Share

1-3

Auteur: Pierrepie
last update Dernière mise à jour: 2025-09-30 02:19:22

       จูลล์ฟังแล้วก็พยายามเม้มปาก อันที่จริงมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่นักเพราะรอยยิ้มดันวาดกว้างดันแก้มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าคนทำเค้กก้อนนี้คงจะกำลังวิ่งวนอยู่ในครัวเหมือนหนูติดจั่น มองหาที่ที่ตัวเองจะซุกหัวเข้าไปหลบดาเมจรัวๆจากคุณครูหนุ่มตรงหน้านี้อยู่แหงๆ

       ...อยากเห็นจังเลยน้า คงจะตลกน่าดูเชียว...

       หลังจากพูดคุยกันได้พักหนึ่ง อัลแตร์ก็เอียงคอ บอกกับเธอว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอพอจะวาดรูปหมีใส่แว่นกันแดดได้มั้ย?”

       “ยังไงนะ?”เธอทวนเสียงสูง

       ครูหนุ่มล้วงมือเข้าในโค้ท ควานหาโทรศัพท์อยู่พักหนึ่งก็หยิบมาเปิดรูปของคนคนหนึ่งให้เธอดู “หมอนี่น่ะ สมัยไฮสคูลเธอน่าจะเคยเห็นเขาบ้าง”

       หญิงสาวเลิกคิ้ว เธอจะไปลืมหมอนี่ได้ยังไงกัน...

       ชายคนนี้เป็นผู้ชายคาแรคเตอร์จัดที่สุดคนหนึ่งที่เธอเคยได้เห็นมาคนหนึ่ง ทั้งสวมแว่นกันแดดตลอดเวลา ร่างกายใหญ่โตเหมือนยักษ์ทั้งๆที่อายุแค่สิบนิดๆ  แถมยังชอบโผล่มาที่โรงเรียนทั้งๆที่ไม่ได้เรียนอยู่ที่เดียวกันอีก

       “อ่า...ฉันจำเขาได้”เธอพยักหน้า ทำท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจขณะถาม “เขาเป็นเพื่อนนายเหรอ?”

       คำถามนี้คล้ายว่าจะตอบค่อนข้างยากสำหรับอัลแตร์ หลังจากเห็นว่าอีกคนเงียบไปพักใหญ่ จูลล์ที่ครู่เดียวก็วาดหมีตัวโตใส่แว่นกันแดดและสวมแจ็กเกตให้จนเสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นมอง เธอเห็นเพื่อนเก่ายังคงมีท่าทางอ้ำอึ้งก็ถามต่อ

       “อธิบายยากขนาดนั้นเชียว?”คนถูกถามกึ่งแซวหัวเราะ ยกมือขึ้นถูหลังคอตัวเองก่อนจะตอบแกนๆ

       “ก็ไม่หรอก”เสียงของเขาแผ่วลงเล็กน้อย “คำตอบก็เหมือนที่ฉันเคยบอกเธอตอนนั้นนั่นล่ะ...เขาเป็นเหมือนน้องชายที่ฉันต้องคอยดูแล”

       “น้องชาย?”หญิงสาวทวนคำ “ฉันนึกว่านายมีแค่พี่ชายหกคนเท่านั้นซะอีก”

       อัลแตร์หัวเราะ มือยกขึ้นถูจมูกแก้เก้อ

       อันที่จริงเรื่องของสมาชิกในครอบครัวที่มีเยอะจนน่าชวนไปออกสถิติกินเนสบุ๊คนี่ไม่ใช่ความลับอะไรในหมู่เพื่อนๆสมัยไฮสคูล มันแทบจะเป็นสิ่งแรกที่โผล่เข้ามาในหัวเมื่อมีคนพูดถึงอัลแตร์ ดราเวนวู้ด ไอ้เด็กหัวขาวประจำคลับวิจารณ์หนังที่มักเจอหน้าได้บ่อยๆในวิชาเรียนระดับสูง

       ถึงแม้จะไม่ได้อยากชินเรื่องนี้ แต่การมีคนเดินมาทักว่า ‘ดราเวนวู้ด? นี่นายคนที่เท่าไหร่เนี่ย?’ ก็เกือบจะกลายเป็นสิ่งที่เขาเจอแทบจะทุกครั้งที่เข้าวิชาเรียนใหม่ในแต่ละเทอมไปโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้

             ...ก็สมาชิกในบ้านเกือบทุกคนดันเรียนโรงเรียนเดียวกันหมดเลยนี่นะ...

