรแบบนั้นเลย”หล่อนเบิกตากว้าง เดินเข้ามาใกล้พลางพิจารณาเขา “ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เจอนายอีก” “ฉันก็ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เจอเธออีกเหมือนกัน...ได้ยินมาว่าย้ายไปเม็กซิโกเหรอ?” “ก็ลือกันไปเรื่อย ฉันแค่ไปเยี่ยมญาติหลังจบไฮสคูลเท่านั้นเอง” “มาเถอะ ให้ฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองเราเจอกันวันนี้”เธอพูดเจือหัวเราะ ผายมือไปทางตู้เบเกอรี่“น่าเสียดายที่ตอนนี้ตัวเลือกไม่มากเท่าไหร่ แต่รับอะไรดีล่ะสุดหล่อ?” “ถ้าได้เค้กช็อกโกแลตกับโกโก้ร้อนสักแก้วจะซาบซึ้งมากเลยครับคุณผู้หญิง”เขารับไมตรีนั้นอย่างเต็มใจ เดินไปนั่งที่โต๊ะใกล้ๆ หยิบมือถือมาส่งข้อความให้อาบาดอนรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน กลิ่นหอมๆของโกโก้ที่ลอยมาเตะจมูกทำให้ชายหนุ่มยกยิ้ม จูลล์สมกับที่ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าหญิงผู้เพียบพร้อมของโรงเรียนจริงๆ สมัยเรียนไฮสคูลด้วยกันเธอทำกิจกรรมสารพัดอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแข่งกีฬา แข่งทักษะวิชาการ แข่งร้องเพลง แข่งวาดภาพ หรือกระทั่งเชียร์ลีดเดอร์ ...แต่เขาก็ไม่คิดว่ากระทั่งเบเกอรี่และเครื่องดื่มเธอก็จะทำออกมาได้น่ากินขนาดนี้ด้วย...
อัลแตร์พ่นลมหายใจออกจมูก วันนี้เขาก็ทำตัวงี่เง่าอีกแล้ว... ชายหนุ่มมองรถยนต์ส่วนตัวที่จอดนิ่งอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เขาเป็นคนขี้ลืมมากๆ— หมายถึง...มากจริงๆ ข้อนี้หลายๆคนที่อยู่รอบตัวต่างก็รู้ดี แต่นี่มันก็ครั้งที่สามในเดือนนี้แล้วที่เขาลืมกุญแจไว้ในรถของตัวเอง จนสุดท้ายก็ต้องโทรหาอาบาดอนให้มาช่วยทั้งๆที่ก็เพิ่งสัญญากับอีกคนว่าวันนี้จะไม่โทรไปรบกวนอย่างแน่นอน มือเรียวหยิบเอามือถือมากดโทรหาเบอร์ที่ถูกปักหมุดเอาไว้ด้านบนสุดทันที ถือสายรอไม่นานนักอีกฝ่ายก็รับ ปลายสายมีเสียงตะโกนโวยวายลอดมาเป็นระยะ อัลแตร์อดกลอกตาไม่ได้ ช่วงนี้ไอ้ยักษ์นี่ดูจะชอบออกไปหาเรื่องต่อยตีกับชาวบ้านบ่อยจริงๆ ชายหนุ่มถอนหายใจพรืด วางประเด็นเรื่องไฟต์คลับผิดกฎหมายไว้ในจุดที่ลึกที่สุดของสมองแล้วรีบพูดเข้าประเด็น “ฉันลืมกุญแจไว้ในรถอีกแล้ว นายมาช่วยหน่อยสิ” [อีกแล้วเรอะ?! ฉันว่านายควรกินพวกยาบำรุงสมองบ้างนะพวก] อาบาดอนโวยวาย แต่แม้จะฮึดฮัด สุดท้ายหลังจากบ่นเขายาวเหยียดเป็นชุด คนปลายสายก็รับปากว่าจะมาช่วยอยู่ดี จากนั้นเจ้าตัวก็ตัดสายไป ไว้ซื้อขนมไถ่โทษก็แล้วกัน...





![[Unlimited Money] ระบบเงินทุนไร้ขีดจำกัด](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