       “ฉันกับเขาอายุเท่ากันน่า แต่บ้านเราอยู่ใกล้กัน”เขามองกล่องอื่นๆที่ถูกวาดเป็นพี่ชายของเขาเท่าที่จูลล์พอจะเคยเจอบ้างและจำได้ “โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กๆเลยล่ะ...ก็เลยสนิทกัน”

       “ว้าว นายนี่เข้าใจคบเพื่อนนะเนี่ย”หญิงสาวอดแซวไม่ได้ “เขาตัวใหญ่ยิ่งกว่าพวกนักกีฬาโรงเรียนซะอีก”

       “แบบนั้นสิดี จะได้ไม่มีใครกล้ามาแกล้งฉัน”ครูหนุ่มโคลงหัว อดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องเก่าๆสมัยเรียน ถามต่อ “จะว่าไปเพื่อนๆเธอในชมรม—”

       กริ๊ง!

       “แกหาตัวยากชะมัด”

       เสียงกระดิ่งจากประตูดังขัดบทสนทนาขึ้นกลางปล้องเมื่อจู่ๆก็มีชายร่างใหญ่เปิดประตูพรวดเข้ามาในร้านด้วยท่าทางรีบร้อน...ออกจะดูหยาบคายมากกว่า

       จูลล์ฉีกยิ้มกว้างจนตาปิดแม้จะเริ่มเดาตัวตนของชายที่ยืนบ่นอยู่หน้าประตูด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงลงท้ายหนักเหมือนคนเยอรมันได้ว่าเป็นใคร เธอไม่มีทางลืมคนที่สูงเกือบสองเมตร— ไม่ ตอนนี้เขาน่าจะสูงเลยสองเมตรไปนิดหน่อยด้วยซ้ำ แน่นอนว่าผมสีส้มแดงและแว่นกันแดดสีดำสนิทบนหน้านั่นเธอก็ไม่ลืมเหมือนกัน

       “ยินดีต้อนรับค่ะ”เธอว่า ระหว่างนั้นมือก็จัดแจงผูกโบว์กล่องสุดท้ายจนเสร็จ “ฉันเดาว่าคุณคงเป็นเพื่อนของอัลแตร์ใช่มั้ยคะ?”

       ชายในแจ็กเกตหนังสีดำไม่ได้ส่งเสียงตอบเธอ เขาแค่พยักหน้าให้ เดินเข้ามาใกล้จนชิดติดหลังคุณครูหนุ่มที่ตอนนี้ดูตัวเล็กไปถนัดตาเมื่อเทียบกับร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของชายสวมแว่นกันแดด

       “...ซื้อแต่ของหวาน”ในทีแรกจูลล์เกือบฟังไม่ออกว่าชายหนุ่มพูดอะไร แต่หลังจากพยายามทำตัวให้ชินกับสำเนียงแล้วเธอก็พอจะเดาบทสนทนาของทั้งคู่ได้

       “นายชอบของหวาน”อัลแตร์รับถุงกระดาษจากมือเธอ ยื่นเงินให้ก่อนฉีกยิ้มหวานพร้อมบอกว่าคราวหน้าจะเป็นฝ่ายพาเธอไปเลี้ยงที่ร้านอาหารโปรดของเขาบ้าง “มีเค้กช็อคโกแลตกับฟรุตเค้กด้วยนะ”

       “นี่แกกำลังไถ่โทษเรอะ?”

       “แล้วหายโกรธรึเปล่าล่ะ? ไม่เอาน่าตัวโต นายเป็นคนเดียวที่ฉันพึ่งได้นะ ฉันก็แค่...”

       จูลล์ได้แต่โบกมือลาคนทั้งสองขณะที่เพื่อนเก่าถูกแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามดึงออกไปจากร้าน...(ออกจะเหมือนกับการกระชากเสียมากกว่าในสายตาเธอ) ก่อนจะเดินอ้อมจากเคาท์เตอร์ไปล็อกประตูและพลิกป้ายร้านจากเปิดเป็นปิด

       ตลกดีที่วันนี้เธอไม่ใช่แค่เจอเพื่อนเก่า แต่ยังได้เจอชายปริศนาท่าทางน่ากลัวที่ทำท่าทางเหมือนคุกคามเจ้าตัวตลอดหลายปีที่รู้จักกันสมัยเรียนอีกด้วย

       แม้จะเสียดายเรื่องไม่ได้ถามถึงเรื่องสำคัญจากอัลแตร์ แต่เพราะชายหนุ่มบอกว่าเขาสอนประจำอยู่ที่โรงเรียนใกล้ๆ เธอจึงไม่ได้รู้สึกแย่ขนาดนั้น ในเมื่อยังไงพวกเขาก็คงมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งแน่

       ...เสียก็แต่ปัญหาใหญ่ในห้องครัวหลังร้านนั่น...

...

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • Love & Brew #กาแฟและผงเฟย์   2-1

    หลังจากอัลแตร์จากไปพร้อมชายหน้าตาคุ้นในแว่นกันแดดสีดำ จูลล์ถึงได้หยิบเอาจานและแก้วใบเล็กไปที่หลังร้าน เพื่อที่จะพบกับไอ้หนุ่มร่างโตที่นั่งเอามือปิดหน้าอยู่คนเดียวในครัว เธอวางจานบนซิงค์แล้วหันไปมองไอ้คนไม่เอาไหนที่ทำตัวเหมือนเด็กสิบสามเพิ่งมีความรักก่อนจะถอนหายใจ “ฉันนึกว่านายมูฟออนจากเขาแล้ว” “ฉันมูฟออนแล้ว”ไลโอเนลพูดเสียงอู้อี้ ยังคงฝังหน้าอยู่ในฝ่ามือของตัวเอง จูลล์มองหูแดงๆของอีกคนแล้วย่นจมูก “นี่นายคิดว่าฉันโง่รึไงไม่ทราบ?” เธอยืนพิงอ่างล้างจาน มองเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้เริ่มส่งเสียงเหมือนบ่นอะไรสักอย่างใส่ฝ่ามือของตัวเอง อะไรสักอย่างที่ฟังดูเหมือนกับ ‘เขา... เขาดูดีกว่าตอนล่าสุดที่เจอกัน’ หรือ ‘เสียงของเขาเพราะมาก เขาต้องเป็นคุณครูในฝันของนักเรียนแน่ๆ’ และประโยคหวานเลี่ยนชวนอ้วกอีกหลายประโยคที่จูลล์ตัดสินใจจะเมินมันเสีย “ไม่อยากขัดนะ แต่นายจะจีบเขามั้ย?” มันได้ผล ลีโอเงยหน้าออกมาจากฝ่ามือตัวเอง หน้าเขาแดงเหมือนมะเขือเทศสุกอย่างที่เธอคิดเอาไว้ และพอมันมาคู่กับตาประกายวิ้งๆแล้วมันก็ดูตลกจนเธออดหัวเราะเบาๆไม่ได้ “โอเค เปลี่ยนคำถ

  • Love & Brew #กาแฟและผงเฟย์   1-3

    จูลล์ฟังแล้วก็พยายามเม้มปาก อันที่จริงมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่นักเพราะรอยยิ้มดันวาดกว้างดันแก้มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าคนทำเค้กก้อนนี้คงจะกำลังวิ่งวนอยู่ในครัวเหมือนหนูติดจั่น มองหาที่ที่ตัวเองจะซุกหัวเข้าไปหลบดาเมจรัวๆจากคุณครูหนุ่มตรงหน้านี้อยู่แหงๆ ...อยากเห็นจังเลยน้า คงจะตลกน่าดูเชียว... หลังจากพูดคุยกันได้พักหนึ่ง อัลแตร์ก็เอียงคอ บอกกับเธอว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอพอจะวาดรูปหมีใส่แว่นกันแดดได้มั้ย?” “ยังไงนะ?”เธอทวนเสียงสูง ครูหนุ่มล้วงมือเข้าในโค้ท ควานหาโทรศัพท์อยู่พักหนึ่งก็หยิบมาเปิดรูปของคนคนหนึ่งให้เธอดู “หมอนี่น่ะ สมัยไฮสคูลเธอน่าจะเคยเห็นเขาบ้าง” หญิงสาวเลิกคิ้ว เธอจะไปลืมหมอนี่ได้ยังไงกัน... ชายคนนี้เป็นผู้ชายคาแรคเตอร์จัดที่สุดคนหนึ่งที่เธอเคยได้เห็นมาคนหนึ่ง ทั้งสวมแว่นกันแดดตลอดเวลา ร่างกายใหญ่โตเหมือนยักษ์ทั้งๆที่อายุแค่สิบนิดๆ แถมยังชอบโผล่มาที่โรงเรียนทั้งๆที่ไม่ได้เรียนอยู่ที่เดียวกันอีก “อ่า...ฉันจำเขาได้”เธอพยักหน้า ทำท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจขณะถาม “เขาเป็นเพื่อนนายเหรอ?” คำถามนี้คล้ายว่าจะ

  • Love & Brew #กาแฟและผงเฟย์   1-2

    “พระเจ้าช่วย นายดูดีเหมือนพวกนายแบบอะไรแบบนั้นเลย”หล่อนเบิกตากว้าง เดินเข้ามาใกล้พลางพิจารณาเขา “ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เจอนายอีก” “ฉันก็ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เจอเธออีกเหมือนกัน...ได้ยินมาว่าย้ายไปเม็กซิโกเหรอ?” “ก็ลือกันไปเรื่อย ฉันแค่ไปเยี่ยมญาติหลังจบไฮสคูลเท่านั้นเอง” “มาเถอะ ให้ฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองเราเจอกันวันนี้”เธอพูดเจือหัวเราะ ผายมือไปทางตู้เบเกอรี่“น่าเสียดายที่ตอนนี้ตัวเลือกไม่มากเท่าไหร่ แต่รับอะไรดีล่ะสุดหล่อ?” “ถ้าได้เค้กช็อกโกแลตกับโกโก้ร้อนสักแก้วจะซาบซึ้งมากเลยครับคุณผู้หญิง”เขารับไมตรีนั้นอย่างเต็มใจ เดินไปนั่งที่โต๊ะใกล้ๆ หยิบมือถือมาส่งข้อความให้อาบาดอนรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน กลิ่นหอมๆของโกโก้ที่ลอยมาเตะจมูกทำให้ชายหนุ่มยกยิ้ม จูลล์สมกับที่ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าหญิงผู้เพียบพร้อมของโรงเรียนจริงๆ สมัยเรียนไฮสคูลด้วยกันเธอทำกิจกรรมสารพัดอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแข่งกีฬา แข่งทักษะวิชาการ แข่งร้องเพลง แข่งวาดภาพ หรือกระทั่งเชียร์ลีดเดอร์ ...แต่เขาก็ไม่คิดว่ากระทั่งเบเกอรี่และเครื่องดื่มเธอก็จะทำออกมาได้น่ากินขนาดนี้ด้วย...

  • Love & Brew #กาแฟและผงเฟย์   1-1

    อัลแตร์พ่นลมหายใจออกจมูก วันนี้เขาก็ทำตัวงี่เง่าอีกแล้ว... ชายหนุ่มมองรถยนต์ส่วนตัวที่จอดนิ่งอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เขาเป็นคนขี้ลืมมากๆ— หมายถึง...มากจริงๆ ข้อนี้หลายๆคนที่อยู่รอบตัวต่างก็รู้ดี แต่นี่มันก็ครั้งที่สามในเดือนนี้แล้วที่เขาลืมกุญแจไว้ในรถของตัวเอง จนสุดท้ายก็ต้องโทรหาอาบาดอนให้มาช่วยทั้งๆที่ก็เพิ่งสัญญากับอีกคนว่าวันนี้จะไม่โทรไปรบกวนอย่างแน่นอน มือเรียวหยิบเอามือถือมากดโทรหาเบอร์ที่ถูกปักหมุดเอาไว้ด้านบนสุดทันที ถือสายรอไม่นานนักอีกฝ่ายก็รับ ปลายสายมีเสียงตะโกนโวยวายลอดมาเป็นระยะ อัลแตร์อดกลอกตาไม่ได้ ช่วงนี้ไอ้ยักษ์นี่ดูจะชอบออกไปหาเรื่องต่อยตีกับชาวบ้านบ่อยจริงๆ ชายหนุ่มถอนหายใจพรืด วางประเด็นเรื่องไฟต์คลับผิดกฎหมายไว้ในจุดที่ลึกที่สุดของสมองแล้วรีบพูดเข้าประเด็น “ฉันลืมกุญแจไว้ในรถอีกแล้ว นายมาช่วยหน่อยสิ” [อีกแล้วเรอะ?! ฉันว่านายควรกินพวกยาบำรุงสมองบ้างนะพวก] อาบาดอนโวยวาย แต่แม้จะฮึดฮัด สุดท้ายหลังจากบ่นเขายาวเหยียดเป็นชุด คนปลายสายก็รับปากว่าจะมาช่วยอยู่ดี จากนั้นเจ้าตัวก็ตัดสายไป ไว้ซื้อขนมไถ่โทษก็แล้วกัน...

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status